* * * หนูหิ่ง ฯ ตอน อภิมหา-กาบ-แฟน{ตา}ซี (ที่ยังไม่มีชื่อ) 1 * * *

หิ่งห้อยน้อยใจ


จากเกม ต่อนิทาน ประโยคเดียว(ยาว)เชียวนะ 
ที่ naThanon.com (ตอนที่ 1 จากสี่ตอนจบ)  
เครดิตแด่.... เฮียพีท (ผู้รวบรวม)
วันนี้คุณพีทมี เรื่องสั้น แนวแฟน{ตา}ซี  ฉบับ คนเขียนรวมหมู่ มานำเสนอครับ
อันว่าเรื่องนี้ แต่เดิมทีมันเป็นเกมต่อนิทาน เล่นกันอยู่ที่เว็บ naThanon.com ของ สนพ. ณ ถนนฯ 
ซึ่งเป็นการรวมตัวของเหล่าพี่น้องนักอ่านนักเขียนส่วนหนึ่ง (ประมาณยี่สิบกว่าเกือบสามสิบคน) จาก ถนนนักเขียน พันทิป นี่เองครับ 
แต่ต่อกันไปกันมา ประมาณว่าคนเล่นไอเดียบรรเจิดกันสุดๆ จากที่ตั้งใจว่าจะเป็นนิทาน (ขีดเส้นใต้คำว่า นิทาน - -") 
มันกลายเป็นเรื่องแนวแฟนตาซีไปได้ยังไงก็ไม่รู้ โอ๊วววว...  และเดิมตั้งกติกาไว้ ให้แต่งต่อได้คนละประโยค 
สุดท้ายก็เบ่งบาน กลายเป็นคนละหลายๆ ย่อหน้า (ขอ - -" อีกที) ดีเท่าไหร่ ไม่ต่อกันทีละบทครับ ฮ่าๆๆ
ตอนแรกๆ ก็ฉับไวดี มีคนเล่นเยอะเชียว เลยผูกปมกันไว้นุงนังไปหมด  เล่นไปเล่นมา คนเล่นชักจะมีภารกิจรัดตัวทีละคนสองคน  
เหลือเล่นกันอยู่นับนิ้วมือได้ - -"  กว่าจะแก้ปมที่ช่วยกัน (เอ๊ะ หรือแย่งกัน...) ผูกไว้ตั้งแต่ต้นได้ ก็แทบหืดขึ้นคอ  
แบบว่า... ภูมิใจกันมากคร้าบ ฮ่าๆๆ  อย่ากระนั้นเลย เราจะเอาผลงานมาอวดในถนนนักเขียนบ้านเราดีกว่า  แบบว่า ไม่น่าเชื่อเลย ที่จบจนได้ ^^"
ตอนแรกตั้งต้นไว้เป็นนิทาน แต่พอจบ มันไม่ใช่นิทานอีกต่อไป (เด็กอ่านคงตะลึงตึ่งตึ๊ง) ท่านน้องหมูเตย (ผู้มีบทบาทอย่างมาก ทั้งเขียน... ทั้งเล่น) 
เสนอว่า มันคงจะเป็นเรื่องสั้นซะมากกว่า  คุณพีทเลยเอามาลงในหมวดเรื่องสั้นแทนนะครับ  
คาดว่ามันคงจะเป็นเรื่องสั้นแนวแฟนตาซีอะไรประมาณนั้น  (แม้คนเขียนหลายหน่อจะเรียกมันเล่นๆ ว่า มหากาบ ก็ตามที ^^" )
เนื่องจากมันเป็นเรื่องสั้นที่ ยาวววววว มาก (ต้นฉบับ 40 หน้าเอสี่... ไม่น่าเชื่อ)  คุณพีทจะตัดทอนมาลงครั้งละประมาณ 10 
หน้าขนาดพอดีอ่านนะครับ  ก็เป็นอันว่า 4 กระทู้จบ  ลงสัปดาห์ละครั้ง เช้าวันจันทร์นี่แหละ 
 ถือเป็นการเริ่มสัปดาห์ใหม่แบบ สยึย เล็กน้อย สำหรับเพื่อนๆ ที่เข้ามาอุดหนุน โฮ่ๆๆ
ผู้ร่วมก่อการเรียงตามลำดับที่เข้ามาเล่นเกม มีดังนี้ครับ
         >>     พิธันดร
         >>     หิ่งห้อยน้อยใจ
         >>     มณีนาคา
         >>     i_tua_yung
         >>     เซโก้4
         >>     รอมแพง
         >>     เจจุน
         >>     Adel
         >>     oreocream
         >>     เชอร์เบต จี๊ดดด
         >>     ปาร์ลิมา (ละมุนใจ)
         >>     อุณากรรณ
         >>     แค่ก้อนหินที่อยากบินได้
         >>     sugarhut
         >>     Donut_ty
         >>     ชมสิจ๊ะ
นักแสดง
         >>     หมูเตย    :  กระต่าย (ยักษ์) หมูเตย   (กระต่ายอะไร  ชื่อหมู.... ?)
         >>     อะโกโก้   :  พี่หมี (อะ) โกโก้      หมีผู้มีความดันต่ำ  ^o^  ผู้ซึ่งตอนหลังกลายเป็นเจ้าชายรัชทายาทเซโก้โฟร์
         >>     มณีนาคา  :  นางนาคมณีนาคา   ผู้ถูกสาปให้กลายเป็นแหวน
         >>     พิธันดร     :  ปู่พีทซัง  (ซุง, จุง, คุง  อะไรแน่ฟระ ?) พ่อมดเฒ่าเจ้าเล่ห์
         >>     ละมุนใจ (มะลิป่า)  :  หนูลิ  หลานปู่พีทซัง
         >>     หิ่งห้อยน้อยใจ  :  หนูหิ่ง ฯ  (ยัยหิ่ง)  พรานนำทาง
         >>     อีโก้   :  ครุฑน้อยลูกครึ่ง  คราวหลังกลายเป็นครุฑอีจู (เนียร์)  ระหว่างนางนาคา กับพญาครุฑอีโก้
         >>     เชอร์เบต จี๊ด    :  เทพธิดาเชอร์เบต  หรือเฟิร์นซ่า
         >>     หมันมาก 14  :  เจ้าแห่งตุ๊กแกยักษ์  นามว่าหมันมาก รุ่น 14 
         >>     ชมสิจ้ะ     :  เจ้าแม่ชมพู่สิเจ้าคะ   ภรรยาตุ๊กแกยักษ์หมันมาก
         >>     นายสามหน้า (สมจ๊อด)  :  สมจ๊อดไม้สามหน้า  แฝดของไม้หน้าหนึ่ง  กะ ไม้หน้าสอง
         >>     Donut_ty  :  เจ้าแม่โดนัทตี้  ที่กินแต่โดนัท
         >>     ศล    :  โกแลมปู่ศล  ฉากแรกออกมาได้ 3 วิ พอดิบพอดี  อิ  ๆ ๆ ๆ 
         >>     พุทรา  : ไอ้หนูทอมบอยพุทซ้อนพุทรา พุทโธ่พุทถัง  จากต้นพุทราวิเศษ  
รวม 16 คน และมีผู้ร่วมเล่นเกมที่ไม่ทราบชื่ออีก 1 ความคิดเห็นครับ  (ในที่สุด.... จำเลยก็สารภาพบาปว่า.... เป็นนู๋ลิ ปลอมตัวมา  อิ ๆ ๆ )
ตอนเล่น ต่อกันอย่างเมามัน ไม่ค่อยได้ตรวจตัวสะกดเท่าไหร่  ก่อนเอามาลง คุณพีทพยายามตรวจไปหลายรอบแล้ว 
แต่คงจะยังมีหลงหูหลงตาอยู่อีก ต้องขออภัยด้วยนะครับ   ส่วนการจัดแบ่งเป็นบทๆ คุณพีทมาเติมทีหลังครับ เพื่อให้หาง่ายว่าอะไรอยู่ตรงไหน  
เพราะเล่นๆ ไป คนเขียนก็ต้องหันมาถามกันเอง (ในเอ็มบ้าง ในกระทู้คุยต่างหากบ้าง) ว่านี่มันถึงที่ไหนแล้วเนี่ย งืด... เยอะจัด
เหอๆๆ  คุณพีทเลยมาแบ่งบทซะ เพื่อให้อ่านง่าย หาง่ายขึ้นครับ
ข้อมูลปิดท้ายเล็กน้อย นิทาน เอ๊ย เรื่องสั้นเรื่องนี้ เริ่มเล่น... เอ่อ... เริ่มช่วยกันเขียน วันที่ 2 มิถุนายน 2550 
จบลงในคืนวันที่ 27 กรกฎาคม 2550 รวมเป็นช่วงเวลาทั้งสิ้น 56 วัน หรือ 8 สัปดาห์เป๊ะ (แต่ไม่ได้เขียนทุกวันนะ)  จำนวน คคห ทั้งหมด 293 คคห ครับ
บรร-ระ-ยาย ความ . . . ตาม . . . ไท้ . . .   สะ-เด็ด . . . ญาติ . . .    (เอ่อ...    - -"     อืม...)
				
