กลอนคิดถึง

แด่...ดอกไม้ในวันโน้น

เปลวเพลิง


เราหยิบยื่นมอบดอกไม้ในวันโน้น
ดวงตาโชนประกายฝันอันเฉิดฉาย
เราจะเป็นเพื่อนกันจนวันตาย
คอยคลี่คลายทุกข์นานาที่ราวี
แย้มรอยยิ้มหยาดเยิ้มเติมดวงจิต
ใช้ชีวิตร่วมทางไม่ห่างหนี
ในมือสองที่ถือคือไมตรี
จะไม่มีโรยร้างจางหายไป
ฉันยังเก็บดอกไม้ในวันนั้น
ปลุกปลอบขวัญยามยาตราฝ่าไศล
ทุกกลีบ สี ผลิสะพรั่งพลังใจ
ให้จิตไม่หงอยเหงา เศร้า เอกา
เธอเล่าเก็บดอกไม้ไว้หรือไม่
ดอกไม้ในวัยวันที่ฝันหา
วันโน้นมีน้ำค้างพร่างมาลา
วันนี้ร้างโรยราแล้วหรือยัง
เพื่อนจ๋า
คิดถึงวันเวลาแต่หนหลัง
หมายดอกไม้ไมตรีงามจีรัง
จวบกระทั่งอนาคตคดเคี้ยวไกล
ดอกไม้เราบานไสวในวันนี้
พร้อมกับมีน้ำค้างพร่างไสว
แต่ถ้าหากหมางเมินกัน ณ วันใด
เราอาจพบดอกไม้ฟายน้ำตา

เธอว่าความรักมีปีกไหม

ก้าวที่...กล้า


เธอว่าความรักมีปีกไหม
แล้วมันจะบินไกลถึงไหนหนอ
หรือบินมาบินไป-ให้ใครรอ
จนย่ำเย็นตะวันทอแล้วเลือนราง
เธอว่าความคิดถึงจะถึงไหม
เมื่อฉันส่งแรงใจไสวสว่าง
ไปในความมืดมิดทุกทิศทาง
หรือรุ่งเช้าหมอกจางก็ห่างหาย
เธอว่า เธอว่าไหม
ความคิดถึงพัดใบไม้ไม่ใช่ง่าย
ความรักแน่นเหนียวยังเดียวดาย
ผู้คนมากมายคล้ายคล้ายกัน
.
.
เธอว่าความรักมีปีกไหม
จะบินมาบินไปให้ไหวหวั่น
หรือว่าจะหลุบปีกอยู่ตรงนั้น
ให้ความจริงความฝันมันนิ่งนาน

อำนาจแห่งความคิดถึง...

คีตากะ


รอยยิ้มนั้นบาดใจหวั่นไหวจิต
อาจพิชิตกองทัพนับหมื่นแสน
ดวงพักตร์ดั่งเทพธิดาฟ้าเมืองแมน
ชายทั่วแดนลุ่มหลงอนงค์นาง
เธอปรากฏเบื้องหน้าพาคลุ้มคลั่ง
ยากยิ่งหยั่งดวงจิตคิดสะสาง
ฟากฟ้าใดส่งมาพาเลือนราง
สบเนตรนางความหมองล่องมลาย
รอยยิ้มฝากรอยใจให้คิดถึง
สุดตราตรึงภาพเธอละเมอฉาย
ยังปรากฏกลางทรวงมิล่วงคลาย
พาวุ่นวายยิ่งนักสุดจักปาน
มาตรแม้นมิสบหน้าเพียงคราหนึ่ง
พาคิดถึงร่ำไปให้ร้าวฉาน
เพ้อรำพึงถึงเธอเหม่อวิญญาณ
จนการงานมิอาจทำเฝ้าคำนึง
เธอมีจริงสิ่งลวงฤาสรวงสร้าง
ยากปล่อยวางอำนาจความคิดถึง
จะอยู่ไกลเพียงใดใจรำพึง
ยังตราตรึงยิ้มนั้น...ฝันละเมอ....

คิดถุง..จุงเบย..

