กลอนอกหัก รักหวานซึ้ง

เศร้าชิวๆ

อาบูไซยาบ


บนความเหงา เศร้ารัก เกินหักถอน
แม้จะนอน นอนไม่ได้ ใจมันหวิว
ปล่อยใจลอย คอย..!เฮ้อ...!! เศร้าชิวๆ
เวลาหิว ท้องไม่รับ ตับพิการ
ยามอกหัก เพ้อพร่ำ จนเพื่อนเบื่อ
"เมิงจะเพ้อ ไปเพื่อ..."น่าสงสาร
เฝ้าชะแง้ แลเฟส อยู่ตั้งนาน
ใจร้าวราน เธอคงไม่ รับรู้เลย....

โอ้แม่เสี้ยวดอกขาว

อาบูไซยาบ


โอ้แม่เสี้ยว ดอกขาว เจ้าพลัดถิ่น
นิวาสยัง แดนดิน ถวิลหา
ผลิดอกขาว พราวเพลิด เพลินพริ้มตา
ยั่วยวนให้ สกุณา ชิดชื่นชม
เจ้ายิ่งชู ดอกเด่น เป็นสง่า
อุราข้า ก็ยิ่งช้ำ ระกำขม
มิอาจเอื้อม แตะต้อง และดอมดม
ทุกระทม กี่ชาติจึง มิคลาดกัน... javascript:nicTemp();

จำได้ไหม ?

Soidow


     จำได้ไหม ? ..ทำร้ายใจ ใครกี่ครั้ง จำได้ไหม ?.. เผลอพลั้งไป กับใครกี่หน
 จำได้ไหม ?..เคยขอโอกาส กับใครหนึ่งคน
 จำได้ไหม ?..สักกี่หน คนนั้นอภัย
     จะร่วมเรียง เคียงข้าง ทุกย่างก้าว
เจ็บปวดร้าว ทุกข์ทน แห่งหนไหน
จะเคียงคู่ สู้ฝ่าฟัน ไม่หวั่นสิ่งใด
จะไม่ไหว โอนเอน เช่นผ่านมา
     จะสัตย์ซื่่อ ถือมั่น ตั้งคำสัตย์
จะคุ้มครอง ป้องปัด พิทักษา
จะถนอมน้ำใจ ให้สัญญา
ตราบชั่วสิ้น..ดินฟ้า.. จำ.ได้ไหม?

เจ็บตรงนี้ที่หัวใจ

จูดี้


อันอ้อยตาลที่หวานลิ้นยังสิ้นไปเมื่อได้พบลมปากที่หวานรูหูมิรู้หาย
เจ็บที่อื่นเจ็บที่ไหนยังหายไป
เจ็บตรงนี้ที่หัวใจไม่รู้ลืม

ถึงช้ำยอมทำใจ

ไผ่ลู่ลมม


สุริยนหล่นลาน้ำตาร่วง
สะท้านทรวงความเหงาเข้าเสียดสี
อารมณ์หม่นเปล่าเปลี่ยวเกี่ยวฤดี
หทัยนี้พินิจคิดถึงนาง...
มวลปักษิณบินว่อนร่อนถลา
คืนสู่ป่ารังนอนที่จรห่าง
แต่ดวงใจของชายคล้ายอับปาง
ไม่ถึงทางรักเพ้อเจอคลื่นลม
เปรียบหิ่งห้อยน้อยแสงอาจแข่งจันทร์
ระริ้วฝันยามตื่นต้องขื่นขม
แม้นเพียงเงาเฝ้าคอยร้อยระทม
ยินดีชมถึงช้ำยอมทำใจ
ไผ่ลู่ลมม

ช่วยบอกที

Soidow


  เสียงโอดอวล ครวญคร่ำ ร่ำสะอื้น
น้ำตารื้น
ร่วงหล่น  บนหน้าหมอง
ปากพร่ำเพ้อ  ถึงคนเคย 
หมายปอง
บัดนี้ต้อง  ลาจาก 
พรากกันไกล
  เหตุใดหนอ
เหตุใดเล่า เฝ้าเพ้อพร่ำ
เพราะตัวดำ
หรือจน เหตุผลไหน
เพราะไม่ดี
หรือเพราะชั่ว เอาแต่ใจ
ดีเกินไป
หรืออย่างไร แจ้งไขที
  เฝ้าแอบมอง  คนครวญคร่ำ ร่ำสะอื้น
รักเป็นอื่น  ใจหมองหม่น 
ช้ำป่นปี้
รักขาดเยื่อ  สิ้นไย ไร้ไมตรี 
ในฤดี
คงช้ำชุก  ทุกข์ระบม
  หยุดเถอะนะ หยุดละเมอหยุดเพ้อพร่ำ
หยุดครวญคร่ำ  ร่ำร้อง 
ตรองเหมาะสม
รู้มันยาก  ทำใจขืน 
ฝืนอกตรม
อย่ามัวจม  กับทุกข์ รีบลุกเผชิญ……..

คนปีวอก

คีตากะ


สิ้นเดือนเจ็ดฝนจางเจ้าห่างหายใจละลายกลางฝนหล่นเวหา
เจ้าปีวอกหลอกพี่หนีลับตา
ทิ้งทุ่งนาเข้ากรุงลืมคุ้งแคว
ด้วยอำนาจเงินตราพารักล่ม
หลงนิยมรถใหม่ไม่แยแส
ลืมรถเก่าเคยขับไปลับแล
มาพ่ายแพ้ความจนดั้นด้นไกล
ตีค่าเงินเกินกว่าคำว่ารัก
ลืมรสผักริมรั้วมัวหลงใหล
รสอาหารจานด่วนชวนชื่นใจ
อบอุ่นในห้องแอร์เลยแปรปรวน
ทิ้งคนคอยบนแคร่ใต้แคใหญ่
ฝักใฝ่ใจเดินห้างห่างนาสวน
รมควันพิษจนงงคงเซซวน
ทำเนื้อนวลลืมลมห่มทุ่งธาร
ขออวยพรเจ้าไปได้ดีเถิด
อย่าต้องเกิดเหตุร้ายกลายร้าวฉาน
จงอยู่ดีมีสุขทุกวันวาร
อย่าซมซานเหมือนพี่ที่เก้อคอย...

เหม็นขี้หน้า

cicada


เหม็นกลิ่นดอกหลอกลวง..เจ้าพวงเหม็น
กลิ่นเยือกเย็นจนหนาว..เจ้าชาเฉย
เจ้าโรยกลิ่นโชยกรุ่นอย่างคุ้นเคย
คล้ายจะเย้ยมวลหมู่ ผู้ดมดอม
 
เหม็นกลิ่นดอกรักเร่เจ้าเหหัน
รักผกผันหลายใจ..ไม่ถนอม
ผลิกิ่งก้านกลิ้งกลอกหนอดอกพยอม
ยามเขาพร้อม เจ้าผละ..ละจากไป
 
เหม็นกลิ่นดอกคำสร้อย..คนร้อยเล่ห์
พร่ำถ่ายเท..ยากนัก จักฝันใฝ่
เจ้าหว่านเมล็ดผลิกอแตกหน่อใจ
แล้วผลักไสคืนคำ..ลำนำลวง
 
เหม็นซะจัง น้ำใจ..ใครช่างเหม็น
เปิดประเด็นนุ่มนวล..ชวนห่วงหวง
ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อนฉะอ้อนทรวง
ปลายกลับร่วงโรยรา..เหม็นหน้าจัง !!

เช้าในรอยทาง

ทิพย์โนราห์ พันดาว


..เช้าในรอยทาง....
อยากได้เธอร่วมทางที่วางไว้
อยากได้ใจเธอครองเป็นของฉัน
อยากได้รักจากเธอเพ้อทุกวัน
โธ่ เราฝันหลงปลื้ม..รีบลืมตา
ลำแสงสวยลอดผ่านม่านหน้าต่าง
ความอ้างว้างย้ำเตือนรีบเยือนหน้า
อีกหนึ่งวันที่ใจไร้พึ่งพา
เพียงแววตาว่าห่วงใยยังไกลเกิน
อยากนอนอยู่อย่างนี้ให้นานนัก
เมื่อความรักแล้งร้างแลห่างเหิน
เพราะหัวใจผ่านหนาวร้าวเหลือเกิน
เบื่อการเดินในทางเปลี่ยวที่..เดียวดาย

ผู้ชายใจร้าย

ทิพย์โนราห์ พันดาว


ทำไมหนอผู้ชายใจร้ายนัก
ยามหมดรักเรรวนก็ด่วนหนี
เหลือเพียงความช้ำใจให้นารี
ล้านวจีด่ำดื่มกลับลืมคำ
ดั่งนิทานโบราณมีนารีเอ๋ย
พระอภัยเอยหลอกนางยักษ์ปักถลำ
เพียงไม่งามรูปชั่วตัวด่างดำ
ไม่นึกนำเคยอยู่ร่วมคู่เคียง
เคยครองคู่ร่วมใจที่ในถ้ำ
คืนเดือนร่ำดาวระยิบกระซิบเสียง
เคยโอบกอดประคององค์ลงนอนเคียง
ชื่นสำเนียงเรไรร่ำฉ่ำฤดี
ใยพิฆาตยักษีด้วยปี่แก้ว
ซึ้งทรวงแล้วพระอภัยฤทัยพี่
หรือนางยักษ์ไม่งามเด่นเช่นนารี
คุณความดีมีให้...ไฉนลืม

เพียงรอยยิ้ม

ไผ่ลู่ลมม


หัวใจรินร่ำร้องฟ้องสิงขร
ดั่งคนจรจากดินถิ่นอาศัย
ตะวันย่ำสนธยาขอบฟ้าไกล
น้ำตาไหลขมขื่นสะอื้นตาม
...
เสียงไผ่ครวญเสียดกอล้อเล่นลม
อกตรอมตรมหลายหลากมากคำถาม
คำตอบเดียวเพียงรู้อยู่ทุกยาม
คือสงครามความเหงาเข้าทักทาย
สุรีย์ศรีร่วงโรยโปรยความมืด
ดารายืดบรรเจิดขึ้นเฉิดฉาย
เจ้าหิ่งห้อยเร่งรุดจุดประกาย
แต่ความหมายตระหนกในอกเรา
เสียงกล่อมเห่หริ่งหรีดเจ้ากรีดปีก
พาหลบหลีกผ่อนคลายบ้างหายเหงา
เพียงชั่วครู่ที่จิตคิดบรรเทา
อารมณ์เศร้าหมองหม่นก็วนมา
แสงดาวน้อยระยิบกระพริบถี่
ฝากใจนี้ที่จรร่อนเร่หา
หากวันพรุ่งรุ่งตื่นขึ้นอีกครา
ปรารถนา...รอยยิ้ม...ที่พริ้มพราย
 
ไผ่ลู่ลม
 

ทะเลแปร

ไผ่ลู่ลมม


มหรรณพ สาดแทรก กระเเทกคลื่น
จันทร์เสี้ยวตื่น ทักทาย หาดทรายขาว
ดาราส่อง แวววับ ระยับพราว
สายลมหนาว ย้ำจิต สะกิดครวญ
...
เสียงหัวใจ กระซิบ หยิบความเหงา
ฉายภาพเก่า เจ็บลึก สำนึกหวน
รักแตกฟอง ซานซม อารมณ์ปรวน
คนผันผวน คล้ายเล่ห์ ทะเลแปร
ไผ่ลู่ลม

เพราะใจเราผูกกัน

zilver


คืนนี้....ฟ้าช่างเงียบงันกี่วันแล้ว..ไม่อาจห้ามใจให้ห่วงหา
คิดถึงจังนะ..คนไกลตา
ไม่รู้เลยว่า...จะเป็นเช่นไร
เคยชิดใกล้..เคยเคียงข้าง
เคยร่วมทาง..ร่วมเอาใจใส่
แนบชิด...สนิทใจ
อยากอยู่ใกล้ ...อยากฝันถึงเธอ
อยากบังคับ...จับคนดี
ให้มาอยู่ที่ตรงนี้..อยู่เสมอ
ในฝันเธอมีฉันให้ฝันฉันมีเธอ
แต่ก็เป็นเพียงใจที่เพ้อ..คิดข้างเดียว
ไม่ว่าจะแสนไกล ..สุดปลายเอื้อม
แต่เราจะเชื่อมสายใยพันเกี่ยว
ศรัทธาในรักยึดมั่น กลมเกลียว
เพื่อใจหนึ่งเดียว    เพราะใจเราผูกกัน

พร่ำอาลัย

จอมปราชญ์แดนอาคเนย์


เหมือนฟ้านภาพื้นระรื่นสนาน
วายุผ่านลัดลิ่วปลิวใบสน
ปักษางามไหวหวั่นครั่นกมล
สุดที่วอนผ่อนปรนต่อเมฆา

อย่าอ่อนไหวใจนี้..ที่เคยภักดิ์ สุดห้ามหักใจลืมปลื้มโหยหา เคยบินเลาะเลียบชมสมเรื่อยมา สิ้นใบลา...ดั่งใจข้า...สิ้นอาลัย เสียงสุดท้ายพร่ำไว้ให้คิดถึง ว่าครั้งหนึ่งวิหคเอยเคยหวั่นไหว เคยสุขเคียงพฤกษาแต่คราใด วาสนาน้อย...ฝากรอยใจ...ไว้นิรันดร์

รักเร้า...

ประภัสสุทธ


๏ โฉมตรูพธูรักสลักขวัญ
เลิศลาวัณย์เฉิดฉันกลางจันทร์ฉาย
พักตร์เพริศพริ้งพริ้มเพราเพลินผ่อนคลาย
สายลมส่ายระบายเบาบนแก้มบาง
๏ ถ้อยทีทุกท่วงท่าถูกทำนอง
สุ่มเสียงสำเนียงซ้องผ่องสล้าง
เอื้อนเอ่ยเอิ้นออดอ้อนโอดครวญคราง
บอกรักปักใจกลางค้างค่ำคืน
๏ จูบพี่นี้บรรจงจูบไม่จาง
จับนี้เบาเบาะบางบ่ให้ตื่น
ซบร่างระหว่างเนื้อแนบแอบพื้น
ปลดปล่อยรอยร่องรื้นระรื่นรัก
๏ ผิฝนฝ่าฟอนเมฆกลั่นหยดย้อย
นองน้ำในนาน้อยค่อยค่อยหนัก
อารมณ์พายุโหมโถมทะลัก
ปลดเปลื้องเครื่องคาวรักสลักใจ
๏ นวลนางเนื้อแน่งน้อยชม้อยมาด
หยาดเยิ้มเพิ่มรสชาติหวิวหวาดไหว
กำหนัดกำหน่วงเนื้ออะเคื้อไคล
เหงื่อโทรมโรมรินไหลร่างร้าวรอน
๏ หวานจึงหวานชื่นฉ่ำทุกคำหวาน
หอมนี้หอมหวนนานน้องสมร
รสนี้อร่อยนักรสงามงอน
มิอาจพรากจากจรจากห้องใจ

ฉันเป็นนกน้อย

วารี ที่สลาย


.• 
ฉันเป็นนกน้อย .. ที่คอยแหงนมองท้องฟ้า หวังว่าวันหนึ่งจะใกล้ชิด เพียงตัวตนสักนิดในดารา 
ตีปีกบินสูงสู่ฟ้า ขอแค่ดารา .. หันมอง 
. 
ฉันเป็นนกน้อย .. ปลายทางที่รอคอยคือท้องฟ้า 
แต่ฉันเป็นเพียงนกประดับ .. ไม่ใช่ตัวจริง 
ฉันไม่อาจบิน .. จากหลังคา 
ความฝันที่หวังจะใกล้ชิด ฟังดูสิ้นคิดเกินเยียวยา 
เช่นนั้นฉันขอท้องฟ้า ช่วยลอยลงมาหาฉันที .. 
.
.
. 
แต่ฉันก็รู้ตัวดี .. ว่าเรื่องแบบนี้ ไม่มีทาง 
•

แรงใจ

คีตากะ


พรหมลิขิตขีดเขียนเพียรเสกสรร
พานพบกันแล้วจากจำพรากหาย
ดั่งลมไล้พัดผ่านพานมลาย
เพียงมุ่งหมายหยอกเย้ากระเซ้าทรวง
กว่าจะซึ้งน้ำใจยามใกล้ชิด
จวนสนิทแนบใจให้ห่วงหวง
จากแปลกหน้ามาคุ้นอุ่นในทรวง
มาลาล่วงลับหายดั่งสายลม
ฟ้าเปลี่ยนสีเมื่อวันเธอนั้นจาก
มาไกลพรากห่างตาพาขื่นขม
จะดีร้ายอย่างไรให้ตรอมตรม
เคยนิยมกลายเหงาเศร้าฤดี
เธอนำพาแรงใจไปห่างเหิน
ยามเราเดินเส้นทางต่างวิถี
นั่งคอยนับเวลาทุกนาที
พบคนดีอีกครั้งดั่งเลื่อนลอย
อะไรหรือที่เธอละเมอฝัน ?
เพียรหมายมั่นใฝ่หาเอื้อมคว้าสอย
จึงเหินห่างร้างไกลไร้ร่องรอย
ทิ้งคนคอยที่เก่าเฝ้าอาลัย...
หน้า / 50  
ทั้งหมด 839 กลอน