  บทนำ  



กาลครั้งหนึ่ง มีลูกกระต่ายน้อยน่ารักอยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่กับแม่กระต่ายใจดีตามลำพัง ในหมู่บ้านเงียบสงบเล็กๆ แห่งหนึ่ง 

แต่เจ้ากระต่ายน้อยกลับรู้สึกว่าชีวิตน่าเบื่อ และอยากออกไปผจญภัยในโลกกว้าง ทั้งที่ไม่มีใครสนับสนุนเลยซักตัว 

แม้แต่เพื่อนรักที่สนิทและเข้าใจกันมากมาย  ดังนั้นเจ้ากระต่ายน้อยตัวนี้จึงต้องพักเรื่องการผจญภัยไว้ชั่วคราวก่อน 

เพียงแต่ต้องการให้ทุกตัวตายใจ ในขณะเดียวกันก็คิดแผนการผญจภัยไว้แล้วล่วงหน้า รอแค่เวลาที่เหมาะสม 

ต่อมาไม่นาน เจ้าลูกกระต่ายน้อยนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงแอบหนีแม่ออกไปที่ลำธาร  

ทันใดนั้น สายตาก็ไปเจอแสงแวววาวซึ่งแสงนั้นส่องมาจากแหวนวงหนึ่งที่สลักคำว่า "มณีนาคา"  

เจ้ากระต่ายน้อยรู้สึกตื่นเต้นหนักหนา พลางคิดว่าแหวนวงนี้งามล้ำค่าเหลือคณา  ตาไวเท่าใจคิด 

กระต่ายน้อยจึงรีบกระโดดเข้าหาแหวนวงนั้นทันที แล้วคว้าแหวนวงงามแปลกตาเป็นรูปพญานาคฝังมณีมีสีส้มสดใสวาววับ 

ที่ปากนาคาคาบแก้วใสเม็ดเล็กหมดจดงามตาไม่แพ้กัน  กระต่ายน้อยจึงเก็บแหวนวงนี้ไว้กับตัวคิดว่าหน้าจะเป็นประโยชน์ในคราวที่คับขัน 

เจ้ากระต่ายน้อยไม่รู้จะเก็บไว้ตรงส่วนไหนของร่างกาย  จึงลองสวมใส่ที่นิ้วนางข้างซ้าย.... ไม่เข้า.... ไม่เข้า.... ทำไม ? จึงใส่ไม่เข้า  

แง้ ๆ ๆ ใส่นิ้วโป้งก็ได้ (ฟระ)  แล้วก็เดินไปมองแหวนไปอย่างชื่นชม  และในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า 'มณีนาคา' คืออะไรกันนะ... 

กระต่ายน้อยนึกสนุกจึงสวมบทกระต่ายน้อยยอดนักสืบ... เริ่มเดินหาเบาะแส ถามไปทั่วว่า 'ใครรู้จักมณีนาคาบ้างจ๊ะ?  มีใครรู้ไหมว่ามณีนาคาคืออะไร?'  

แต่ก็ไม่มีใครสามารถให้คำตอบกับเจ้ากระต่ายได้ เย็นวันนั้นเจ้ากระต่ายจึงต้องพกความสงสัยกลับบ้านไปอย่างช่วยไม่ได้

				
  บทที่ 1 กระต่ายน้อยผจญภัย  






 เจ้ากระต่ายน้อยเดินไป... เดินไป... เดินไป... เดินไป...  เดินไป... เดินไป... ได้ 3 ก้าว เก๊าะไปพบหมีน้อยนาม " (อะ)โกโก้ "

หมีน้อยสีเหมือนโกโก้ตัวนั้น ช่างน่ากินจัง คิดแล้วท้องก็ร้องจ๊อกๆ  เจ้ากระต่ายน้อยชูแหวนที่เก็บได้ให้หมีน้อยดู 

แต่ทันใดนั้น... แสงสีส้มที่ประดับเป็นดวงตาของนาคบนหัวแหวนก็เปล่งแสงออกมา   ทั้งเจ้ากระต่ายและเจ้าหมีน้อยตกใจมาก... 

เพราะแสงที่เปล่งออกมานั้นจากจุดเล็กๆ ค่อยขยายวงกว้างขึ้น กว้างขึ้นและกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนปกคลุมไปทั่วบริเวณ 

จากแสงสีส้มสุกใสกลายเป็นแสงสว่างวาบในพริบตา ทั้งกระต่ายน้อยและเจ้าหมีน้อยอะโกโก้ต่างหลับตาปี๋เพราะความจ้าของแสงทำให้พวกมันแสบตายิ่งนัก 

และเมื่อแสงสว่างเลือนหายไปจนทั้งสองสัมผัสได้ จึงค่อยลืมตาขึ้นดู และพบพวกมันไม่ได้อยู่ในสถานที่อันคุ้นเคยอีกต่อไป

มันกำลังอยู่!! อยู่!! อยู่!! อยู่ในกระเพาะนาคาเจ้าของแหวน 

และน้ำใสๆ ค่อยๆ ไหลเข้ามา เมื่อมันแตะกับชายกุงเกงของเจ้าหมีโก้เก๊าะทำให้ผ้าส่วนนั้นเปื่อยยุ่ย หรือว่ามันครือ!! มันครือ!! มันครือ!! น้ำย่อยนั่นเอง!!!!!!!!

สองสัตว์น้อยผู้ผจญภัยต่างดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด พวกมันพยายามวิ่งๆๆและวิ่งไปตามทางที่ยาวคดเคี้ยวทั้งมืดและอับ 

จนเห็นแสงสว่างอยู่รำไรข้างหน้า เมื่อพวกมันวิ่งมาถึงจุดแห่งแสงสว่างนั้นจึงพบว่ามันเป็นเหมือนปากถ้ำ หรือท่อระบายน้ำต่างหาก ไม่ใช่อะไรอย่างที่คิดตั้งแต่แรก 

เจ้าสัตว์น้อยสองตัวพยายามมองสำรวจบริเวณรอบๆ จึงรู้ว่าด้านบนจากปากถ้ำที่เหมือนท่อระบายน้ำแห่งนี้มีปราสาทใหญ่แบบอภิมหึมาตั้งเด่นเป็นสง่า 

ด้วยความสงสัยว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ใดกันแน่ อีกทั้งน้ำใสๆ ที่ทำชายกุงเกงของเจ้าหมีอะโกโก้เปื่อยยุ่ยนั้นคืออะไร จึงวางแผนช่วยกันสืบหาความจริง

ลูกกระต่ายน้อย (ซึ่งยังไม่มีชื่อซักที) กับเจ้าหมีน้อย(อะ)โกโก้ ตัดสินใจว่าจำเป็นจะต้องปลอมตัว เพื่อปกปิดฐานะที่แท้จริง มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายได้

ก่อนที่จะสืบอะไรได้นั้น ทั้งสองต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อปลอมตัวเสียก่อน เริ่มจากกระต่ายน้อยไปคว้าผ้าม่าน (บ้านใครก้อมะรุ) สีดำมาคลุมเอาไม้หนีบผ้าหนีบ 

และคว้ากิ่งไม้ขนาดกลางมาถือ พลางวาดปลายไม้ในอากาศ เป็นรูปตัว Z ส่วนพี่หมีฉีกชายผ้าม่านด้วยเล็บคมๆ มาเจาะรู 2 รู คาดที่ตา ตบเอาหมวกสีดำจากขอทานที่นั่งข้างทางมาใส่ 

หลังจากที่เจ้ากระต่ายน้อยและพี่หมีแปลงโฉมเสร็จแล้ว  พี่หมีจึงกล่าวกับกระต่ายน้อยว่า 

"เธอชื่ออะไรล่ะ ฉันชื่อ(อะ)โกโก้ "

"ฉันชื่อหมูเตย แต่ฉันทำตัวเปิ่น ๆ เสมอ ๆ แม่จึงมักเรียกฉันว่าไอ้ตัวยุ่ง"

หมีน้อย(อะ)โกโก้ แอบหันหน้าไปปาดเหงื่อกาฬเม็ดโป้งๆ ที่ผุดขึ้นกลางหน้าผากทันทีที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของกระต่ายน้อยหมูเตย 

เพราะเคยล่วงรู้ถึงกิตติศัพท์มานานแต่ก็เพิ่งจะเคยได้เจอตัวเป็นๆ คราวนี้เอง ตายล่ะหว่างานนี้จะรอดมั้ยเนี่ย?

พอแต่งตัวเสร็จ (และหมีน้อยโก้จังปาดเหงื่อเสร็จแล้ว) สองผู้กล้าหาม เอ๊ย กล้าหาญ ก็ออกเดินทางทันที 

โดยกระต่ายยักษ์ (หลังจากรู้ชื่อแล้ว ขอเปลี่ยนคำขยาย กร๊าก) ต้องคอยรวบชายผ้าม่านไว้ในอุ้งเท้าหน้าด้านซ้ายไปด้วย 

มิฉะนั้นมันจะคอยไปพันกับขาหลังด้านขวาอยู่เรื่อย  แต่ยังเดินไปได้ไม่ทันไร ก็เห็นใครคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางนี้พอดี 

ท่าทางเหมือนเพิ่งออกมาจากปราสาท  ทั้งสองรีบพลางตัวหลบหลังหินก้อนใหญ่ (ว่าแต่เจ้ากระต่ายนั่นน่ะมันจะหลบมิดมั้ยฟระนั่น ...555...) 

แล้วคอยลอบสังเกตการณ์ เพื่อวางแผนที่จะเข้าไปในปราสาทให้จงได้ แต่ด้วยระยะค่อนข้างไกลเจ้าหมีน้อย(อะ)โกโก้มองเห็นได้ไม่ถนัดเนื่องจากสายตาสั้น

จึงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าใบน้อยที่สะพายติดตัวมาด้วย หยิบแว่นขึ้นมาสวมให้ได้ภาพคมชัดมากขึ้น 

แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง เพราะบนคาคบไม้เหนือหัวเจ้าสัตว์น้อยทั้งสองมีรังนกอยู่ และดูเหมือนแม่นกกับพ่อนกจะไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่นัก 

ที่มีลูกสัตว์ต่างสปีซี่ส์ตัวอวบๆ สองตัว มาลับๆ ล่อๆ อยู่เบื้องล่างอย่างไม่น่าไว้วางใจ เลยบินว่อนเป็นวงกลมพลางส่งเสียงกรีดร้อง 

 ในขณะที่ร่างใครคนนั้นก็เดินใกล้เข้ามาทุกที    ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

กระสุนซึ่งปั้นจากดินเหนียวก้อนกลมๆลูกหนึ่งก็ถูกดีดออกจากหนังสติ๊กและมันก็พุ่งเร็วรี่ราวกับอสูรกายผู้กระหายวิญญาณตรงดิ่งเข้ากระทบอกกว้างของพ่อนกในทันที !

พ่อนกอารามตกใจบวกกับจุกจึงพุ่งตัวเข้าจิกลูกสัตว์อวบๆต่างสปีชีส์สองตัวที่นั่งซ่อนอยู่หลังโขดหินทันที

กระต่ายน้อยหมูเตย กับหมีน้อย(อะ)โกโก้ ตกใจจนเต็มเหนี่ยว (มันเป็นยังไงกันเนี่ย) ต่างพากันหนีตาย เอ๊ย หนีพ่อนก 

ตะลีตะลานตะเกียกตะกายดาว เอ๊ย ตะกายข้ามโขดหิน  แต่เนื่องจากกระต่ายหมูเตยมีขนาดอันเล็กจิ๋วจึงไม่สามารถไต่ข้ามไปได้ 

จึงหล่นแอ้งแม้งกลับไปที่เดิม ในขณะที่หมีน้อย(อะ)โกโก้ตัวใหญ่กว่า เลยไต่ข้ามสำเร็จ ทว่ากลับเสียหลัก หล่นปุ๊ลงไปยังแทบเท้าของใครก็ไม่รู้ (คนตะกี๊) ที่เดินมาถึงพอดี

หมีน้อย(อะ)โกโก้ตกตะลึงเมื่อได้เห็นปลายเท้าของคนผู้นั้นอยู่ตรงหน้าจึงค่อยๆ เหลือบมองขึ้นไปเรื่อยๆ จากลักษณะการแต่งกายดูคล้ายขุนนาง 

หมีน้อยไล่สายตาขึ้นไปเรื่อยๆ จนสบตาเข้ากับดวงตาคู่คมดุของขุนนางหนุ่มผู้นั้นซึ่งมีใบหน้าหมดจดเกลี้ยงเกลา 

ด้วยความสง่างามของรูปลักษณ์ภายนอกที่ได้เห็นแทบจะสะกดเจ้าหมีน้อยให้ไม่อาจถอนสายตาจากใบหน้าของชายรูปงามได้

ชายรูปงามแม้จะตกใจเล็กน้อยกับการปรากฏตัวของเจ้าหมี(อะ)โกโก้ แต่ไม่แสดงอาการกระโตกกระตากให้เสียภาพพจน์ 

แต่ด้วยดวงตาเล็กเท่าเม็ดก๋วยจี๊หลังกรอบแว่นที่จ้องสบตาเขาอยู่ ทำให้นึกถูกชะตาไม่น้อย เพราะไม่เคยมีใครในเมืองกล้าจ้องสบดวงตาคู่ดุของเขาอย่างนี้มาก่อน

เว้นนายเหนือหัวที่อยู่ในปราสาทนั่น เขายื่นมือให้เจ้าหมีน้อย

"เป็นอย่างไรบ้างล่ะเจ้าหมีน้อย ลุกขึ้นมาคุยกันหน่อยดีมั้ย? ข้าชื่อพีท เจ้าเรียกข้าว่าพีทจังแล้วกันแล้วเจ้าล่ะหมีน้อยเจ้าชื่ออะไร?" 

ในขณะที่เจ้าหมีน้อยยังนั่งกองอยู่กับพื้นทำตาปริบๆ

"ข้าชื่อหมีน้อย(อะ)โกโก้ ว่าแต่ท่านเป็นใครกัน แล้ว..กระต่ายน้อยหมูเตย (กระต่ายไรฟะชื่อหมู) หายไปไหน"

ถามได้เพียงแค่นั้นสติสัมปชัญญะของเจ้าหมีน้อยก็ดับลง... ขณะเดียวกัน เจ้ากระต่ายน้อย (ที่ดันชื่อหมู) ผู้ไม่อาจตะกายดาว เอ๊ย ตะกายข้ามโขดหิน 

เพิ่งนึกได้ว่าหนีพ่อนกกลับไปทางเดิมที่อ้อมโขดหินมาซ่อนตะกี๊นี้ก็ได้นี่นา เลยตีลังกาม้วนหน้ากลิ้งหลุนๆ กลับไปยังถนน  

ปรากฏว่าไปชนกับร่างไร้ชีวิต เอ๊ย ไร้สติสัมปชัญญะของเจ้าหมีน้อย (อะ)โกโก้พอดี  (จะแบนมั้ยเนี่ย...)

"แอ๊ก!! - -" 

พี่หมี(อะ)โกโก้ครางเบาๆ แล้วนอนสลบไสลต่อไป  ส่วนเจ้ากระต่ายหมูเตยตกใจหน้าตาตื่นกลิ้งลงมาจากตัวพี่หมี

"พี่หมีเป็นยังไง ตายหรือยัง" 

มันเขย่าๆ ตัวพี่หมี แรงขึ้น ... แรงขึ้น ... แรงขึ้น จนหัวสั่นหัวคลอนด้วยความตกใจ   มันหันซ้ายหันขวา ไปพบมนุษย์หนุ่มที่ตื่นมองเหตุการณ์อย่างเหวอๆ 

"พี่ชาย ข้าขอยืมรองเท้าบู๊ตท่านหน่อย" 

ท่านพีททำตามคำขอด้วยความงงเต็ก  เจ้ากระต่ายตัวยุ่งได้รองเท้าบู๊ตก้อวิ่งปรู๊ดไปที่ห้วยข้างทาง ใช้รองเท้าบูทตักน้ำมาสาดใส่หมีใหญ่(อะ)โกโก้

"แค้กๆ ใครเอาน้ำเย็นๆ มาสาดใส่ข้าวะ ข้ากำลังหลับสบาย" 

ที่แท้พี่หมีก็หาได้เป็นลมแดดอย่างที่ใครคิดไม่ กลับเป็นโรคที่ใครๆ ก็ไม่คิดว่าคนท่าทางโหดๆ อย่างเขาจะเป็น ... คือโรคความดันต่ำนั่นเอง


				
  บทที่ 2 ปราสาทลึกลับ  






หลังจากที่นายหมีรูปไม่หล่อแต่พ่อรวยอย่าง(อะ)โกโก้ฟื้นขึ้นมา นายพีทจังจึงพาทั้งคู่เข้าไปในปราสาท  

ระหว่างที่สามชีวิตเดินทางกลับเข้าไปในปราสาทนั้น เจ้ากระต่ายน้อยหมูเตยและหมีน้อย(อะ)โกโก้คอยสังเกตสิ่งต่างๆ ตามทางที่เดินผ่าน 

ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อเข้าใกล้ปราสาทจะต้องเดินผ่านป่าทึบที่ต้นไม้สูงขึ้นหนาแน่นจนแทบมองไม่เห็นแสงตะวัน

เจ้ากระต่ายหมูเตยเหลียวซ้ายแลขวากลับหน้ากลับหลังมองดูบรรยากาศโดยรอบ คิดในใจว่าเมืองอะไรฟระเนี่ยทำไมน่ากลัวจัง 

นี่ทางไปปราสาทยังน่ากลัวขนาดนี้ แล้วในปราสาทจะน่ากลัวขนาดไหน คิดไปแล้วก็แอบขนลุกอยู่ตัวเดียวด้านหลัง 

พอเห็นว่าหมีน้อย(อะ)โกโก้และพีทจังเริ่มเดินห่างก้าวออกไปทุกทีจึงรีบวิ่งเข้ามาเบียดกลางเกาะแขนกันคนละข้างกระชับเข้าแนบตัว

เมื่อทั้งสามมาถึงหน้าปราสาทที่ตั้งอยู่สุดทางถนนแคบๆ ที่ตัดผ่านป่าทึบ ประตูหินบานใหญ่ที่สลักลวดลายมังกรตัวเขื่องก็ค่อยๆเปิดออก 

ไอเย็นยะเยือกรอดผ่านช่องว่างระหว่างประตูมากระทบกับใบหน้าของคุณกระต่าย และ คุณหมี

"พวกเจ้าคือใคร ใคร ใคร ใคร ใคร . . . "

เสียงก้องกังวานสะท้อนสะท้านมาจากเบื้องหลังประตู ทำให้สัตว์น้อยทั้งสองสะดุ้งเฮือก กระโดดเกาะกันแน่น 

แล้วก็หันไปหาพีทจังชายร่างสูงหวังจะขอความเห็นใจ เอ๊ย ขอความช่วยเหลือ แต่อนิจจา... 

ชายร่างสูงพีทจังได้หายไปแล้ว !!!!

ทั้งสองตกอยู่ในความมืดมิด ความมืดมิดที่ไร้ขอบเขต และความหนาวเย็นที่ไออุ่นของกันและกันก็ไม่ช่วยให้ความเยือกเย็นลดน้อยลง 

"ทำไมยังไม่ตอบมาอีก หา หา หา หา หา..."

เสียงกังวานกระหน่ำซ้ำ พร้อมกับสายลมพลังมหาศาลดูดเจ้าสองตัวน้อยลึกเข้าไปกลิ้งโค่โล่กันอยู่ที่เชิงบันได และประตูหินบานใหญ่ก็งับปิดไล่หลังดังปัง !!! 

ทั้งสองตกใจมากมาย หายไปหนายยยยอะ พีทจังหายไปหนายยยย แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นฟระทำไมมันถึงได้มืดขนาดนี้ 

ทั้งสองเริ่มกระแซะเข้ากอดกันแน่นขึ้นและแน่นขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะพิศวาทกันนะแต่เพราะหนาวต่างหาก เกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ เริ่มเกาะตามร่างกาย 

รู้ตัวอีกทีเจ้าสัตว์น้อยทั้งสองก็เข้ามาอยู่ในโถงกลางปราสาทเสียแล้ว 

ทันใดนั้น พื้นหินของห้องโถงก็เริ่มสั่น แรงขึ้น แรงขึ้น จนทำให้หมีน้อย(อะ)โกโก้ได้สติ รีบหันไปบอกเพื่อน

"เร็วเข้า ไอ้ตัวยุ่ง เราต้องขึ้นไปข้างบน"

ทั้งสองจับมือกันแน่นท่ามกลางความมืด แล้วออกวิ่งทันทีโดยไม่รู้ทิศทาง พลันจมูกของทั้งสองก็ได้กลิ่นอาหารโชยมาจากส่วนที่ลึกเข้าไปในปราสาท 

"ทางนี้ ทางนี้"  

แน่นอนว่าเป็นเสียงของเจ้ากระต่ายน้อยหมูเตย ซึ่งถึงจะรักการผจญภัยแค่ไหน ก็เห็นของกินเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง  

สรุปแล้ว แทนที่สองสัตว์จะวิ่งขึ้นข้างบนตามความเห็นของน้องหมี ก็เลยจับมือกันวิ่งเข้าไปยังทางเดินด้านขวาซึ่งกลิ่นหอมโชยออกมาตามคำสั่งน้องหมูแทน  

แต่พอเลี้ยวอ้อมโค้งทางเดินปุ๊บ เจ้าสองตัวก็ต้องตกตะลึงเมื่อโดนแสงสว่างจากกรอบประตูบานใหญ่สาดใส่หน้า พร้อมกับที่ความสั่นสะเทือนยิ่งแรงขึ้นกว่าเดิม

เบื้องหน้าคือภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่กำลังปะทุลาวาแดงร้อนออกมา

เจ้ากระต่ายน้อยหมูเตย  :  "พี่หมี  ข้าหิวจัง  เราตามกลิ่นอาหารนี้ไปเถอะ"  

หมีน้อย(อะ)โกโก้  :  "ดีเหมือนกัน  ข้าก็หิวแล้ว  ว่าแต่เราจะไปยังไง มืดซะขนาดนี้"

แล้วทั้งสองตัวก็เดินโซซัดโซเซคลำฝาผนังห้องไปตามทิศทางที่คาดว่าจะมีอาหารอันโอชะรออยู่ 

โดยไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย ว่าลาวาร้อนแดงกำลังไหลใกล้เข้ามาทุกที (นี่คงหิวกันจนตาลายเลยนะเนี่ย หยึย)

 เสียงก้อง แฝงแววขุ่นเคืองดังขึ้นอีกครั้ง

"เจ้าทั้งสองเข้ามาในครัวข้าทำไม คิดจะขัดขวางการทำไก่อบภูเขาไฟของข้ารึ"

เจ้าหมูน้อย และเจ้าหมีน้อยสะดุ้ง เหมือนตื่นจากภวังค์  ตรงหน้าห่างออกไป มีไก่อยู่ตัวหนึ่ง เสียบไม้ทะลุกลาง วางนอนอยู่บนยอดเสาสองต้น  

ใต้ไก่ตัวนั้น มีทะเลสาปลาวา... ใช่แล้วครับ ทะเลสาป เพราะไก่ตัวนั้น... มัน... มัน...

เป็นไก่ยักษ์ !!! 

"หยุดนะเจ้าลิน้อยอย่ามาเสียมารยาทกับแขกของข้า" 

ทั้งกระต่ายหมูเตยและหมี(อะ)โกโก้ ต่างหันมามองที่ต้นเสียงนั้นทันทีเพราะจำได้ว่าเป็นเสียงของพีทจัง 

แต่...รูปลักษณ์ที่เห็นก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว ลักษณะการแต่งกายก็เปลี๊ยนไป๋ด้วยเช่นกั๋น

ร่างที่ยืนอยู่บนชะง่อนผาสูงลิบด้านข้าง (ทำไมในปราสาทมีชะง่อนผาฟะ... อ๋อ มันแถมมากับภูเขาไฟ) 

ไม่ใช่ชายหนุ่มรูปงามร่างสูงโปร่ง หากเป็นชายชราหลังไหล่งองุ้ม หนวดเคราสีเทาแกมขาวยาวถึงพุง  เสื้อผ้าที่ใส่ก็มิใช่ชุดขุนนางแบบเดิม 

กลับเป็นเสื้อคลุมผ้าหยาบหนาสีน้ำตาลเหมือนเปลือกไมั

พีทจังยกไม้เท้าในมือชูขึ้น ทันใดนั้น!! ก็มีแสงสว่างพุ่งมามัดตัวหมี(อะ)โกโก้และกระต่ายยักษ์หมูเตยไว้ 

แล้วทั้งสองเก๊าะลอยสูงขึ้น... สูงขึ้น... ขึ้นไปอยู่เหนือทะเลลาวา

ทันใดนั้นแสงสว่างก็วาบขึ้น พีทจังในร่างชราตกใจมากมายทำให้กระต่ายหมูเตยและหมีโก้ร่วงปุลงไปในทะเลลาวา 

"เฮ้อ... ขออภัยในความไม่สะดวกที่ไฟฟ้าในปราสาทขัดข้องอีกแล้ว ข้าเพิ่งจะซ่อมมันเสร็จ ว่าแต่มีใครเห็นแขกของข้าบ้างไหม 
เป็นกระต่ายกะหมีตาตี่ใส่แว่น หายไปไหนกันแล้วล่ะเนี่ย??? ว่าไงเจ้าลิน้อย ว่าไงท่านเจจุน?" 

เสียงของพีทจังดังขึ้นอีกครั้ง

"ช่วยด้วยจะลงทะเลลาวาแว้ววววว อ๊ากกกกกก" 

เสียงของเจ้ากระต่ายหมูเตยก็ดังขึ้นเช่นกัน

'ตูม...ตูม' 

เจ้ากระต่ายและเจ้าหมีตกทะเลลาวาจนได้ โชคดีที่ก่อนหน้านี้ทั้งสองมีไอเย็นและเกล็ดน้ำแข็งเกาะอยู่ตามร่างกาย 

จึงยังไม่ถูกเผาไหม้ในทันที และโชคดีอีกเช่นกันที่แสงจากแหวนมณีนาคาห่อหุ้มตัวทั้งสองไว้ได้ทัน 

ทำให้ทั้งสองที่น่าจะตกทะเลลาวาไปแล้วตกลงมากองอยู่แทบเท้าพีทจังตัวจริงอีกครั้งดัง 

'แอ้ก'

แผล่บ! เสียงกระต่ายยักษ์หมูเตยใช้ลิ้นเลียตามแขนตัวเอง พลางตะโกนลั่นว่า 

"อร่อย!" 

แล้วจึงหันไปเลียน้ำลาวาที่ยังติดอยู่ตามแขนของหมีน้อยหน้าตาบ้านๆ อย่างนาย(อะ)โกโก้ "อร่อยจริงๆ เลย"

"หือ?" 

พี่หมียกแขนขึ้นมาดมกลิ่นน้ำลาวาที่ติดอยู่บนเสื้อผ้า ก็ได้กลิ่นคล้ายๆ เครื่องเทศ ยังไม่ทันจะลองทดสอบด้วยลิ้น 

เจ้ากระต่ายยักษ์ ก็กระโดดใส่ พี่หมี(อะ)โกโก้ต้องล้มลงไปนั่งทั้งยืนโดยมีเจ้ากระต่ายหมูเตย นั่งเลียหน้าเลียตาพี่หมีอย่างเอร็ดอร่อย (สะกดถูกมะเนี่ย)

หลังอิ่มจากการเลีย เอ๊ย ชิมน้ำลาวา เจ้ากระต่ายน้อยก็ตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าแหวนมณีนาคาได้หายไป

"แหวน !!! แหวนของข้า หายไปไหน..."

"เฮ้ย!! O_o" 

หลังจากหันซ้ายหันขวาอยู่ครู่หนึ่ง เจ้ากระต่ายก็เหลือบไปเห็นที่หน้าผากพี่หมี 

"แหวนข้ากลายเป็นรัดเกล้าอยู่บนหัวพี่ได้ยังไง"

"เปล่านะตัวเอง"  

พี่หมี(อะ)โกโก้รีบปฏิเสธเสียงหลง  

"เค้าเปล่าหยิบมานะ มันมาของมันเอง"  

ว่าแล้วก็พยายามปลดรัดเกล้ามณีนาคาจากหน้าผาก  ทว่าเอาไม่ออก เพราะติดหูอวบอูมปุกปุยน่ารักทั้งสองข้าง  

มิหนำซ้ำแก้วมณีดวงที่เป็นตาของพญานาค ก็เปล่งแสงว้อบแว้บแสบตา เหมือนจะคาดโทษมือซุกซนของพี่หมี  

น้องหมู เอ๊ย น้องกระต่ายเลยรู้สึกงอนเล็กน้อย และลงไปดิ้นปัดๆ อยู่ตรงแทบเท้าพ่อมดพีทจังจนน้ำซอส เอ๊ย น้ำลาวากระจาย 

"เอาล่ะ อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลย" 

เสียงพีทจังพูดขึ้น หลังจากมองน้องกระต่ายคลุกซอส จนทั่วทั้งตัว

"เรื่องรัดเกล้ามณีนาคานั้น ข้าคิดว่าข้าช่วยท่านได้" 

พีทจังพูดต่อ เมื่อเห็นทั้งสองนิ่งฟัง

"ท่านจะช่วยยังไง" พี่หมี(อะ)โกโก้ถามขึ้น

"ก่อนข้าจะช่วยท่าน ข้าก็มีเรื่องรบกวนให้ท่านช่วยข้าเล็กน้อย .... 
เราไปคุยรายละเอียดเรื่องนี้กันที่โต๊ะอาหารดีมั้ย ... ตอนนี้ไก่อบภูเขาไฟก็สุกพร้อมเสิร์ฟแล้ว"

เจ้ากระต่ายน้อยหมูเตยได้ยินเรื่องอาหารก็หูตั้งขึ้นมาทันที (เป็นกระต่ายนะครับ อย่าลืม ฮ่าๆๆ) 

"ดีฮะ ดีฮะ  เราไปหม่ำกันเลยดีกว่า" 

ว่าแล้วก็คว้ามือเจ้าหมีน้อยเต้นหย็องแหย็งตามพ่อมดเฒ่าพีทจังไป โดยไม่ทันได้ยินเสียงหัวเราะต่ำๆ ในลำคอที่แว่วมาจากข้างหน้า

"หึหึ เอาของกินมาล่อก็เชื่อแล้ว ช่างหลอกง่ายดีแท้  ซ้วบ!!!" 

พ่อเฒ่าพีทจังหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้หนูลิที่ยืนยิ้มสวยอยู่

"เตรียมเครื่องเทศและเตาอบไว้ได้เลยเจ้าลิ งานนี้เรามีสิทธิ์ได้กินกระต่ายอบน้ำผึ้งและหมีร้า(เซมๆ กับปลาร้า อิอิ) อิ่มหนำแน่ๆ เจ้าลิ"

"ได้เลยจ๊ะ ปู่" 

หนูลิรับคำพร้อมใช้ลิ้นเลียริมฝีปากอย่างอดใจไม่ไหว 

"เมื่อกี้ท่านว่าอะไรนะ??" 

เจ้ากระต่ายหูยาวถาม

"ไม่มีใครพูดอะไรหนิ ใครพูดอะไรเหรอ"  

พี่หมี(อะ)โกโก้เงยหน้าขึ้นมาจากการพยายามจัดระเบียบขนที่ยุ่งเหยิงถาม

"ไม่มี้ ไม่มี" 

พีทจังย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

แล้วทั้งสองเดินตามพีทจังไปตามทางเดินของปราสาทที่เรียงรายไปด้วยเสาหินสูงต้นมหึมา แสงสลัวจากโคมไฟที่แขวนอยู่ตามเสาทำให้มองไม่เห็นเพดานของปราสาท 

พอมาถึงหน้าประตูเหล็กที่สูงจนไม่เห็นว่าไปสิ้นสุดตรงไหน พีทจังเจ้าเล่ห์ก็ชูไม้เท้าไปข้างหน้าพลางร่ายคาถา

"ลูกกบตัวหน่อย ลูกกบตัวหน่อย พากั๊นร่าเริงยินดี...  เนื้อมันนุ่มดี เนื้อมันนุ่มดี อะฮื้อ... อะฮือ... อาหย่อย..."

ประตูบานโตท่าทางหนักก็เปิดเข้าไปด้านในช้าๆ เผยให้เห็นแสงสว่างระยิบระยับจากโคมแก้วเจียระไนบนเพดาน และโต๊ะอาหารยาวเหยียดทำด้วยทองคำ 

"เฮเทล เกรเซล เข้าไปนั่งที่โต๊ะซิ" พ่อมดพีทซังเรียก (แก่ขนาดนี้เป็งพีทซังซะดีๆ เถอะ)

หมีใหญ่(อะ)โกโก้กับกระต่ายน้อยหมูเตยมองหน้ากันเลิกลั่ก

"เมื่อกี้ท่านเรียกเราเหรอ แต่เราไม่ได้ชื่อ เอ่อ ... เอ่อ ... นั่นสักกะหน่อย"

"อ้อ ข้าลืมนะ คนแก่ก็เป็นแบบเนี้ย" 

พีทซังรีบกลบเกลื่อน

หมีน้อย(อะ)โกโก้ชักรู้สึกเอะใจ เลยเผลอเกาหัวกลมๆ  แต่กระต่ายน้อยหมูเตยยอมรับคำอธิบายของพ่อมดพีทซังแต่โดยดี 

วิ่งรี่ตรงไปที่โต๊ะทองคำ ซึ่งมีจานทองคำ ช้อนทองคำ ส้อมทองคำ ถ้วยทองคำ ถาดทองคำ 

ตลอดจนมีดทองคำอันใหญ่เท่ากับความยาวของตัวเจ้ากระต่ายน้อยอีกหนึ่งเล่ม

"มานี่เถอะฮะ พี่โก้  มานั่งที่เร้ว หมูอยากกินไก่อบภูเขาไฟแล้วล่ะ"

เมื่อทั้งสามนั่งลงบนเก้าอี้ทองคำเรียบร้อยแล้ว จานทองคำเต็มไปด้วยเนื้อไก่ยักษ์อบภูเขาไฟ 

หมูยักษ์ผัดซอส  ลูกพีชอบราดชอคโกแลต กล้วยบวชชี ผลไม้สด และอื่นๆ มากมาย ก็ลอยดึ๊กดึ๋ย ดึ๊กดึ๋ย เข้ามา

"ไม่เห็นมีน้ำผึ้งเลย ข้าอยากกินน้ำผึ้งเหมือนของหมีพู" 

พี่หมี(อะ)โกโก้ทักขึ้น หลังจากมองหาทั่วทั้งโต๊ะ 

"อ๋อ ได้สิพี่โก้"  ตาเฒ่าพีทคุง เอ๊ย พีทจัง เอ๊ะ พีทซังทำเสียงแหบพร่า แล้วโบกไม้เท้าไปมาในอากาศ  

เพียงครู่เดียวก็มีหมอกควันสีน้ำตาลอ่อนก่อตัวขึ้นเหนือหัวสัตว์น้อยทั้งสอง และเกาะกลุ่มแน่นเข้ากลายเป็นเมฆสีทอง 

กลั่นตัวจนกลายเป็นฝนน้ำผึ้ง หยาดหยดจ๊อกๆ ลงบนจอกทองคำที่อยู่ดีๆ ก็โผล่มาตรงหน้าเจ้าหมีน้อยราวกับถูกเสกมา  

"พี่หมีและน้องหมูจงกินซะให้อิ่ม... ให้อ้วน... แล้วเราจะได้คุยกัน ว่าข้าอยากจะรบกวนขอให้ท่านช่วยอะไร เหอๆๆๆ"

				
 บทที่ 3 ภารกิจของผู้กล้า  






หลังจากที่ทั้งสองกินอิ่มหนำสำราญจนเส้นรอบพุงขยายจากเดิมเป็น 2 เท่าแล้ว

คุณกระต่ายหมูเตยก็พูดขึ้นว่า 

"ท่านจะให้ข้าทำอะไร ... ข้าอยากได้แหวนมณีนาคาคืนแล้ว"

"อาหารยังไม่หมดเลย กินให้หมดก่อนค่อยว่ากัน" 

กระต่ายยักษ์มองไปยังกองอาหารที่ดูเหมือนจะไม่พร่อง แถมยังมีลอยดึ๊กดึ๋ยเช้ามาเรื่อยๆ

"แต่เราไม่ไหวแล้ว"

หมุยักษ์เอ๊ย! กระต่ายน้อยร้องยอมแพ้

"กินได้อีกสิ เดี๋ยวเราจะช่วย หนูลิ มานี่"

"ได้จ๊ะปู่" 

หนูลิรับคำ นำน้ำเหนี่ยวๆ คล้ายน้ำผึ้งชโลมลงบนพู่กันยักษ์แล้วก็ทาลงบนพุงกลมๆ ของเจ้าลูกหมี(บ้า)กับกระต่ายยักษ์ เพื่อให้พุงขยายกินได้อีกหลายเท่า 

"หือ...ยังมีของกินอีกหรือ แต่ข้าทั้งอิ่มและง่วง ไว้ตื่นมาค่อยกินต่อได้มั้ย? เก็บไว้ก่อนละกันนะท่าน ว่าแต่ตอนนี้ข้าอยากได้แหวนของข้าคืนแล้ว" 

 น้ำเสียงของเจ้ากระต่ายหมูเตยชักจะเริ่มซึมๆ ง่วงๆ หนังท้องหนังตาหนักไปหมด เจ้าหมีน้อย(อะ)โกโก้เองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่

"ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...ข้าเกรงว่าจะทำเช่นนั้นไม่ได้แล้วล่ะ น้องกระต่ายหมู 
จริงอยู่ข้ารับปากว่าจะช่วยเอาออกให้ได้แต่ท่านต้องช่วยข้าก่อน และเมื่อท่านช่วยข้าแล้ว 
ข้าเกรงว่าจะสามารถนำรัดเกล้าหรือแหวนนั่นออกจากหัวพี่หมีได้แต่ไม่ได้หมายความว่าจะได้มันกลับคืนไป"

ตาเฒ่าพีทจังแยกเขี้ยว เอ๊ย แสยะยิ้ม ยืนตระหง่านอยู่ที่หัวโต๊ะ ยกไม้เท้าในมือขึ้นโบกเป็นวงหนึ่งรอบ 

แล้วจานชามช้อนส้อมทุกอย่างก็หายไป เหลือเพียงแต่พร้าทองคำ เอ๊ย มีดทองคำอันยาวเหยียดที่ยังวางอยู่  พร้อมๆ กับที่หนูลิขยับเข้ามาข้างๆ เอ่ยว่า

"นี่จ้ะปู่"

 แล้วแผ่นหนังใหญ่ยักษ์สีน้ำตาลกระดำกระด่างในมือหนูลิก็ปลิวลงมาวางกลางโต๊ะ เผยให้เห็นลายเส้นขีดไขว้ไปมามากมายคล้ายแผนที่

พีทซังกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง 

"สิ่งที่ข้าอยากให้พวกเจ้าสองคนช่วยคือ ตามหากุญแจข้ามภพ ให้เจอแล้วนำมันมาให้ข้า"

ทั้งสองหันมามองหน้ากัน แล้วกันกลับไปประสานเสียงถามพีทซังหน้าตาตื่นด้วยความตกใจ 

"กุญแจข้ามภพ?!?! ... มันครืออารายอ่ะ"

พอถามจบก็หันหน้าไปตามเสียงสวบสาบจากชายกระโปรงหนูลิ ที่เอ่ยตอบขึ้นว่า...

"มันคือกุญแจที่จะพาปู่ไปยังสถานที่หนึ่ง เป็นสถานที่ที่มีผลพุทราวิเศษ  ใครที่ได้กินผลพุทราน้อยนั้น จะเป็นอมตะ 
ที่สำคัญ จะหนุ่มขึ้นด้วย แบบว่า ปู่แกไม่ยอมแก่น่ะ อิอิ" 

ประโยคสุดท้ายแอบส่งเป็นเสียงกระซิบให้ทั้งสองได้ยิน

"พุทราวิเศษ ! โอ้  ข้าเคยได้ยิน  แต่ไม่คิดว่าจะมีจริง ๆ  แล้วมันอยู่ที่ไหนกันล่ะท่าน  
ไม่เคยมีใครพบเห็นมันมาก่อนเลยไม่ใช่รึท่าน  แล้วเราสองตัวจะไปค้นหามันที่ไหน  
อีกอย่าข้าอิ่มซะขนาดนี้เห็นทีกลิ้งไปน่าจะเร็วกว่าเดินนะท่าน และข้า....  ข้า....  
ง่วงนอนนนนนนนน  ขอหลับก่อนได้หรือเปล่าท่าน ?  ตื่นมาแล้วค่อยเดินทาง"  

ว่าแล้วเจ้ากระต่ายน้อยหมูเตย  ก็คว่ำหน้าลงนอนบนโต๊ะอาหาร  ^_^

ด้วยความใจร้อน พ่อมดพีทซังเก๊าะดีดนิ้ว เรียกแมลงตัวน้อยมีแสงเรืองรองให้มาเกาะบนตัวเจ้ากระต่าย  

ทันใดนั้นหัวกระต่ายหมูเตยเก๊าะสั่นยังกะโดนไฟช็อต 

หมีน้อย(อะ)โกโก้ตกใจ

"แย่แล้ว แย่แล้ว ท่านปู่ทำอะไรหมูเตย ดูสิ สั่นไปหมดแล้ว   ทำไงดีล่ะหนูลิ"

"ไม่ต้องทำอะไร เอาเกลือคลุกแล้วโยนลงกะทะทอดได้เลย" 

เสียงเย็นๆ ส่งมาจากหนูลิ

กระต่ายหมูเตยได้ยินดังนั้น เลยสะดุ้งตื่นดังผึง ที่ตื่นไม่ได้กลัวอะไรหรอก  กลัวเสียงกระเพาะของหนูลิ ที่ร้องดังอยู่ตอนนี้น่ะสิ

"เอาล่ะๆ  พวกท่านเล่นสนุกกันพอหรือยัง แขกน้อยๆ (อ้วนพี) ทั้งสองของข้า"  

พ่อเฒ่าพีทซุงกระแอมขึ้น  

"ถ้าคืนนี้ไม่ทำการบ้านให้เสร็จ ไม่ปล่อยให้ไปนอนจริงๆ ด้วย  เอ้านี่... ดูแผนที่นี่ซะ เห็นมั้ยว่ากากบาทสีแดงๆ นี่คืออะไร"

"ไม่รู้" 

ทั้งสองพร้อมใจกันส่ายหน้า 

"มันครือ..." 

ทั่นปู่พีทซังกระแอมกระไอ 

"จ๊ากกก! ไม่ใช่ตอบให้มันจริงจังหน่อยซิเจ้าน้องหมูเตย นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ซึ่งมีเดิมพันเป็นชีวิตของประชากรเมืองนี้ทั้งเมือง" 

พ่อเฒ่าพีทจังดุเจ้ากระต่ายหมูเตยจนสะดุ้ง

"กากบาทสีแดง มันก็คือ....เครื่องหมายผิดสีแดง..ใช่มั้ยล่ะท่าน" 

กระต่ายหมูเตยตอบด้วยสีหน้าจริงจัง 

"ไม่ใช่หรอกตัวเอง"  

หนูลิบอกแล้วก็หันไปค้อนพีทจุง  

"แหม ปู่ก็แกล้งพี่หมีกับน้องหมูอยู่ได้"  

แล้วหันกลับมาเฉลยต่อ  

"มันคือหุบผานาคาอัคคี  อยู่ทางเหนือของปราสาทนี่แหละ ในระยะเดินทางหนึ่งวันหนึ่งคืน 
แต่ปัญหามันคือ ระหว่างทางจะต้องผ่านป่าเปรี้ยวจี๊ดซึ่งเป็นดินแดนของเทพธิดาเชอร์เบต 
ซึ่งปู่เข้าไปไม่ได้ เพราะจะเสียวฟันจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น"

"ไม่เอาอ่ะ ข้าชอบของหวาน ไม่ชอบของเปรี้ยว" 

พี่หมี(อะ)โกโก้พูดขึ้น หลังจากนิ่งคิดได้ครู่หนึ่ง

"อืมมม... นั่นซิ ข้าก็ชอบของอร่อย ในป่านั่นมีอะไรเปรี้ยวแล้วอร่อยๆมั้ยอ่ะ" 

กระต่ายหมูเตยหันไปถามปู่พีทจัง .. ซัง .. คุง ... ซุง หรือ จุง -_-a

เฒ่าพีทจังได้ยินคำถามก็อดคิดไม่ได้ว่างานนี้จะได้เรื่องมั้ยฟระ เจ้าสองตัวคิดแต่เรื่องกิน 

เจ้าพี่หมีก็ไม่ค่อยเท่าไหร่แต่ไอ้เจ้าน้องหมูเตยนี่สิหนักเอาการ 

"ถ้าท่านไม่อยากได้แหวนมณีนาคาคืนก็ตามใจนะ ท่านหมูเตย  แต่ข้าจะบอกอะไรท่าน(อะ)โกโก้ซักอย่าง
 คือแหวนมณีนาคาตอนนี้ใหญ่จนใส่หัวท่านเข้าไปได้ก็จริง แต่ครบ 3 วันเมื่อไหร่ มันจะหดเล็กลงตามเดิม 
คือเท่านิ้ว แต่มันจะไม่หลุดจากหัวท่านหรอกนะ มันจะบีบหัวท่านจนระเบิดคาแหวนไปอย่างนั้นแหละ โฮ่ๆๆ"

ตาเฒ่าใจร้ายบอกสัตว์น้อยทั้งสองแล้วก็หัวเราะชอบใจใหญ่

"จ๊าก" 

หมีหุ่นโอ่งร้องด้วยความตกใจกล้วว่าถ้าถูกแหวนบีบหัวหน้าที่ไม่หล่ออยู่แล้วจะยิ่งแย่ไปหรือเปล่าหนอ  

"ไปกันเถอะหมูเตย" 

จึงหันมาชักชวนน้องกระต่ายชื่อหมูอย่างทันที 

"ข้าไม่เชื่อท่านหรอก !!!" 

กระต่ายยักษ์ตะโกนลั่น

ผู้เฒ่าพีทจังมองไปที่ต้นเสียงแล้วหัวเราะร่า 

ก็ตามใจถ้าเจ้าไม่เชื่อ รอคอยวันสมองไหลได้เลย

ทั้งหมีและกระต่าย(หมู)หันมองหน้ากันอย่างชั่งใจ สุดท้ายก็ตอบรับเสียงอ่อย

"ก็ได้ พวกข้ายอมไปที่ผานาคาอัคคี แต่ว่าการผ่านป่าเปรี้ยวจี๊ดนี่สิเป็นปัญหาใหญ่ พวกข้าจะทำยังไง"

เฒ่าพีทหัวเราะ หึหึ พลางลูบเคราแพะของตัวเองเบาๆ อย่างครึ้มอกครึ้มใจ

"เทพธิดาเชอร์เบตนั้นได้ชื่อว่า ไม่เคยหลับใหล ถ้าเจ้าอยากจะฝ่าไปได้โดยที่ไม่เสียวฟันจนลงไปชักดิ้นชักงอล่ะก็...  
จงไปหาขลุ่ยสีเงินให้พบ เมื่อถึงทางเข้าป่าเปรี้ยวจี๊ด ก็จงเป่าขลุ่ยนั้นด้วยเสียงเพลงแห่งความว่างเปล่า  
เพียงเท่านั้น เทพธิดาเชอร์เบต ก็จะหลับใหลราวต้องมนต์ ความเปรี้ยวจี๊ดของป่าทั้งป่าจะหายไป  
แต่พวกเจ้าต้องรีบหน่อย เพราะว่ามนต์สะกดนี้จะออกฤทธิ์เพียงแค่ 3 ชั่วโมง 
ถ้าครบกำหนดแล้วยังไม่สามารถผ่านออกไปได้พวกเจ้าก็จะโดนเทพธิดาเชอร์เบต สาปให้เปรี้ยวตายอยู่ในป่านั่นแหละ !!!"

จบคำ ชายเฒ่าพีทจังก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เสียงดังประหนึ่งฟ้าผ่า แต่เป็นฟ้าผ่าลงกลางกบาลของสองคู่หูนั้น ในความรู้สึก... 

"แล้วเราจะไปหาขลุ่ยสีเงินได้ที่ไหนล่ะท่าน" 

พี่หมีพูดด้วยความร้อนใจ

"เห็นรูปเครื่องหมายถูกสีเขียวในแผนที่มั้ย ขลุ่ยสีเงินถูกเก็บรักษาไว้ที่นั่น"  

หนูลิพูดเสียงเป็นงานเป็นการ

"แล้วที่นั่นคือที่ไหน" 

กระต่ายหมูเตยถามขึ้นบ้าง

"ที่นั่นคือ ป่าแห่งความวังเวง" 

หนูลิพูดอีก

"แล้วที่นั่นน่ากลัวมั้ย" 

พี่หมีถาม

"ไม่มีอะไรในป่านั้นน่ากลัวเท่าความวังเวง" 

หนูลิพูดด้วยเสียงติดรำคาญ 

"ความวังเวงมันคืออะไรอะพี่โก้"  

กระต่ายน้อยหันมาทำตาใสซื่อ

"มันคือความเงียบฉี่ไงน้องหมู"  

พี่หมีตอบ

"งั้นก็ไม่น่ากลัวอะดิ"  

กระต่ายน้อยกระโดดลิงโลด เล่นเอาแผนที่เกือบกระเด็น  

"งั้นพรุ่งนี้เรารีบไปกันเลยนะ ตอนนี้หมูง่วงแล้วล่ะ"

"เดี๊ยววว..วว อย่าเพิ่งไปนอน" 

เฒ่าพีทซังรีบทักขึ้น ก่อนที่สองคู่หูจะพร้อมใจกันเดินไปหาที่นอน

"อาไรอีกง่ะ ข้าง่วงแล้ว" 

กระต่ายหมูเตยพูดไปหาวไป

"เพื่อความชัวร์ ข้าแถมตัวช่วย ข้ากลัวพวกเจ้าจะพลาด"

"ของแถมเหรอ!!!!" 

พี่หมีและน้องกระต่ายประเสียงกัน ความง่วงน้อยลงไปกว่าครึ่ง

"ถ้าเจ้าอยากจะไปให้ถึงขลุ่ยอย่างง่ายๆ ก็ต้องหาผู้นำทางให้เจอ"

หนูลิบอกอีก

"ผู้นำทาง ใคร" 

สองเสียงกล่าวพร้อมกัน

"ไม่รู้ แต่มีคนเรียกเขาว่า หิ่งห้อยน้อยใจ"

"และแน่นอนว่า"  

ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เสริมขึ้น  

"หนูลิหลานข้า จะร่วมไปดูแล (ควบคุมความประพฤติ) ของพวกท่านทั้งสองด้วย โฮ่ๆๆ"

"เฮ๊ย! ปู่ ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนี่" 

คราวนี้เป็นหนูลิที่ส่งเสียงโวยวายมา  ปู่นะปู่ ไหนบอกว่าแค่หลอกให้เจ้าสองตัวนี้ไปไง ไหงถึงได้มาเหมารวมเราไปด้วยนะ 

"ท่านปู๊ ท่านไม่รักข้าแล้วเหรอ ท่านจะให้ข้าตรากตรำเดินทางไกล  ข้าไปแล้วจะมีใครดูแลท่าน" 

เจ้าลิเอาขาหน้า เอ๊ย แขนเกาะปู่พีทซังคร่ำครวญ แล้วปล่อยโฮฮฮฮ 

พ่อมดชั่วร้ายพีทซุงกระซิบกับหลานสาวคนสวย  

"จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป เจ้าลิน้อย  เจ้าก็ออกจากปราสาทไปด้วยกัน 
พวกมันจะได้ตายใจว่าไม่มีอันตราย แต่เจ้าจะไปกับพวกมันถึงแค่ไหนก็อีกเรื่องนึง ใครจะมาบังคับเจ้าได้ล่ะจริงมั้ย"

แล้วก็หันมาประกาศเสียงดัง

"เอาล่ะ ท่านทั้งสองจงไปนอนหลับพักผ่อนกันให้สบาย เพราะอาจจะเป็นคืนสุดท้าย... เอ้อ... 
หมายถึงที่ได้ค้างคืนในปราสาทของข้า  พรุ่งนี้จะได้เริ่มออกเดินทางแต่เช้า"







  โปรดติดตามตอนที่ 2.... เมื่อหนูหิ่ง ฯ ลอก  "^ ^" และจัดหน้าเสร็จ อิ ๆ ๆ ๆ 				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน