เหลือเพียงรอยร้ายรักสลักวาด ไหวระหวาดขลาดฤทัยเกินไขว่คว้า ท่ามราตรีอาบแสงอวลนวลจันทรา มิอาจห่มปมรักข้าโอ้อาดูร เฝ้าเพียงพิศโลมใจใต้จันทร์ผ่อง ดาวอยู่พ้องเยียระยับมิลับสูญ ทุกข์โถมทับจับฤดีทวีคูณ เคยเกื้อกูลกลับเคลื่อนคลายกลายชิงชัง นับหมู่ดาวคราวเหงาเงียบลมเลียบลู่ นวลโฉมตรูอยู่เดียวดายร่ายความหลัง น้ำตารินรักสิ้นรอยคอยลำพัง สวาทวายคลายมนต์ขลังหวังหลุดลอย ถวิลใดนะใจข้าหารักหรือ สุดเอื้อมมือถือครองไว้ให้เศร้าสร้อย หลงเคว้งคว้างกลางพระพายไร้ร่องรอย ใจดวงน้อยหวนคอยใครนะใจเอย ฤทัยครวญพร่ำเพ้อ เดียวดาย รักล่องลอยห่างกาย แม่แล้ว ครองเศร้าอยู่มิวาย อกร่ำ สวาทสูญสิ้นแพร้ว ไขว่คว้าเพียงลม
14 สิงหาคม 2550 14:14 น. - comment id 737963
ที่ 1
14 สิงหาคม 2550 14:15 น. - comment id 737964
โอ้ร้วดร้าว คราวใจ ไร้พี่แก้ว จากไปแล้ว พร้อมใคร คนไหนนั่น เพียงวาจา ยังมิเอ่ย เผยให้กัน เยื้อผูกพัน คงไม่มี ที่หัวใจ กลับมานั่ง ชั่งใจ ไหวไหวอก หวั่นสะทก พรุ่งนี้ ที่ร้างไร้ ไม่มีรัก มาทัก แล้วดวงใจ จะอยู่ได้ อย่างไร ไม่รู้เลย ความเดียวดาย คงมาทัก รู้จักน้อง น้ำในตา คงนอง มาเปิดเผย จะตัดใจ ก็ยิ่งยาก มากพี่เอย สิ่งเฉลย คงเป็นช้ำ ที่กร่ำกราย หนอ หนอพี่ ฤดี ชั่งเหียมโหด อยากจะโทษ จะโกรธ ไม่ให้หาย อยากจะจำ คนใจดำ ไปจนตาย ก็คงง่าย ตราบจนตาย ก็คงจำ
14 สิงหาคม 2550 14:15 น. - comment id 737965
วิ่งงงงงงงงงงที่1.ฉิว
14 สิงหาคม 2550 14:17 น. - comment id 737967
พี่จันทร์เจ้าขาพิมไม่ยอมๆๆ ทำงี้ได้ไงน้องวิ่งมาซะเหนื่อย
14 สิงหาคม 2550 14:18 น. - comment id 737969
น้องมณีจันทร์ รีบเชียวนะ..อ่านมั่งรึเปล่าน่ะ..ถามจริง.. ลืมแล้วเหรอ ที่หนึ่งบ้านป้ารพีน่ะขึ้นคานแน่นอน..
14 สิงหาคม 2550 14:22 น. - comment id 737974
คุณเพียงแพรว แม่แบบในใจของหญิงรพีในเรื่องของการแต่งกลอนแปดมาแล้ว... อยากเรียนรู้ไปซะทุกอย่างแต่ไม่เก่งเลยซักอย่าง.. ขอบคุณกลอนที่แสนจะไพเราะค่ะที่แต่งให้รพีค่ะ..
14 สิงหาคม 2550 14:24 น. - comment id 737976
คุณพิมญดา อย่าเสียใจไปเลยค่ะ... ย้อนกลับไปอ่านความคิดเห็นที่ 5 สิคะ.. จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูกเชียวหละ.. จริงมั้ยจ้ะคนสวยบ้านกลอน
14 สิงหาคม 2550 14:32 น. - comment id 737980
คนสวยอย่างครูรพีเดียวดาย ไม่เชื่อๆๆๆสิบไม่เชื่อ ยี่สิบไม่เชื่อ ดูสิบ้านออกจะอบอุ่น..
14 สิงหาคม 2550 14:36 น. - comment id 737984
เดียวดายหน่ายอาดรูสูญสิ้น รักที่คล้อยเมฆินห่างหาย เดือนมืดใจมืดกลับกลาย เหงาฤทัยวางวายอารมณ์ คะคุณครูเจ้าขาเศร้านะคะ ขออำภัยคะที่ใช้หน้ากลอนคุงคณูวิ่งไล่จับกะพี่จันทณ์เจ้าขา
14 สิงหาคม 2550 14:41 น. - comment id 737991
ไม่เดียวดายค่ะ..มาแล้วค่ะ มาเป็นเพื่อนน่ะ..
14 สิงหาคม 2550 14:53 น. - comment id 737993
ฮ่าๆๆเก่งแต่ยังพลาดน่าตีจริงๆเน๊อะ นี่เขา เรียกอะไรเอ่ย ของลุงเขาเรียกว่า โคลงห่อกลอน แต่นี่กลอนมากกว่าโคลง อิอิเลยไม่รู้ การเขียนร้อยกรองนั้นต้องใช้ใจและอารมณ์ เป็นหลักใหญ่ ร้อยกรองเปรียบเสมือนแสดงถึง จิตใจของคนเขียนไว้เสมอๆ หากเป็นคนแข็ง กระด้างสิ่งที่เขียนมาจะแข็งเสมอๆ ดุจต้นรังสู้สายลม หากคนเขียนเป็น คนอ่อนไหวสงบเงียบไม่เหวอหวา กลอนนั้นจะ อ่อนพลิ้วดุจสนต้องลมจะอ่อนหวานจับใจจ้า กลอนแปดบอกแล้วว่าต้องใช้แปดคำทุกๆวรรค ทุกๆตอนเว้นแต่เป็นคำควบเท่านั้นและควรจะ หลึกเลี่ยงไว้ การขึ้นต้นกลอนควรจะเริ่มต้นที่ ดีหมายถึงสิ่งที่เป็นลำนำ ไม่ใช่เอาตรงกลางมา ขึ้นไว้ ของหลานนั้นเขียนด้วยอารมณ์ที่ผ่องใส กลอนถึงอ่อนไหวพลิ้วไปมาไพเราะจับใจแต่ยัง ผสมผสานกับกลอนเก้าอยู่ ฉะนั้นควรให้เป็น แปดคำหาอักษรมาสัมผัสให้กลมกลืนกันไว้นะ หากเป็นกลอนห่อโคลง ควรเอาแค่กลอนบาท เดียวนอกนั้นพรรณาเป็นโคลงทั้งหมดจ้า อย่างของหลานลุงก็ไม่รู้เหมือนกัน จะว่าเป็น กลอนห่อโคลงหรือเปล่านะ อย่าหาว่าคนแก่ พูดมากนะ รักดอกจึงหยอกไว้เสมอๆ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
14 สิงหาคม 2550 14:52 น. - comment id 737996
คุณพิมจังคนสวย มีสาวละอ่อนมาวิ่งไล่จับกันในบ้านป้า..ช่างสุขอุราเสียจริง.. ก็ดีนะคะ..เปรียบดังมวลมาลีที่ส่งกลิ่นหอม จะได้ล่อมวลภมรให้หลงมาบ้านกลอนของป้าหญิงรพีบ้าง.. เดี๋ยวนี้แต่งกลอนเพราะใหญ่เลยนะ..มีครูดีที่ไหนแนะนำหญิงรพีด้วยค่ะ...
14 สิงหาคม 2550 14:50 น. - comment id 737997
คุณครูพิม เพียงซอกเล็กของหัวใจไร้ไออุ่น แต่ซอกใหญ่ใจละมุนอุ่นเหลือหลาย ล้วนพ่อแม่พี่น้องอาป้ามากมาย ร้อนแทบตายจ่ายไม่ไหวแล้วค่าแอร์ แต่เพียงน้อยเศษรอยใจให้ร้าวรวด ใจเจ็บปวดบ่มเก็บไว้กลายเป็นแผล ร้าวระบมขมอกไหม้รอยไถแปร แม้ผันผ่านราญดวงแดเหลือแม่เอย ..ทำเป็นรู้ทันหญิงรพีนะครูพิมเนี่ยะ.. เดี๋ยวก็กอดให้แบนคาอกหญิงรพีเลยนี่..
14 สิงหาคม 2550 14:53 น. - comment id 737999
คุณกุหลาบขาว หญิงรพีน้อยใจจัง..วันนี้มามือเปล่าเหรอคะ.. ไม่เห็นมีรูปสวย ๆ มาฝากหญิงรพีบ้างเลย..
14 สิงหาคม 2550 14:59 น. - comment id 738001
ลุงแก้วประเสริฐ เขาเรียกว่า "กลอนสี่บทห่อโคลงบทเดียว" ประพันธ์โดยหญิงรพี..กวีเมาเจ้าค่ะ..ฮา.. แต่งไปตามอารมณ์เรื่อยเปื่อยค่ะ..ก็ลุงไม่บอกก่อนนี่นา ว่าของลุงแต่งแบบโคลงห่อกลอนนี่เจ้าคะ... ไม่รู้ย่อมไม่ผิด..เนาะ..ให้ตีทีนึง..อย่าตีแรงนาเดี๋ยวร้องไห้อายลูกศิษย์..
14 สิงหาคม 2550 15:00 น. - comment id 738002
ยามเมื่อเธอเดียวดายไม่มีใคร เธอรู้ไหมยังมีคนๆนี้ คนเป็นห่งเธอทั้งใจที่มี ขอคนดีจงหลับไหลใต้แสงเดือน ยามเธอเศร้าจะมีฉันอยู่เคียงข้าง คอยดูแล ไม่ห่าง จากไปไหน ไม่จากลาคนดีไปแสนไกล ขอเธอจง เชื่อใจ ในตัวเรา
14 สิงหาคม 2550 15:15 น. - comment id 738007
ฮะฮะมาอ่านแล้ว ยอมรับไม่ได้อ่านที่แรก กลัวพิมจางมาแย่งที่หนึ่งนะ หุหุ อ่านแล้ว อยู่เดียวดายไร้ชาย มาข้องเกี่ยว ให้ห่อเหี่ยว เปลี่ยวใจ จับดวงจิต เคยมีชาย ก็หายไปโอ้ชีวิต ใครลิขิต หญิงรพี เช่นนี้เอ๋ย
14 สิงหาคม 2550 15:23 น. - comment id 738011
ตื่นเช้าจริงพี่หญิง อย่าเดียวดายเลยพี่รพีจ๋า รักข้างหน้ามากล้นใคร่ค้นหา ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไกลตา รักข้างหน้าดีกว่าถ้าเพียงมอง...
14 สิงหาคม 2550 15:24 น. - comment id 738012
สวัสดีค่ะหญิงรพี แฮะ ๆ ใครปล่อยให้เดียวดายได้เนี้ย... มะเป็นไรมาอยู่ด้วยแล้วจ้า..
14 สิงหาคม 2550 16:33 น. - comment id 738056
คุณหยาดเพชร มณีพลอย ยามเดียวดายไร้ใครอยู่เคียงข้าง ไม่อ้างว้างมีหยาดเพชรเอ็ดข้างหู คอยดูแลไม่ห่างแม่โฉมตรู รักคุณครูอย่าทิ้งหญิงรพี ..ขอบคุณค่ะที่เข้ามาเยี่ยม..
14 สิงหาคม 2550 16:33 น. - comment id 738058
หยิบความรู้สึกเดียว มาเล่าใหม่อีกสักรอบ... เมื่อรักห่างร้างแรมยิ่งแต้มเศร้า ในวันหนาวจึ่งร้าวรานกว่าวานไหน ในดวงมานที่ซานซบสยบนัย ยังเจ็บแปลบแนบหทัยหัวใจชาย ทุกข์ท้อโถมโรมเร้าเศร้าถึงจิต เหตุพ่ายพิษความรักที่หักหาย ชีวิตสิ้นสูญหวังซังกะตาย มานสลายมลายหมดที่งดงาม เหลือแต่ความที่ถามโศกวิโยคอยู่ ในรู้สึกระลึกรู้ทุกคำถาม แต่สร้อยเศร้ายังเย้ายั่วทุกเนื้อนาม สุดจะห้ามความคิดยามพิศถึง ที่ตรงนั้นฝันเอ๋ยเคยพิลาศ บุพชาติสะอาดใสในโลกหนึ่ง ยังหอมหวลชวนหาทุกตราตรึง ในคะนึงยังซึ้งซ่านทั้งมานเรา กล้ำสะอื้นกลืนสะอึกระทึกระทด น้ำตาหยดรดแก้มแต้มความเศร้า ยามเหว่หวาดขลาดสะทกหัวอกเยาว์ ขมก็ข่ม ถมเข้า เอาเป็นทุน เคยเด็ดเดี่ยวแม้เดียวดายเมื่อกายทุกข์ ใครที่ปลุกปลอบให้ใจละไมอุ่น ใครที่เคล้าเคลียคลอ... ขอรอคุณ โอ๋อกเอ๋ยเคยอุ่นกรุ่นอุรา มิคิดคาดชีวาตย์มาขาดบั้น ใจหวิวหวั่นพรั่นไหวไร้หรรษา ทรมานซ่านซัดหัทยา โชคชะตาพาหายทลายลาญ ก่อนเคยมีสตรีหนึ่งพึงปลุกปลอบ ก่อนกุกอปกรรมกิจผลิตผสาน แต่บัดนี้มิมีนางมาเนาว์นาน นุชนงคราญได้ลี้ตีจากไป นี่ทนได้อย่างไรใจไม่รู้ รู้แต่สู้อยู่ระหว่างความว่างไหว หนึ่งนาทีที่ทุกข์ทับแทบขาดใจ เราอยู่ได้อย่างไรไม่มีเธอ เมื่อใจโศกเห็นโลกกว้างสิ้นทางหวัง หมดพลังที่ตั้งจิตคิดเสมอ มีแต่ความอุ่นไอละไมละเมอ นั่งยิ้มเก้อแล้วหนอต่อแต่นี้ ด้วยชีวิตผิดพลาดพินาศป่น จึงได้ดลสร้อยสลดกำสรดศรี ถ้อยที่เผยเอ่ยหลากจากฤดี วันนี้มีแต่เศร้ารานเร้ารอน ............................................ พระอังคารที่ ๑๕ กุมพาพันธ์ ๔๘
14 สิงหาคม 2550 16:38 น. - comment id 738063
มณีจันทร์อีกรอบนึง ใครลิขิตช่างมันฉันไม่สน เที่ยวซุกซนดีกว่าอย่ามัวเศร้า เดี๋ยวตั้งวงก๊งสุรานะพวกเรา กวีเมาเปิดประเด็นเล่นบทกลอน เย็นนี้เปิดบ้านเลยนะ..เชิญอาราเล่..ยาแก้ปวดด้วย..พร้อมมณีจันทร์นะ..ทุ่มตรงออนเอ็มด่วน... สี่กวีเมารับทราบ..ป้ารพีจะตั้งวงก๊งสุรา..
14 สิงหาคม 2550 16:53 น. - comment id 738075
คุณพี่ขา เปิดบ้านมา มายม่ายบอก หนูมาสาย ให้ช้ำชอก เป็นนักหนา นั่งสะอื้น เพราะยินเพลง บรรเลงมา ให้โศกเศร้า โศกา แลอาลัย คงกลิ่นอาย ความเป็นไทย ไปทั่วห้อง ทั้งเพื่อนพ้อง มาเยี่ยมเยือน เหมือนหลับไหล อยู่ในฝัน พลันอดีต ที่ผ่านไป เหมือนนุ่งรม ห่มสไบ ใคร่ชิดชม โจงกระเบน ใส่กระเช้า เกล้าผมจุก มะลิร้อย เป็นกระปุก ที่เกล้าผม หนูมามอบ มาลาให้ ใคร่ชิดชม แบบหญิงงาม ตามนิยม บ่มสตรี
14 สิงหาคม 2550 17:07 น. - comment id 738089
น้องยกน้ำมานะ เดี๋ยวพี่หากับแกล้มมานั่งเป็นเพื่อนจ้า
14 สิงหาคม 2550 17:15 น. - comment id 738098
ได้ข่าวว่าวันนี่จะมีเมา สุดแสนเศร้าอดไปแวะเวียนหา อยากจะเมาร่วมด้วยกับพี่ยา เผอิญว่ามีนัดขัดจริงๆ จึงรินเหล้าเมาก่อนจะจรกลับ ให้พี่รับจากใจของน้องหญิง เมาเหล้านี้ดีกว่ารักคนไม่จริง วอนพี่หญิงเมาเอื้อเผื่อนะเออ... จันทร์ก็อย่าเมามากหละน้องหญิง พี่ห่วงจริงใครจะลูบหลังของเธอ เมาน้อยๆคอยเหล่หนุ่มที่อยากเจอ เผื่อเขาเผลอตีหัวเขาเก็บเข้าห้อง อาราเล่ดูพี่ๆเขาทั้งสอง อย่ามัวร้องเพลงเพลินเมินทั้งสอง หากเขาเซช่วยโอบรับด้วยนะน้อง พี่คงต้องเมาเดี่ยวเปลี่ยวใจจริง
14 สิงหาคม 2550 17:53 น. - comment id 738128
....... แวะมาอ่าน ข้าวเหนียวห่อกล้วย เรียกว่า ข้าวต้มมัด อิอิ ล้อเล่นๆค่ะ ฉางน้อยชอบอ่าน แต่ไม่เก่งเขียนหรอกคะ
14 สิงหาคม 2550 17:59 น. - comment id 738132
ถวิลใด พี่รู้ หารักแน่ รักพี่แท้ สุดเอื้อมมือ อย่าเศร้าสร้อย ไม่เคว้งคว้าง กลางน้ำ ไร้ร่องรอย ใจดวงน้อย พี่นี้ มีให้เธอ
14 สิงหาคม 2550 19:24 น. - comment id 738182
สวัสดีค่ะพี่หญิง เพราะจังค่ะ จะรออ่านเยอะๆ นะคะ
14 สิงหาคม 2550 19:38 น. - comment id 738193
อกรำพันพร่ำเพ้อ เผลอไผล รักว่างหว่างฤทัย หลบเร้น ผ่าวราวมโนใคร โลมร่าง หวามหวั่นบ่วายเว้น อกข้าผวาไหวฯ กลอนเพราะครับ เพลงก็เพราะมากครับ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
14 สิงหาคม 2550 19:48 น. - comment id 738199
คุณยาแก้ปวด กลัวต้องหมองหากมองหาข้างหน้า ตัวของป้าจึงมิกล้าหารักใหม่ รักครั้งเดียวเกินพอท้อเหลือใจ หากรักใหม่ช้ำอีกคราลาบวชเอย ขี้เหร่ปานนี้ใครจะจีบเล่า..ยกเว้นคนตาบอด..ตาเป็นต้อ.. หรือไม่ก็พวกอาการไม่ครบสามสิบสองอะไรประมาณนั้นแหละ..
14 สิงหาคม 2550 19:56 น. - comment id 738204
วันนี้เหนื่อยมากเลยค่ะพี่รพี อยากมีพาวเวอร์เยอะๆอย่างพี่รพีจังค่ะ
14 สิงหาคม 2550 19:58 น. - comment id 738206
คุณผู้หญิงมือสอง ก็คุณนั่นแหละ..หายไปซะหลายวัน.. หญิงรพีก็เหงาน่ะสิ...ทนไม่ไหวเลยมาบ่นให้คุณได้ยินไง..
14 สิงหาคม 2550 19:59 น. - comment id 738207
พี่รพีนัดใครไว้แล้วลืมป่าวคะ.. 2 ทุ่มแล้วน้า.. เดียวให้อยู่กลางทะเลอีกหรอก
14 สิงหาคม 2550 20:08 น. - comment id 738212
คุณแทนคุณแทนไท ยอดเยี่ยมเลยค่ะ..มีน้องคนหนึ่งเขาไม่ได้เป็นสมาชิกในบ้านกลอนหรอกค่ะ เป็นเพื่อนครูภาษาอังกฤษด้วยกันบังเอิญ ได้มีโอกาสไปอบรมอยู่ด้วยกันเกือบเดือน เขาบอกว่าชอบเข้ามาอ่านผลงานของคุณมาก... วันนี้ก็ได้ซาบซึ้งแล้วว่า..ใช่เลย..ไพเราะมากค่ะ.. ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้เศร้าจัง....ช่วยแนะนำหญิงรพีด้วยจักเป็นพระคุณยิ่งค่ะ..
14 สิงหาคม 2550 20:14 น. - comment id 738216
หนูน้อยอาราเล่ ไม่รู้เหรอว่าพี่เป็นหญิงไทยใจงามน่ะ.. โก๊ะเป็นที่หนึ่ง ทะลึ่งเป็นที่สอง สามไร้ใครปอง สี่ไม่รู้แล้ว.....อิ..อิ....คิดเอาเอง
14 สิงหาคม 2550 20:16 น. - comment id 738217
คุณคนบนเกาะ น้ำสีอะไรดีคะ..ระบุด้วย..มันมีหลายน้ำ..หลายสี..หลายรสชาติ..
14 สิงหาคม 2550 20:18 น. - comment id 738219
คุณยาแก้ปวดอีกรอบ ตกลงว่าจะให้รพีเปิดบ้านเข้ามาเมากันให้ได้เลยเหรอ.. ขออนุญาตพ่อก่อนนะ..
14 สิงหาคม 2550 20:23 น. - comment id 738227
คุณฉางน้อย ..ใช่เลย..คิดได้ไงน่ะ..เหนียวห่อกล้วย..ข้าวต้มมัด..ฮา.. รพีไม่ค่อยรู้เรื่องรูปแบบกลอน..โคลงเท่าไรค่ะ.. เห็นเขาแต่งกันเพราะก็รู้ว่าเพราะ..อยากแต่งมั่งแต่ก็ไม่ค่อยมีความรู้.. มาโก๊ะแถว ๆ นี้แหละค่ะ.... เป็นไงบ้างคะ..ผลงานกลอนห่อโคลง..ของรพี ห่อซะมิดเลย....งานนี้ลุงแก้วไม่ได้สอนหรอกค่ะ..คิดเอาเอง..รับผิดแต่เพียงผู้เดียว..
14 สิงหาคม 2550 20:27 น. - comment id 738230
ปู่ก่องกิก ไม่เอาหรอก...หัวใจรวงผึ้งของปู่น่ะ.. รพีหวาดผวา.. ยังรักชีวิตโสดอยู่น่าปู่...อย่ามาเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย.. จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด..อย่าทุกข์กายทุกข์ใจเลย จงมีความสุขกายสุขใจ..รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด..
14 สิงหาคม 2550 20:33 น. - comment id 738234
คุณจิตรำพัน คุณครูจิตนั่นแหละ..ลงผลงานมาให้อ่านซะเลย.. ลุงแก้วสอนไปแล้ว..อย่าทำเป็นซุ่ม..รออ่านนะคะ..คุณครูคณิตคนสวย..
14 สิงหาคม 2550 20:36 น. - comment id 738237
คุณปลายตะวัน รอรักเดียวพี่นั้น คืนใจ น้องบ่หมายมองใคร เกี่ยวข้อง ครองตัวมั่นแม้นไกล จากพี่ ยาเอย รักพี่ดั่งโซ่คล้อง อยู่พ้องใจเรียม ..รพีรู้ว่าคุณลืมพิมพ์คำว่า (ล้อเล่น) เหมือนอย่างที่รพีไปคอมเม้นให้คุณ..
14 สิงหาคม 2550 20:56 น. - comment id 738254
คุณจิตรำพัน ถ้าเหนื่อยก็พักค่ะ..หยุดทุกอย่าง.. หายใจลึก ๆ ทำสมาธิให้ใจนิ่งสงบ..ถ้าจิตนิ่งก็จะรู้สึกดีค่ะ.. เวลาเย็น ๆ แดดล่มตก..รพีเคยปูเสื่อที่สนามหน้าบ้านโล่ง ๆ นะ.. แล้วก็นอนแผ่กางแขนกางขาไม่ต้องหนุนหมอนนะคะ..ให้ตัวอยู่ในระนาบเดียวกัน มองขึ้นไปบนฟ้าค่ะ...รู้สึกดีมาก ๆ..สูดหายใจเอากลิ่นอายท้องทุ่งนาข้างบ้านเนาะ... ที่บ้านนอกเรานี่แหละสงบสุขนักแล... ลองดูนะคะ..
14 สิงหาคม 2550 21:00 น. - comment id 738257
โธ่พี่หญิงคะ ช่วงนี้จิตรำพันเข็นอารมณ์ไม่ขึ้นเลยค่ะ ครูคณิต แต่รักกลอน โคลงนี่ เข็นยากอยู่นิ้ด ครูก็คงจะปวดหัวมากๆ กว่าศิษย์จะเป็นบ้าง ช่วงนี้แต่งอะไรไม่ได้เลยค่ะ เรื่องเต็มหัวไปหมด
14 สิงหาคม 2550 21:12 น. - comment id 738270
ขอบคุณพี่รพีนะคะที่ให้คำแนะนำจิตรำพัน จะลองทำพรุ่งนี้ค่ะ วันนี้คงไม่ได้แล้วล่ะ หยุดทุกอย่าง...หยุดงานด้วยดีไหมน้า(ล้อเล่น) แต่คงต้องพักบ้างแล้วค่ะ ...ไม่ไหวแล้ว
14 สิงหาคม 2550 22:15 น. - comment id 738320
คุณครูจิตรำพัน พักจริง ๆ นะคะ..อย่าไปเมาบ้านสาว ๆ เค้านะคะนั่น..
14 สิงหาคม 2550 22:48 น. - comment id 738350
โหหหห...เพื่อนเพี่ยบเลยค่ะ ยังบ่นเดียวดายอีก อิอิ...ผ่านมาแซวยามดึก
14 สิงหาคม 2550 23:02 น. - comment id 738365
คุณปราณรวี อย่ามาแซวอย่างเดียวสิคะ...หญิงรพีถูกพวกเด็ก ๆ เผาเกรียมแล้วค่ะ ที่บ้านอาราเล่นั่นน่ะ..ช่วยกู้ซากใจด้วยนะคะ..อิ..อิ
14 สิงหาคม 2550 23:47 น. - comment id 738411
หมองหมางกลางสายลมโชย ดวงใจแห้งโหย เสียดายความรักหักพัง โบยบินสิ้นแล้วความหวัง ทุกข์ท่วมประดัง มนต์ขลังแห่งรักทักทาย มีรักมักพบทุกราย ชีพแทบวางวาย เดียวดายต่อไปนะใจ.. หาว่าเราจอมทะลึ่งบ้าง บ้ากามบ้าง เราก็เศร้าเป็นเหมือนกันนะเดี๋ยวเหอะจะหว่านเสน่ห์ให้หลงรักเราจนได้ละน่า อิอิ
15 สิงหาคม 2550 00:18 น. - comment id 738425
พี่ฤกษ์จ๋า มาบ้านนี้ นี่ยังไง หนีหน้าใคร เขาเข้ามา หรือเปล่าน้า จงอย่าหลอก พี่สาวจันทร์ เลยพี่ยา เค้าอกหัก ช้ำรักมา จากคนลวง พี่จะมา ซ้ำเค้า ที่แผลเก่า ต้องผ่านเรา สองสมร ก่อนละหนา อยากได้เป็ด หรือเครื่องปั่น ก็เชิญมา คนร้อยใจ ร้อยมายา อย่าได้เจอ... พี่เค้ารัก แน่แน่ว ก็เพียงหนึ่ง เค้ารักซึ้ง พึงใจรอ แม้ต้องเพ้อ ยังดีกว่า ฤกษ์หลายใจ ที่พบเจอ อย่าละเมอ พี่ฤกษ์เจ้า คนหลายใจ หุหุ ต้องข้ามน้องสาวสองสมรนี้ให้ได้ก่อนเน้อ
15 สิงหาคม 2550 00:25 น. - comment id 738426
ถึงคุณฤกษ์ โทษที นี่พี่หนู หากจะจีบ ควรรู้ นะพี่หนา พี่รพี มิได้ใคร่ ได้คู่พา อย่ามาเกี้ยว โสภา มันน่าอาย มีหลายคน ผ่านมา เค้ามองอยู่ ดูก็รู้ ว่าไม่น่า มาขวนขวาย อยากหาคู่ จงดูใหม่ มิวางวาย พี่ของหนู มิวางขาย ให้แก่ใคร ขอให้มา ด้วยวาจา ที่ควรถูก ขอให้ผูก สัมพันธ์ อย่าหวั่นไหว ขอให้คิด แบบเพื่อน ขอเตือนใจ ขออย่าได้ คิดไกล กว่านี้เลย พี่รพี พี่สาวของหนู หนูหวงเจ้าค่ะ มิให้ใครง่าย ๆ หรอก
15 สิงหาคม 2550 07:05 น. - comment id 738429
มณีจันทร์และอาราเล่ .. ยามศึกเรารบยามสงบเรากัดกันเอง.. ซาบซึ้งน้ำใจน้องทั้งสองจริง ๆ..ไอ้ที่กัดป้าหญิงรพีไว้ในบ้านอาราเล่... ว่าลากหนุ่ม ๆ นายร้อยไปไหนต่อไหนน่ะ..ถือว่าหายกันเนาะ.. ซาบซึ้งใจเหลือเกิน..รักเราขนาดนี้เชียวเหรอ.
15 สิงหาคม 2550 07:02 น. - comment id 738459
คุณฤกษ์ (ไม่ได้ล๊อคอิน) ..คิดว่าคุณฤกษ์คงไม่ถือสา..ปล่อยคุณครูโก๊ะ ๆ ไปสักคนเนาะ... ม่ายรู้จาตอบอาไรดี...ไปอ่านความคิดเห็นที่ 30 ก็แล้วกัน.. ท่านจะจัดอยู่ในประเภทไหนก็ลองตรองดูเนาะ..
15 สิงหาคม 2550 14:29 น. - comment id 738611
คุณ bananaleaf การจะเป็นโคลงห่อกลอนนั้น กลอนบทแรก จะต้องยกเรื่องราวของโคลงเกือบทั้งหมดเอาเนื้อ หาความสำคัญมาลงไว้ในกลอนบทแรกจ๊ะ หากจะ ให้สัมผัสเกิดความไพเราะนั้นควรเอาคำสุดท้าย ของโคลงมาสัมผัสกับกลอนในคำที่สองหรือสาม จะทำให้เกิดความไพเราะมาก แต่การพรรณากลอน นั้นจะต้องเป็นเรื่องเดียวกับโคลง ลงท้ายสรุป กลอนก็ควรจะเป็นเรื่องของโคลงด้วยนะจ๊ะ จะไปอายใครเขาทำไมเราแต่งของเราเพราะ เราต้องการจะเกิดความคิดของเราเอง อย่าไป เกรงใคร หากคิดจะเป็นลูกศิษย์ผมต้องไม่แคร์ สิ่งใดๆทั้งสิ้น ความสุขของเราคือความสำคัญของ เรา แต่หากทำให้คนอื่นเขาสุขด้วยก็ยิ่งดีจ๊ะ ผมเคยบอกแล้วว่า สิ่งใดๆก็ตาม ถูกใจเราแต่ บางทีก็ไม่ถูกใจเขา นี่แหละคือหลักของผมเอง แหละ ผมไม่อายใครๆหรอกหากเราทำดีซะ อย่าง เป็นเรื่องของเราด้วยไม่ได้หนักตัวใครคน อื่นเขานี่นา ฮ่าๆๆๆๆ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
15 สิงหาคม 2550 15:51 น. - comment id 738627
บทของกลอน คำกลอนวรรคหนึ่ง เรียกว่า กลอนหนึ่ง สองวรรค หรือสองกลอน เรียกว่า บาทหนึ่ง หรือคำหนึ่ง สองคำ หรือสองบาท หรือสี่วรรค หรือสี่กลอน เรียกว่า บทหนี่ง วรรคทั้งสี่ของกลอน ยังมีชื่อเรียกต่างๆ กัน และนิยมใช้เสียงต่างๆ กันอีก คือ ๑. กลอนสลับ ได้แก่ กลอนวรรคต้น คำสุดท้าย ใช้คำเต้น คือนอกจากเสียงสามัญ แต่ถ้าจะใช้ ก็ไม่ห้าม ๒. กลอนรับ ได้แก่ กลอนวรรคที่สอง คำสุดท้าย นิยมใช้ เสียงจัตวา ห้ามใช้เสียงโท, สามัญ, ตรี, และวรรณยุกต์เอกมีรูป วรรณยุกต์เอกไม่มีรูป ไม่ห้าม แต่ต้องให้คำสุดท้าย ของกลอนรอง เป็นเสียงตรี ๓. กลอนรอง ได้แก่ กลอนวรรคที่สาม คำสุดท้าย นิยมใช้ เสียงสามัญ ห้ามใช้เสียงจัตวา หรือคำที่มีรูปวรรณยุกต์ ๔. กลอนส่ง ได้แก่ กลอนวรรคที่สี่ คำสุดท้าย นิยมใช้ เสียงสามัญ ห้ามใช้คำตาย และคำที่มีรูปวรรณยุกต์ จะใช้คำตายเสียงตรี บ้างก็ได้ บาทของกลอน คำกลอนนั้น นับ ๒ วรรคเป็น ๑ บาท ตามธรรมดา กลอนบทหนึ่ง จะต้องมีอย่างน้อย ๒ บาท (เว้นไว้แต่กลอนเพลงยาว หรือกลอนนิราศ ซึ่งนิยมใช้บทแรก ที่ขึ้นต้นเรื่อง เพียง ๓ วรรค) บาทแรก เรียกว่า บาทเอก บาทที่ ๒ เรียกว่า บาทโท คำกลอนจะยาวเท่าไรก็ตาม คงเรียกชื่อว่า บาทเอก บาทโท สลับกันไปจนจบ และต้องจบลง ด้วยบาทโทเสมอ เช่น นิราศเรื่องหัวหินก็สิ้นสุด เพราะจากบุตรภรรยามากำสรวล (บาทเอก) เมื่ออยู่เดียวเปลี่ยวกายใจคร่ำครวญ ก็ชักชวนให้คิดประดิษฐ์กลอน (บาทโท) ใช้ชำนาญการกวีเช่นศรีปราชญ์ เขียนนิราศก็เพราะรักเชิงอักษร (บาทเอก) บันทึกเรื่องที่เห็นเป็นตอนตอน ให้สมรมิตรอ่านเป็นขวัญตา (บาทโท) มิใช่สารคดีมีประโยชน์ จึงมีโอดมีครวญรัญจวนหา (บาทเอก) ตามแบบแผนบรรพกาลโบราณมา เป็นสาราเรื่องพรากจากอนงค์ (บาทโท) -จากนิราศหัวหิน- หลักนิยมทั่วไปของกลอน ๑. คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ และวรรคที่ ๒ ก็ดี คำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ และวรรคที่ ๔ ก็ดี ไม่ควรใช้คำ ที่มีเสียงเหมือนกัน หรือคำที่ใช้สระ และตัวสะกด ในมาตราเดียวกัน เช่น ก. ในไพรสณฑ์พรั่งพรึบด้วยพฤกษา แนววนาน่ารักด้วยปักษา ข. เขาเดินทุ่งมุ่งลัดตัดมรรคา มั่นหมายมาเพื่อยับยั้งเคหา ค. เห็นนกน้อยแนบคู่คิดถึงน้อง มันจับจ้องมองตรงส่งเสียงร้อง ๒. คำที่รับสัมผัส ในวรรคที่ ๒ และที่ ๔ ควรให้ตำแหน่งสัมผัส ตกอยู่ที่พยางค์สุดท้าย ของคำ ไม่ควรให้สัมผัสลงที่ต้นคำ หรือกลางคำ ยิ่งเป็นกลอนขับร้อง ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะจะทำให้เสียความ ในเวลาขับร้อง เช่น สดับถ้อยสุนทรนอนดำริ จนสุริยาแจ้งแจ่มเวหา ๓. คำสุดท้ายของวรรค ควรใช้คำเต็ม ไม่ควรใช้ครึ่งคำ หรือยัติภังค์ เว้นไว้แต่ แต่งเป็น กลบทยัติภังค์ หรือเป็น โคลง, ฉันท์ และกาพย์ เช่น อันถ้อยคำของท่านนั้นเป็นสา มานย์วาจาฟังไปไม่เกิดหรร ษารมณ์เลยสักนิดเพราะผิดจรร ยาทั้งนั้นไร้ศีลฉันสิ้นอา(วรณ์) การแยกคำออกใช้คนละครึ่ง ในระหว่างวรรค เช่นนี้ไม่ควรใช้ ๔. ไม่ควรใช้ภาษาอื่น ที่ยังมิได้รับรอง มาใช้เป็นส่วนหนึ่ง แห่งภาษาไทย เช่น โอไมเดียร ดาริ่งมิ่งสมร บิวตี้ฟูลสุนทรหฤหรรษ์ แม่ชื่นจิตสวิตฮารตจะคลาดกัน ใจป่วนปั่นหันเหเซกู๊ดบาย ส่วนคำบาลี และสันสกฤตใช้ได้ เพราะเรารับมาใช้ เป็นส่วนหนึ่ง แห่งภาษาไทย แต่ถึงกระนั้น ก็ต้องแปลงรูปคำเสียก่อน จะนำมาใช้ทั้งดุ้นไม่ได้ ๕. ไม่ควรใช้ "ภาษาแสลงโสต" คือถ้อยคำที่พูดด้วยความตลกคะนอง หยาบโลน หรือเปรียบเทียบ กับของหยาบ ซึ่งใช้กันอยู่ ในกลุ่มคนส่วนน้อย และรู้กัน แต่เฉพาะในวงแคบๆ เช่น คำว่า ม่องเท่ง, จำหนับ, จ้ำบ๊ะ, ตั้กฉึ้ก, ถังแตก, ยกล้อ ฯลฯ การเขียนกลอนนั้นวรรคที่สี่คำสุดท้ายนั้น ไม่ควรจะซ้ำกับคำสุดท้ายวรรค์สองและสาม เหตุเพราะจะทำให้กลอนกระด้าง ผล ขาดความ เนียนไพเราะ การเขียนกลอนแต่ละครั้งควรจะทำจิตใจเรา ให้ร่าเริงแจ่มใส โดยปกติผมจะใช้ใจและอารมณ์ เป็นหลักในการเขียนกลอน จะทำให้กลอนเรา นั้นอ่อนไหวสั่นพลิ้วไปๆมาๆ ไม่แข็งกระด้าง ห้วนๆ ผมยกแม่บทให้ดูและบอกแบบหมดใส้ หมดพุง จนพุงแฟบจนหิวต้องไปกินน้ำก่อนนะ บ๊ายๆ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
15 สิงหาคม 2550 17:00 น. - comment id 738654
ลุงแก้วที่เคารพ รพีทรมานผู้เฒ่ารึเปล่าคะเนี่ยะ.. ขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ..รพีจะศึกษาความรู้ที่มันออกมาจากไส้จากพุงคุณลุงนั่นแหละค่ะ... แต่ว่าเหมือนจะมีกลิ่นตุ ๆ ด้วยนะคะนั่น....ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ..เป็นห่วงเสมอ...
15 สิงหาคม 2550 18:43 น. - comment id 738697
ทั้งที่เธอเคียงข้างไม่ห่างกาย แต่เดียวดายใจรู้สึกนึกอ่อนไหว กอดไม่อุ่นยิ้มไม่วานระรานใจ เหมือนชิดใกล้แต่ไกลกันหวั่นและกลัว บางครั้งมีคนรักก็เหมือนไม่มีมันก็เดียวดายได้และร้ายแรงกว่าการที่อยู่คนเดียวแล้วรู้สึกว่าเดียวดายซะอีกค่ะพี่หญิงฯ
15 สิงหาคม 2550 20:24 น. - comment id 738733
คุณทะเลใจ อิจฉาจังมีคนอยู่ใกล้ด้วย.. ลองคุยกันดูค่ะ..เปิดใจพูดกัน..บางทีปัญหาทั้งหลายทั้งปวง ก็เกิดขึ้นเพราะการสื่อสารนะคะ...พูดคนละเรื่องเดียวกันน่ะค่ะ....เคยมั้ย..