มวลภมร


นั่งหน้าจอ รอภิรมย์ ชมเฟชบุค
เพื่อคลายทุกข์ หลีกหนี ความสับสน
ส่องเฟซโน้น เฟชนี้ ทีละคน
คลายกังวล ชมไป จิบกาแฟ
ส่องเฟชบุค คนสวย ในวัยใส
เธอกดไลท์ บ่อยครั้ง ช่างดีแท้
มีโพสบ้าง เม้นท์บ่อย แถมคอยแชร์
คอยดูแล ทักทาย ห่วงใยกัน
แม้รูปเธอ นั้นเสริม เติมด้วยแอฟ
ถึงสวยแบบ แต่งมา อย่าได้หวั่น
แอฟเธอสวย แอฟฉันเลิศ ไม่แพ้กัน
ตกแต่งกัน สร้างฝัน  ผ่านออนไลน์
โลกความฝัน สร้างสวรรค์ ในอากาศ
อย่าได้ขาด สติ ยึดมั่นไว้
โลกความจริง ตัวเรา นั้นเป็นใคร
มัวออนไลน์ จนกลาย เป็นหลงจอ
ลองเงยหน้า ขึ้นมา จากไอแพด
แล้วซาร์ตแบต ให้คน ข้างกายหนอ
มัวหันหลัง คุยกัน ผ่านหน้าจอ
ลืมคนรอ กอดรัก จากกายเธอ
ลองไหมล่ะ หันหน้า วางมือถือ
ข้างหน้าคือ คนที่อยู่ ข้างเสมอ
ถึงออฟไลน์ แต่กาย ไม่ห่างเธอ
หลับละเมอ ว่าคิด ถุงจุงเบย
...14:11:55...20:40..

คิดถึงจัง

คนกรุงศรี


คิดถึงจัง คนดี ที่ปลายฟ้า
ชะแง้หา คราใด จะได้เห็น
เฝ้าคอยคอย คอยเขา ทุกเช้าเย็น
เหมือนคนเป็น บ้าใบ้ ใจร้าวรอน
คิดถึงจัง คนดี ที่ปลายรุ้ง
ยังหมายมุ่ง เฝ้าฝัน เช่นวันก่อน
เพียรบอกฝาก จากใจ ใส่บทกลอน
มาเว้าวอน ถามหา คราเหงาใจ
คิดถึงจัง คนดี ที่เราห่วง
คอยถามทวง สุขี มีทุกข์ไหม
เฝ้าคิดคิด คิดถึง จึงห่วงใย
เธอรู้ไหม ใครเล่า ที่เขาคอย
คิดถึงจัง คนดี ที่ถวิล
บอกฟ้าดิน นี่เรา นั้นเหงาหงอย
เฝ้ามองมอง มองหา นั่งตาลอย
คงเศร้าสร้อย ซบดิน จวบสิ้นใจ

ไม่มีวันไหนที่ไม่รักเธอ

กระต่ายใต้เงาจันทร์


หวังว่าความคิดถึงจักสอนให้เหี้ยมหาญ
จะรู้จักเก็บไว้ดังใจหมาย
แม้ความรักหักห่างร้างแรมไกล
แต่ในความห่วงใยยังไม่คลาย
หวังว่าหวังที่หวัง จะยังไหว
หวังหัวใจ ยังเข้าใจในความหมาย
หวังรู้สึก จะรู้สึก ไม่นึกคลาย
หวังจะได้พบกันวันฟ้างาม
เมื่อยังมีหวัง ก็มีหวัง
การรอคอยเหมือนพลังเฝ้ารอถาม
ข้ามเส้นโค้งขอบฟ้าที่งดงาม
หรือว่าความ รักแท้ ไม่แม้มี
ฤา เป็นเพียงสิ่งสมมุติที่หยุดทัก
เหมือนผีเสื้อบินทักหลงแสงสี
ทุกๆห้วงช่วงเสี้ยวเศษนาที
มิอาจหยุดสักนาที ที่รักเธอ
หวังจักสอนหัวใจให้เหี้ยมหาญ
ตั้งเป็นแน่วแน่ปฎิธานกังวานไหว
ว่าจะรัก จะรอ เช่นนี้ เสมอไป
จนลมหายใจสุดท้าย...รอเธอทั้งน้ำตา

ดีหาย..ร้ายห่าง

แก้วประภัสสร


คนดีก็มาห่างหาย
คนร้ายก็มาหลบหนี
แล้วเหลืออะไรคราวนี้
ทั้งดีทั้งร้ายหายเลย
เหลือแต่คนรวยสวยโหด
อยู่เดียวเปลี่ยวโฉดนี่เอ๋ย
เหงานักจักหาคำเปรย
อยากเอ่ยกู่ร้องก้องลาน
คิดถึงซึ่งวันก่อนเก่า
เยือนเหย้าเฝ้าแม้ฝาบ้าน
ยังมีคนเคาะเกราะกานท์
เป็นแหล่งสำราญรวมใจ
วันนี้ทุกคนดูนิ่ง
ไม่ติงจนฉันหวั่นไหว
เพื่อนจบแค่นี้หรือไร
หมดใจกันแล้วหรือมี ?

ใครเล่า เราคอย

คนกรุงศรี


เมื่อใจเหงา เราเอ๋ย นั่งเฉยนิ่ง
มิสุงสิง กับใคร เหมือนไหม้หมอง
คิดถึงคน อยู่ไกล ที่ใฝ่ปอง
เคยเคียงครอง สองเรา ว่าเข้าใจเมื่อคืนก่อน ตอนวัน ที่จันทร์ผอม
เอาแขนอ้อม โอบเจ้า รั้งเข้าใกล้
ยังชวนชี้ ชมจันทร์ อันอำไพ
แล้วลาไป ปล่อยเรา หยอกเย้ากันค่ำนี้จันทร์ นั้นดับ ลับไปแล้ว
ลมเหนือแผ่ว โชยมา พาหนาวสั่น
มิเพียงกาย ใจเล่า หนาวอนันต์
เธอคนนั้น อยู่ไหน ให้เราคอยอยากจะกู่ ก้องฟ้า ว่าคิดถึง
หวังวันหนึ่ง ตัวเรา คลายเศร้าสร้อย
คืนนี้ฝาก คำฟ้า พาล่องลอย
แต่กลับหงอย เหมือนว่า มิปรานีดาวกระพริบ หยิบไหว คล้ายเย้ยยั่ว
ฟ้ามืดมัว พาเรา เหงาเหลือที่
ขลุ่ยบรรเลง เพลงเศร้า ร้าวฤดี
ฟังดนตรี ใครครวญ รัญจวนจริง
ก็แล้วใคร ไหนหนอ เรารออยู่
เธอจะรู้ ไหมเล่า เจ้ายอดหญิง
ลืมความอุ่น เคยแนบ ครั้งแอบอิง
ฤๅเจ้าทิ้ง คำว่า... สัญญากัน
คนกรุงศรี ฯ
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา

นี่ก็หายไป

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์


นั่งคิดถึงจิตรำพันทะเลใจ
ต่างก็ไปเลี้ยงลูกเหมือนถูกขัง
ต้องเหินห่างบ้านกลอนก่อนเคยดัง
กลับหยุดยั้งสำนวนเคยป่วนใจ
สมัยก่อนสู้ศึกคึกคะนอง
หญิงผยองดาบแกว่งไกวเปลได้
ถึงกาลนี้เลี้ยงลูกผูกเปลไกว
หมดโอกาศทำอะไรที่เคยทำ
ขอเรียกร้องสิทธิ์สตรีให้มีอยู่
ถึงมีคู่รักษาไว้ให้เลิศล้ำ
เคยออดอ้อนบทกลอนเป็นประจำ
อย่าเก็บงำความรู้สึกเคยฝึกปรือ
คนที่บ้านห้ามปรามอย่างคร้ามเกรง
เรื่องแข็งขืนหญิงเก่งไม่ใช่หรือ
คนเขารออ่านกลอนวอนฟื้นรื้อ
อยากเห็นชื่อจิตรำพันทะเลใจ...

เธอหายไปไหน ?

แทนคุณแทนไท


วันนี้เสี่ยง ถ้อยรสพจน์มามอบ
เป็นเพราะรักเพราะชอบไม่ใช่หรือ
ฉันเกรงการเป็นดังคำคนลือ
จะสิ้นชื่อแล้วหนาบ้านกลอนไทย
เห็นสหาย หายหน้าแล้วใจหาย
มีแต่เพียงสร้อยสายระบายไว้-
-คนสร้างฝันวันนั้นเคยหวั่นใจ
วันนี้ไยจากไกลเหมือนไม่มี
เพื่อนเอ๋ย
ถิ่นนี้เคยปลอบปลุกทุกส่วนศรี
ฉันคอยเธอกลับมานะคนดี
ทั้งหมดนี้ฉันพิสูจน์พูดจากใจ
คิดถึงเธอ
ฉันพกเพ้อละเลอหาเหมือนบ้าใบ้
นิทานในหุบเขาฝนโปรยไพร
ยังจำกันได้ไหม คนใจดำ
ฉันกล่าวคำเช่นนี้ใช่ดีหนา
ทุกคำว่า เธอให้ก็ใจส่ำ
ฉันหยาบคายเธอล้ำในน้ำคำ
และระยำ เอ่ยได้ไม่อายนา
ถ้าผ่านมาอย่าหาว่าทวงถาม
แค่คิดห้ามใจยากลำบากหนา
เมื่อคืนนี้ฝนตกมาจากฟ้า
เช้าขึ้นมามิรู้ลาไปเมื่อใด
เหลือเม็ดฝนที่หล้นจากบนฟ้า
เหลือฝันเคยสวยกว่า ฝันครั้งไหน
เหลือจอกเหล้า จิบจอกเคยหยอกใจ
เหลือเพียงรอยอาลัยในไมตรี
จากวันนั้น มาวันนี้ ที่ว่างเปล่า
ฉันเงียบเหงาอ้างว้างอย่างเหลือที่
โลกนี้ช่าง ต่างแตก แปลกสิ้นดี
ทุกส่วนศรี เคยมีไม่เหลือเงา
ไม่เป็นไรวันนี้ไม่มีแล้ว
มณีแก้วแววใสในวันเก่า
มีแต่เพียงคำมั่นอันอ่อนเยาว์
ของคนเขลา เบาสติดำหริลวง
"เธอจากไปไหนหน่อยคอยชะแง้
เหมือนอกแม่ห่วงบุตรที่สุดหวง
บรรดาอันตรายใดประดาปวง
จริตห่วง นักหนานิจจาใจ"
อย่าถาม...
ว่า "มิตรภาพ" นั้นงดงามสักเพียงไหน
แม้บางสิ่งจะหมุนผ่านตามกาลไป
แต่ "รู้สึก" ในหัวใจยัง "คงเดิม"..
วันนี้เสี่ยง ถ้อยรสพจน์มามอบ
มิหวังได้คำตอบอะไรเพิ่ม

จากใจแม่ถึงลูก

อนงค์...นาง


คิดถึงลูกพิมน้อยกลอยใจขวัญ
ทุกคืนวันแม่ห่วงดวงสมร
ทำงานหนักหรือเปล่าเจ้างามงอน
เอื้ออาทรปราณีมีเมตตา
แม่เคยไปเยี่ยมพิมกอดอิ่มอุ่น
เมตตาจุนเจือรักเป็นนักหนา
ขยันงานเพื่อลูกผูกพันมา
หลายปีกว่าเติบใหญ่ภูมิใจนวล
ขอคุณงามความดีที่ลูกสร้าง
คุ้มครองกลางดวงใจไม่กำสรวล
หนักแน่นดั่งแผ่นผาอย่าเรรวน
กิเลสชวนตกต่ำอย่าทำไป
แม่อยากให้ใกล้กายพอหายห่วง
ลูกคือดวงใจภักดิ์รักผ่องใส
ขอให้ลูกทำดีมีน้ำใจ
เผื่อแผ่ให้สังคมสมเกิดมา
กลางเดือนหน้าลูกพิมจะได้กลับบ้านค่ะ ลูกฝนอยู่กับพ่อแม่ทุกวัน พ่อแม่รักลูกเท่ากันค่ะ
ลูกบอกว่ามีความสุขกับงานสอนวิชาlabชีววิทยาให้นักศึกษาปริญญาตรี
และเรียนหนักเพราะอีก8เดือนจะจบแล้ว
ลูกชอบอาหารทุกอย่างที่แม่ทำ แม่จำได้เสมอว่าลูกชอบอะไรบ้าง
แหนมคลุกข้าวทอด
ข้าวมันไก่
ต้มจืดมะระหมูสับ
ก๋วยเตี๋ยวหมูสับ
ขนมจีนน้ำยา
ผัดไทกุ้่งสด
ปลาทูทอด น้ำพริกกะปิ
ปลานึ่ง
ขนมครก
กล้วยทอด
เค้กวันเกิดน้องฝนเมื่อเดือนสิงหาคมปีนี้ค่ะ
กิจกรรมที่ลูกๆชอบปฏิบัติค่ะ

คิดถึงคนบนฟ้า

นางฟ้าซาตาน


ถึงคนไกล...
แสงดาวหลับไหลอยู่อีกฝั่งฟ้า
ฉันกับเธอห่างออกไปไกลสุดตา
ไม่อาจไถ่ถามกันว่า...สบายดี
สุดปลายสายรุ้ง
เมฆขาวกระจายฟุ้ง...กรุ่นด้วยรักตรงนี้
สดชื่นเย็นฉ่ำ..หลับให้สบายนะ..คนดี
ฉันอยู่ที่นี่...และจะคิดถึงเธอแบบนี้ตลอดไป
ฝากไออุ่นจากแสงจันทร์
กล่อมให้เธอหลับฝันในวันอ่อนไหว
ร้อนหนาวไม่สบายอย่างไร
ขอฝากสายลมไปช่วยดูแลเธอ
อ้อมกอดในวันนั้น
ย้ำเตือนกับฉัน...ถึงเธอเสมอ
ถึงวันพลัดพรากไม่อาจพบเจอ
แต่ไม่เคยเผลอเรอ ลืมคิดถึงเธอแม้วินาที
..................................................................
ไม่น่าเชื่อว่า ในชิวิตจะต้องเจอกับการสูญเสียถึงสองครั้งสองคราด้วยกัน
นึกถึงทีไรก็รู้สึกเอาเองว่า ทำไมต้องเป็นฉัน หะหะหะ
แล้วตัวเองก็ตอบว่า แล้วทำไมจะเป็นฉันไปไม่ได้ล่ะ
ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมา ยี่สิบกว่าวันแล้ว แต่ทุกข์ยังอยู่
ไม่ได้น้อยลงหรือหายไป
เพียงแต่ยอมรับและมองเห็นทุกข์ได้ชัดเจนขึ้น
จะว่าไปชัดกว่้าตอนที่เพิ่งสูญเสียไปซะอีก
ทุกวันนี้ยิ้มได้ หัวเราะได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าหัวใจจะเลิกร้องไห้ได้
ยังเศร้าอยู่ทุกครั้งที่ได้คิดถึง แต่พอเห็นความเศร้า น้ำตาก็หยุดไหล
..............แต่หัวใจก็ยังเศร้าอยู่
พรรษา
ขอบคุณนะลูก ป้าแอน กับ ยายแดงน้อยบอกว่า
หนูไม่ได้เกิดมาเพื่อสอนให้แม่เห็นความทุกข์ที่ยิ่่งใหญ่ที่สุดคนเดียวเท่านั้น
แต่ทุกๆวันที่หนูจากไป หนูยังได้สอนสิ่งต่างๆมากมาย ให้แม่และทุกๆคนที่ได้

ใครคนนั้น

คนกรุงศรี


ใครคนหนึ่ง คนนั้น ฉันคิดถึง
คนที่ซึ่ง ทำให้ ใจสับสน
มิยินเสียง มิเห็นหน้า พากังวล
เคยสุขล้น เมื่อไร ได้พาที
มาหายห่าง ร้างกัน บอกงานเยอะ
จะพบเจอะ อีกไหม เมื่อไรนี่
หรือลืมเลือน เราไป มิใยดี
ทิ้งวลี กานท์กลอน แต่ก่อนมา
ถ้างานหนัก พักกาย สนใจด้วย
เกรงจะป่วย ห่วงถึง จึงถามหา
หรือว่ามี คนใกล้ ใครป้อนยา
ขอโทษที หากถ้า ว่าวุ่นวาย

ถึงคนไกล

ร้อยฝัน


ใบไม้ปลิวร่วงหล่นบนทางเท้า
ยามแดดเช้าต้องกายจึงคลายหนาว
เสียงน้ำหล่นบนหลังคามาเกรียวกราว
บอกเรื่องราวของวันใหม่ในไม่ช้า
กรุ่นควันไฟจากฟืนคืนชีวิต
ย้ำให้คิดถึงวันเก่าเฝ้าโหยหา
หอมข้าวนึ่งกรุ่นกรุ่นอุ่นอุรา
ดังหนึ่งว่าวันวานไม่ผ่านไป
อยู่แดนไกลสุขสบายหรือไม่หนอ
คนทางนี้เฝ้ารอพอรู้ไหม
ฝากคิดถึงนำพาหาคนไกล
อยู่อย่างไรยังห่วงหายังอาทร
ก่องข้าวเหนียวยังรออยู่หนอเจ้า
ทุกค่ำเช้าจำได้ไหมใครพร่ำสอน
ในคืนค่ำขอย้ำคำกล่อมนอน
เสียงลำกลอนยังรอขอเธอคืน

เธอคนเดียว..

ชินเดช ญาณรัตน์


ในวันที่เหงากับฝนที่หล่นพรำ..
วันที่นกยักษ์บินไม่ได้..
วันที่ชีวิตเป็นของเรา..
ไม่ได้อยู่บนนิ้วไกปืนของศัตรู
นอนบนเปลญวน
เหงาจับหัวใจ..
ก่อนเคยมีเธอให้คิดถึง..
พอทำให้ชีวิตพอมีความหมายบ้าง
แต่วันนี้..ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปตามวิถี
ทางสายเก่า...จึงโดดเดี่ยวอ้างว้าง
ในหัวใจ
คงเหลือแต่ผู้หญิงคนเดียว..
ภาพความหลัง ครั้งเยาว์วัยฉาบผ่านเข้ามา
................
เพราะต้องการให้ฉันแข็งแกร่ง
แม่จึงเฝ้าดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงใยในบางครา
แม่ทำโทษยามที่ฉันทำผิด
แต่ฉันเห็นแม่เสียน้ำตาทุกครั้ง
รอยหม่นหมองบนใบหน้า
เสียงร้อง..หยาดน้ำตาของฉัน
บาดหัวใจแม่ให้เจ็บปวด
รอยยิ้มของแม่มีน้อยนัก
ที่จะปรากฏให้ฉันเห็น
ด้วยทุกข์ท้นแห่งภาระอันหนักอึ้ง
หาใช่เพราะเบื่อหน่ายเกลียดชังแต่อย่างใด
แม่จึงเป็นดั่งแสงสว่าง...
คอยชี้ทางให้ฉันเดินไปอย่างเชื่อมั่น
และเป็นราตรีกาล
ให้ฉันได้พักนิ่งชั่วขณะ
เพื่อที่จะให้มีพลังก้าวเดินต่อไป
ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน
ในสนามรบหรือยามสงบเงียบงันเช่นนี้
คงมีแต่แม่ที่เป็นดั่งความรัก
หนึ่งเดียวหนึ่งหญิงที่มีอยู่บนโลกใบนี้
และเป็นชีวิตแห่งฉัน..
..............
สายฝนที่หล่นพรำ..
เป็นน้ำตาของแม่หรือเปล่านะ..
แม่ครับ..วันนี้ผมเป็นลุกชายที่แข็งแกร่งของแม่แล้ว
เป็นรั้วที่คอยป้องอริราชศัตรูของแผ่นดิน
เป็นผู้พิทักษ์สันติแห่งราษฏร์ด้วยเกียรติ ชีวิตและศักดิ์ศรี
ถึงไม่มีคนรักเพศเดียวกับแม่สักคน
แต่ผมมีอ้อมกอดแ

ความคิดถึง...ไม่เคยจาง

din


หลังพิงฝาตาหลับกับหยาดฝน
ที่โปรยหล่นหยาดพร่างมิสร่างสาย
มันเย็นเยียบเหมือนว่าจะบ้าตาย
เหมือนดังคล้ายคมมีดกรีดดวงแด
หลังพิงฝาตาหลับกับความหนาว
ทุกเรื่องราวตอกย้ำซ้ำรอยแผล
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันผันแปร
ย้ำรอยแพ้แผลพิษปลิดดวงใจ
หลังพิงฝาตาหลับกับลมร้อน
ยังอาทรถึงอยู่รู้บ้างไหม?
ระยะทางห่างกันหลายพันไมล์
แต่คิดถึงห่วงใยไม่เคยจาง

เก็บไว้ในความจำ

อินสวน


เช้าวันนี้ฝนมาซัดห่าใหญ่
หนาวหรือไม่ห่วงใยใจฝากถาม
อย่าหลับใหลละหลงลืมโมงยาม
ส่งใจข้ามฟากฝั่งคนนั่งคอย
ฟ้าด้านโน้นมัวหม่นม่านฝนกั้น
แลไม่เห็นฝั่งฝันเงียบงันหงอย
ละอองไอวูบไหวใจล่องลอย
ฝนตกบ่อยหรือไรห่วงใยกัน
วันฟ้าฉ่ำฝนพรำใจฉ่ำชื่น
เคยเริงรื่นเคียงคู่ดูสุขสันต์
เหตุไฉนใจดำลืมจำนรรจ์
ความผูกพันหายห่างเป็นร้างรา
ทอดแววเหงาสายตากรำห่าฝน
ความคิดถึงท่วมท้นอยากไปหา
กล้ำกลืนเก็บในกล่องของเวลา
เป็นความจำล้ำค่ากว่าการเจอ
หน้า / 15  
ทั้งหมด 247 กลอน