กลอนเสียใจ

ตากหน้าคอย

สีอำพัน


..นั่งคอตกอกขมระทมเศร้า
เพื่อนคือเงาเหงาอกคอตกร่วม
ลุกก็เซเหว่ว้าน้ำตาท่วม
ไหลมารวม ใจฟกอกช้ำตรม
นั่งตาลอยคอยคนจนตาโรย
ลมดึกโชยโปรยพรู ไม่รู้สม
สู่ภวังค์แห่งหนหลังฝังลึกจม
อย่างงายงมตรมหม่นอับจนทาง
นั่งหน้าทนรอท่าอย่างหน้าด้าน
หวังนงคราญยังมีใจให้กันบ้าง
ยังอดรนทนต่อ รอเคว้งคว้าง
จวบฟ้าสางไม่เบาบาง...ไม่สร่างซา
สายร้อนแรงแสงแดดก็แผดเผา
คนตาลายคล้ายเมาไม่รู้สา
นั่งตาลอยคอยคนทนตั้งตา
รู้ไหมว่าคนหน้าหนาตั้งตาคอย...

ไกลไกล

ก้าวที่...กล้า


อยากจะเขียนบทกวีดีดีบ้าง
แต่ก็ช่างยากเย็นไม่เป็นผล
อยากจะบอกหัวใจใครสักคน
ก็อับจนในคำจะนำมา
ไกลไกล
เหมือนยิ่งปองยิ่งใฝ่-เกินฟันฝ่า
เหมือนยิ่งคิดยิ่งตรองนองน้ำตา
เหมือนนิ่งนิ่งยังว้าวุ่นวายใจ
อยากจะเขียนบทกวีมีชีวิต
แต่ความคิดก็ตีบตันจนหวั่นไหว
อยากจะถอดถ้อยคำจากข้างใน
ก็ไม่มีสิ่งใดจะวับแวม
ไกลไกล
น้ำตาทำไมจึงอาบแก้ม
ท่ามกลางจันทราในคืนแรม
กับดาวที่แต้มเต็มฟากฟ้า

เรียงความของหนู

กระบี่ใบไม้


คุณครูขาหากพรุ่งนี้ไม่มีหนู
หนูไม่รู้ว่าคุณครูจะเศร้าไหม?
แต่วันนี้ไม่มีครูหนูเสียใจ
ต่อจากนี้จะมีใครสอนหนูเรียน
ที่เย้โย้ตัว ก.ไก่ หัวแปลกแปลก
อักษรแรกครูจับมือหนูหัดเขียน
สมุดขาวเล่มนี้เปื้อนสีเทียน
หนูแอบเขียน ก.ไก่ ไว้ให้ครู
ครูมาจากเมืองใหญ่ห่างไกลบ้าน
ครูบอกอยากอยู่นานนานกับพวกหนู
ความทรงจำครั้งสุดท้ายยังพรั่งพรู
หนูมองดูโจทก์สุดท้ายที่บนกระดาน
“จงวาดสิ่งแทนฝันสันติภาพ”
การบ้านนี้หนูรับทราบก่อนกลับบ้าน
หนูวาดรูป “พิราบขาว” อันเบิกบาน
แทนความสุข-ทุกสถานบนแดนไทย
พิราบขาวส่งข่าวให้ใครใครรู้
บ้านของหนูสงบสุขขนาดไหน?
ไม่มีเลือดต้องไหลนอง...สิ้นผองภัย
อย่างที่ครูเคยสอนไว้ “ให้รักกัน”
ครูกล่าวชมภาพนี้ที่หนูวาด
ครูยิ้มให้แผ่นกระดาษที่วาดฝัน
ครูของหนู,ครูคนดีที่ผูกพัน
...ก่อนที่แผ่นกระดาษนั้นเปื้อนสีแดง...
ครูทำผิดอะไรไยถูกฆ่า
พิราบขาวบนท้องฟ้าคราสิ้นแสง
พวกเด็กเด็กร้องไห้จ้าจนหมดแรง
ครูอยู่แห่งหนไหนไม่เห็นครู
หนูยังคงเก็บภาพนี้ที่เคยวาด
แม้เปรอะเปื้อนยังสะอาดงดงามอยู่
ยังคงคิดถึงเสมอเมื่อมองดู
หนูรักครู...ครูของหนู...ตลอดไป

แผ่นดินไหว

กวีปกรณ์


แล้วโลกคลั่งสั่นไหวเสียใหญ่หลวง
ตึกรามร่วงล้มทับพังยับพ่าย
อันโครงสร้างเหล็กเส้นไม่เว้นวาย
คอนกรีตหินหลากหลายทลายลง
คล้ายผืนดินผินแผกจนแยกขาด
ผู้คนหวาดหวีดหวั่นเสียงพรั่นหลง
หาทางรอดหนีตายบ่วายปลง
โลกไร้ความยืนยงมั่นคงใด
ความสัมพันธ์ผูกไว้ใครเล่าเห็น
สิ่งจับต้องมิอาจเว้นยังเอนไหว
พ่อแม่ลูกล้มตายแยกย้ายไป
สายเลือดไหลนองพื้นกลืนชีวิน
ความทรงจำจารึกสำนึกรู้
ความเจ็บปวดฝังอยู่ยามถวิล
ใช่เพียงความสั่นไหวในดวงจินต์
คือความทุกข์กัดกินกว่าสิ้นลม
ชาติมิอาจล่มสลายวายอำนาจ
ความสำคัญผูกขาดมิอาจสม
ทุกโครงสร้างผ่านกาลมินานนม
ก็อาจล้มร่วงลับยากกลับคืน
เสียงแผ่นดินไหวสั่นน่าพรั่นพรึง
แว่วเสียงใครคนหนึ่งนั้นสะอื้น
ใต้ซากปรักหักพังเคยยั่งยืน
เหลียวหาใครคนอื่นใต้พื้นอาคาร

ลืมแล้วหรือ

รงค


ลืมแล้วหรือสัญญาเมื่อครั้งก่อน
ที่ออดอ้อนคำหวานหว่านความฝัน
จะขออยู่คู่เคียงนิจนิรันดร์
มิมีวันพรากไกลให้ร้าวราน
เพียงผ่านไปมินานพานลืมคำ
ปล่อยให้ช้ำร่ำไห้ไร้สงสาร
สุดจะฝืนกลืนกล้ำทรมาน
กับวันวานผลาญใจให้ระทม
ต้องทนทุกข์อกตรมขนาดไหน
ไยทิ้งไปให้ช้ำสุดขื่นขม
คำสัญญาเก่าก่อนดั่งลอยลม
ถูกพลิ้วปมพัดหายไกลลับตา
ยามห่างไกลใจหวั่นสั่นสะท้าน
ยอดดวงมานห่างหายให้ห่วงหา
สุดระทมหมองไหม้ในอุรา
โปรดรู้ว่าข้าคอยแสนน้อยใจ
หากเมตตาปราณีและสงสาร
อย่าปล่อยให้ทรมานนานได้ไหม
คำสัญญาเก่าก่อนช่างลืมไป
แม้ห่างไกลใจข้ายังเฝ้าคอย
เจ้ารู้ไหมข้าคิดถึงจนร้าวลึก
ยิ่งตกดึกยิ่งเศร้าจนเหงาหงอย
สุดแสนว้างว้าเหว่ให้เลื่อนลอย
คอย คอย คอยคนไกลได้กลับมา
อธิฐานผ่านนภาราตรีนี้
ให้คนดีคืนกลับเรือนเคหา
ขอ ลม ฝน บนฟ้าเดือนจันทรา
โปรดเมตตาปราณีที่ข้าคอย
ณ พื้นดินถิ่นนี้ที่หนาวแล้ว
ขอดวงแก้วคืนกลับอย่าคิดถอย
คืนกลับมาเถอะนะแม่ยอดกลอย
กลับสู่รอยพื้นดินสูดกลิ่นไอ
ลมพัดผ่านพื้นดินกลิ่นไอเก่า
นั่งจับเจ่าเฝ้าคอยข้างคันไถ
รอไออุ่นคนเคยที่ห่างไป
กลับคืนสู่บ้านไร่ตามคำวอน
ลมเหมันต์พัดมาพาหนาวสั่น
ใจหวาดหวั่นกั้นกลัวหัวถึงหมอน
อกสะท้อนทุกข์ทนจนร้าวรอน
อยากขอพรเพื่อให้เจ้าคืนมาฯ
จากเสาร์ที่เศร้าใจ
เดือนมกรา ๕เดือนอ้าย

ฤดูเปลี่ยนจึงเปลี่ยนใจ

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์


สำนึกรู้ดูออกอย่าหลอกกัน
เหมือนมีฉากขวางกั้นไม่เหมือนก่อน
แม้แสดงทีท่าอาลัยอาวรณ์
ทุกบทตอนดั่งทุกข์เริ่มสุกงอม
เมื่อสิ้นเยื่อขาดใยใจแปรเปลี่ยน
ความสัมพันธ์เคยเพียรทนุถนอม
ต้องพังภินทร์สิ้นรักภักดิ์ปนปลอม
จึงยินยอมลืมหลังสิ้นทั้งปวง
ไปเถิดไปให้พ้นคนใจดำ
ปล่อยฉันก้าวลึกถลำช้ำอย่าห่วง
จะบากเคราะห์เจาะกรรมตามแต่ดวง
น้ำตาล่วงจะครวญคร่ำช้ำคนเดียว
ไม่ต้องการคำปลอบประโลมหลอน
ลืมเรื่องรักเก่าก่อนตอนข้องเกี่ยว
รับสถาพรักสลายเมื่อคลายเกลียว
ยอมเปล่าเปลี่ยวจนตายอย่าหมายคืน

พรปีใหม่....

คีตากะ


จิบกาแฟถ้วยร้อนในตอนเช้า
ดับความเมาจากฤทธิ์รักหักความหลง
ดีกรีรักสูงเกินเดินมึนงง
เธอรินส่งถึงใจไหวซวนเซ
จากไปแล้ว...โฉมสะคราญแห่งม่านหมอก
ลีลาหยอกเย้ายวนชวนไขว้เขว
เกมรักร้อนแรงเร้าเมาโซเซ
หัวใจเป๋หลงทิศเดินผิดทาง
ลีลาวดีสีขาวพราวหน้าบ้าน
ชวนชมบานสีชมพูอยู่ในกระถาง
กระจาบจับกิ่งกระท้อนอ้อนคู่พลาง
ความอ้างว้างเกาะกุมรุมจิตใจ
เทศกาลงานรื่นเริงเถลิงศก
ทำหัวอกรุ่มร้อนนอนสั่นไหว
ภาพเธอยังติดตรึงซึ้งทรวงใน
ซมพิษไข้รักร้างไม่สร่างซา...

เพ้อ

ร้อยฝัน


ท่ามแสงเทียนวิบวับระยับแสง
มิอาจแข่งดวงดาวที่พราวใส
เย็นน้ำค้างพร่างพรมลมโชยไป
หนาวถึงใจดวงนี้ที่รอคอย
ลมหนาวพัด พัดผ่านสะท้านผิว
ใบไม้ปลิวลอยคว้างอย่างเหงาหงอย
ตามทำนองเพลงเศร้าเจ้าล่องลอย
ดั่งเรือน้อยล่องไปในสายชล
กระชับผ้าโอบอุ่นที่คุ้นชิน
หอมกรุ่นกลิ่นจางจางอย่างสับสน
เมื่อใดหนอคนไกลจะได้ยล
ฤาต้องทนทุกข์สิ้นกินน้ำตา
ขอวงแขนแข็งแรงแกร่งคู่นั้น
โอบกอดฉันเอาไว้ใกล้เถิดหนา
คงลืมสิ้นทุกข์ใดได้เจอมา
ขอเวลาเราอยู่เคียงคู่กัน
อย่าเป็นเพียงแค่เพ้อท่ามลมหนาว
ลืมตาตื่นร่วงกราวราวกับฝัน
ใช่เป็นเพียงแค่ถ้อยร้อยรำพัน
ไม่มีวันเป็นจริงได้ดั่งใจปอง

ความจริง ยามห่างไกล...

Derrida


... ยามห่างไกลใจรำพึงคะนึงรู้
ว่าคำพูดที่เขาพล่ามหลายความหมาย
อาจตีความต่างๆไปได้มากมาย
แต่สุดท้ายรวมความคือ   หลอกลวง
... ยามเจ็บหนักได้ยากได้หวนคิด
คะนึงจิตคะนึงหาไม่ห่างหาย
ใครบอกห่วงใครพร่ำหวงเจียนคลั่งตาย
แต่สุดท้ายยามเกือบตาย  แลใครเจอ?
... ยามพักกาย พักใจ เพื่อพักฟื้น
คิดตื้นตื้นเขาจะมาให้ความหวัง
กำลังใจสักนิดเสริมพลัง
แต่ทุกครั้งกลับเป็นเพียง   ภาพมายา
...เคยมีคำถามที่อยากถาม
แต่ปิดความพรางไว้ไม่เปิดเผย
เพราะเกรงกลัวคำตอบจากจำเลย
คำเฉลยอาจแปรปรวนราว  สายลม
... และวันนี้ฉันได้คิดฉันจึงรู้
ได้มองดูสิ่งต่างๆที่หลากหลาย
อยากขอบคุณความเจ็บจวนเจียนตาย
เพราะเดียวดายจึงกระจ่างใน  ความจริง.

วันที่เธอนอกใจ...ผู้หญิงคนนี้ก็ได้ตายจากไปแล้ว...ทั้งเป็น

แสนแก้ว


เธอบอกว่าความผิดทั้งหมดอยู่ที่เธอ
ความผิดที่ทำให้ฉันต้องเจอกับความผิดหวัง
เธอบอกว่าเธอผิดที่ทำให้ความรักของเราต้องพัง
เธอขอร้องให้ฉันมอบโอกาสให้อีกครั้ง...เพื่่อรักของเรา
ฉันอยากจะถามเธอกลับไป...ว่า
ที่ผ่านมาเธอนอกใจฉันไปมีเขา
แล้วยังเหลืออีกหรือความรักเรา
เพราะถ้าเธอรักคนเก่าจะมีคนใหม่ทำไมกัน
ฉันอาจจะเจ็บปวดมากมาย
แต่วันนี้มันสายเกินไปที่จะกลับไปสานฝัน
ความรักที่เคยมีมากล้น...ถูกความอดทนมาแทนที่มัน
จนความรักที่เคยมีให้เธอนั้น บัดนี้มันเหลือแค่..เคยห่วงใย
อย่าให้ฉันต้องกลับไปเจ็บอีกเลย
ปล่อยคนคุ้นเคยให้เป็นอดีตไปได้ไหม
กับผู้หญิง 1 คนที่เธอเคยสาบานจะรักไปจนตาย
เพราะวันที่เธอนอกใจ...ผู้หญิงคนนี้ก็ได้ตายจากไปแล้ว...ทั้งเป็น

ผ่านมาเพื่อผ่านไป

jojo24


กามเทพจับศรแผลงสำแดงฤทธิ์
ให้ดวงจิตตกหลุมรักสมัครหมาย
พิษไฟรักทุกข์ทนทุรนทุราย
เจ็บเจียนตายมากี่ครั้งยังไม่จำ
หยุดเถิดหนาอย่าชิดใกล้ให้ใจคิด
ไม่อยากผิดคิดไกลกลัวใจช้ำ
โชคชะตากลั่นแกล้งแฝงเวรกรรม
โหมกระหน่ำซ้ำแผลเก่าเข้าเต็มแรง
เดือนสิบสองน้ำนองเต็มตลิ่ง
พระจันทร์นิ่งลอยเด่นเพ็ญส่องแสง
ยังจดจำวันนั้นได้ไม่เปลี่ยนแปลง
เธอแสดงท่าทีเหมือนมีใจ
กระทงหนึ่งสุดซึ้งสองคนจับ
เธอขานนับให้สัญญาณข้างธารใส
กระทงน้อยถูกปล่อยลอยออกไป
ด้วยหัวใจที่มีหวังอีกครั้งครา
แต่พบกันไม่ทันไรจำใจจาก
ไม่อยากพรากห่างไกลใจห่วงหา
จะจดจำเธอเอาไว้ให้สัญญา
วันข้างหน้าฟ้าเป็นใจคงได้เจอ

เรียมเหลือทน

เรียมเอง...


เรียมเหลือทนแล้วนั่นพี่ขวัญจ๋า
ตั้งแต่จากพี่มาพาหม่นหมอง
อยู่กับความเจ็บช้ำน้ำตานอง
คิดถึงคลองแสนแสบแทบขาดใจ
คนบางกอกหลอกเรียมจนเกรียมจิต
ให้หลงผิดคิดเพ้อเผลอหวั่นไหว
หอบเสื้อผ้าตามชู้สู่กรุงไกล
ไม่ทันไรเขาเบื่อ...เรียมเหลือทน
มองท้องฟ้าคราใดใจหดหู่
ให้อดสูตัวเราเศร้าสับสน
อยากจะย้อนกลับไปก็อายคน
เหมือนอับจนหนทางจะย่างเดิน
ฝากไปกับสายลมที่พรมแผ่ว
รู้ตัวแล้วว่าผิดคิดห่างเหิน
คำขอโทษมากมายอาจสายเกิน
หากพี่เมินเรียมคงหมองต้องขอลา
***********
เรียมเอง...
21 พ.ย. 2555

บอกแล้วไง..ไม่เป็นไร..สักหน่อย

มวลภมร


o ไม่เป็นไร สักหน่อย เรื่องแค่นี้
ก็แค่อยู่ ดีดี เธอหนีหาย
ไม่เป็นไร ไม่มี แแผลทางกาย
พักสักหน่อย ค่อยหาย อย่าเอ็นดู
o ไม่เป็นไร สักหน่อย ไม่เป็นไร
เจ็บเจียนตาย ก็ยัง หายใจอยู่
ไม่เป็นไร หรอกนะ จงรับรู้
ก็ยังหาย ใจอยู่ ยังไม่ตาย
o ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร จริงจริงจ๊ะ
ก็เจ็บนะ แต่ว่า ยังทนไหว
คำสามคำ จำไว้ ไม่เป็นไร
ไม่ต้องการ ให้ใคร เวทนา
o ไม่เป็นไร บอกว่าไม่ เป็นไรเล่า
ก็ใจเรา ยังอยู่ กับเราหนา
แค่ใจเจ็บ ช้ำหน่อย ธรรมดา
พลาสเตอร์ยา ปิดไว้ ก็หายเอง
o ไม่เป็นไร จริงจริง เชื่อบ้างสิ
แค่ตำหนิ ในใจ ไงคนเก่ง
ไม่เป็นไร มั่นใจ ใจนักเลง
มันเจ็บเอง ก็หายเอง “ไม่เป็นไร”
.....19/11/12....

ประโยชน์อันใดในคำ "สัญญา"

มวลภมร


ประโยชน์อัน ใดหนา สัญญาไว้
ในเมื่อใจ ต่อกัน นั้นหมดแล้ว
ในเมื่อเธอ เปลี่ยนไป ไร้วี่แวว
เมื่อไม่รัก กันแล้ว ก็ต้องไป
ประโยชน์อัน ใดหนา สัญญารัก
ไม่รู้จัก รักษา หัวใจไว้
เมื่อสัญญา แล้วผัน พลันเปลี่ยนใจ
จะยึดถือ ทำไม คำสัญญา
ประโยชน์อัน ไดหนา สัญญาร้าง
เมื่อใจห่าง จากใจ ไปไกลหนา
เพียงแค่จำ ถ้อยคำ ที่สัญญา
คงไร้ค่า หากว่า ไร้จริงใจ
ประโยชน์อัน ใดหนา สัญญานั้น
ไม่รักกัน อยู่ต่อ ก็ไม่ไหว
คนรักกัน ห่างกัน คงหวั่นไจ
แต่คนใกล้ ไม่รัก มันหนักทรวง
ประโยชน์อัน ใดหนา สัญญานี้
เมื่อไม่มี เหลือใจ อย่าได้ห่วง
อยู่กันไป เหมือนใจ โดนหลอกลวง
อย่าได้ห่วง แค่คำ ว่า”สัญญา”
...15/11/55...มวลภมร on facebook

ไร้วิญญาณ

คนกรุงศรี


เธอรู้ไหม ใครเล่า เขาเฝ้าฝัน
เธอรู้ไหม ใครนั้น เขามั่นหมาย
เธอรู้ไหม ใครหม่น จนเจียนตาย
เธอรู้ไหม ใครพ่าย อายผู้คน
เพราะเธอเมิน เขาต้อง ทนหมองไหม้
เพราะเธอเมิน เขาไป ไร้เหตุผล
เพราะเธอเมิน เขาช้ำ แต่จำทน
เพราะเธอเมิน เขาหม่น จนอ่อนแอ
เพราะว่าเขา ใจอ่อน ตอนพบเห็น
เพราะว่าเธอ นั้นเป็น เช่นดวงแข
เพราะว่าเขา เหมือนกระต่าย หมายตาแล
เพราะว่าเธอ ไร้แม้ แต่ไมตรี
เขาจึงน้อย ในใจ ไม่อาจกล่าว
เขาจึงร้าว หลบตา อายหน้าหนี
เขาจึงโทษ เทวา มิปรานี
เขาจึงมี เพียงกาย ไร้วิญญาณ

สิ้นศรัทธา

din


แว่วแว่วเสียงหัวใจใครสะอื้น
ต้องขมขื่นรอคอยอย่างหงอยเหงา
อ้างดินฟ้าให้เห็นเป็นเลาเลา
ดุจความเศร้าเคล้าคลุกมันรุกราน
ยังคงหวนทวนคนึงถึงวันเก่า
ครั้งที่เราเชยชื่นระรื่นหวาน
เป็นความรักความหลังครั้งวันวาน
ดอกแก้วบานเบ่งในหัวใจเรา
วันนี้แก้วร่วงโรยแล้วโปรยหล่น
หัวใจคนหม่นหมองต้องอับเฉา
สักนิดคนปลอบใจไม่เห็นเงา
จึงโศกเศร้ารอคอยอย่างน้อยใจ
กลีบแก้วพราวขาวโพลนอยู่โคนต้น
หัวใจคนหม่นหมองถึงร้องไห้
เพียงสายลมพรมพลิ้วแก้วปลิวไป
กลีบ,ดอก,ใบ...พลัดหาย...จากสายตา
เปรียบหัวใจไหววับไปกับแก้ว
ไมมีแล้วไมตรีที่โหยหา
จบสิ้นทั้งคำมั่นคำสัญญา
แม้ศรัทธาจากใจก็ไม่มี

..ตัวสำรอง..จองนั่งนาน..

มวลภมร


มีสลึง พึงประจบ ให้ครบร้อย
ใจดวงน้อย เคยถูกทำ จนเสียหาย
เก็บเศษเล็ก เศษน้อย ที่กระจาย
ต่อให้กลาย เป็นใจใหม่ ที่เต็มดวง
ถึงแม้เป็น หัวใจ มีตำหนิ
มีรอยปริ ร้าวไป อย่าได้ห่วง
เพราะเคยช้ำ  จึงไม่ทำ ใครช้ำทรวง
ใจหนึ่งดวง แม้มีแผล แต่จริงใจ
แต่เป็นใจ ไม่ค่อย สมประกอบ
อาจไม่ตอบ โจทย์ใจ ให้เธอได้
จึงหวังแค่ เป็นคน ข้างข้างใจ
ขอเพียงให้ เธอเห็น เป็นสำรอง
ยังเจียมตน เป็นคน ใจตำหนิ
ไม่อวดริ เทียบค่า พาผยอง
หลบอยู่มุม ไกลทาง ห่างคนมอง
นั่งสำรอง อาจต้องเก้อ เธอไม่แล
เธอคงเห็น ว่าฉัน ประวัติร้าย
แก้ไม่หาย ร้ายใน สันดานแน่
จะอดทน จนสักวัน เธอนั้นแคร์
แม้ได้แค่ ลงช่วง ถ่วงเวลา
...08/11/55...   20.:00 น.
หน้า / 17  
ทั้งหมด 281 กลอน