24 สิงหาคม 2548 18:28 น.

เวลา .. นาฬิกา .. ความทรงจำ

keekie

ชายหนุ่มบังคับตัวเองให้นั่งอย่างสงบไม่วอกแวก 
	อีกห้านาทีจะสิบเอ็ดโมง .. เป็นเวลาที่นัดหมายไว้ ..
	.. หันไปมองนอกหน้าต่าง .. เมฆฝนจางหายจากฟ้าแล้ว ..
	คงเหลือไว้แต่เพียงหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่ตามกิ่งใบของต้นอโศกสปัน

	ลมเย็นแอบพัดผ่านเข้ามาทางบานหน้าต่างที่เปิดค้างอยู่ ..
	เขาเหลือบมองเข็มนาฬิกาอีกครั้ง .. อีกสี่นาทีจะสิบเอ็ดโมง ..
	อากาศสงบนิ่ง .. แต่รู้สึกได้ถึงไอเย็นที่ระเหยจากดินหลังสิ้นฝน ..
	เขานึกอยากเป็นเข็มนาฬิกา .. ที่เดินเป็นวงกลม ..
	ไม่มีอดีต .. ไม่มีอนาคต .. ไม่มีข้างหน้าที่ต้องหวัง .. ไม่มีข้างหลังที่ต้องลืม ..

	
	เหลือบมองเข็มนาฬิกาอีกครั้ง .. อีกสามนาที ..
	เขานึกชื่นชมความสม่ำเสมอของเข็มนาฬิกา .. มันเดินด้วยจังหวะความเร็วคงที่ ..
	.. มีเพียงจิตใจคนเท่านั้น .. ที่รู้สึกว่ามันเดินเร็วไป หรือ ช้าไป 

	เขาพยายามนึกเรื่องอื่น .. เพื่อให้ลืมเรื่องเวลา ..
	ในส่วนลึกเขาไม่อยากให้ถึงเวลานัดหมาย .. 
	เขาไม่แน่ใจว่าการนัดหมายครั้งนี้ .. เป็นการกระทำที่ถูกหรือผิด ..

	เหลือเวลาอีกสองนาที ..
	
	บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด .. จนเขาได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเดิน ..
	จะเริ่มต้นอย่างไรดี .. เขาควรจะบอกความจริงเลย .. หรือควรบอกทีหลัง ..
	หรือไม่ต้องบอกอะไรเลย? .. 

	เขาเริ่มลังเล .. 
	.. ยังพอมีเวลาที่จะเดินออกไปจากที่นี่ .. 

	ชายหนุ่มพยายามบังคับสายตาไม่ให้เหลือบมองเข็มนาฬิกา .. 
	เขารู้สึกเกลียดตัวเองที่กำลังตกเป็นทาสของอะไรบางอย่าง .. 
	ที่ตัวเองไม่อาจจะเข้าใจได้ .. 
	
	ครั้งแรกที่เขาเหยียบเข้ามาในร้านอาหารแห่งนี้ .. 
	เขาต้องกลับออกไปพร้อมความรู้สึกผิดหวัง พ่ายแพ้ ..
	วันนี้ .. เขากลับมาที่นี่อีกครั้ง .. มันจะเป็นยังไง? ..

	อีกไม่ถึงหนึ่งนาที จะสิบเอ็ดโมงแล้ว ..

	เขาสูดลมหายใจลึกๆ เหมือนต้องการเปลี่ยนลมหายใจเป็นพลังบางอย่าง
	เพื่อเอาไว้รับมือกับความจริง .. ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ..
	สายตาของเขาทอดวางอยู่ที่บานประตูไม้คู่นั้น .. 

	หญิงสาวก้าวผ่านบานประตูเข้ามา ..	
	เธอสวมเสื้อสีขาว .. กับกระโปรงยาวบานลายดอกไม้สีสดใส ..
	ผมที่ยาวคลุมไหล่พริ้วไหวไปตามจังหวะการเดินของเธอ ..

	เขาทอดสายตาจับจ้องอยู่ที่เธอ ..

	"นั่งสิแก้ว .." เขาเชื้อเชิญพร้อมลุกขึ้นยืนต้อนรับ .. 

	เธอนั่งลงบนเก้าอี้ว่างเบื้องหน้าเขา ..

	"ขอบคุณที่อุตส่าห์มา .." 
	"แก้วไม่เคยปฏิเสธเพื่อน .." 
	"จะทานอะไรดีล่ะ"  เขาถาม .. 
	"เหมือนอย่างครั้งที่แล้วที่เรามาทานด้วยกัน .." เธอตอบ ..

	เขาหันไปสั่งอาหารกับบริกร ..

	"ความจำของคุณยังดีนี่ .. เกือบห้าปีแล้วใช่ไหมที่เราพบกันครั้งสุดท้าย .. ที่นี่.."
	เธอถามพร้อมรอยยิ้ม .. ที่ตราตรึงในทรงจำของเขาตลอดมา และจะคงอยู่ตลอดไป ..

	"ห้าปีกับอีกหกเดือน .. " เขาจำได้ดี .. เพราะวันนั้นเป็นวันเกิดเขา ..
	เธอพาเขามาทานอาหารที่ร้านนี้ .. จนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่แน่ใจว่า .. 
	อาหารมื้อนั้นเป็นการเลี้ยงวันเกิดเขา หรือเป็นการเลี้ยงอำลา .. 	
	ก่อนที่เธอกับเขาจะแยกทางกันเดินหลังจากวันนั้น ..

	"ยังทำงานอยู่ที่เดิมหรือเปล่า?"  

	"แก้วยังอยู่ที่เดิม .. ยุทธล่ะ?"  
	"ผมว่าจะย้ายไปอยู่บริษัทอื่น .. ที่นี่มันงกเงินเหลือเกิน ..
	มันทำให้ชีวิตผมแห้งแล้ง .. มัวแต่วิ่งหาเงิน .. 
	ผมว่ามีอะไรอีกหลายอย่างนะที่มีค่ามากกว่าเงินทอง .."

	"แก้วก็เบื่อ .. อยากจะหนีกลับไปเรียนต่อด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ
	ให้มันสะใจไปเลย .. กลับไปหาอะไรที่มันงดงาม บริสุทธิ์ มีคุณค่าทางจิตใจ .."

	เขากับเธอเจอกันครั้งแรกโดยบังเอิญที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย 
	ตอนนั้นเขากำลังหาหนังสือสถาปัตยกรรมยุคกลาง ..
	แต่หาไม่เจอ .. จึงหยิบหนังสือศิลปะยุคกลางมาเปิดดู ..

	เหลือบเห็นเธอมายืนคอยอยู่ด้านหลัง .. เขาจึงหันไปถาม ..	
	
	"ผมยืนขวางทางคุณหรือเปล่า?" 
	"ไม่ค่ะ .. เอ่อ .. มายืนคอยหนังสือเล่มที่คุณถืออยู่ในมือ" 

	"อ้อ .. หนังสือเล่มนี้บอกให้ผมรู้ว่างานสถาปัตยกรรมแฝงตัวอยู่ในงานศิลปะมากมาย" 
	เขาบอก .. แล้วส่งหนังสือเล่มนั้นให้เธอ ..

	"คงเหมือนหนังสือเล่มนี้ที่บอกให้รู้ว่า งานศิลปะแฝงอยู่ในงานสถาปัตยกรรมก็มาก.."
	เธอชูหนังสือสถาปัตยกรรมยุคกลางที่อยู่ให้มือให้เขาดู 

	จากนั้น เขาและเธอก็หอบหนังสือเล่มโตไปยังโต๊ะว่างที่ตั้งอยู่มุมห้องสมุด 
	แล้วความรู้สึกบางอย่างที่คล้ายคลึงกันก็งอกเงยขึ้นในดวงใจของคนทั้งสอง ..

	เขาและเธอเรียนจบปีเดียวกัน .. 
	หลังจากเรียนจบเส้นทางชีวิตของทั้งสองก็ทอดยาวไปข้างหน้าร่วมกัน ..
	จนห้าปีให้หลัง .. เธอก็เดินจากไปกับจิตรกรหนุ่มไฟแรง ..
	และเขาก็เดินไปกับสถาปนิกสาว ..

	"ยังหลงเสน่ห์ศิลปะยุคกลางเหมือนเดิมมั๊ย?"  เขาถาม
	"ไม่เปลี่ยนแปลง "  เธอตอบด้วยรอยยิ้ม

	เกือบบ่ายโมงครึ่งแล้ว .. 
 	เขาและเธอยังอ้อยอิ่งกับอาหารเบื้องหน้า .. 
	ต่างคนต่างเก็บเกี่ยวความรู้สึกที่ขาดหายไปของกันและกัน .. 
	
	"เมื่อวันก่อน .. ผมแวะไปดูงานของ .............. ที่หอศิลป์"  
	เขาพยายามแล้วที่จะไม่พูดถึงจิตรกรหนุ่มไฟแรงคนนั้น .. แต่ไม่สำเร็จ ..
	ทำได้แค่เพียงหลีกเลี่ยงที่จะไม่เอ่ยชื่อ .. เท่านั้น 
	"รู้สึกงานของเขาพัฒนาไปมาก มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ..
	แก้วคงมีส่วนช่วยเขาอยู่มากเชียว .."  

	"เขาตั้งใจจริง มุ่งมั่นมาก แก้วยืนช่วยอยู่ห่างๆ เท่านั้นเอง ..
	แล้วเจนเป็นยังไงบ้าง "  เธอเอ่ยถามถึงเพื่อนสาวสถาปนิกของเขา ..

	"กำลังสนุกกับงานออกแบบคอนโดฯ สามสิบชั้นที่เชียงใหม่" 

	"สังคมนี้มีแต่คนตั้งใจจะประสบความสำเร็จนะ .. ขยันกันจัง" 
	เธอรำพึงรำพัน ..

	"คงไม่มีใครเหมือนเราสองคนหรอก .. ที่ผูกตัวเองไว้ที่ปลายฝัน ..
	แล้วแต่ว่าความฝันจะพาเราไปไหน"  เขาระลึกถึงความหลัง ..

	"แก้วว่าความสุขมันไม่ได้อยู่ที่การประสบความสำเร็จ ..
	การมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของสังคม .. แก้วว่าความสุขอยู่ที่ความพอดี ..
	การรู้จักทำงานอย่างมีความสุข .. รู้จักยิ้มให้ตัวเอง .." 

	"บางทีผมก็ไม่เข้าใจ ทำไมทุกคนคิดแต่จะก้าวให้สูง .. ดูมันโดดเดี่ยว ..
	ทำไมไม่คิดก้าวไปข้างหน้า .. ไปให้ไกล .. ผมไม่แน่ใจว่า ..
	ระหว่างความยาวกับความสูง .. มันต่างกันหรือเหมือนกัน .." 

	เวลายังคงทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ .. 
	มันก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ .. 
	เขาและเธอยังคงพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเรื่องต่างๆ 	
	ความรู้สึกที่ขาดหายไปยังไม่ได้รับการเติมให้เต็ม ..

	บริกรเก็บจานอาหารไปหมดแล้ว ..
	เหลือเพียงแก้วน้ำส้มสองแก้ว .. 

	ทั้งคู่รู้ดีว่า .. เวลาของเขาและเธอกำลังจะหมดลง ..
	
	ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องบอกความจริงกับเธอ .. 
	เขากับเจนแยกทางกันเดินแล้ว .. 
	และอาทิตย์หน้าเขาจะเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อทำวิจัยให้รัฐบาล ..
	หลังจากนั้นเขาวางแผนว่าจะทำงานอยู่ที่นั่นอีกหลายปี ..

	ทำไมเราต้องบอกเธอด้วยล่ะ? ..  เขาถามตัวเอง ..
	เขาต้องการอะไรเป็นการแลกเปลี่ยนกับความจริงที่บอกออกไป ..
	ทำไมเขาจะต้องเสียสิ่งหนึ่งเพื่อให้ได้อีกสิ่งหนึ่งด้วยล่ะ ..

	ไม่จำเป็น .. เขาไม่ต้องการอะไรจากเธอ .. แม้แต่ตัวเธอ ..
	เขาโทรไปนัดเธอทานข้าวเพียงเพื่อต้องการเห็นหน้าเธอเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น ..
	เขาไม่กล้าหวังที่จะให้เธอกลับมาร่วมเดินทางเดียวกับเขา .. 

	"แล้วเมื่อไหร่แก้วจะแสดงผลงานเดี่ยวของตัวเองบ้างล่ะ" 
	"คงไม่มี .. แก้วไม่ชอบ .. แก้วคิดว่านั่นเป็นการทำเพื่อตัวเองมากเกินไป" 

	เธอนึกอยากจะบอกความจริงกับเขาว่า ..
	เธอกับจิตรกรหนุ่มไฟแรงคนนั้น .. หันหลังให้กันแล้ว ..
	และเธอตัดสินใจไปวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังให้กับวัดแห่งหนึ่งในชนบททางภาคเหนือ
	ด้วยความเชื่อที่ว่าศิลปะเป็นความงดงามบริสุทธิ์ .. เธออยากให้เด็กๆ ในชนบท 
	ได้เห็นความงดงามอันบริสุทธิ์นั้น ..

	แต่ .. เธอจะบอกเขาไปเพื่ออะไร? .. เธอถามตัวเอง ..
	แล้วเธอก็ตัดสินใจไม่บอกเขา ..

	ดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวลงต่ำลับหายไปหลังต้นอโศกสปันแล้ว ..
	
	เขายกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบ .. คำสุดท้าย ..
	ได้เวลาแล้ว .. ได้เวลาที่เขาต้องไป ..
	
	เขาเรียกบริกรมาคิดเงิน ..

	เขาและเธอนั่งนิ่ง .. เหมือนต้องการเก็บซับความทรงจำในช่วงเวลาสุดท้าย ..
	.. ให้นานที่สุด .. 

	ไม่มีใครต้องการจากไปพร้อมความเจ็บปวด ..

	เธออยากบอกความจริง .. 
	
	เขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับเธอ ..

	แต่วินาทีจะมีใครรู้ .. นอกจากตัวของเขา และ เธอ .. 

	"เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะ .. แก้ว .. " เขาตัดสินใจแล้ว ..

	เธอพยักหน้าเข้าใจ .. ความรู้สึกปวดร้าววิ่งรี่ไปจุกอยู่ที่ขอบตาทั้งสองข้าง ..

	เธอตัดสินใจแล้ว .. "ลาก่อน .. ยุทธ .."  

	แก้วเป็นฝ่ายขยับตัวลุกขึ้นด้วยความรู้สึกยากลำบาก ..

	"โชคดีนะแก้ว .. " 
	ริมฝีปากชายหนุ่มสงบนิ่ง .. แม้ได้เห็นน้ำใสๆ ไหลรินจากดวงตาหญิงสาว ..
	
	เขารู้ดีว่า แก้วรู้สึกปวดร้าวมากเท่าๆ กับเขา เพราะแก้วไม่เคยร้องไห้ ..

	แก้วหันหลังเดินจากเขาไปอย่างช้าๆ .. 
	เขาอยากตะโกนเรียกเธอให้หันกลับมาฟังความจริงที่เขาตั้งใจจะบอกเธอ ..
	แต่มันคงไม่มีประโยชน์อันใด ..  .. เขาหันหลัง เดินไป ..

	เวลา .. มีค่ายิ่งกว่าสิ่งอื่น ..
	ความทรงจำที่มีความหมายยิ่งในวันนี้จะตราตรึงในหัวใจตลอดไป .. 

	เขาและเธอจากกัน .. ใต้ต้นอโศกสปัน .. 
	โดยมีเพียงทั้งสองเท่านั้น .. ที่รู้ความจริงในหัวใจตัวเอง .. 


	.. ปล่อยทุกอย่างให้เป็นความทรงจำ ..
	.. ปล่อยถ้อยคำให้เลือนหายสู่ปลายฟ้า ..
	.. ปล่อยความรักให้กลืนกลบลบเวลา ..
	.. ปล่อยน้ำตารินรดหยดสุดท้าย ..				
20 สิงหาคม 2548 13:08 น.

.. ครึ่งทาง ..

keekie

ฉันยืนอยู่ขอบสระว่ายน้ำ ..

	เตรียมตัวกระโดด .. ดวงตาแน่วแน่จ้องมองไปยังลู่ตรงหน้า .. 

	แปดร้อยเมตร .. เป็นระยะทางที่ไม่น้อยเลยสำหรับฉัน ..
	การแข่งขันครั้งนี้ฉันต้องชนะ!! ..

	เหลียวมองคู่แข่งซ้ายขวา .. 
	ทุกคนมีสีหน้าเอาจริงเอาจัง .. 
	
	ฉันไม่ยอมหรอก .. เกิดเป็นคนมีสองแขนสองขาหนึ่งสมองเท่ากัน .. 
	ต้องวัดกันซักตั้ง .. ให้มันรู้ดำรู้แดง .. 

	ปิ๊ด ๆๆ .....   
	เสียงนกหวีดจากกรรมการดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าให้เตรียมตัว ..

	อีกไม่กี่นาที .. ก็รู้กันแล้ว .. ใครแน่กว่าใคร ..

	ฉันกลั้นหายใจ .. หัวใจเต้นรัวแรง .. คงเพราะตื่นเต้น
	.. ตื่นเต้นกับชัยชนะที่กำลังจะได้รับ .. 55555

	หันซ้ายขวามองผู้กำลังจะแพ้ข้างตัว ..
	เพื่อนเอ๋ย .. อย่าโกรธกันนะ .. การแข่งขันก็แบบเนี้ย .. มีแพ้ .. มีชนะ .. 	
	

	ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ...!!!!

	ฉันยืดตัวพุ่งลงน้ำด้วยแรงสปริงจากข้อเท้า ..
	ใช้กำลังทั้งหมดที่มี .. เร็วและแรงที่สุด .. เท่าที่จะทำได้ ..
	ผู้กำลังกำชัยชนะออกตัวอย่างงดงาม ..
	วาดแขนสะบัดขาด้วยท่วงท่าฟรีสไตล์ ..

	อา .. หัวไหล่อันแข็งแรงพาฉันพุ่งทะยานผ่านน้ำไปอย่างเร็ว .. 

	"สู้ๆ .. ไอ้กี้ .. สู้ๆ .. แกกำลังนำอยู่ .. เก่งมากเพื่อนเอ๋ย"  
	เสียงกองเชียร์ .. เหมือนทัพหนุนอุ่นใจไม่สู้กลัว .. 
	ยิ่งทำให้ฉันฮึมเหิม .. ใช้แรงทั้งหมดที่มีพาร่างกายพุ่งทะยานไปข้างหน้า ..

	สองร้อยเมตร ..
	อีกแค่หกร้อยเมตรเท่านั้นสินะ ...
	ฉันจะได้ขึ้นไปยืนบนจุดสูงที่สุด .. รับเหรียญทอง .. 
	
	ประกายโลหะสีทองยามต้องแสงที่ส่องแวววาวในจินตนาการ ..
	ยิ่งทำให้ฉันโหมกำลังที่มีพุ่งไปสู่จุดหมาย .. อย่างสุดแรงเกิด ..

	ชัยชนะเท่านั้นที่ฉันต้องการ ..

	สามร้อยเมตร ..

	อา .. ..

	หัวไหล่เริ่มล้า ..
	ทำไมมันไกลนักนะ ..

	เอาน่า .. ฉันแข็งแรงพอ .. !! 

	"เฮ้ย .. ไอ้กี้ .. เร่งหน่อย .. แรงหมดหรือไง? .. เขาแซงแกไปกันหมดแล้ว"  
	เสียงกองเชียร์แว่วเข้าหู

	ใครบอก .. ฉันกำลังนำอยู่ตะหาก .. 
	ฉันต้องชนะ .. ..!!!
	แต่ .. อีกไกลเท่าไหร่นะ .. ทุกทีมันไม่ไกลขนาดนี้นี่นา ..
	
	ประกายโลหะสีทองที่ส่องแสงในจินตนาการ .. เริ่มจางลง ..
	
	ถ้าไม่ไหว .. เหรียญเงินก็ได้ ..
	เป็นที่สอง .. ก็คงไม่รองใครสักเท่าไร .. 

	อา .. เหลืออีกเท่าไหร่นะ ..
	ชักจะไม่ไหวแล้ว ..

	"เฮ้ย .. ไอ้กี้ .. เกือบครึ่งทางแล้ว .. เร่งอีกหน่อย .. แกอยู่สุดท้ายแล้วนะ .."
	เสียงใครบางคนแว่วเข้าหู ..

	อา .. เพิ่งครึ่งทาง ..
	นี่ฉันยังต้องทนต่อไปอีกครึ่งทางหรือนี่ ..?
	ด้วยแขนขาที่ล้าขนาดนี้เนี่ยนะ ..

	สงสัยจะไม่ไหว .. 
	เอาน่า .. ขอฮึดอีกหน่อย .. สู้ให้ได้เหรียญทองแดงก็พอ ..
	ฉันพยายามวาดแขนที่อ่อนแรงไปข้างหน้า .. 
	รู้สึกมันหนักเหลือเกิน ..

	แต่ว่า .. ตอนนี้ฉันอยู่สุดท้ายแล้วนี่? ..
	ฉันพยายามตีขา .. แต่ .. มันล้าเหลือเกิน .. 

	อา .. สงสัยไร้ผล .. 
	ไม่ได้เหรียญอะไรสักเหรียญแน่ ..

	ขืนว่ายต่อไปข้างหน้าก็แพ้อยู่ดี .. 
	อีกตั้งครึ่งทางจึงจะถึงจุดหมาย .. แขนขาของฉันไม่ไหวแล้ว ..

	อา ... 

	กลับก่อนก็แล้วกัน .. การแข่งขันคราวหน้ายังมีอีก ..
	คราวนี้ไม่ชนะก็ไม่เป็นไร .. กลับไปซ้อมให้ดีกว่านี้แล้วค่อยแข่งใหม่ .. 
	คราวหน้า .. คราวหน้า .. 

	

	ฉันพลิกตัว ..
	แข็งใจว่ายกลับมายังจุดเริ่มต้น .. .. 

	ฉันไปได้แค่ครึ่งทาง ..				
12 สิงหาคม 2548 12:45 น.

.. Power of Silence ..

keekie

11 สิงหาคม 2548  เวลา 14.26น.
	ณ ที่จอดรถเงียบเหงาในห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุง ..


	แม่คะ ..

	ตอนนี้หนูนั่งอยู่ในรถค่ะ .. นั่งอยู่คนเดียว .. 
	ฝนข้างนอกกำลังโปรยปราย ..
	หนูเห็นหยาดฝนปลิวร่วงหล่นจากฟากฟ้า ..
	แต่หนูไม่ได้ยินเสียงมันหรอกค่ะ แม่ ..
	กระจกรถคงกั้นไว้ .. กั้นสรรพเสียงจากภายนอกทั้งปวง ..

	.. หนูอยู่ในความเงียบ ..
	.. เงียบจริงๆ นะคะแม่ .. เงียบจนหูอื้อ ..
	.. เงียบจนหนูต้องถามตัวเองในใจว่า .. หนูได้ยินอะไรในความเงียบ .. ?

	.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

	หนูได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น ..

	.. ตุ๊บตั๊บ ๆ ๆ ๆ ..

	ยิ่งตอนมองดอกมะลิในขวดเทียนเจลใสๆ ด้วยแล้ว ..
	หัวใจหนูยิ่งเต้นแรงขึ้นไปอีกค่ะแม่ ..

	ในความเงียบ .. 
	ทำให้หนูนึกถึงวันนี้ .. ของทุกปี 
	หนูจะมีดอกมะลิไปฝากแม่ .. บางทีเป็นมะลิซ้อนทั้งต้น .. 
	บางทีเป็นมะลิฉัตร .. บางทีเป็นมะลิผ้า .. สบู่ .. ยางพารา .. ฯลฯ ..
	
	ดอกมะลิเต็มบ้านเราเลยใช่ไหมคะ แม่ ..?

	ปีนี้ .. หนูเอาดอกมะลิใส่ไว้ในขวดเทียนเจลใสๆ ..
	ของชอบของแม่ทั้งสองอย่างเลยนี่คะ .. ทั้งเทียนหอม และดอกมะลิ ..
	ห๊อม .. หอมค่ะแม่ ..

	หอมกลิ่นเทียน .. กลิ่นมะลิ ..
	กลิ่นความรัก .. กลิ่นความคิดถึง .. กลิ่นความอบอุ่น ..
	มันทำให้มะลิวันแม่ .. หอมกว่าทุกครั้งเลยค่ะ .. 	

	.. แม่รีบกลับมาเร็วๆ นะคะ .. 

	วันแม่ที่ผ่านมา .. หนูได้แต่ยื่นดอกมะลิให้แม่แล้วบอกแม่ว่า ..

	".. อ่ะ .. มะลิวันแม่ ..!!"

	แม่ยื่นมือมารับ .. 
	หนูไม่ทันได้มองตาแม่ด้วยซ้ำ ..ว่าแม่ดีใจหรือป่าว? .. 
	ไม่เคยถามแม่ว่า .. แม่ชอบมันหรือป่าว? 
	คงเป็นเพราะแม่อยู่กับหนูทุกวัน .. 
	แต่วันแม่ปีนี้ ... ... ... 
	
	.. แม่รีบกลับมาเร็วๆ นะคะ ..

	หนูจะกราบแม่ที่ตัก ..	แล้วส่งเทียนเจลดอกมะลิหอมๆ ... ให้แม่ ..
	แล้วก็หอมแก้มแม่ ..
	แล้วก็จะบอกว่า .. หนูรักแม่ ..
	แล้วก็จะกอดแม่ ..
	แล้วก็จะรอให้แม่กอด ..
	แล้วก็จะขอให้แม่หอมแก้มหนูด้วย ..

	.. .. .. .. .. .. 

	หนูรู้แล้วค่ะ ..
	ว่าหนูได้ยินอะไรในความเงียบ ..

	หนูได้ยินแม่บอกหนูว่า .. 

	"แม่ก็รักหนูจ้ะ .." 

	.. ใช่ไม๊คะแม่ .. ?				
10 สิงหาคม 2548 15:18 น.

.. ที่ซุกหัวนอน ..

keekie

ฉันจอดรถบนฟุตบาธข้างถนน ..
	นั่งรอใครบางคน .. 
	คอยใครบางคน .. 

	ฝนตก ..
	ฉันมองผ่านกระจกที่มีละอองฝนเกาะพราว ..
	ผู้คนเดินผ่านไปมา .. บ้างกางร่ม .. บ้างใช้กระดาษหนังสือพิมพ์กางคลุมศีรษะ ..
	บ้างเดินตากฝนอย่างไม่สนใจหากเนื้อตัวจะเปียกปอน ..

	รถราหนาแน่น .. ขยับเขยื้อนได้ทีละน้อย .. ทีละน้อย ..
	ฉันมองนาฬิกา  17.23 น.  
	ชั่วโมงเร่งด่วนเช่นนี้ .. ใครต่อใครคงรีบกลับ .. บ้าน ..

	ฉันนึกถึงบ้าน .. 


ฉันเปิดประตูเข้าบ้าน ..
	ถอดรองเท้าผ้าใบสีขาว ..  เอาน่า  .. อย่างน้อยครั้งหนึ่งมันก็เคยเป็นสีขาวแหละ ..
	แค่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาซักมันเท่านั้นเอง ..
	คนจิตใจดี .. ใส่รองเท้าสกปรกแค่ไหน .. ก็ไม่เป็นไรหรอกน่า ..

	ถอดรองเท้าผ้าใบสีขาววางบนพื้นหน้าชั้นวางรองเท้า ..
	ชั้นวางไม่มีที่ว่างพอสำหรับรองเท้าของฉัน .. 

	วางกระเป๋าทับกองกระดาษบนโต๊ะสี่เหลี่ยมเก่าๆ .. ข้างจานข้าวผัดกระเพราหมูล่ะมั้ง ..
	 .. มดแดงเริ่มเคลื่อนขบวนขนเม็ดข้าวที่ยังหลงเหลืออยู่ ..
	เฮ่อ .. อีกแล้ว .. แค่จานใบเดียวทำไมล้างเองไม่ได้นะ ..

	ฉันหยิบจานเปล่าติดมือมาด้วย .. แวะเปิดตู้เย็นใบย่อม .. หิวน้ำจะแย่การจราจรยังกะจลาจล ..
	นั่น .. ดื่มน้ำหมดยังเอาขวดเปล่าใส่ไว้อีก .. รอให้ใครมาเติมกันนะนี่ .. 
	แล้วกาแฟน่ะ ชงยังไงมันถึงได้หกเลอะเทอะโต๊ะซะขนาดนั้น .. 
	ผ้าเช็ดหน้าใช้แล้วก็ไม่รู้จักเอาไปซัก .. นี่ขนาดมีคนซักให้นะเนี่ย ..
		
	โอ๊ย!!! .. ไม่ด่งไม่ดื่มมันละน้ำ .. เห็นแล้วเซ็ง .. (ฟ่ะ)

	หยิบจานเปล่าเดินไปห้องครัว .. 

	แค่ถุงเท้าสองข้าง .. ยังโยนไม่ลงตะกร้า .. เสื้อนั่น .. ใส่ยังไงให้เลอะซะขนาดนั้น ..
	มันซักยากรู้บ้างหรือป่าว? .. บอกกี่ทีแล้วว่าอย่าเอากางเกงใส่ปนกับเสื้อในตะกร้าเดียวกัน .. มันเหม็น
	เฮ่อ .. ที่บอกไปน่ะ เคยอยู่ในหัวมั่งป่าวเนี่ย? 

	ฉันหยิบเสื้อ กางเกง และถุงเท้าที่ใครบางคนคงถอดโยนกองไว้ใส่ลงตะกร้า ..

	แก้วกาแฟใบสีดำ .. วางทิ้งเดียวดายในอ่างล้างชาม .. คงดื่มตอนเช้าน่ะสิ .. 
	ดูซิ .. มดขึ้นเต็มเลย .. ทำไมน้า .. ทำไม? .. ฉันต้องมาตกในสภาพแบบนี้ด้วย ..

	ช่างมัน!!! .. 

	ฉันโยนจานเปล่าลงอ่างอย่างไม่สนใจว่ามันจะแตกหรือป่าว ..

	เดินหัวเสียมานั่งสงบสติอารมณ์บนตั่ง ..
	
	ผ้าปูนอน .. หมอน .. ทิ้งร่องรอยไว้เหมือนว่า ..
	ใครสักคนเพิ่งลุกจากที่นอน ..

	ตัวเองตื่นทีหลัง .. ทำไมไม่เก็บที่นอนนะ .. 
	ใจคอจะให้ทำให้ทุกอย่างเลยหรือไง? ..
	ฉันก็ต้องทำงานหาเงินเหมือนกันนะ .. 

	ฉันกวาดสายตาผ่านคอมพิวเตอร์ .. ไปยังชามสังกะสีบุบบี้ที่มีก้นบุหรี่เต็มจนล้น .. 
	เถ้าบุหรี่กองบนโต๊ะ .. เมื่อเช้าเพิ่งเททิ้งให้ .. นี่เต็มอีกแล้ว .. จะสูบทำไมนักหนานะ ..
	เก็บเท่าไหร่ก็ไม่จบสิ้นเสียที .. เฮ่อ!! ..

	ฉันล้มตัวลงนอนบนผ้าปูยับยู่ .. บนตั่งไม้สักตัวโต .. หลับตา .. 
	.. เหนื่อยจัง ..	
	

	เสียงประตูเปิด ..
	ใครบางคนก้าวเข้ามา .. ถอดรองเท้าผ้าใบโยนไว้บนชั้นวางรองเท้า ..
	ที่มีรองเท้าวางอยู่เต็ม ..

	"รอรับหน่อยก็ไม่ได้"    คำแรกเอ่ยออกจากปากเขา ..
	
	แล้วก็เดินกระแทกส้นเท้าปังๆ ไปเปิดตู้เย็น ..	
	"น้ำหมด"  เสียงหงุดหงิดเต็มที ..

	ฉันพยายามข่มอารมณ์ .. นึกในใจ ..   "อื้ม .. รู้แล้ว .. "  

	เสียงโยนขวดเปล่าลงพื้น .. 
	กระแทกส้นเท้าเดินปังๆ ...  โครม!! .. 

	"โอ๊ย!! .. เปิดประตูตู้เสื้อผ้าไว้ทำไม? .. "  ความหงุดหงิดยังคงฟาดหัวฟาดหาง ..
	
	แม้ไม่ลืมตา .. ฉันก็นึกออก .. แววตาใครบางคนคงแทบลุกเป็นไฟ ..
	ยามอารมณ์เสีย .. เขาเป็นเช่นนี้เสมอ ..

	"ก็เปิดไว้เอง .. เดินชนเอง .. แล้วจะโมโหทำไม? "   
	ฉันตอบโดยไม่ลืมตา .. 

	เสียงเดินลงส้นเท้าหนักๆ  เตะบรรดาข้าวของที่วางระเกะระกะบนพื้นห้อง ..
	โครม!!! ..  .. .. 

	คงเป็นโต๊ะไม้ตัวเล็กวางพริ้นเตอร์กับซีดีล่ะมั้ง ..
	จะเตะทั้งที ทำไมไม่เอาที่มันชิ้นใหญ่ๆ หนักๆ ..
	ทีวีก็ได้ .. ทุ่มไปเลย จะได้หาเงินซื้อเครื่องใหม่ .. มันเก่าเหลือทน ..

	ฉันยังไม่ปรารถนาจะลืมตา .. ฟังแค่เสียงก็เพียงพอ ..

	เสียงกระแทกส้นเท้าเดินปึงปังไปที่ประตู ..
	
	เพล้ง!!! .. กรอบรูปที่แขวนอยู่ข้างประตูคงโดนไปล่ะมั้ง .. 
	ฉันพยายามข่มอารมณ์ที่วิ่งเป็นริ้วขึ้นมาถึงคอ .. 
	
	ปัง!!! .. เสียงประตูกระแทกปิดอย่างแรง .. 
	.. ทิ้งทุกอย่างไว้ในความเงียบ .. 	
	
	อา .. สงบจัง .. ฉันเพิ่งรู้ .. ฉันพิศมัยความเงียบ ..
	
	 ..


...

	
	ก๊อกๆๆๆ .. 
	เสียงเคาะหน้าต่างรถ .. ทำฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ..
	
	ฉันไขกระจกด้านคนนั่งลง .. 

	"รอนานไหม? .."  ใครบางคนถาม ..
	ฉันสั่นศีรษะ .. แล้วยิ้มต้อนรับ ...  "ไปไหนดี.."  ฉันถาม ..

	"กลับบ้านดีไหม?"   ใครบางคนตอบ ..  

	ฉันยิ้ม .. ยิ้มอย่างที่ไม่เคยได้ทำมานาน ..   "ดีค่ะ.. กลับบ้าน .."  
	ฉันสตาร์ทรถ .. เข้าเกียร์ .. แล้วพารถพุ่งทะยานไปข้างหน้า .. 
	.. ลับหายไปในการจราจรอันคับคั่ง .. ลำพัง .. 


	ฉันอยากกลับบ้าน .. 


	ฉันเปิดประตูรั้วเข้าบ้าน .. 
	ถอดรองเท้าผ้าใบสีขาวเก็บใส่ตู้รองเท้าที่ตั้งในโรงรถ .. 
	ดอกเยียบีร่าสีขาวชูช่องดงามในแจกันสีมุก .. ราวยิ้มรับฉันกลับบ้าน ..

	ฉันก้าวเข้าห้องรับแขก .. โซฟาสีเขียวหม่นเข้าชุดกับชั้นวางโฮมเธียเตอร์ .. 
	หยิบรีโมทคอนโทรลเปิดโทรทัศน์ขนาด 29 นิ้ว ..
	ไม่เอาดีกว่า .. ฟังเพลงดีกว่า .. ปิดโทรทัศน์ .. 
	หยิบรีโมทคอนโทรล .. เปิดเครื่องเสียง .. เพลงหวานแผ่วพริ้ว ..
	ดอกพุทธรักษาสีแดงในแจกันทรงสูงมุมห้อง  .. ยิ้มรับเพลงหวาน .. 
	มันคงชอบ .. เหมือนฉัน .. 
		

	ฉันเดินผ่านห้องรับแขกสู่มุมทำงานที่จัดซ่อนอย่างแนบเนียน ..
	วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะทำงาน .. เดินเลยไปเปิดไฟห้องน้ำ ..
	แสงสีนวล .. เย็นตา .. ให้ความรู้สึกสบาย .. 
	ตะกร้าดอกไม้หอมมุมห้องส่งกลิ่นละมุน ..
	ฉันเปิดน้ำในอ่างล้างมือ .. กดสบู่เหลวสีชมพูหอมจางๆ ..
	ตามองเจ้าตุ๊กตากาฟิวส์สามตัวที่วางอยู่บนชั้นเหนืออ่างล้างมือ ..
	พวกมันทำหน้าเจ้าเล่ห์ .. แล้วถามฉันว่า ..  
	"เหนื่อยไหม? .. ดื่มน้ำเย็นสิแล้วจะรู้สึกดีขึ้น .."

	ฉันยิ้มรับ .. "คงไม่เลว .. ขอบคุณนะ"   .. ฉันนึกตอบพวกมันในใจ ..
	
	เช็ดมือกับผ้าขนหนูสีชมพู .. เจ้าหมูน้อยตัวอ้วนยืนเกาะอยู่บนห่วงแขวนผ้า ..
	ฉันยิ้มให้มันแล้วบอกมันว่า .. "ฉันกลับมาบ้านแล้วนะ" 

	.. มันยิ้มตอบแล้วก็พยักหน้า .. "อื้มๆๆ .. ดีใจจัง .. กลับมาซะที" ..

	"คิดถึงมาก .. เดี๋ยวมาคุยด้วยนะ .. ขอดื่มน้ำให้ชื่นใจก่อน .." 
	ฉันบอกมันในใจ .. แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นใบใหญ่ 2 ประตู ..
	ผลไม้ .. ส้ม .. แตงโม .. แอ๊ปเปิล .. เต็มชั้นแรก ..
	นมกล่องหลากรส .. ขนมปัง .. แยม .. ช๊อกโกแลต .. ฯลฯ
	นี่ฉันไม่ได้ลิ้มรสของอร่อยๆ แบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนี่ .. 
		
	หยิบเหยือกน้ำใบใสมีไอเย็นเกาะเป็นฝ้า .. รินน้ำใส่แก้วสะอาด .. ดื่ม ..
	อา .. ชื่นใจ .. กลับถึงบ้านมีน้ำเย็นๆ ดื่ม ..
		
	ฉันมองไปบนโต๊ะกินข้าว .. อาหารถูกตั้งเตรียมไว้ .. ข้าวตักไว้พร้อม ..
	 .. ของโปรดฉันทั้งนั้น .. ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ .. เริ่มรับประทานอาหาร .. 

	นี่ฉันไม่ได้ลิ้มรสความพร้อมแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ..
	ฉันไปอยู่เสียที่ไหนมา .. 	

	แต่ ...

	.. 

	...

	....

	จะแต่อะไรอีกล่ะ!! .. 

	นี่แหละบ้าน .. แม้มันจะขาดอะไรไปบางอย่าง ..
	แต่ มันคือบ้านของฉัน ..
	
	บ้าน .. ที่มีที่วางกระเป๋า .. ของฉัน 
	บ้าน .. ที่ชั้นวางรองเท้ามีที่ว่างพอสำหรับรองเท้าผ้าใบสีขาว .. ของฉัน 

	ตอนนี้ฉันอยู่บ้าน .. 

	Home  is  made  of  love  and  warm .. 
	House  is  made  of  bricks  and  stones ..

	.. บ้าน .. 				
8 สิงหาคม 2548 22:37 น.

.. บ้าน ..

keekie

ฉันจอดรถบนฟุตบาธข้างถนน ..
	นั่งรอใครบางคน .. 
	คอยใครบางคน .. 

	ฝนตก ..
	ฉันมองผ่านกระจกที่มีละอองฝนเกาะพราว ..
	ผู้คนเดินผ่านไปมา .. บ้างกางร่ม .. บ้างใช้กระดาษหนังสือพิมพ์กางคลุมศีรษะ ..
	บ้างเดินตากฝนอย่างไม่สนใจหากเนื้อตัวจะเปียกปอน ..

	รถราหนาแน่น .. ขยับเขยื้อนได้ทีละน้อย .. ทีละน้อย ..
	ฉันมองนาฬิกา ..
	.. 17.23 น.  ..

	ชั่วโมงเร่งด่วนเช่นนี้ .. ใครต่อใครคงรีบกลับ .. บ้าน ..


	ฉันนึกถึง .. บ้าน ..



ฉันเปิดประตูรั้วเข้าบ้าน .. 
	ถอดรองเท้าผ้าใบสีขาวเก็บใส่ตู้รองเท้าที่ตั้งในโรงรถ .. 
	ดอกเยียบีร่าสีขาวชูช่องดงามในแจกันสีมุก .. ราวยิ้มรับฉันกลับบ้าน ..

	ฉันก้าวเข้าห้องรับแขก .. ชุดโซฟาสีเขียวหม่นเข้าชุดกับชั้นวางโฮมเธียเตอร์ .. 
	หยิบรีโมทคอนโทรลเปิดโทรทัศน์ขนาด 29 นิ้ว ..
	ไม่เอาดีกว่า .. ฟังเพลงดีกว่า .. ปิดโทรทัศน์ .. 
	หยิบรีโมทคอนโทรล .. เปิดเครื่องเสียงเล่นแผ่นเพลง Home Sweet Home  ..
	ดอกพุทธรักษาสีแดงในแจกันทรงสูงมุมห้อง  .. ยิ้มรับ .. มันคงชอบเพลงนี้ ..

	ฉันเดินผ่านห้องรับแขกสู่มุมทำงานที่จัดซ่อนอย่างแนบเนียน ..
	วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะทำงาน .. เดินเลยไปเปิดไฟห้องน้ำ ..
	แสงสีนวล .. เย็นตา .. ให้ความรู้สึกสบาย .. 
	ตะกร้าดอกไม้หอมมุมห้องส่งกลิ่นละมุน ..
	ฉันเปิดน้ำในอ่างล้างมือ .. กดสบู่เหลวสีชมพูหอมจางๆ ..
	ตามองเจ้าตุ๊กตากาฟิวส์สามตัวที่วางอยู่บนชั้นเหนืออ่างล้างมือ ..
	ตาเจ้าเล่ห์ของพวกมันดูอ่อนโยน .. ราวกับถามฉันว่า ..  
	"เหนื่อยไหม? .. ดื่มน้ำเย็นสิแล้วจะรู้สึกดีขึ้น .."
	ฉันยิ้มรับ .. "อื้ม .. ไม่เลว .. ขอบคุณนะ" .. ฉันนึกตอบพวกมันในใจ ..
	
	เช็ดมือกับผ้าขนหนูสีชมพู .. เจ้าหมูน้อยตัวอ้วนยืนเกาะอยู่บนห่วงแขวนผ้า ..
	ฉันยิ้มให้มันแล้วบอกมันว่า .. "ฉันกลับถึงบ้านแล้วนะ" 
	.. มันยิ้มตอบแล้วก็พยักหน้า .. "อื้มๆๆ .. ดีใจจัง .. กลับมาซะที" ..
	"เดี๋ยวมาคุยด้วยนะ .. ขอดื่มน้ำให้ชื่นใจก่อน .." 
	ฉันบอกมันในใจ .. แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นใบใหญ่แบบ 2 ประตู ..
	ผลไม้นานาชนิด .. ส้ม .. แตงโม .. แอ๊ปเปิล .. เต็มชั้นวาง ..
	นมกล่องหลากรส .. ขนมปัง .. แยม .. ช๊อกโกแลต ..
	ฉันคิดในใจ .. หากน้ำท่วมจนออกไปไหนไม่ได้ฉันก็คงไม่อดตาย 
	
	หยิบเหยือกน้ำใบใสมีไอเย็นเกาะเป็นฝ้า .. รินน้ำใส่แก้วสะอาด .. ดื่ม ..
	
	ฉันมองไปบนโต๊ะกินข้าว .. อาหารถูกตั้งเตรียมไว้ .. ข้าวตักไว้พร้อม ..
	ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ .. เริ่มรับประทานอาหาร .. 

	อาหารรสชาติอร่อย .. ของโปรดฉันทั้งนั้น ..

	แต่ ...

	.. มันขาดอะไรไปบางอย่าง ..
	.. ไม่รู้ว่าคืออะไร .. 
	.. บางอย่างมันหายไป ..


ก๊อกๆๆๆ .. 
	เสียงเคาะหน้าต่างรถ .. ทำฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ..
	"รอนานไหม? .."  ใครบางคนถาม ..
	ฉันสั่นศีรษะ .. แล้วยิ้มต้อนรับ ...  "ไปไหนดี.."  ฉันถาม ..

	"กลับบ้านดีไหม?"   ใครบางคนตอบ ..  


ฉันเปิดประตูเข้าบ้าน ..
	ใครบางคนถอดรองเท้าผ้าใบวางบนชั้นวางรองเท้า .. 
	.. ที่มีรองเท้าผ้าใบวางเต็มชั้น ..
		
	ฉันถอดรองเท้าผ้าใบสีขาววางบนพื้นหน้าชั้นวางรองเท้า ..
	
	วางกระเป๋าทับกองกระดาษบนโต๊ะสี่เหลี่ยมเก่าๆ  ..
	 .. มีด .. ที่เขี่ยบุหรี่ .. แผ่นซีดี .. ตะเกียบ .. ฯลฯ .. วางระเกะระกะ  .. 

	ฉันมองคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ข้างชามสังกะสีบุบบี้มีก้นบุหรี่อยู่เกือบเต็ม .. 
	แก้วกาแฟใบสีดำ .. คราบกาแฟเกาะปากแก้ว .. 
	ใครบางคนคงดื่มก่อนออกจากบ้าน ..

	ฉันเดินผ่านตั่งไม้สักตัวโต .. 
	บนตั่งมีผ้าปูนอน .. และผ้าห่มที่ทิ้งร่องรอยไว้เหมือนว่า .. 
	คงเพิ่งมีใครสักคนลุกจากที่นอน .. 

	เปิดตู้เย็นใบขนาดย่อม .. มีเพียงขวดน้ำดื่มสองขวด .. กับถุงกาแฟบด .. 

	ฉันรินน้ำลงแก้วใบขุ่นพลางนึก .. ครั้งสุดท้ายที่ล้างแก้วใบนี้ .. เมื่อไหร่หนอ? ..
	ช่างมันเหอะ .. ยังไง ก็มีฉันคนเดียวที่ดื่มน้ำจากแก้วแหละน่ะ ..
	อืม .. น้ำเย็นพอใช้ ..

	ฉันมองกระเป๋าตังค์ของใครบางคน .. ที่คงเพิ่งโยนไว้บนหลังตู้เย็น ..
	ผ้าเช็ดหน้าผืนสีแดง .. แก้วใบเล็กๆ .. โหลยาดอง .. ขวดเหล้าขาว .. วิสกี้ .. 
	เครื่องชงกาแฟ .. มีคราบกาแฟไหลนองเต็มพื้นโต๊ะ ..
	แก้วกาแฟใบสีขาวของฉัน .. ยังวางอยู่ที่เดิม .. ฉันเพิ่งล้างมันเมื่อวาน ..
	
	ฉันเดินผ่านตู้เสื้อผ้าที่เปิดประตูทิ้งไว้ .. ใครบางคนคงไม่ได้ปิด ..
	ห้องเก็บของใต้บันได ..  มีของวางระเกะระกะ .. 
	เป้หลายใบแขวนไว้ที่ตะขอแขวนบนบานประตู คู่กับกางเกงยีนส์เก่าๆ .. 
	
	เสื้อและกางเกงแขวนไว้เต็มราวแขวนผ้า .. ถุงเท้าสีขาวตกอยู่บนพื้นตามทางเดิน
	ตะกร้าใส่ผ้าซักแล้ว มีผ้าอยู่เต็ม .. บ้างตกบนพื้นข้างตะกร้า ..
	รวมทั้งเสื้อและกางเกงชุดคุ้นตาเมื่อสักครู่ .. 

	เสียงราดน้ำโครมคราม .. ประสานเสียงผิวปากลั่นห้องน้ำ ..
	ใครบางคนคงกำลังอาบน้ำ .. 
	ฉันมองหนังสือพิมพ์ .. กับหนังสือเล่มบางอีกสองสามเล่ม ..
	ที่วางไว้บนสันกำแพงห้องน้ำ .. 
	
	อ่างล้างชามที่มีจานชามกองอยู่เต็ม .. ทิ้งเศษอาหารไว้ .. 
	เดาได้ว่า .. วันนี้ใครบางคนคงกินมาม่าอีกแน่ ..
	
	เตาแก๊สที่มีคราบน้ำมันเกาะอยู่เต็ม ..
	กาน้ำใบเล็กเต็มไปด้วยเขม่าสีดำ .. มีผ้าขี้ริ้วพันไว้ที่หูจับ .. 
	นั่นไง .. ต้มน้ำชงมาม่า .. จริงๆ ด้วย
	
	กระป๋องผงซักฟอกเปิดฝาไว้ .. วางคู่กับห่อมาม่า บนชั้นวางของ ..
	ขวดน้ำปลาที่ไม่ได้ปิด .. ชาม .. มีด .. ไฟแช็ก ... กล่องสบู่เปล่า .. 

	ดูเหมือนข้าวของทุกอย่างในบ้าน .. สามารถเคลื่อนไหวไปได้ทุกที่ .. ตามแต่ใจมัน
	ไม่มีใครจำกัดเสรีภาพของพวกมัน ..

	ฉันเริ่มลงมือล้างชามในอ่างอย่างเงียบๆ .. 
	.. แอบยิ้มกับตัวเอง .. ยามได้ยินเสียงร้องเพลงคลอเสียงผิวปาก ..
	
	"หิวไหม?"  ใครบางคนถาม ..
	ฉันมองหยาดน้ำที่เกาะพราวตามตัวเขา ..
	พลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วย ..
	
	ฉันสั่นศีรษะ .. แล้วถามกลับไปบ้าง .. "หิวไหม? .. " 
	ใครบางคนสั่นศีรษะ .. ยิ้ม .. แล้วก้มลงจูบหน้าผากฉันเบาๆ ..
	
	"ไม่ต้องล้างหรอก .. ไปดูหนังกันเถอะ .. "  ใครบางคนจูงมือฉันเดินออกจากห้องครัว..
	อืม .. ฉันคิดว่าห้องครัวนะ .. 

	เรานั่งดูหนัง .. และเล่นกันยามหนังถูกคั่นเวลาด้วยโฆษณา ..

	"ห้าทุ่มครึ่งแล้วนะ .. "  ใครบางคนบอก ..
	ฉันมองนาฬิกา ..

	"จะอยู่นี่หรือป่าว? หรือจะกลับ? .. "  ใครบางคนถาม ..

	ฉันเงียบ ..

	ใครบางคนหันกลับไปดูหนังต่อ ..

	ฉันลุกขึ้น .. 
	เดินไปเลือกเสื้อยืดและกางเกงขาก๊วยจากราวแขวนผ้า ..

	ฉันเดินกลับมานั่งบนตั่ง ..
	ด้วยชุดใหม่ .. 

	ใครบางคนหันมามองแล้วยิ้ม .. อ้าแขนรับฉันเข้าไปไว้ในอ้อมกอด ..

	.. อุ่นจัง .. 

ฉันอยู่บ้าน ..

ตอนนี้ฉันอยู่บ้าน .. 


	ฉันเลือกอยู่ .. บ้าน .. 
	แม้ชั้นวางรองเท้าที่บ้านจะไม่มีที่ว่างพอสำหรับรองเท้าผ้าใบสีขาวของฉัน ..
	และแม้บนโต๊ะที่บ้านจะไม่มีที่ว่างพอสำหรับวางกระเป๋าของฉัน .. ก็ตาม ..

	ฉันอบอุ่นเมื่ออยู่บ้าน .. 
	
	ฉันอยู่บ้าน .. 

	Home is made of love and warm .. 
	House is made of bricks and stones ..

	
	ฉันอยู่บ้าน .. 


	.. บ้าน ..				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟkeekie
Lovings  keekie เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟkeekie
Lovings  keekie เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟkeekie
Lovings  keekie เลิฟ 0 คน
  keekie
ไม่มีข้อความส่งถึงkeekie