ท้าวพันตา พระยาพันวัง

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

บ้านเพื่อนผมอยู่ในสวนผลไม้เป็นเรือนใต้ถุนสูง มีลานบ้านกว้างขวาง
บรรดาสหายธรรม เอ๊ย สหายวงดื่มกินก็มักจะแวะเวียนมาร่วมชุมนุมเฮฮาบ่อย ๆเหมือนเช่นวันนี้ซึ่งเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อนเพิ่งแต่งงานกับสาวเมืองเหนือ
ผู้สวยสะคราญแคล่วคล่อง ทำอาหารพื้นเมืองทางเหนือเก่งมากวันนี้จึงมีลาบหมู
ทั้งคั่วสุก และลาบดิบยังแดง ๆ ให้เป็นกับแกล้มพร้อมผักสด
            ในละแวกบ้านมีญาติพี่น้อง ลูกหลานเยอะ และบรรดาเด็ก ๆ ก็จะจับกลุ่มเล่นซนกันตามลานบ้านเด็กผู้หญิงมักจะไม่ค่อยซนวันนี้ได้ยินเล่นทายปัญหาอะไรเอ่ยกันเป็นที่สนุกสนาน มาสะดุดปัญหาที่เด็กทายกันว่า อะไรเอ่ย ท้าวพันตา พระยาพันวังพ่อมันตายพี่ชายมันยัง แล้วเฉลยกันว่า แห ที่เราเคยได้ยินเป็นเรื่องเล่ากันมาเพี้ยนไปจากนี้ เป็นว่า ท้าวพันตา พระยาพันวัง ตัวกูตายพี่ชายกูยัง เป็นคำท้าทายอาฆาตมาดร้ายระหว่างจรเข้สองตัวซึ่งเป็นศัตรูแย่งชิงความยิ่งใหญ่แห่งลำน้ำเจ้าพระยา
            ท้าวพันตา เป็นจรเข้น้ำจืดเชื้อสายเมืองพิจิตรหว่านเครือลาละวันแผ่อิทธิพลลงมาทางใต้  พระยาพันวัง เป็นจรเข้พันธุ์น้ำเค็มมีอิทธิพลด้านน้ำกร่อยแผ่ไปทางเหนือ จึงเกิดปะทะกันท้าวพันตาบุกลงมาต่อสู้กับพระยาพันวังบริเวณคุ้งข้าวเหนียวบูด คุ้งนี้กว้างไกลจาก บางโพงพาง(แถวสะพานพระรามเก้า)อ้อมกระเพาะหมูที่ตั้งปากลัดไปถึงบางหัวเสือ(เลยที่ตั้งอำเภอพระประแดง) ถ้านึ่งข้าวเหนียวแล้วมูน ลงเรือพายจากบางโพงพางไปถึงบางหัวเสือข้าวเหนียวบูดพอดีคุ้งน้ำนี้จึงได้ชื่อว่าคุ้งข้าวเหนียวบูด
             สองจรเข้ผู้ยิ่งใหญ่ต่อสู้กันสนั่นหวั่นไหวน้ำกระฉอกฉานต่างบาดเจ็บสาหัสเลือดแดงท้องน้ำตลอดเวลากี่วันกี่คืนไม่แน่ชัดจนจะขาดใจตายไปด้วยกันไม่มีใครแพ้ใครชนะจนเกิดวลีอาฆาติมาดร้ายที่กล่าวมาข้างต้น พระยาพันวังกระเสือกกระสนเกยฝั่งขาดใจตายที่ปากคลองพระโชนงข้างวัดหน้าพระธาตุชาวบ้านก็ได้จัดสร้างศาลไว้ให้ส่วน ท้าวพันตากระเสือกกระสนขึ้นเกยฝังสิ้นใจตายที่หน้าเมืองนครเขื่อนขันธ์ขณะนั้นเป็นวันศุกร์ เดือน 7 แรม 10 ค่ำ ปีกุน พ.ศ.
2358 ทางราชการกำลังทำพิธีฝังอาถรรพ์เสาหลักเมืองนครเขื่อนขันธ์เป็นที่น่าอัศจรรย์ที่มีจรเข้ใหญ่ว่าทวนน้ำมาเกยฝั่งตายตรงหน้าปริมณฑลพิธี เจ้าหน้าที่และชาวบ้านเชื่อว่าจรเข้ยอมถายชีวิตเพื่อบูชาหลักเมืองแห่งนี้ จึงได้ตัดหัวจรเข้ขึ้นไว้บนศาลหลักเมืองยังอยู่เป็นหลักฐานถึงปัจจุบัน สำหรับศาลของพระยาพันวังได้สูญหายไปเพราะบริเวณนั้นได้มีการเวณคืนที่ดินสร้างท่าเรือคลองเตยทำการรื้อวัดไปสามวัดคือ วัดหน้าพระธาตุ วัดทอง และวัดเงินโดยเฉพาะวัดเงินคลองเตยกรุพระเครื่องได้แตกออกมาเป็นที่ฮือฮาทั้งแผ่นดิน ทางราชการได้รวบรวมวัตถุและสิ่งของไปรวมสร้างวัดขึ้นใหม่เพียงวัดเดียวคือ วัดธาตุทองอยู่ในปัจจุบัน
              เมืองนครเขื่อนขันธ์นี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย นีชกาลที่ 2ได้โปรดเกล้าให้สร้างขึ้นเมื่อ พศ.2358ได้ทำพะธีฝังอาถรรพ์เสาหลักเมืองดังกล่าวข้างต้นแล้วได้โปรดเกล้าให้ย้ายครัวมอญจากเมืองสามโคกปทุมธานี รวมทั้งไพรพลของแม่กองช้างมอญที่มาสวามิภักดิ์พึ่งบรมโพธิสมภารคือเจ้าพระยา
มหาโยธา (เจ่ง )มาอยู่ที่เมืองนครเขื่อนขันธ์ และทรงแต่งตั้งให้ "สมิงทอมา"บุตร
ของพระยาเจ่งเป็นผู้รักษาเมือง ประกอบกับคำว่า เจ่งภาษามอญแปลว่าช้างจึงได้อัญเชิญ พระพิฆเนศวร์ประดิษฐุ์ฐานบนเสาหลักเมือง ศาลหลักเมืองของนครเขื่อนขันธ์ หรือ อำเภอพระประแดงในปัจจุบัน จึงเป็นศาลพระพิฆเนศวร์ที่ศักสิทธิ์และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
                 ผู้ใดได้ไปนมัสการศาลหลักเมืองนครเขื่อนขันธ์ หรือ ปากลัด หรือ อำเภอพระประแดงซึ่งเป็นที่เดียวกันนี้แล้วจะได้รับแต่ความศิริมงคลหาที่เปรียบมิได้
				
comments powered by Disqus
  • คนคอหวย

    29 สิงหาคม 2554 06:34 น. - comment id 126056

    ไปขอหวยได้หรือเปล่า ข่าวว่าพระพิฆเนศวร์ให้หวยแม่นไม่ใข่หรือ
  • ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    8 กรกฎาคม 2555 00:44 น. - comment id 129736

    สมเด็จพระเทพรัตนฯได้เห็นความสำคัญของศาลหลักเมืองนครเขื่อนขันธ์ได้เสด็จไปเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2555ตามข่าว
    
    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จเป็นประธานหล่อองค์พระพิฆเนศจำลองเนื้อนวโลหะ
    ประจำศาลเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง ฉลองครบรอบ 196 ปีการก่อตั้งเมืองนครเขื่อนขันธ์
    
    ตำรวจและนายประเสริฐ วชิรเขื่อนขันธ์ นายกเทศมนตรีเมืองพระประแดง เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาที่จะเสด็จมาเป็นองค์ปรานเททองหล่อองค์พระพิฆเนศจำลองเนื้อนวโลหะหน้าตักกว้าง 19 นิ้ว ประจำศาลเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ โดยหมายกำหนดการเสด็จมาถึงบริเวณพิธี ณ ลานอเนกประสงค์หน้าที่ว่าการอำเภอพระประแดง ในวันที่ 25 พ.ค. เวลา 09.00 น. ประกอบพิธีสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 2 ผู้ทรงก่อตั้งเมืองนครเขื่อนขันธ์ลงเสาปักหลักเมือง ณ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดงพร้อมนำองค์พระพิฆเนศหินขัดโบราณประดับเป็นมงคลหัวเสาหลักเมืองนครเขื่อนขันธ์เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. พ.ศ.2358 รวมเป็นเวลากว่า 196 ปีมาแล้ว จากนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จะทำพิธีเททองหล่อพระพิฆเนศจำลองพร้อมมอบของที่ระลึกแก่ผู้มีจิตศรัทธาสมทบการก่อสร้างและบูรณะองค์ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง จนเสร็จพิธีจึงเสด็จต่อไปยังบริษัททิสโก้ ทราไฟ จำกัด ม.4 นิคมอุตสาหกรรมบางปู ซอย 8 ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อทรงเป็นปรานเปิดอาคารสำนักงานหลังใหม่ พร้อมชมกิจการและนิทรรศการการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าระดับมาตรฐานสากล จากนั้นจึงเสด็จไปยังศาลาสุขใจ สถานตากอากาศบางปู เสวยพระกระยาหารกลางวันพร้อมทรงสำรวจชมป่าชายเลนเป็นการส่วนพระองค์ก่อนเสด็จกลับ 
    
    นายประเสริฐ วชิรเขื่อนขันธ์ นายกเทศมนตรีเมืองพระประแดง เปิดเผยว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น ที่ทรงเสด็จมาเป็นประธานในพิธีเททองหล่อองค์พระพิฆเนศจำลองเนื้อนวโลหะหน้าตักกว้าง 19 นิ้วครั้งนี้ ซึ่งเมื่อสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะอัญเชิญไปประดิษฐานประจำ ณ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง และจะอัญเชิญแห่ให้ประชาชนผู้เคารพศรัทธาและชาวเมืองพระประแดงที่เคารพนับถือมาช้านานได้สักการะ ในการแห่องค์พระพิฆเนศจำลององค์นี้ทุกวันที่ 2 มิ.ย.ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ 2 ทรงลงเสาปักหลักเมืองสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์เมื่อ 196 ปีมาแล้ว
    
    
    สำหรับผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลร่วมหล่อองค์พระพิฆเนศจำลองและบริจาคร่วมบูรณะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง พร้อมเข้ารับพระราชทานของที่ระลึกเป็นองค์พระพิฆเนศเนื้อทองคำ เนื้อสีเงิน และเนื้อสำริด ติดต่อสอบถามได้ที่ กองการศึกษาเทศบาลเมืองพระประแดง โทร.02-463-4841 พร้อมขอเชิญชวนร่วมรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเสด็จมาเป็นประธานในพิธีในวันและเวลาดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกันด้วย 
    
    
    เรื่องสั้นเรื่องนี้กลับมีคนสนใจเข้ามาอ่านเป็นจำนวนมากเพราะข่าวนี้

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน