วรรคทอง

แทนคุณแทนไท

คือน้ำผึ้งคือน้ำตาคือยาพิษ
คือหยาดน้ำอมฤตอันชื่นชุ่ม
คือเกสรดอกไม้คือไฟรุม
คือความกลุ้มคือความฝัน...นั่นแหละรัก
"ไฟรัก ไฟลา ไฟชัง" - รยงค์ เวนุรักษ์
 
ไหมเส้นน้อยร้อยรัดเป็นมัดหมี่
เครื่องปันสีสดแซมแต่งแต้มศิลป์
ทอ เย็บ ปัก จัก สาน งานแผ่นดิน
สร้างสรรค์จินตนาการกังวานไกล
"ศิลป์แห่งจินตนาการ" - สันติ ชนะเลิศ
หลงชอบชมลมปากลำบากแล้ว
พอรู้กรวดรู้แก้ว ก็ขื่นขม
คนปากหวานก้นเปรี้ยวซ่อนเคียวคม
ใครนิยมก็ตกต่ำจงจำไว้
"อย่าหลง" - สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล
อันแผลกายง่ายนักเมื่อรักษา
หมั่นทายาเช้าเย็นก็เห็นผล
แต่แผลใจเจ็บหนักยากทานทน
ขาดสติก็เสียคนไปจนตาย
"แผลกาย แผลใจ" - กวี นิรนาม
เปลวควันเทียนริบหรี่กลับมีแสง
เกิดจากแรงตั้งจิตอธิษฐาน
ดวงตาจึงเห็นธรรมสืบตำนาน
ดวงใจจึงเบิกบานแต่นั้นมา
"แสงเทียนแสงธรรม" - เสมอ กลิ่นหอม
เราผ่านหนาวผ่านร้อนค่อนชีวิต
ไฟความคิดอ่อนล้าจวนล้าแสง
ไฟความรักความใคร่เคยไฟแรง
วัยเริ่มแหนงหน่ายในไฟอารมณ์
"เถ้าชีวิต" - ธัญญา ธัญญามาศ
สุขหรือทุกข์อยู่ที่ใจไม่ใช่หรือ
ถ้าใจถือก็เป็นทุกข์ไม่สุขใส
ถ้าไม่ถือก็ไม่ทุกข์พบสุขใจ
ใครอยากได้สุขหรือทุกข์ฉุกคิดกัน...
"สุขหรือทุกข์" - กวี นิรนาม
หลังคาโบสถ์โอดครวญเมื่อจวนผุ
ระแนงลุล่วงหล่นบนพื้นหญ้า
เสาอิฐปูนทรุดเซตามเวลา
พระประธานสั่นหน้าระอาใจ
"แสงธรรม" - สุธน พันธุเมฆ
ลมหนาวเริ่มล่องมาจากฟ้าแล้ว
พรมจูบแผ่วเจ้าพระยาโรยฝ้าฝัน
คลื่นคลี่เกลียวแก้วม้วนกับนวลจันทร์
กระซิบสั่นซ่านกระเซ็นเป็นสำนวน
"ลมหนาวและเจ้าพระยา" - เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่
ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่
เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ
ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
"ฟ้าสีทอง" -วิสา คัญทัพ
เอกลักษณ์ศักดิ์ศรีนกพิราบ
นำมาซึ่งสันติภาพตราบโลกสิ้น
ใครสืบทอดเจตนารมณ์สุขสมจินต์
จารึกไว้แก่แผ่นดินเพื่อยินยล ..
"สงครามกับสันติภาพ" - จำเนียร อุลิต
รุ้งเจ็ดสี สวยสดงดงามมาก
เป็นเวลาตกฟากรักใหญ่หลวง
เสียง อุแว้! กำซาบนักซึ้งปักทรวง
หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งรวงร่วงจากดอย
"ตกฟาก" - บันลือ จินดาศรี
แสงเพชรก่องส่องกล้าปัญญาฉาย
เป็นประกายแจ่มหล้าปัญญาฉาน
นับเป็นหนึ่งนำหน้าปัญญาชาญ
ผู้นำการกิจจาปัญญาชน
"รำลึกถึงคึกฤทธิ์" - เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
ยามลูกขื่นแม่ขมตรมหลายเท่า
ยามลูกเศร้าแม่โศกวิโยคกว่า
ยามลูกหายแม่ห่วงแก้วดวงตา
ยามลูกมาแม่ชื่นตื้นตันใจ
 
"ความรักของแม่" - กวี นิรนาม
แล้วสอยดาวสาวเดือนที่เกลื่อนฟ้า
มาทำอาหารให้คนไร้สิ้น
ฟันนภาที่เห็นออกเป็นชิ้น
เอามาสินเย็บเป็นเสื้อเผื่อคนจน
"ความเพ้อฝันที่ชนบท" - วิทยากร เชียงกูล
หยาดน้ำค้างหยดแต้มบนแก้มหญ้า
หยาดน้ำตาหยดแต้มบนแก้มสาว
หยาดน้ำทิพย์หยดแต้มบนแก้มดาว
เป็นเรื่องราวรักหรือใคร่ก็ไม่รู้
"บทเรียนราคาแพง" - สมบัติ ตั้งก่อเกียรติ
เธอตายเพื่อจะปลุกให้คนตื่น
เธอตายเพื่อผู้อื่นอีกหมื่นแสน
เธอคือดินก้อนเดียวในดินแดน
แต่จะหนักและจะแน่นเต็มแผ่นดิน
"กระทุ่มแบน" - เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
 
คืนที่ดาวระยับประดับฟ้า
สุดสายตาทิวเขาทอดเงานิ่ง
เจ้าพระยาไกวคลื่นคืนจันทร์พริ้ง
แว่วเสียงหริ่งเรไรกล่อมให้นอน
"คืนนั้น" - อัญญาพร จตุรวิธวงศ์
พูดถึงรักหลายคนว่าเร็วกว่าเสียง
หลายคนเถียงก็มักว่าเร็วกว่าแสง
หลายคนบอกรักนี้เป็นสีแดง
หลายคนแย้งรักนี้เป็นสีดำ
"รัก" - ชมพร จือเหลียง
ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอมาแล้ว
ก้าวล้ำแนวแนวนั้นที่กั้นขวาง
แต่ที่เห็นเห็นเหมือนความเลือนราง
ไหวจางจางระหว่างใจในความจำ
ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอมาถึง
ในวันซึ่งพึ่งวัยจะใกล้ค่ำ
ใบสีขาวขาวหม่นเพราะปนดำ
จึงเหลื่อมล้ำเวลาที่มาเยือน
"นางฟ้าใจร้าย" - สุรินทร์ ประสพพฤกษ์
หนามจะเกี่ยวสักกี่แผลมิแพ้พ่าย
กล้ายืนหยัดท้าทายมิไหวหวั่น
อุปสรรคหนักหนาพร้อมฝ่าฟัน
เธอกับฉันเจ็บหนักหนาพร้อมฝ่าไป
"ความรัก" - วาด วงศ์ยูง
หัวใจหนุ่มชุ่มฉ่ำน้ำค้างหยาด
ไฟสวาทรุนแรงแสวงหา
หัวใจสาวสนองรับกับลีลา
สมปรารถนาสู่สวรรค์ชั้นฉิมพลี
"ความรัก" - ชูเกียรติ วรรณศูทร
โอ้แผ่นดินแตกระแหงเพราะแล้งฝน
เหมือนใจหม่นแตกระแหงเพราะแรงหนาว
ฟ้ามืดหมองมองเลือนแรมเดือนดาว
เหมือนใจร้าวหวั่นผวาครารักแรม
"แล้งใจ" - สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์
ถ้าไม่เหลืออะไรค้างในจิต
คนไร้สิทธิ์ไร้เงื่อนไขก็ไม่เกี่ยว
แต่ถ้าเหลือใยรักอยู่สักเกลียว
ทุกทางเปลี่ยวความเป็นเพื่อนยังเหมือนเดิม
"เพียงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร" - สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล
" ฝันอยากเป็นหมอกเหมยละอองใหม่
   ให้ชุ่มฉ่ำลูบไล้ไปทุกหน
   เพื่อทดแทนเร่าร้อนอันทุรน
   ที่เกลื่อนกล่นมากมายในแผ่นดิน "
"กระหายฝัน" - เสรี ทัศนศิลป์
ระรื่นรื่นชื่นชมด้วยลมพลิ้ว
ละลิ่วลิ่วริ้วคลื่นครืนผวา
ละลอกเรื่อยกระทบกระทั่งฝั่งสุธา
ละลานตารวิวาบอาบนที
"ภาพพิมพ์ใจสองฝั่งเจ้าพระยา" - นิภา บางยี่ขัน
ดอกไม้บานวันนี้วันปีใหม่
ฟ้าสดใสวันนี้วันศรีสุข
ยิ้มให้กันวันนี้วันนิรทุกข์
อารยยุควันนี้วันดีงาม..
"พรขวัญวันนี้" - สุปราณี เจนหนองแวง
ร้อยสายรุ้งเรืองรอบจรดขอบฟ้า
พันสายตาอาวรณ์พิมพ์อ่อนหวาน
หมื่นสายใจโยงจิตสนิทนาน
แสนสายธารที่เย็นชื่นรื่นอุรา
ฤๅจะสู้สายรักจากใจแม่
พิสูจน์แท้สูงส่งดำรงค่า
พระคุณแม่มากล้นคณนา
ชั่วดินฟ้าหามีใครเทียบได้เลย
"หามีใครเทียบ" - ปารวี ทองสถิตย์
เหมือนชีวินสิ้นหวังพลังแล้ว
เหมือนเพลงแผ่วสิ้นเสียงจำเรียงเสนอ
พลันชีพชื่นรื่นกมลด้วยปรนเปรอ
ที่มีเธอคอยถวิลรินศรัทธา
 
"มนต์รัก" - ถาวร ชนะภัย
ผมดำขลับกลับขาวราวดอกอ้อ
หน้าเคยหล่อสวยใสมากไฝฝ้า
ขาเคยแกร่งแรงหมดถดถอยล้า
พระท่านว่าอนิจจังไปทั้งนั้น
"ราว" - ประสิทธิ์ ครองเพชร
ใบหน้านวลยวนแย้มใช่แต้มแต่ง
เพียงคอยแปลงป้ายสวาทมาปาดเปื้อน
ดวงตาใสสุกสกาวดั่งดาวเดือน
ใช่คอยเตือนเชือดชายให้วายชนม์
"คำสารภาพของหญิงสาว" -เพ็ญ ภัคตะ
สายเปลดั่งสายใยเฝ้าไกวกล่อม
ห่วงถนอมออมรักใครจักเหมือน
คำว่าแม่ "แม่" มัดจิตให้คิดเตือน
ไม่รางเลือนจากลูกผูกสัมพันธ์
"สายเปล-สายใย" - สมใจ เกตุวาจา
โพธิ์เคยแผ่กิ่งก้านทั่วลานกว้าง
บัดนี้ร้างโรยเฉาดูเศร้าหม่น
เปรียบก็คล้ายวาสนาชะตาคน
ขอให้ทนทำดีเถิดเกิดแล้วตาย
"ปรัชญาจากต้นโพธิ์" - วาด วงศ์ยูง
เปรียบแม่เช่น "โคมทอง" ของชีวิต
ช่วยชี้ทิศช่วยนำทางช่วยสร้างสรรค์
ให้ความรักให้ความรู้ชูชีวัน
ลูกจึงมั่นกตัญญูบูชาคุณ
"โคมทอง" - สุนันท์ จันทร์สิงห์
เสียงเพลงหวานแว่วมาคราแม่กล่อม
ตักละม่อมรองรับลูกหลับใหล
น้ำนมปนเลือดในทรวงเฉกดวงใจ
หล่อหลอมให้ก้าวย่างเดินทางดี
"เลือดในทรวง" - รื่นฤทัย ละอองศรี
วัด เวียง วัง วาวไสวไฟระยับ
หวานเพลงขับคราวเมื่อเห่เรือหงส์
ซุ้มประทีปแพรพลิ้วแถวทิวธง
ล้วนบรรจงแต่งประดับรับขวัญเมือง
"ความประทับใจ" - มิ่งขวัญ แดงนิเวศน์
 
กว้างหนึ่งศอกยาวหนึ่งวาหนาหนึ่งคืบ
เผ่าพันธุ์สืบต่อมาจากป่าเถื่อน
จากสัตว์ต่ำถ้ำคูมาอยู่เรือน
ประกาศเตือนเต็มค่าเรียกว่า "คน"
 
"คน" - สินทิพย์ มัธยัสถ์สิน
 
โอ้วังเวียงส่อเสียงวับกับอากาศ
แลปรางค์มาสเอนพิงเหลี่ยมสิงขร
ละห้อยหอช่อฟ้าเฟี้ยมอาภรณ์
ห่วงสังกรณ์หางหงส์ฤๅคงทน
 
"รบทัพจับศึก" - สุจิตต์ วงษ์เทศ
ครืดเสียงจักสักลายพรายตะเข็บ
จรดปลายเล็บดันผ้าน้ำตาไหล
โอ้ขวัญเจ้าสาวโรงงานอานพิษภัย
กระอักไข้ปวดร้าวหนาวชีวิต
"ปลอบขวัญฉันทนา" - สัจภูมิ ลออ
ภาพไร้ผมปรกเรี่ยเคลียคลอแก้ม
กับรอยแย้มสดใสไร้เดียงสา
ยังคงเห็นติดค้างอยู่กลางตา
รู้สึกว่าวันนี้มีอารมณ์...
"ภาพฝันที่เป็นจริง" - ประดิษฐ์ พีระมาน
สร้างศรัทธาค่าของคนบนความชั่ว
หลงเมามัวเกินสิทธิ์ผิดวิสัย
สวมหน้ากากซ่อนเร้นความเป็นภัย
ซุกซ่อนในความหรูของผู้ดี
"สังคมจอมปลอม" - ประสิทธิ์ บุญวงษ์
มาอยู่กลางวงล้อมของอ้อมเขา
หมอกสีเทาคลุมฟ้าแนวป่ากั้น
สัมผัสลมเย็นเยียบเหงาเงียบงัน
บรรยากาศชวนฝันคืนวันนี้
"แควใหญ่" - สันติชัย แพทย์พงษ์
ศิลป์ทั้งผองต้องเพื่อเกื้อชีวิต
ของมวลมิตรผู้ใช้แรงทุกแห่งหน
ใช่เพื่อศิลป์อย่างที่นับสัปดน
ใช่เพื่อตนศิลปินชีวินเดียว
"ศิลป์ของใคร" - จิตร ภูมิศักดิ์
โลกภายนอกกว้างไกลใครก็รู้
โลกภายในลึกซึ้งอยู่รู้บ้างไหม
จะมองโลกภายนอกมองออกไป
จะมองโลกภายในให้มองตน
 
"มนต์รัก" - ถาวร ชนะภัย 
กฎของกรรมจำไว้นะไอ้หนู
ท่านให้ดูชั่วดีมีเหตุผล
ผู้ก่อกรรมกรรมต้องสนองตน
บันดาลดลแม่นมั่นมิผันแปร
 
"กฎแห่งกรรม" - นเรศ นโรปกรณ์
เป็นเณรสงฆ์หลงอามิสผิดศาสนา
เป็นราชาหลงผู้หญิงยิ่งเสียหาย
เป็นผู้นำหลงอำนาจชาติวอดวาย
เป็นคนโง่หลงงมงายไร้ค่าคน
"หลง" - สมบัติ บุญฑนิมิต
เขามีส่วนดีชั่วบ้างก็ช่างเขา
จงเลือกเอาส่วนที่ดีที่มีอยู่
เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู
ส่วนที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย
"เลือกส่วน"  พุทธทาสภิกขุ
ตรองให้ลึกนึกให้รอบตอบให้ถ้วน
จะร่ายทวนถือตนอยู่บนหอ
หรือจะลงจากยอดมากอดคอ
ร่วมกันก่อถนนใหม่ใกล้ใกล้กัน
"คำติง" - คมทวน คันธนู
กิจที่ทำกรรมที่ก่อข้อที่คิด
นึกเป็นนิจเพื่อชาติศาสนา
องค์กษัตริย์รัฐธรรมนูญทูนบูชา
เพราะคือหลักคู่หล้าแผ่นฟ้าไทย
"นึกไว้เสมอ" - กวี นิรนาม
อยู่คนเดียวให้ระวังยั้งความคิด
อยู่ร่วมมิตรให้ระวังยั้งคำขาน
อยู่ร่วมราษฎร์ให้ระวังยั้งหย่อนงาน
อยู่ร่วมพาลให้ระวังยั้งอธรรม
"ให้ระวัง" - กวี นิรนาม
โบราณว่าอย่า "คบเด็กสร้างบ้าน
คบหัวล้านสร้างเมือง" มากเรื่องยุ่ง
สมัยนี้เด็กกำลังจะสร้างกรุง
หัวล้านมุ่งดูห่างห่างหาทางโกง
"ฟ้าเมืองไทย" - อักษราภรณ์ พันธุ์กระวี 
 
ติเพื่อก่อล้อเพราะรัก ทักเพราะรู้
ถ้าโฉมตรูตรองเห็นเป็นเสียดสี
เชิญเธอหยิ่งชิงชังผู้หวังดี
เป็นเกียรติที่รับชังแลกสังวร
 
"เพื่อเธอ" - สันทนา ทองบุญส่ง
ไม่ลวงนอกหลอกในหวังได้มาก
"มือถือสากปากถือศีล" สิ้นราศี
หรือ "ปากว่าตาขยิบ" ฉิบหายมี
ไม่ควรที่จะกระทำ อย่านำพา
"พุทธปรัชญา" - เพิ่มศักดิ์ เพิ่มพูน
ค่าของคนมิได้นับเพราะทรัพย์สิน
หรือถวิลรูปลักษณ์สูงศักดิ์ศรี
หากเกิดแต่คุณงามและความดี
หลักการนี้จรรโลงให้โลกไพบูลย์
"บ้านกับวัด" - กวี นิรนาม
ต่างคนก็ต่าง "หน้าเนื้อใจเสือ"
น้ำใจเจือรสเค็มจนเต็มกร่อย
ความดีเคลือบความร้ายหลายรูปรอย
เขาวางอ่อยเหยื่อไว้ให้คนเคลิ้ม
"ใจคน" - นิคม เขาลาด
โทษคนอื่นแลเห็นเป็นภูเขา
โทษของเราแลเห็นเพียงเส้นขน
ตดคนอื่นเหม็นเบื่อเหลืออดทน
ตดของตนถึงเหม็นไม่เป็นไร
"คิดคับแคบ" - กวี นิรนาม
คนงาม งามที่ใจใช่ใบหน้า
คนสวย สวยจรรยาใช่ตาหวาน
คนแก่ แก่ความรู้ใช่อยู่นาน
คนรวย รวยศีลทานใช่บ้านโต
"คน" - กวี นิรนาม
อันสตรีไร้ศีลก็สิ้นสวย
บุรุษด้วยไร้ศีลก็สิ้นศรี
ยิ่งภิกษุไร้ศีลก็สิ้นดี
ปราชญ์เมธีไร้ศีลก็สิ้นงาม
"ไร้ศีล"  หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ
ไฟนั้นร้อนเท่าใดใครก็รู้
เมื่อสุมอยู่กลางกมลฤๅทนได้
ฉันพร้อมแล้ว .. สำหรับจะดับไฟ
เพื่ออิ่มกระไอ ความรักของนักบุญ
"ไฟนักบุญ" - พเยาว์ ปั้นแดง
 
ขอพบเธอในนามของความรัก
และเอ่ยทักในนามความคิดถึง
อ้างพยานมิตรภาพอันซาบซึ้ง
เพื่อตามหึงห่วงหวงทวงไมตรี
 
"ในนามของความรัก" - ประทีป พฤกษากิจ
ไฟความหวังครั้งใหม่ได้โชติช่วง
มันเผาบ่วงพันธะละศักดิ์ศรี
หัวใจเราเสเพลอย่างเสรี
เพื่อสิ่งที่โหยหามาแสนนาน
"สิ่งที่เราต้องการ" - พเยาว์ มุสิกบุตร
โอ้หนาวเย็นเป็นไข้ทั้งในนอก
คมรักยอกใจรอหมอสมาน
แม้หมอไม่เมตตาพยาบาล
โปรดให้ทานยาพิษอีกนิดเอย
"เพลงยาวสำนวนชาย" - สันทนา ทองบุญส่ง
แม้ไม่เอื้ออาถรรพ์สมานแผล
โปรดลงแส้ซ้ำใจเสียให้สม
หวดตรงขั้วหัวใจให้สิ้นลม
อย่าใช้คมตาเฉือนแล้วเบือนเลย
"คมตา" - สวัสดิ์ ธงศรีเจริญ
เขาสามารถปราดเปรื่องในเรื่องรัก
เราโง่นักในเล่ห์เสน่หา
เมื่อเขาเก่งในการสร้างมารยา
เราก็หน้าด้านเป็น ... เล่นละคร
"เขาเป็น..เราก็เป็น" - รัศมี ปฐมพรวิวัฒน์
เมื่อถูกคนเลือดเย็นตามเข่นฆ่า
คนที่ถูกตามล่าเริ่มหลบหาย
เมื่อโอกาสยังมีจะหนีตาย
ขอโอกาสสุดท้ายเลือกหนทาง
"คนกับคน" - วาณิช จรุงกิจอนันต์
รอยจารึกจดจำเป็นคำขาน
สร้างตำนานร้อนแรงทุกแห่งหน
ปลุกศรัทธาต่อสู้ให้ผู้คน
กลางเงื่อนไขสับสนบนแผ่นดิน
"ไฟตำนาน" - ชูเกียรติ ฉาไธสง
 
ปณิธานศรัทธาเขากล้าแกร่ง
ด้วยเลือดแห่งคนรักในศักดิ์ศรี
ชีวิตทั้งชีวิตอุทิศพลี
เพื่อเสรี "ประชาธิปไตย"
 
"สดุดีวีรชน ๑๔ ต.ค. ๒๕๑๖" - นงนุช รอดพึ่งผา
 
หรือฉันมีอะไรไม่น่ารัก
แค่ดั้งหักปากหนาฟันหน้าห่าง
มีพุงออกหลังคู้ผมดูบาง
เดินแขนกางขาขวิดก้นบิดซ้าย
 
"คนมี" - สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล
เรียวหวายเฆี่ยนเนียนเนื้อแลเนื้อผลิ
กระหน่ำซ้ำรอยตำหนิเลือดปริไหล
ราดน้ำเกลือเนื้อเต้นแสนเข็ญใจ
ทาสที่ทนไม่ไหวตายคามือ
"ทาส" - กวาง แซ่ตั้ง
เพียงอยากบอกถึงหัวใจใครคนหนึ่ง
ว่ารู้ซึ้งคุณค่าภาษาศิลป์
อันผลงานฝากไว้ในแผ่นดิน
มอบทั้งสิ้นเพื่อบูชาภาษาไทย
"อยากบอก" - พ.อ.หญิง อุษณีย์ เกษมสันต์
ต่างมองตาตาช้ำต่างร่ำไห้
บ้างเลือดไหลรันทดสยดสยอง
มองแผ่นดินนามประเทืองว่าเมืองทอง
ได้แต่มองแล้วหลบต้องหลับตา
"พระเวทนาการ" - สุจิตต์ วงษ์เทศ
นิ้วเรียวยาวขาวนวลชวนจุมพิต
มิเพี้ยนผิดเนียนขี้ผึ้งกลึงกลมสวย
แลริกริกพลิกเพลินเชิญงงงวย
เจียนใจป่วยไหวหวามตาตามกัน
"ลาวแพน" - สุรินทร์ ประสพพฤกษ์
เสน่ห์เอย เสน่หาบ้านป่าแดง
งามเกินแต่งสวยเรียบมิเปรียบได้
ยิ้มสาวพวนชวนยิ้มอย่างพิมพ์ใจ
เกินคำใดเอ่ยคำจะพร่ำวอน
"เสน่หาบ้านป่าแดง" - สงวน สมกาย
ฉันใส่แหวนวงน้อยฝังรอยรัก
ถึงนานนักเพียงไรไม่เคยหมอง
ลงยางามวามวับรับเรือนทอง
ยิ่งชวนมองหมายแม้นแทนหัวใจ
"แหวนสวาท" - อร อักษรา
จากเมล็ดเม็ดพันธุ์จากวันเพาะ
จากกะเทาะเปลือกหุ้มคุ้มต้นกล้า
เจริญวัยงอกงามตามเวลา
จวบสง่าเงาร่มงามสมดุล
"เงาร่ม" - รุ่งรวี พารัตน์
 
ฝากสายขวัญสายใจสายลมหนาว
ไปบอกข่าวความรักจักมาสู่
พร้อมกุหลาบดอกนี้สีชมพู
ให้รับรู้ว่าเรา รักเจ้าแล้ว
 
"วันแห่งความรัก" - สมบัติ ตั้งก่อเกียรติ
สองมือผลัดไกวเปลปากเห่กล่อม
สองขาค้อมขัดตักให้พักหนุน
สองตาแม่อาทรอ่อนละมุน
สองถันอุ่นพันผูกเลี้ยงลูกรัก
"ลูกรัก" - นิตยา วงศ์เลิศวาทิก
สวยปากคอแก้มคางเหมือนอย่างวาด
ผิวผุดผาดผ่องเพ็ญเป็นราศี
โฉมแฉล้มแจ่มจันทร์มาวันนี้
เชิญคนดีย่างย้ายกรายออกมา
"รอนางรำ" - วรา จันทกูล
อ้างศิลปินดื่นดาษขาดศิลปะ
เหม็นยิ่งกว่ากองขยะขจายกลิ่น
แมลงวันแมลงหวี่ที่ตอมบิน
ยังสูงกว่าศิลปินที่สิ้นคิด
"ศิลปะ"  พรานบูรพ์
จ้องจับผิดริษยาน่าอนาถ
พอพลั้งพลาดขั้นย่อยยับคอยทับถม
เรืองอำนาจวาสนาพากันชม
เข้ากราบก้มสอพลอ..คนหนอคน
"เชิญ" - ประมวล พรหมอินทร์
ดอกรักบานในหัวใจใครทั้งโลก
แต่ดอกโศกบานในหัวใจฉัน
และอาจเป็นเช่นนี้ชั่วชีวัน
เมื่อรักอันแจ่มกระจ่างเลือนร้างไกล
"บทสุดท้ายของนิยายรัก" - เฉลิม รงคผลิน
เหม่อมองท้องฟ้ากว้างกว่ากว้าง
แสนอ้างว้างหวั่นไหวให้ถวิล
คนใกล้ใจไกลห่างต่างแผ่นดิน
มิสุดสิ้นอาลัยใฝ่คะนึง
"นิยามของความรัก" - มัสยามาศ ขวัญชื้น 
ขณะที่ปากมีไว้เพื่อให้พูด
เธอก็ใช้ลิ้นการทูตพูดเสียหนัก
ส่วนหัวใจมีไว้เพื่อให้รัก
เธอไม่ยักใช้มัน...ฉันเสียดาย
 
รังษี บางยี่ขัน
 
เพื่อพักผ่อนนอนหลับในทับทิพย์
ชมดาววิบแวมวอมในอ้อมสรวง
ระรื่นรินกลิ่นผกาบุปผาพวง
ลิ้มผึ้งรวงหวานลิ้นด้วยยินดี
 
ประยอม ซองทอง
น้องเคลียแก้มเกลือกไว้ก่อนให้พี่
ซ้ำกราบที่กลางหมอนเคยนอนหนุน
ยามพี่แนบหน้านอนหมอนละมุน
จงหอมกรุ่นแก้มและกราบกำซาบทรวง
สวัสดิ์ ธงศรีเจริญ
หนึ่งจะมีรักใหม่อย่าให้รู้
สองจะอยู่กับใครอย่าให้เห็น
ให้ฉันเถิดขอร้องสองประเด็น
แล้วจะเป็นผู้แพ้อย่างแท้จริง
 
สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์
หนาวน้ำค้างกลางคืนสะอื้นอ้อน
จะกางกรกอดน้องประคองขวัญ
เอาดวงดาราระยับกับพระจันทร์
ต่างช่อชั้นชวาลาระย้าย้อย
"นิราศอิเหนา" - สุนทร ภู่
เหมือนสายแก้วแวววับระยับเยื้อง
ช้อยชำเลืองชมอุษาคราฉายแสง
พุน้ำหนึ่งผุดพุ่งรุ่งแจรง
ดั่งรุ้งแปลงแปลกฟ้าลงมาดิน
"สูงขึ้นไป"  อุชเชนี
ฉันเอาฟ้าห่มให้ หายหนาว
ดึกดื่นกินแสงดาว ต่างข้าว
น้ำค้างพร่างกลางหาว หาดื่ม
ไหลหลั่งกวีไว้เช้า ชั่วฟ้าดินสมัย
"กวีนิพนธ์" - อังคาร กัลยาณพงศ์
โลกนี้มีกาพย์กลอนซ่อนนิ่ง
ในสรรพสิ่งสุนทรีย์ลึกล้ำ
ทุกดินน้ำลมไฟเก็บงำ
คติธรรมอมตะสะอาดงาม
"กาพย์กลอน" - อังคาร กัลยาณพงศ์
เพื่อโค้งเคียวเรียวเดือนและเพื่อนโพ้น
เพื่อไผ่โอนพลิ้วพ้อล้อภูผา
เพื่อเรืองข้าวพราวแพร้วทั่วแนวนา
เพื่อขอบฟ้าขลิบทองรองอรุณ
"ขอบฟ้าขลิบทอง"  อุชเชนี
 
แล้วชีวิตอ่อนใสเขียวใบไม้
ค่อยพลิกไหวพบละอองของแดดอ่อน
บทเริ่มต้นตามลีลาความอาทร
ผลิใบซ้อนก่อนใบซบลงทบดิน
 
"ชีวิตและเงื่อนไข" - จิระนันท์ พิตรปรีชา
จะหักอื่นขืนหักก็จักได้
หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก
สารพัดตัดขาดประหลาดนัก
แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ
"นิราศอิเหนา" - สุนทร ภู่
วิทยาเปรียบด้วยกำลังเหมาะ
สุจริตคือเกราะกำบังได้
ปัญญาคืออาวุธยุทธวิชัย
สติไซร้คุ้มพลยุทธนา
"เกียรติรถ"  พระมงกุฎเกล้า
อย่าเอื้อมเด็ดดอกฟ้า.มาถนอม
สูงสุดมือมักตรอม...อกไข้
เด็ดแต่ดอกพยอม...ยามยาก ชมนา
สูงก็สอยด้วยไม้...อาจเอื้อมเอาถึง
 
"โคลงโลกนิติ"  กรมพระยาเดชาดิศร
ลมทะเลพัดผ่าวต้อง.สกนธ์กาย
ผ้าห่มฤๅห่อนหายสั่นสะท้าน
เนื้อนิ้วกิ่งก้อยสายสุดสวาท
แม้นพะยุร้อยด้าน.ดีดนิ้วเดียวหาย
ท้าวสุภัติการภักดี (นาค)
อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก
แต่ลมปากหวานหูมิรู้หาย
แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย
เจ็บจนตายเพราะเขาเหน็บให้เจ็บใจ
สุนทร ภู่
เรียมรักนุชนาฏด้วย.เห็นใจ จริงเอย
ใช่รักรูปวิไล..เลิศล้ำ
ชื่นจิตแต่หล่อนไข.คำซื่อ
อีกสิ่งปฏิบัติซ้ำ.ส่งให้รักแรง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
 
ผานิตผิชิดมด ฤ จะอดบอาจจะมี
แม่เหล็ก ฤ เหล็กดี อยะยั่วก็พัวก็พัน
พื้นภพอำเภอภพ ก็ประสพเสมอสวรรค์
อยู่ชั่วนิรันดร์กัลป์ อวสานประมานประเมิน 
"อิลราชคำฉันท์" - พระศรีสุนทรโวหาร (ผัน สาลักษณ์) 
การะเวกหรือวิเวกร้อง.ระงมสวรรค์
เสนาะมิเหมือนเสนาะฉันท์..เสนาะซึ้ง
ประกายฟ้าสุริยาจันทร์แจร่มโลก ไฉนฤๅ
เมฆพะยับอับแสงสะอึ้งอร่ามแพ้ประพันธ์เฉลย 
กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
ดูหนังดูละคร..แล้วย้อนดูตัว
ยิ้มเยาะเล่นหวัวต้นยั่วเหมือนฝัน 
"รุไบยาต"  กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก
แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
ครั้นจืดจางห่างเหินไปเนิ่นนาน
แต่น้ำตาลก็ว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล
"พระอภัยมณี" - สุนทร ภู่
แฮะแฮะใครอย่าเย้ยหยันเด็ก
พริกก็พริกเม็ดเล็กเผ็ดล้ำ
ใครใครจะกินเหล็ก..ห่อนเล่า ลือนา
โคแก่มีเขาง้ำเด็กขึ้นขี่คอ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา
"นิราศภูเขาทอง" - สุนทร ภู่
หนังสือคือเพื่อนรัก 
แน่ตระหนักเสมอไป
ยามทุกข์ปลุกปลอบใจ 
ที่เหงาหงอยค่อยเคลื่อนคลาย
กล่อมจิตให้คิดฝัน
ล้วนสิ่งบรรเจิดเพริดพราย
เป็นมิตรสนิทกาย
ให้ความรู้เชิดชูตน
ฐะปะนีย์ นาครทรรพ
เพ็ญพระจันทร์นั้นสว่างแต่ข้างขึ้น
กระต่ายมึนเมาเพ็ญจนเป็นบ้า
แต่ทรามวัยใสสุกทุกเวลา
ในอกข้าเมามึนทั้งขึ้นแรม
"นิทานเวตาล" - น.ม.ส.
สุมามาลย์หวานฉ่ำกับน้ำค้าง
ก็อ้างว้างเพราะพิษความคิดถึง
ใจนั้นหวั่นปั่นป่วนและอวลอึง
เพ้อรำพึงเหมือนมิเคยใจเอ๋ยใจ
"เสน่หา" - เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
 
ยามนางรักสมัครหมาย
รสคล้ายน้ำทิพย์สวรรค์
ยามนางหน่ายก็ปานกัน
กะน้ำพิษระอิดระอา
 
จารึก
ถึงกลางวันสุริยันแจ่มประจักษ์
ไม่เห็นหน้านงลักษณ์ยิ่งมืดใหญ่
ถึงราตรีมีจันทร์อันอำไพ
ไม่เห็นโฉมประโลมใจก็มืดมน
"วิวาห์พระสมุทร"  พระมงกุฎเกล้า
อันความรักเหมือนน้ำอมฤต
ได้ดื่มแล้วชื่นจิตพิศวง
ระงับโรคสูญพูนพะวง
เพราะรักรื่นยืนยงยั่วยวนใจ
"สาวิตรี"  พระมงกุฎเกล้า
เต่าเตี้ยดอกอย่าต่อให้ตีนสูง
มิใช่ยูงจะมาย้อมไม่เห็นขัน
หิ่งห้อยฤๅจะแข่งแสงพระจันทร์
อย่าปั้นน้ำให้หลงตะลึงเงา
 
ขุนช้างขุนแผน
อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ
ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก
จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย
"เพลงยาวถวายโอวาท" - สุนทร ภู่
ยามเยาว์เห็นโลกล้วน..แสนสนุก
ยามหนุ่มเพลิดเพลินสุขค่ำเช้า
กลางคนจับเห็นทุกข์.มีคู่ สุขแฮ
ตกแก่จึงรู้เค้า.ว่าล้วนอนิจจัง
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
มัวเผลอเพลินเพลิดด้วย..ความสุข
มัวฝันว่ามั่นทุก.อย่างแล้ว
มัวคิดว่าหมดยุค.เข็ญหมด
มัวพูดอวดดีแจ้ว.จักต้องเสียใจ
"ดุสิตสมิต"  พระมงกุฎเกล้า
 
เป็นการง่ายยิ้มได้ไม่ต้องฝืน
เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์
แต่คนที่ควรชมนิยมกัน
ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา
 
"มหาบุรุษ"  หลวงวิจิตรวาทการ
 
ความรักเหมือนโรคา 
บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล
อุปะสัคคะใดใด
ความรักเหมือนโคถึก
กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดจากคอกไป
บยอมอยู่ ณ ที่ขัง 
ถึงหากจะผูกไว้
ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง
บหวนคิดถึงเจ็บกาย 
"มัทนะพาธา"  พระมงกุฎเกล้า
โอ้ว่าอนิจจาความรัก
พึงประจักษ์ดังสายน้ำไหล
มีแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป
ไหนเลยจะไหลกลับมา
 
"อิเหนา"  พระมงกุฎเกล้า
นาเอ๋ยนารี
ภคินี, กัลยา, สุดา, สมร
นุชนาถ, วนิดา, พงางอน
สายสวาท, บังอร, พธู, นวล
ยุพดี, กานดา, ยอดยาจิต
โฉม-มิ่งมิตร, น้องนุช, สุดสงวน
สิบเก้าแล้วยังไม่หมดบทกระบวน
เออสำนวนนามผู้หญิงมากจริงเอย
ชิต บุรทัต
แล้วฉันเลือกเป็นหิ่งห้อย
แทนดาวลอยสูงศักดิ์อัครฐาน
จึงมีปีก มีความหวัง อหังการ
มีสิทธิผ่านมุมอับอันลับดาว
"หิ่งห้อย" - จิระนันท์ พิตรปรีชา
ฉันเป็นกรวดเม็ดร้าว
แหลกแล้วด้วยความเศร้าหมองหม่น
ปรารถนาเป็นธุลีทุรน
ดีกว่าทนกลั้นใจอยู่ใต้น้ำ
"เศษธุลี" - จิระนันท์ พิตรปรีชา
จะไถแปรไถคราดกวาดเศษหญ้า
หว่านกล้า ฝันไว้ในรอยหว่าน
ดั่งเขียนบทกวีฤดูกาล
ด้วยหมึกเหงื่อหมึกงานผ่านชีวิต
"จุมพิตฤดูกาล" - ไพรวรินทร์ ขาวงาม
เหมือนไข่มุกเมื่อหล่นบนจานหยก
วณิพกพ่ายสิ้นเพียงยินเสียง
มธุรสโอษฐ์ฉะอ้อนประอรเอียง
ดาลเผดียงดาเรศเนตรอนงค์
"ใบศรี" - เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
โลกมิได้อยู่ด้วย..มณี เดียวนา
ทรายและสิ่งอื่นมีส่วนสร้าง
ปวงธาตุต่ำกลางดี..ดุลยภาพ
ภาคจักรพาลมิร้าง..เพราะน้ำแรงไหน
"โลก" - อังคาร กัลยาณพงศ์
 
ในฟ้าบ่มีน้ำ ในดินซ้ำมีแต่ทราย
น้ำตาที่ตกราย คือเลือดหลั่ง ลงโลมดิน
สองมือเฮามีแฮง เสียงเฮาแย้งมีคนยิน
สงสารอีศานสิ้น อย่าทรุด สู้ด้วยสองแขน!
พายุยิ่งพัดอื้อ ราวป่ารื้อราบทั้งแดน
อีศานนับแสนแสน สิจะพ่ายผู้ใดหนอ?
 
"อีศาน"  นายผี
พุดจีบกลีบแสล้ม
พิกุลแกมแซมสุกรม
หอมชวยรวยตามลม
เหมือนกลิ่นน้องต้องติดใจ
เจ้าฟ้าธรรมมาธิเบศร์
ความรักจักเกิดด้วย.สองพรรค์
หนึ่งเพราะบุพเพสัน-นิวาสสร้าง
สองเพราะอยู่ร่วมกัน.ในชาติ นี้นา
ประดุจปทุมชาติสร้างสลับซ้อน กลางสินธุ์
พระราชนิพนธ์ใน รัชกาลที่ ๔
				
comments powered by Disqus
  • แทนคุณแทนไท

    2 มิถุนายน 2548 14:50 น. - comment id 474131

    อันที่จริงวรรคทองในแผ่นดินนี้ยังมีอยู่อีกมากนัก ด้วยใจชื่นชมทั้งสิ้นจึงนำงานเหล่านั้นมาวางไว้.... 
    
    เพื่อนบ้านกลอนไทย มีวรรคทองในใจเพิ่มเติม ไม่ว่ามาจากที่ได้ ขอไมตรีจิตช่วยแบ่งปันสักหนึ่งน้อยครับ...
    
    ด้วยรักและขอบคุณ36.gif
  • ลักษมณ์

    2 มิถุนายน 2548 15:11 น. - comment id 474149

    :]
  • แก้วนีดาเองจ๊ะ.

    2 มิถุนายน 2548 15:18 น. - comment id 474154

    มากคุณค่าล้นจอ
    อ่านมิพอเวลามีน้อย
    พรุ่งนี้เถอะจะมาอ่านคอย
    ขอบคุณพี่แทนจากน้องน้อยนะพี่แทน......
    
    ต้องขอตัวไปประชุมก่อนแล้วจ๊ะพี่แทน.......
    
    ขอบคุณที่นำมาลงให้อ่านจ๊ะพี่ชายที่แสนดี.......41.gif
  • บินเดี่ยวหมื่นลี้

    2 มิถุนายน 2548 15:34 น. - comment id 474172

    มาอ่านครับ..วรรคทองจริงๆ.....
    31.gif
  • อัลมิตรา

    2 มิถุนายน 2548 15:39 น. - comment id 474174

    อัลมิตราเคยเห็นกระทู้วรรคทอง ที่อาศรมชาวโคลง .. ที่จอมยุทธเมรัยเป็นผู้เปิดกระทู้
    โดนบังคับให้อ่าน ให้ท่อง ( เพี๊ยง ปู่ลิง ไม่เข้ามาอ่าน..) ก็เลยพอจะกล้อมแกล้มรู้บ้างนิดหน่อย
    หวังว่าการหยิบประเด็นนี้มาเสวนากัน คงเกิดประโยชน์แก่เพื่อสมาชิกไม่มากก็น้อย หรือจะพอดี ก็ว่ากันไป
    
    ก่อนอื่น ควรรู้ว่าวรรคทองคืออะไร? 
    ถ้าจะพูดให้ง่ายๆ วรรคทองก็คือ กลอนบางบทที่ทำให้คนจดและจำ เป็นบทที่กินใจ
    พูดได้ว่าบทกลอนที่เป็นวรรคทองดังกล่าวมักมีคุณค่าในตัวมันเอง 
    เป็นการเรียงร้อยคำที่ไพเราะให้ภาพทางความรู้สึกที่ชัดเจนและสะเทือนอารมณ์
    
    วานิช จรุงกิจอนันต์ ได้ให้ข้อสังเกตไว้ว่า 
    กลอนบทเด่นๆหรือกลอนที่มีวรรคทอง อันเป็นที่จดจำของใครต่อใครนั้น
    มีความพิเศษอย่างไรว่า
    
    ประการแรก เรื่องการจับอารมณ์สะเทือนใจ 
    จุดไหนอย่างไรที่จะทำให้คนเรามีความสะเทือนใจสูง
    ซึ่งความสะเทือนใจนี้เป็นเรื่องราวของศิลปะ 
    ไม่ได้หมายถึงความโศกเศร้า
    
    ประการต่อมาคือเรื่องของคำและภาษาที่ใช้ 
    ต้องเรียบง่ายคล้องจองไพเราะกินใจ
    เป็นคำที่คุ้นๆ แต่เมื่อนำมาร้อยเรียงเข้าด้วยกันแล้วกลับแปลก 
    และคนอ่านมักจะนึกไม่ถึง
    
    ประการต่อมา วรรคทองจะต้องมีจุดชนะใจคนอ่าน 
    เมื่อคนอ่านอ่านแล้วจะเกิดความรู้สึกว่า
    ร้อยกรองที่เขียนนี้ไม่ใช่ใครก็เขียนได้ 
    คนที่เขียนได้จะต้องมีฝีมือและน่าจะแสดงให้เด่นชัดว่า 
    มีฝีมือเหนือกว่าคนอ่านทั่วๆไป 
    ถ้าคนอ่านอ่านแล้วรู้สึกว่าไม่เห็นมีอะไร
    ไม่เท่าไหร่อะไรทำนองนี้ก็เป็นอันว่าคงจะจบ
    
    วรรคทองที่จะนำมากล่าวถึงคือ บทที่เขียนไว้ว่า
    
    สิ้นเอ็งแล้วข้าก็พร้อมจะยอมบ้า
    ฆ่าเอ็งก็เหมือนฆ่าน้าผู้ใหญ่
    ลูกกำนันบุญน้อยขอคล้อยไกล
    ข้าไม่ใช่ลูกชายนายอำเภอ
    
    วรรคทองบทนี้ อยู่ในกลอนชุด จากลูกชายกำนันถึงลูกสาวผู้ใหญ่บ้าน 
    ซึ่ง ขรรค์ชัย บุนปานแต่งในสมัยหนุ่มๆ ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๘ 
    ซึ่งกลอนชุดนี้ มีเขียนเต็มๆดังนี้
    
     จากลูกชายกำนันถึงลูกสาวผู้ใหญ่บ้าน
    
    ๏ เลือดฝาดเอ็งเปล่งปลั่งก็ยังสาว
    ลองแก่คราวขนาดยายจะไหวหรือ?
    เสน่ห์ที่มิได้ทำจากน้ำมือ
    สามสี่มื้อบอกตรงตรงก็คงคลาย
    
    ข้าหลงรักก็เพราะเล็งเห็นเอ็งสวย
    ปราศสิ่งช่วยเสริมให้ชวนใจหาย
    วันแรกสึกออกมาก็ตาลาย
    เอ็งกลับกลายเกินจริตแผกผิดคน
    
    เรียนตัดเสื้อในเมืองเป็นเรื่องชอบ
    ถูกระบอบขอบเขตของเหตุผล
    เพราะคนเราไร้วิชาย่อมพาจน
    ข้าไม่เถียง,อ็งด้นถูกหนทาง
    
    สามเดือนเหมือนสามปีที่ข้าบวช
    หัวใจรวดร้าวเลยยินเอ่ยอ้าง
    ว่ารักชื่นสิจะชืดรสจืดจาง
    เกือบแหกกลางพรรษาออกมาดู
    
    เมื่อเห็นตาเคยซื่อกลับดื้อรั้น
    ยิ่งเชื่อมั่นแน่ใจเอ็งหมายหลู่
    น้ำตาแค้นตกในรินไหลพรู
    อุตส่าห์สู้ห่วงหวงเท่าดวงใจ
    
    สิ้นเอ็งแล้วข้าก็พร้อมจะยอมบ้า
    ฆ่าเอ็งก็เหมือนฆ่าน้าผู้ใหญ่
    ลูกกำนันบุญน้อยขอคล้อยไกล
    ข้าไม่ใช่ลูกชายนายอำเภอ >  
    
    ขรรค์ชัย บุนปาน
  • อัลมิตรา

    2 มิถุนายน 2548 15:40 น. - comment id 474175

    ร่วมกลอนรัก  (เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์)
    
    หัวใจรักเจ้าเอยช่างเอ่ยเอื้อน                       
    แว่วแว่วเหมือนมาตามมาถามข่าว
    มีน้ำอย่างหยาดแก้วกลบแววดาว๑             
    เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง๒
    อารมณ์รักมักให้เห็นเป็นกวี                        
    ถ้อยคำรักคือวลีที่เริงรุ่ง
    ถึงไม่จำแต่ไม่ลืมยังปลื้มปรุง                       
    หอมแห่งทุ่งดอกไม้รักรายรอง
    อ้อมกอดพี่จะสงวนไม่ด่วนเสนอ                
    อ้อมตักเธอจงถนอมก่อนยอมสนอง๓
    ทั้งคมคำคมความให้ตามตรอง                     
    กระเทือนห้องหัวใจกันหลายชั้น
    ดอกรักบานในใจใครทั้งโลก                     
    แต่ดอกโศกบานอยู่ในหัวใจฉัน๔
    คนเคยรักเคยร้างเคยห่างกัน                      
    ยังหวั่นหวั่นหวามหวามอยู่รำไร
    โอ้นกเขาเจ้าขันกระชั้นแจ้ว                     
    เราโตแล้วหาตักอุ่นหนุนไม่ได้๕
    ถ้าไม่ไปหาเขาเราเสียใจ                        
    แต่ถ้าไปหาเขาเราเสียตัว๖
    ทั้งเสียวสะแสบไส้กระไรเลย                       
    อุแม่เอ๋ยเอาหัวใจออกไขทั่ว
    กล้าก็กล้าใจหนอกลัวก็กลัว                       
    เหมือนมายั่วมาย้ำมานำชัก
    ขณะที่ปากมีไว้เพื่อให้พูด                       
    เธอก็ใช้ลิ้นการฑูตพูดเสียหนัก
    ส่วนหัวใจมีไว้เพื่อให้รัก                        
     เธอไม่ยักใช้มัน...ฉันเสียดาย๗
    เหมือนระย้าผกาแก้วแววระยับ                
     กระทั่งกับภูผาน่าใจหาย๘
    คือดวงแก้วแห่งรักมักวับวาย                     
     มีแต่จะตกกระจายไม่วายเว้น
    หนึ่งจะมีรักใหม่อย่าให้รู้                        
    สองจะอยู่กับใครอย่าให้เห็น
    ให้ฉันเถิดขอร้องสองประเด็น                 
     แล้วจะเป็นผู้แพ้ที่แท้จริง๙
    สารพันสารพัดจะสัตย์ซื่อ                          
    ความรักคือความทุกข์ถูกทุกสิ่ง
    ประเดี๋ยวสุขสมหมายก็พรายพริ้ง                 
    ประเดี๋ยวยิ่งปวดร้าวก็เศร้าทรุด
    ถ้ารักใครไม่ได้ก็ไม่รัก                           
    แต่กุจักชักดาบเข้าฉาบฉุด
    ดั่งโคถึกคึกคะนองลำพองรุด                  
     ใครจะยื้อใครจะยุดจะฉุดใจ๑๐
    เมื่อรักกันไม่ได้ก็ไม่รัก                          
    ไม่เห็นจักเกรงการสถานไหน
    ไม่รักกุกุก็จักไม่รักใคร                          
     เอ๊ะ  น้ำตากูไหลทำไมฤๅ๑๑
    ข้อยฉวยช้อนกลอนรักมาถักร้อย                  
    เป็นสายสร้อยดอกไม้สร้อยลายสือ
    มอบไว้เป็นของขวัญมั่นกับมือ                     
    เสมอสื่อสารรู้...ใจสู่ใจ 
    
    รายนามนักเขียนที่ประพันธ์วรรคทองจากบทกลอนชุดดังกล่าว มีดังต่อไปนี้
    
    ๑  ตุลย์เทพ     สุวรรณจินดา
    ๒  อังคาร     กัลยาณพงศ์     
    ๓  สวัสดิ์     ธงศรีเจริญ
    ๔  เฉลิมศักดิ์     ศิลาพร
    ๕ นิภา     บางยี่ขัน
    ๖  กรรณิการ์     เฮงรัศมี
    ๗  รังษี     บางยี่ขัน
    ๘  อุชเชนี
    ๙  สนธิกาญจน์     กาญจนาสน์
    ๑๐  ขรรค์ชัย     บุญปาน
    ๑๑  สุจิตต์     วงษ์เทศ
    
    
    รักพี่เสียดายน้อง ครั้นจะหยิบยกมานิดหน่อย ก็ดูเหมือนว่า อัลมิตราจะรั้งใจตัวเองไม่อยู่เสียแล้ว .. นาน ๆ มีคนตั้งกระทู้น่าสนใจอย่างนี้ ทนอ่านอีกหน่อยก็ละกัน
  • ขอโทษครับ...ผมเมา

    2 มิถุนายน 2548 15:54 น. - comment id 474182

    เยี่ยมครับ  41.gif
    ขอบคุณมากครับที่นำมาฝากกัน...29.gif
    
    บทกลอนในบ้านกลอนไทยนี้ ก็อาจจะมีวรรคทอง กับเขาเหมือนกันนะ   
    
    เอ...ของเราจะมีบ้างไหมหว่า  คงยาก...10.gif51.gif
  • พระจันทร์เศร้าฯ

    2 มิถุนายน 2548 17:25 น. - comment id 474214

    ลมหนาวเริ่มล่องมาจากฟ้าแล้ว
    พรมจูบแผ่วเจ้าพระยาโรยฝ้าฝัน
    คลื่นคลี่เกลียวแก้วม้วนกับนวลจันทร์
    กระซิบสั่นซ่านกระเซ็นเป็นสำนวน
    
    \"ลมหนาวและเจ้าพระยา\" - เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
    
    บทที่ยกมาเป็นบทแรกค่ะ
    บทที่จำได้ และเห็นบ่อยสมัยอยู่ริมเจ้าพระยา เป็นบทจบว่า
    
    ลมหนาวเริ่มล่องมาจากฟ้าแล้ว
    พรมจูบแผ่วคลื่นพริ้วชวนหวิวไหว
    ลำนำจากเจ้าพระยามากล่อมใจ
    คิดถึงใครคนหนึ่งซึ่งไม่มี
    
    กับของสุจิตต์ วงศ์เทศ ที่ได้อ่านบ่อยสมัยนู้นจาก \"ปากกับใจ\"
    เมื่อรักกันไม่ได้ก็ไม่รัก
    ไม่เห็นจักเกรงการสถานไหน 
    ไม่รักกู กูก็จักไม่รักใคร
    เอ๊ะ น้ำตากูไหลทำไมฤา
    
    แล้วก็จากขรรค์ชัย บุญปาน ซึ่งคล้าย ๆ กันแต่ดุดันกว่า
    ถ้ารักใครไม่ได้ก็ไม่รัก
    แต่กูจักชักดาบเข้าฉาบฉุด
    ทั้งพ่อตาแม่ยายอย่าหมายยุด
    ดาบจะกุดหัวให้ชีพวายวาง
    
    แล้วก็อีกบทหนึ่งจาก \"ออมอก\" ของ สวัสดิ์ ธงศรีเจริญ
    แม้อกนี้แคบนักน้องรักเอ๋ย
    อย่าหวั่นเลยอุ่นอุรากว่าอกไหน
    เมื่อมีพี่เอื้ออกแคบให้แอบไอ
    จะออมไว้ให้อิงเพียงหญิงเดียว
    
    ถัดมาจากยุคนั้น จะมีนักกลอนดัง ๆ ริมฝั่งเจ้าพระยา เช่น สุรเทพ โลหิตกุล  อย่างสมชาย อนงคณตระกูล หางานเพราะ ๆ มาให้อ่านไม่ได้เลย พอดีเป็นช่วงวิกฤตทางการเมือง
    
    สำหรับบทนี้ มีคนเขียนให้ เป็นคนยุคโน้นเหมือนกัน อาจไม่ใช่วรรคทองของใคร แต่เป็นวรรคทองของเราเอง
    พี่เข้าเอ็มฯ มาหาแก้วตาพี่
    ดูเจ้าซี....ไร้ใจ....ใครจะเหมือน
    พระจันทร์เศร้าฯเจ้าเอยทำเฉยเชือน
    ฤาเจ้าเลือนพี่แล้วแม่แก้วตา....(๒คำ)
    
    วันนี้มาร่วมสนทนาเท่านี้ค่ะ
    ขอบคุณที่นำสิ่งดี ๆ มาเผยแพร่ค่ะ
  • ภาวิดา

    2 มิถุนายน 2548 18:00 น. - comment id 474225

    ขอบคุณค่ะ ที่นำวรรคทองของใคร ๆ มาได้อ่าน ได้อ่านในหนังสือ เรียงร้อยถ้อยคำ ของคุณวานิช และคุณเนาวรัตน์บ้าง 
    
    ก็ได้อ่านเพียงตัวอย่าง เล็กน้อยเท่านั้น ขอบคุณที่ช่วยขยายโลกให้กว้างขึ้นค่ะ
    
    ชอบบทนี้มาก ๆ ค่ะ 
    
    เธอตายเพื่อจะปลุกให้คนตื่น
    เธอตายเพื่อผู้อื่นอีกหมื่นแสน
    เธอคือดินก้อนเดียวในดินแดน
    แต่จะหนักและจะแน่นเต็มแผ่นดิน
    
    \"กระทุ่มแบน\" - เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
    
    เมื่อได้อ่านเต็ม ๆ บทแล้วให้ความรู้สึกสะเทือนใจ กินใจ และเลือดพล่าน ในชีวิต และประเทศ กวีสื่อได้ถูกจุดและกระทบใจเหลือเกิน
    
    กล่าวถึงกวีเก่า ๆแล้วโดยส่วนตัวแล้วชอบอุเชนนีค่ะ อจ. บอกว่าเธอเขียนกลอนโดยซ่อนความนัยเกี่ยวกับการเมือง เป็นกลกลอน ที่ละเอียด และสวยงามด้วย ถ้าไม่มี อจ.แปลให้ก็คงไม่รู้เรื่อง
    
    ขอบคุณข้อมูลจากคุณแทนคุณ คุณอัลมิตรา และพระจันทร์เศร้ามากค่ะ
    
    ขอเก็บหน้านี้ไว้ศึกษานะคะ 
    12.gif16.gif12.gif
  • กอกก

    2 มิถุนายน 2548 18:45 น. - comment id 474255

    ขอบคุณคุณแทนมากๆ
    นั่งอ่านนานมากๆ
    บทไหนที่โดนใจก็อ่านเสียหลายรอบ
    ขอชื่นชมจากใจจริง
    
    สวัสดีค่ะ
    36.gif
  • กีกี้ ..

    2 มิถุนายน 2548 19:46 น. - comment id 474269

    .. ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็น .. วรรคทอง .. ที่เป็นสากลหรือป่าว? ..
    .. ทราบแต่ว่า เป็นวรรคทองในใจกี้น่ะ ..
    .. มีคุณค่าสำหรับจิตใจกี้มากเชียว ..
    .. เลยเอามาฝากไว้ด้วย .. 11.gif.. แด่เธอผู้ไต่ขุนเขา .. 
     .. โดยคุณคมทวน คันธนู .. 
    
    ๑. เพื่อนรัก
    เพื่อนคือนักไต่เขาโดยเป้าหมาย
    สัมภาระพะรุงพะรังไปทั้งกาย
    พร้อมคันธงถือทายปักปลายทาง
    แม้จะสูงเสียดลิบหลายสิบโยชน์
    ถึงหินโขดขรุขระระกะขวาง
    มีภาพหลอนลอยเลื่อนอยู่เลือนลาง
    ทุกก้าวยามเหยียบย่างดูลางเลือน....
    
    
    .. กับอีกบท .. 
    
    .. จงร้องเถิดถ้าจะร้องเพื่อจะลุก
    แต่อย่าร้องเพื่อจะทุกข์เถิดร้องขอ
    ซึ่งน้ำตาแต่ละหยดที่รดออ
    จะเหมือนตรวนแต่ละข้อคอยยืดเยื้อ ... 
    
    
    .. 11.gif .. สำหรับเรื่องราวของความรัก ..
    วรรคทองในใจ  ... 
    
    .. ฉันกลับมาทวงถามถึงความรัก
    มาทายทักวันวานอันหวานไหว
    จากภูสูงโค้งรุ้งและทุ่งไพร
    ฉันหอบช่อดอกไม้มาให้เธอ 
    คือดอกหญ้าสีขาวจากราวป่า
    ร้อยถักอักษรามาเสนอ
    เรียงลำนำคำฝันแบ่งปันเปรอ
    อย่าให้ฉันรอเก้ออยู่เดียวดาย  
    
    .. ฟังสิลมขานเพรียกเรียกชื่อเธอ .. 
    .. คุณพิบูลย์ศักดิ์ ละครพล .. 46.gif
  • tiki..unlogged_in

    2 มิถุนายน 2548 20:14 น. - comment id 474276

    4.gif
  • กุ้งหนามแดง

    2 มิถุนายน 2548 21:23 น. - comment id 474302

    ดีมากๆ ค่ะ วรรคทองนี่อ่านแล้วซึ้ง อึ้งไปเลย..
    
    ขอบคุณที่เก็บมาให้อ่านกันน่ะค่ะ เพื่อนๆ ทุกท่าน..
    ..
  • ผู้หญิงไร้เงา

    2 มิถุนายน 2548 21:48 น. - comment id 474324

    บางบทเคยอ่าน
    บางบทไม่เคยพบเห็น
    ดีใจค่ะพี่ได้อ่าน
  • แก้วประเสริฐ. รหัส 6104

    2 มิถุนายน 2548 22:47 น. - comment id 474370

    41.gif  ขอบคุณมากครับที่นำสิ่งดีๆอันมีค่ามาเสนอสนองไว้เป็นตัวอย่างครับ 36.gif41.gif16.gifแก้วประเสริฐ16.gif
  • magic

    3 มิถุนายน 2548 14:31 น. - comment id 474600

    วรรคทองของแผ่นดิน
    ดีจังน้องเรา..
    พี่ไม่ค่อยมีโอกาสได้อ่านหนังสือเท่าไร
    โชคดีจัง..ได้อ่าน..โชคดี
    
    41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif
  • จอมอสูร

    3 มิถุนายน 2548 15:37 น. - comment id 474652

    14.gif
    
    ดีจังได้อ่าน บทกวีของสุดยอดกวี
    
    ผมชอบ คมทวน
    กับ นายผี นะครับ
    
    46.gif
  • แทนคุณฯ

    9 มิถุนายน 2548 11:59 น. - comment id 477368

    ขอบคุณน้ำใจคุณอัลมิตรา และทุกท่านครับ
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 08:37 น. - comment id 523846

    ถ้ากล่าวถึงขุนพลกลอนรักยุคก่อน ต้องจารึกชื่อ ของ สวัสดิ์ ธงศรีเจริญ ไว้อีกท่านหนึ่ง
    
    แม้อกนี้แคบนักน้องรักเอ๋ย
    อย่าหวั่นเลยอุ่นอุรากว่าอกไหน
    เมื่อมีพี่เอื้ออกแคบให้แอบไอ
    จะออมไว้ให้อิงเพียงหญิงเดียว
    
    จากกลอนชุด\"ออมอก\" สวัสดิ์  ธงศรีเจริญ
    
    
    มาว่าถึงวรรคทอง ของสวัสดิ์  ธงศรีเจริญ ที่ยกตัวอย่างไว้ในตอนที่แล้วดีกว่า \" อ้อมกอด
    พี่จะสงวนไม่ด่วนเสนอ............อ้อมตักเธอจงถนอมก่อนยอมสนอง \" วรรคทองนี้ปรากฎ
    อยู่ในกลอนชุด \" ภาษารัก \" สำนวนเป็นอย่างไร หวานซึ้งขนาดไหน มาอ่านกันทั้งชุดดีกว่าครับ
    
    ภาษารัก
    
    ๏ ยิ่งคิดถึงเธอมากยิ่งอยากหนี
    เกรงเธอมีมลทินสิ้นศักดิ์สาว
    พบครั้งใดใจจึงยั้งทุกครั้งคราว
    ร้อนทนหนาวหนาวทนร้อนแทรกซอนทรวง
    
    เพราะเพียงคิดผิดก็ผุดในอนุสัย
    ถ้าเกินคิดผิดฤทัยคงใหญ่หลวง
    ครั้นห้ามคิดจิตหวามกลับตามทวง
    จึงขอล่วงบ่วงกรรมแค่คำนึง
    
    แม้อยากกอดยอดรักหนุนตักนุ่ม
    อยากเกาะกุมจุมพิตสมคิดถึง
    จะห้ามรักหักอารมณ์ข่มใจพึง
    รอวันหนึ่งในหวังเหนือตั่งทอง
    
    อ้อมกอดพี่จะสงวนไม่ด่วนเสนอ
    อ้อมตักเธอจงถนอมก่อนยอมสนอง
    ถึงวันชื่นคืนฉ่ำถูกทำนอง
    จะตระกองกอดกกแนบอกนอน
    
    จะกล่อมเธอก่อนนิทราจูบหน้าผาก
    ถ้าหลับยากจะให้แขนหนุนแทนหมอน
    หลับแล้วเธอละเมอหาผวาวอน
    พี่จะช้อนเชยชิดทั้งนิทรา
    
    ถ้าใกล้รุ่งลมหนาวแผ่ผ่าวอก
    พี่จะกกจนตรู่ต่างภูษา
    ประพิมพ์ปากปลุกเกลือกตรงเปลือกตา
    กระซิบว่า \" เช้าแล้วจ้ะแก้วใจ \"
    
    ภาษารักครึ่งแดมีแค่นี้
    หมดฤดีตีแผ่จะแค่ไหน
    ยิ่งคิดถึงเธอมากยิ่งอยากไกล
    แต่กลับไปไม่รอดห่วงยอดรัก ๚
    
    สวัสดิ์  ธงศรีเจริญ
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 08:38 น. - comment id 523847

    สรวงสวรรค์ชั้นกวีรุจีรัตน์
    ผ่องประภัศร์พลอยหาวพราวเวหา
    พริ้งไพเราะเสนาะกรรณวัณณนา
    สมสมญาแห่งสวรรค์ชั้นกวี
    
    อิ่มอารมณ์ชมสถานวิมานมาศ
    อันโอภาศแผ่ผายพรายรังสี
    รัศมีมีเสียงเพียงดนตรี
    ประทีปทีฆรัสสะจังหวะโยน
    
    รเมียรไม้ใบโบกสุโนกเกาะ
    สุดเสนาะเสียงนกซึ่งผกโผน
    โผต้นนั้นผันตนไปต้นโน้น
    จังหวะโจนส่งจับรับกันไป
    
    เสียงนกร้องคล้องคำลำนำขับ
    ดุริยศัพท์สำนึกเมื่อพฤกษ์ไหว
    โปรยประทิ่นกลิ่นผกาสุมาลัย
    เป็นคลื่นในเวหาสหยาดยินดีฯ
    
    สามกรุง, น.ม.ส.
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 08:44 น. - comment id 523850

    ถ้าเอ่ยถึงนักกลอนแถวหน้า ในยุคกลอนรักกำลังฟูเฟื่อง ต้องนับ สนธิกาญจน์  กาญจนาสน์
    ซึ่งใช้นามปากกาว่า \" เอก หทัย \"ประดับไว้ในวงวรรณอีกท่านหนึ่ง ถึงแม้ท่านจะล่วงลับไปแล้ว
    แต่ก็ยังฝากผลงานเด่นๆ ไว้หลายชุดด้วยกัน ถ้าจะพูดถึงวรรคทอง ของ  สนธิกาญจน์  กาญจ-
    นาสน์ ก็มีหลายบทเหมือนกัน ขอยกเป็นตัวอย่างเท่าที่จะค้นได้ อาทิ
    
    เมื่อน้ำค้างหยดหล่นบนดอกไม้
    ลมรำเพยระเหยหายเมื่อใกล้สาง
    กับชีวิตวันนี้ที่บอบบาง
    เหมือนน้ำค้างระเหยหายด้วยสายลม
    
    หรือ
    
    รักควรคู่สำหรับผู้รู้จักสงวน
    รักอบอวลสำหรับผู้รู้จักถนอม
    รักยืนยาวสำหรับผู้รู้จักออม
    และรักพร้อมสำหรับผู้รู้จักรัก
    
    หรือ
    
    ลอยละลิ่วปลิวคว้างอย่างปุยฝ้าย
    ไร้ความหมายและอะไรไปทุกสิ่ง
    เมื่อชีวิตมองข้ามความเป็นจริง
    ความหวังยิ่งเลือนหายเหมือนฝ้ายลอย
    
    แต่ที่เด่นมากๆ และเป็นที่รู้จักกันทั่วไป คือวรรคทองบทนี้
    
    หนึ่งจะมีรักใหม่อย่าให้รู้                        
    สองจะอยู่กับใครอย่าให้เห็น
    ให้ฉันเถิดขอร้องสองประเด็น                 
    แล้วจะเป็นผู้แพ้ที่แท้จริง
    
    วรรคทองบทนี้ ปรากฎอยู่ใน บทกวีชุด \"ขอ\" ซึ่งแต่งประมาณ พ.ศ. ๒๕๑๑ เสียดายจริงๆ
    ที่ค้นบทกวีชุดนี้มาได้แค่ ๒ บท แต่ก็จะนำมาเสนอไว้ตรงนี้ แต่ก็มีบางคำที่ไม่
    ตรงกับวรรคทอง ที่จดจำกันได้ ต่างกันอย่างไรอ่านกันดูครับ
    
    ส่วนหนึ่งของบทกวีชุด \" ขอ \" ของ สนธิกาญจน์  กาญจนาสน์
    
    โอ้ความรักความหวังดังดอกฟ้า
    เลื่อนลงมาให้สอยแล้วลอยหาย
    เหลือริ้วรอยร้อยอยู่มิรู้วาย
    สุดสิ้นสายสวาทช้ำชีพลำเค็ญ
    
    ขอเธอมีรักใหม่อย่าให้รู้
    และถ้าอยู่กับใครอย่าให้เห็น
    ให้ฉันเถอะ...ขอร้องสองประเด็น
    แล้วจะเป็นผู้แพ้อย่างแท้จริง
    
    
    
    ไหนๆก็ไหนๆ จึงนำบทกวีชุดอื่น ของ สนธิกาญจน์  กาญจนาสน์ มาให้เพื่อนๆ
    อ่านกันก่อนแล้วกัน
    
    โลดเถลิงเริงเล่นอยู่เป็นนิจ
    
    ๏ โลดเถลิงเริงเล่นอยู่เป็นนิจ
    ล้อชีวิตกับความจนอย่างคนเก่ง
    ลอยอยู่กลางทะเลรักอย่างนักเลง
    เล่นกับเพลงหลอกล่อมาพอควร
    
    เคยมีรักหลายหนจนประจักษ์
    แต่จากรักคราใดไม่เคยหวล
    หลายครั้งที่รักชะลอก็รัญจวน
    แต่มิครวญเมื่อรักลาถลาลอย
    
    จะว่าหยิ่งก็หยิ่งเกินเมินดอกหญ้า
    แต่ดอกฟ้าก็เฉยเฉยไม่เคยสอย
    คราวจะไปใครให้รอก็ไม่คอย
    ใครจะถอยหนีไปก็ไม่ตาม
    
    ใครจะมีรักใหม่ไม่อยากรู้
    ใครจะอยู่กับใครไม่อยากถาม
    ใครจะกล่าวถางถากไม่อยากปราม
    ใครจะห้ามเล่นกับไฟไม่อยากฟัง
    
    มิหลงเหลิงกับความฝันของวันใหม่
    มิเสียใจกับความทรามของความหลัง
    ใครจะเลวเหลวไหลไม่อยากชัง
    ใครมอบหวังดีให้ไม่อยากรับ
    
    ใช้ชีวิตเหมือนเพลงบรรเลงล่อง
    เช้าก็ท่องลอยลำค่ำก็กลับ
    ชมฟ้ารุ่งเดือนฉายประกายระยับ
    ฟังคำขับร้อยกรองร้องเพลงเรือ ๚
    
    สนธิกาญจน์  กาญจนาสน์
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 08:48 น. - comment id 523853

    งานเก่าของเฮีย \"คัมภีร์โบราณ\" ชื่อ \"เขียนถึงดาว\" เอามาให้อ่านกันอีกรอบ
    
    ๏ ดาวหาง  มหึมา  บนฟ้ามืด
    คือขยะ  ยาวยืด  ระยิบเกลื่อน
    เพียงหิน  ฝุ่นหาว  แห่งดาวเดือน
    ลอยเลื่อน  อวกาศ  ประหลาดใจ
    
    ๏ ดาวฤกษ์  ลิ่วลิบ  กระพริบร่าง
    คอยสร้าง  แก้วสรวง  ดาวดวงใส
    ลอยนิ่ง  เนิ่นนาน  แต่กาลใด 
    รำไร  หลากสี  ไม่หรี่ลง
    
    ๏ ดาวเคราะห์  สีคราม  งามระยับ  
    นานนับ  ปีแสง  ออนแรงหลง
    หมุนรอบ  ตัวเอง  วังเวงวง
    ยังคง  โคจร  เหมือนก่อนนี้
    
    ๏ ดาวรุ่ง  เร่งเร้า  ให้เช้าเริ่ม
    แต้มเติม  ฟ้าสาง  กระจ่างสี
    ปลุกโลก  มานาน  นับล้านปี 
    เป็นมณี  ดาวจรัส  แห่งปัถพิน
    
    ๏ ดาวตก  สะดุ้งตื่น  ในคืนค่อน
    หลงทาง  สัญจร  อาวรณ์ถวิล
    แหวกฟ้า  วูบวน  ร่วงหล่นดิน
    เป็นหิน  อุกาบาต  อันดาษดา
    
    ๏ ดาวใส  วัยเยาว์  แห่งเราสอง
    หลงห้อง  เหวห้วง  สิเนหา
    โลกมืด  ไหม้มอด  ตลอดมา
    เพราะดาว  บนบ่า  บังตาเธอ๚
    
     
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 08:50 น. - comment id 523855

    บางครั้งการเขียนกลอนแค่บทเดียว ก็อาจกลายเป็นวรรคทองเป็นที่จดและจำของ
    คนทั่วไปได้
    
    ว่ากันว่า (อีกแล้ว) เคยมีนักศึกษาหญิงธรรมศาสตร์คนหนึ่ง เขียนกลอนบทหนึ่งลง
    ในหนังสือวรรณศิลป์ธรรมศาสตร์ ที่ขายกันเล่มละบาทในสมัยนั้น ประมาณ พ.ศ.๒๕๑๑
    นักศึกษาหญิงคนนั้นคือ กรรณิการ์ (เฮงรัศมี) หิรัญรัศมี กลอนบทนั้นลงท้ายสอง
    วรรคหลังว่า \" ถ้าไม่ไปพบเขาเราเสียใจ.........แต่ถ้าไปพบเขาเราเสียตัว \"
    
    เล่ากันว่า ช่วงนั้นเป็นที่ฮือฮากันมาก ขรรค์ชัย  บุนปาน ซึ่งตอนนั้นทำงานที่สยามรัฐ
    ยังยกกลอนสองวรรคนี้ไปลงในข้อเขียนของตัวเอง และเขียนถามว่า \" แล้วหนูไปหา
    เขาหรือเปล่าจ๊ะ \"
    
    มาอ่านกลอนนี้กันทั้งบทดีกว่า
    
    รักที่ต้องเลือก (วันนี้)
    
    โอ้วันนี้...วันสำคัญตื้นตันนัก
    มิรู้จักเลือกทางอย่างไรได้
    ถ้าไม่ไปพบเขาเราเสียใจ
    แต่ถ้าไปพบเขาเราเสียตัว
    
    กรรณิการ์ (เฮงรัศมี) หิรัญรัศมี
    
    หมายเหตุ วรรคทองตอนนี้ คัดข้อความบางส่วนมาจาก คอลัมณ์เรื่อง นักกลอนเก่า ของ 
    วานิช จรุงกิจอนันต์ จากหนังสือมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ ๑๑๘๙
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 08:55 น. - comment id 523857

    สวัสดิ์    ธงศรีเจริญ ที่ว่า
    
    น้องเคลียแก้มเกลือกไว้ก่อนให้พี่
    ซ้ำกราบที่กลางหมอนเคยนอนหนุน
    ยามพี่แนบหน้านอนหมอนละมุน
    จงหอมกรุ่นแก้มและกราบกำซาบทรวง
    
    บทกวีชุดนี้ เป็นบทกวีชุดหนึ่งที่นำมาเป็นเพลงสุนทราภรณ์ ในชื่อ เพลงฝากหมอน 
    
    หรือวรรคทองวรรคนี้ ของ ขรรค์ชัย  บุนปาน 
    
    ถ้ารักใครไม่ได้ก็ไม่รัก
    แต่กุจักชักดาบเข้าฉาบฉุด
    ดั่งโคถึกคึกคะนองลำพองรุด
    ใครจะยื้อใครจะยุดจะฉุดใจ
    
    แต่อ่านวรรคทองบทนี้ ทำให้นึกถึงงานกลอนอีกชุดหนึ่ง ที่มีวรรคทองว่า
    
    ถ้าไม่รักเธอได้จะไม่รัก
    จะยอมหักเหใจไปทางอื่น
    ถ้าลบวันเก่าเก่าได้จะให้คืน
    ทั้งความชื่นความช้ำแล้วอำลา
    
    วรรคทองบทนี้ มาจากงานกลอนชุด เพราะรัก ของ วิจิตร  ปิ่นจินดา ที่ใช้นามปากาว่า เจษฎา  วิจิตร นักกลอนยุดสมัยกลอนรักฟูเฟื่อง อีกท่านหนึ่ง กลอนชุดนี้เป็นอย่างไร มาอ่านกันแบบเต็มๆ ดีกว่า
    
    เพราะรัก
    
    ถ้าไม่รักเธอได้จะไม่รัก
    จะยอมหักเหใจไปทางอื่น
    ถ้าลบวันเก่าเก่าได้จะให้คืน
    ทั้งความชื่นความช้ำแล้วอำลา
    
    เมื่อแรกรักปักใจมิได้คิด
    ว่าจะผิดจนเป็นข้อครหา
    เราต่างทั้งฐานะปริญญา
    ต่างจนค่าหัวใจแทบไม่มี
    
    เพราะเธอสูงสุดสอยเหมือนลอยฟ้า
    จึงกดค่าความรักสิ้นศักดิ์ศรี
    เมื่อรักสอนหัวใจให้ใยดี
    ก็เหมือนพลีตนเป็นทาสอำนาจเงิน
    
    ด้วยเธอดีมีค่ายิ่งกว่าแก้ว
    จึงควรแล้วที่ฉันจะสรรเสริญ
    ยอมสละละชั่วไม่มัวเพลิน
    คนยังเมินหน้าเยาะว่าเพราะกลัว
    
    รวมความแล้วคุณค่าหาไม่ได้
    ทำดีไปคนเขาก็เฝ้าหัว
    เลวก็ว่าไม่รู้สึกสำนึกตัว
    จึงคนชั่วเกินจะปรับตนกลับคืน
    
    ถ้าไม่รักเธอได้จะไม่รัก
    จะยอมหักเหใจไปทางอื่น
    แต่ใจเอ๋ยน่าชังรักยั่งยืน
    สุดจะขืนหัวใจมิให้รัก!
    
    เจษฎา  วิจิตร  ๒๕๑๑
    
    
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 09:01 น. - comment id 523859

    ตอนนี้มาเปลี่ยนบรรยากาศมาอ่านงานที่แหวกแนวกัน
    บ้างดีกว่า
    คงรู้จักวรรคทองวรรคนี้กันดี \" เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง \"
    อ่านแล้วกระทบกินใจใครๆหลายคน อยู่ในงานกวีนิพนธ์ \" เสียเจ้า \" ของ กวีรัตนโกสินทร์ อังคาร กัลยาณพงศ์
    
    
    เสียเจ้า
    
    ๏ เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง............มุ่งปรารถนาอะไรในหล้า 
    มิหวังกระทั่งฟากฟ้า................ซบหน้าติดดินกินทราย 
    
    จะเจ็บจำไปถึงปรโลก..............ฤารอยโศกรู้ร้างจางหาย 
    จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย.............อย่าหมายว่าจะให้หัวใจ 
    
    ถ้าเจ้าอุบัติบนสวรรค์...............ข้าขอลงโลกันตร์หม่นไหม้ 
    สูเป็นไฟเราเป็นไม้...................ให้ทำลายสิ้นถึงวิญญาณ 
    
    แม้แต่ธุลีมิอาลัย......................ลืมเจ้าไซร้ชั่วกัลปาวสาน 
    ถ้าชาติไหนเกิดไปพบพาน..........จะทรมานควักทิ้งทั้งแก้วตา 
    
    ตายไปอยู่ใต้รอยเท้า.................ให้เจ้าเหยียบเล่นเหมือนเส้นหญ้า 
    เพื่อจดจำพิษช้ำนานา................ไปชั่วฟ้าชั่วดินสิ้นเอย๚ 
    
    อังคาร กัลยาณพงศ์
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 09:04 น. - comment id 523862

    มหาลัยธรรมศาสตร์ ยุคเริ่มก่อตั้งชมรมวรรณศิลป์ ถ้าพูดถึงนักกลอน ที่เข้าร่วมกิจกรรม
    แข่งกลอนสดระหว่างมหาวิทยาลัยครั้งใด ต้องมีชื่อของ ทวีสุข ทองถาวร อยู่ท่านหนึ่ง ร่วม
    กับ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ,นิภา บางยี่ขัน และ ดวงใจ รวิปรีชา ร่วมอยู่เสมอ และทีมนัก-
    กลอนกลุ่มนี้มักจะคว้ารางวัลมาครองอยู่เนืองๆ จนได้รับการขนานนามว่า \" นักกลอนสี่มือ
    ทอง \"
    
    มาพบบรรยากาศกลอนรักหวานๆกันอีกครั้งหนึ่งกับงานของ ทวีสุข ทองถาวร
    
    บทกลอนของ ทวีสุข ทองถาวร มีวรรคที่เรียกว่า วรรคทอง อยู่หลายวรรค มีอยู่บทหนึ่งที่ยังค้นชุดเต็มๆ ไม่เจอ คือ 
    
    อยากลบรอยเท้าเปื้อนพื้นเรือนหอ
    ลบภาพคู่เคียงคลอกันต่อหน้า
    ยิ่งอยากลบยิ่งกระจ่างไม่ร้างรา
    เห็นตำตาตาจึงจำไว้ตำใจ
    
    จาก ตำตาตำใจ พ.ศ.๒๕๐๘
    
    มากระแทกใจตรงวรรคสุดท้ายที่ว่า \" เห็นตำตาตาจึงจำไว้ตำใจนี่แหละ
    
    แต่ก็ยังมีงานของ ทวีสุข ทองถาวร อีกชุดหนึ่ง ที่อ่านเมื่อไหร่ก็ประทับใจเมื่อนั้น โดยเฉพาะ
    วรรคทองที่ว่า \" ฉันหลับแล้วอยู่ใกล้ใกล้หัวใจเธอ \" น่าจะประทับอยู่ในใจใครหลายคน กลอน
    วรรคนี้ ปรากฎอยู่ในงานชุด \" เหมือนนกขมิ้น \" มาอ่านกันเต็มๆ ดีกว่า
    
    เหมือนนกขมิ้น
          
    ๏ ความเป็นห่วงของใครก็ไม่รู้
    มาซุกอยู่ใต้หมอนฉันนอนหนุน
    พรางสื่อพจน์รสถ้อยร้อยละมุน
    ซ้ำยังกรุ่นกลิ่นแก้มไว้แกมกัน
    
    นี่รอยแก้มแต้มไว้..ของใครหนอ
    แนบแก้มคลอเคลียครองข่มหมองขวัญ
    ฉันว้าเหว่แรมหวังมาทั้งวัน
    ขอฝากฝันพอแฝงสร้างแรงใจ
    
    เดือนข้างแรมค้างรุ่งรอพรุ่งนี้
    เหมือนใจที่ทุกข์ท้อรอวันใหม่
    คืนพรุ่งนี้นี่จะนอนแนบหมอนใคร
    เหลือบ้างไหมชายคาที่อาทร
    
    \" โอ้อกเอ๋ยหัวอกนกขมิ้น
    เจ้าเสเพลพลัดถิ่นเที่ยวบินร่อน
    นี่ดึกแล้วเตลิดหลงกลางดงดอน
    จะเกาะคอนเคียงใครที่ไหนเอย \"
    
    ฉันถูกปล่อยอยู่กลางความว่างเปล่า
    เหมือนอกเจ้านกขมิ้นชินจนเฉย
    พรุ่งนี้ขวัญคงคว้างอีกอย่างเคย
    ชีพสังเวยความทุกข์ที่คุกคาม
    
    กราบหมอนน้อยเพื่อนนอนค่อนคืนนี้
    ขอพรศรีสรวมกมล \" คนต้องห้าม \"
    ยืมเยื่อใยใต้หมอนสะท้อนความ
    แทนถ้อยถามทักท้วงเธอห่วงใย
    
    สำหรับเธอที่ฉันเฝ้าฝันหา
    หากถามว่าคืนนี้นอนที่ไหน
    \" จะตอบถ้อยที่ถามไปตามใจ
    ฉันหลับแล้วอยู่ใกล้ใกล้หัวใจเธอ \" ๚
    
    ทวีสุข ทองถาวร
    
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 09:09 น. - comment id 523865

    ถ้านับนักกลอนผู้หญิงยุคกลอนรักฟูเฟื่องที่ยืนอยู่แถวหน้าละก็ ต้องนับ สินี เต็มสงสัย ไว้ในวงวรรณ
    อีกท่านหนึ่ง ที่มีผลงานผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ และหน้านิตยสารในสมัยนั้นโดยสม่ำเสมอ 
    
    ยกตัวอย่างวรรคที่โดดเด่น จากงานของ สินี เต็มสงสัย มาให้เพื่อนๆอ่าน กันสักหน่อย
    
    จะประสานตาต่อก็ต้องห้าม
    พบยิ้มหวามใจล้ำจำเมินหนี
    แอบมองเธอห่างห่างอยู่อย่างนี้
    เพื่อสุขที่เศร้าเศร้าเท่านั้นเอง
    
    จาก \"กำแพง\" (สินี เต็มสงสัย)
    
    หรือ
    
    สุดทำให้เธอลืมเงา \"คนเก่า\" ได้
    สุดสร้างนัยน์เธอฉายประกายฝัน
    ฉันไร้ความสามารถจนจะดลมัน
    ถ้ารักฉันไม่ลงก็จงชัง !
    
    จาก \"อย่า\"  (สินี เต็มสงสัย)
    
    หรือ
    
    ตัวอยู่ใกล้ใจเลือนเหมือนอยู่ห่าง
    คนแรมร้างสิเขาเฝ้าใฝ่ฝัน
    ตาต่อตาสิ้นความหมายสายสัมพันธ์
    คนไกลกั้นคนใกล้ให้ไกลเกิน
    
    จาก \"คนไกล\"  (สินี เต็มสงสัย)
    
    
    อยากยกผลงานทุกชุด ของ สินี เต็มสงสัย ที่ยกตัวอย่าง มาให้ได้อ่านกันทั้งหมด แต่ก็ต้องเลือกมาหนึ่งชุดขอเลือกชุดนี้แล้วกัน \"คนใกล้\"
    
    คนใกล้
    
    ๏ ยิ่งใกล้เธอเท่าใดยิ่งไหม้หมอง
    เพราะจำต้องหักอารมณ์ข่มแรงหวัง
    แม้รสรักขื่นเศร้าเท่ารสชัง
    ก็สุดรั้งฤดีไว้มิให้ภักดิ์
    
    ยิ่งใกล้เธอเท่าใดใจแทบขาด
    ถ้าความบาดใจเป็นเช่นรอยสัก
    การพบกันแต่ละครั้งดังชนัก
    คงจำหลักแดพร้อยนับร้อยพัน
    
    หากฉันมีคุณค่ามากกว่านี้
    ก็พร้อมที่ทำตามความใฝ่ฝัน
    และหากลืมข้อแตกต่างระหว่างกัน
    จิตหมายมั่นเพียงใดจะให้รู้
    
    แต่รำลึกตัวดีมีค่าน้อย
    ฉันคนด้อยเกียรติมวลไม่ควรคู่
    ม่านไมตรีก็จะเป็นประตู
    ที่ปิดอยู่ซ่อนสำนึกอันลึกซึ้ง
    
    ตาต่อตามิได้หมายถึงจิต
    กายอยู่ชิดเมื่อใจเอื้อมไม่ถึง
    ยิ้มตอบยิ้มใช่สลักรักรัดรึง
    คนใกล้จึงแสนไกลในชีวิต ๚
    
    สินี เต็มสงสัย
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:13 น. - comment id 523871

    ยุคสมัยที่กลอนรักกำลังฟูเฟื่องในวงกวี กลวิธีหนึ่งที่นิยมนำมาใช้คือจบวรรคสุดท้ายด้วย
    การหักมุม เอนก แจ่มขำ ก็เป็นหนึ่งในกวีที่เติบโตมากับกลอนรักหวานดังที่ว่า
    
    วรรคที่นับได้ว่าเป็นวรรคทองวรรคหนึ่ง ของ เอนก แจ่มขำ คือ \" ดั่งเนื้อสัมผัสเนื้อมัดเยื่อใย
    .......แต่นี่ใจสัมผัสใจมัดไมตรี \" ซึ่งวรรคทองวรรคนี้อยู่ในงานชุด \" วันหนึ่งที่ลำน้ำน่าน \"
    มาอ่านงานชุดนี้กันแบบเต็มๆเลยดีกว่า
    
    วันหนึ่งที่ลำน้ำน่าน
    
    ๏ สัมผัสความชุ่มฉ่ำลำน้ำน่าน
    ดอกรักบานในดวงตาเมื่อมาเห็น
    ลมหนาวคลอเคลียร่างอย่างเลือดเย็น
    เสมือนเป็นบรรณาการคนบ้านไกล
    
    หนาวแสนหนาวก็อบอุ่นละมุนละม่อม
    ราวซบอ้อมอกเอื้อเมื่อชิดใกล้
    ดั่งเนื้อสัมผัสเนื้อมัดเยื่อใย
    แต่นี่ใจสัมผัสใจมัดไมตรี
    
    คล้ายความฝันวันนี้ที่ใกล้ชิด
    เป็นชีวิตเป็นความรักสูงศักดิ์ศรี
    หวามอารมณ์หลอนอาลัยในรตี
    จอดใจที่น้ำน่านหวานคำนึง
    
    วันต่อวันฝันยังหวานถึงปานนี้
    วินาทีประทับใจได้มาถึง
    แค่ยิ้มรับใจก็รื่นตื่นตะลึง
    ซึ้งกว่าซึ้งครั้งนี้มีครั้งเดียว
    
    แม่น้ำน่านหวานอารมณ์สมความหวัง
    เป็นพลังรั้งทรวงรักหน่วงเหนี่ยว
    วันหนึ่งและคืนหนึ่งซึ้งจริงเจียว
    จึงแปลบเสียวใจมากเมื่อจากมา
    
    เพียงหนึ่งคืนหนึ่งวันที่ผันผ่าน
    อาจไม่นานแต่ทำให้ใจผวา
    วันที่กลับบ้านเราเจ้าพระยา
    ยังฝันว่าหลับที่น่านบ้านของเธอ ๚
    
    เอนก แจ่มขำ
    
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:06 น. - comment id 523877

    \"วันเอ๋ยวันนี้
    เป็นวันที่สำคัญกว่าวันไหน
    ถึงพรุ่งนี้มะรืนนี้ดีอย่างไร
    ก็ยังไม่สำคัญเท่าวันนี้\"
    
    กลอนบทนี้เป็นกลอนที่แต่งขึ้นมาเพื่อเป็นตัวอย่างกลอนที่ได้รูปแบบและจังหวะกลอน เล่ากันว่ากลอนบทนี้แต่งมาเพื่อล้อเลียนนักกลอนในสมัยนั้น ที่ถือเคร่งเฉพาะรูปแบบกลอนว่าสำคัญกว่าเนื้อหา ส่วนใครแต่งคนแรกไม่มีบันทึกไว้
    
    พูดถึงกลอนบทนี้ นึกถึงกลอนอีกบท ประมาณว่า
    
    วันนี้ดีใจได้แต่งงาน
    หลังจากผ่านผู้ชายมาหลายหน
    ดีใจที่มีผัวเป็นตัวตน
    แต่เป็นคนที่เท่าไหร่ไม่ได้จำ
    
    นี่แหละครับที่คิดว่าเป็นวรรคทองของแท้
    
    มีวรรคทองอยู่วรรคหนึ่ง  ผู้แต่งชนะในการแข่งขันวันนั้น  แต่ ...
    
    \"...
    ชนะกลอนแพ้ตาจึงปราชัย\"
    
    กลอนวรรคนี้เขาว่ากันว่า(อีกแล้ว) เป็นวรรคหนึ่งที่เก๋มาก เป็นผลงานของ นิภา บางยี่ขัน
    สมัยรุ่งเรืองที่ธรรมศาสตร์ เป็นการชุมนุมนักกลอนบนเรือ แล้วมีการประชันกลอนสดกัน
    แบ่งฝ่ายเป็นผู้ชาย กับ ผู้หญิง อะไรทำนองนี้แหละ สำหรับกลอนบทนี้ หาได้เพียง
    บทเดียว ว่าไว้อย่างนี้ครับ
    
    ภาพคืนวันจันทร์พริ้มน้ำปริ่มเขื่อน
    ลงลอยเลื่อนเรือรักนักภาษา
    นั่งเท้าแขนบรรสานขานสักวา
    ชนะกลอนแพ้ตาจึงปราชัย
    
    เพลงปลาทองเพลงสุดท้ายชวนไห้หา
    สักวา...ลาจาก...อยากร้องไห้
    ร้องเพราะว่านาทีต่อนี้ไป
    ในหัวใจมีเขาเป็นเจ้าครอง
    
    จะด้วยเหตุนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ตอนหลัง นิภา บางยี่ขัน จึงเปลี่ยนนามสกุลเป็น ทองถาวร !
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:08 น. - comment id 523879

    " ความรัก ความผิดหวังและความชอกช้ำเท่านั้น ที่สามารถบันดาลอารมณ์กวีให้
    เกิดขึ้นได้ในจินตนาการของคนแพ้อย่างฉัน \"
    
    ข้อความข้างบนหรือจะเรียกว่าคำคมดี คือบันทึกของ สุรพล สุมนนัฏ จากหนังสือกลอน
    เล่มหนึ่ง ซึ่งพ้องกับกลอนบทหนึ่งของเขา ทีว่า
    
    ฉันสูญเสียเธอผู้ชื่นชูจิต
    ทางชีวิตหม่นไหม้ไร้แก่นสาร
    แต่...ฉันได้สิ่งหนึ่งซึ้งดวงมาน
    สิ่งนั้นคือผลงานจาก \"กานท์กลอน\"
    
    สุรพล สุมนนัฏ  (จากงานชุด \"ขอบคุณ\")
    
    สุรพล สุมนนัฏ ก็คือนักกลอนร่วมสมัยกลอนรักเฟื่องฟูอีกท่านหนึ่ง รุ่นเดียวกับ สวัสดิ์ 
    ธงศรีเจริญ  มีวรรคทองที่เด่นๆ อาทิ
    
    จะครวญคร่ำทำไมหัวใจเอ๋ย
    เจ้าก็เคยแพ้พ่ายแล้วหลายหน
    เมื่อจักแพ้อีกครั้งอย่ากังวล
    ชีพยังทนอยู่ได้ใจ...อย่ายอม
    
    สุรพล สุมนนัฏ (จากงานชุด \"อย่ายอม\")
    
    หรือ
    
    เอาพิกุลกรุ่นซึ้งประหนึ่งเศร้า
    ร้อยรวมเข้ากับจำปีสีขาวหม่น
    เพื่อความหอมย้อมมานเธอทานทน
    จะได้คิดถึงคนที่พ้นใจ
    
    สุรพล สุมนนัฏ (จากงานชุด \"มาลัย...ลา\")
    
    จอมยุทธฯ ขอเลือกสำนวนกลอนรักแบบเศร้าๆ ของ สุรพล สุมนนัฏ มาให้อ่านแบบเต็มๆ
    กันสักชุดดีกว่าขอรับ
    
    แด่อดีต
    
    ๏ \" เดือนค้างฟ้าลาลับดับดวงแล้ว
    เสียงไก่แก้วขันขานกังวานใส
    นิทราเถิดจอมขวัญจักหวั่นไย
    พี่อยู่ใกล้แนบกมล...แล้วคนดี
    
    หยุดสะอื้นกลืนกล้ำความช้ำเถิด
    อย่าเตลิดขวัญล่องให้หมองศรี
    กลางลมหนาวเจ้าพระยาค่อนราตรี
    \"ประเพณี\" เกินพรากเราจากกัน
    
    ไม่มีแม้ฐานะ , ตระกูล , ชาติ
    สุดอำนาจเงินตรามาขีดคั่น
    มีแต่ความรักแท้แน่นิรันดร์
    ตราบตะวันจะยัง...มิรังรอง
    
    นิทราเถิดขวัญหทัยในอ้อมรัก
    ขอจงหักใจห้ามความหม่นหมอง
    หลับในอ้อมกอดพี่ที่ตระกอง
    ก่อนเราต้องจากกัน...จวบวันตาย
    
    \"เจ้าพระยา\" หลับแล้วแก้วใจเอ๋ย
    ดาวก็เลยลาล่วงดับดวงหาย
    หนาวลมหนาวโชยผ่านสะท้านกาย
    หลับเนตรพรายให้สนิทสู่นิทรา
    
    อ้อมกอดพี่จักให้ไออบอุ่น
    ก่อนอรุณรุ่งแรงแสงอุษา
    คืนแห่งการจากกันขวัญชีวา
    ขอพี่จารึกไว้ในกมล \"
    
    เดือนค้างฟ้าลาลับ...ดับดวงแล้ว
    ลมหนาวแผ่วเยียบเย็นทุกเส้นขน
    ภวังค์ตื่นคืนสำนึกรู้สึกตน
    หัวใจท้นชอกช้ำเกินคร่ำครวญ
    
    นับตั้งแต่วันนั้น...ถึงวันนี้
    วัน , เดือน , ปีผ่านไปนับไม่ถ้วน
    เจ้าพระยาเปลี่ยนกระแสหลากแปรปรวน
    ลมหนาวหวน...แล้วห่างร้างนิวรณ์
    
    แต่...ดวงใจดวงนี้มีเพียงหนึ่ง
    รักสิตรึงตราอยู่ยากรู้ถอน
    ต่อให้สิ้นกัปกัสป์พุทธันดร
    ก็สุดรอนรักล่วงพ้นห้วงจินต์
    
    เธอจะอยู่แห่งไหน...ในผืนหล้า
    รู้เถิดว่าพี่ครวญหวนถวิล
    ไม่สิ้นแรงร่างล้มลงถมดิน
    พี่ไม่สิ้นคำนึง...คิดถึงเธอ
    
    สุรพล  สุมนนัฏ
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:15 น. - comment id 523881

    ลองอ่านกลอนตอนจบของงานชุด ดอกหญ้า
    
    สู้จากมาอยู่ไกลถึงในสวน
    เพื่อมาครวญมาหมองแอบร้องไห้
    เพื่อดิ้นรนดำรงกายพอหายใจ
    เพื่อมาตายไกลไกลคนใจดำ
    
    ดอกหญ้าต้นข้างกายปลายหักพับ
    ซบยอดกับโคนต้นคอยคนย่ำ
    เพราะอ่อนแอจึงเข็ญเป็นประจำ
    เจ้าอย่าซ้ำเลยเพื่อน...เราเหมือนกัน
    
    เกษมสุข บุณยมาลิก ,๒๕๑๒
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:17 น. - comment id 523882

    มาอ่านผลงานเต็มๆของกลอนรักเศร้าๆ ของ
    กวีท่านนี้เต็มๆสักชุด จอมยุทธฯ ขอเลือกชุดนี้แล้วกัน \"ฟ้อง\"
    
    ฟ้อง
    
    ๏ อยากเขียนกลอนได้ฉ่ำเหมือนน้ำผึ้ง
    อ่านแล้วซึ้งซาบสุขทุกอักษร
    ให้รื่นรวยรินรสทุกบทกลอน
    จนสะท้อนสะท้านจิตมิตรทุกคน  
    
    เพื่อผู้อ่านอ่อนไหวหัวใจหวิว
    ราวช่อหลิวลู่โอนคราวโดนฝน
    แต่ครั้นลองรื้ออดีตออกคิดค้น
    มีสักหนไหมอารมณ์เคยสมจินต์
    
    ที่เขียนแต่กลอนอวดความปวดร้าว
    ใช่อยากสาวใส้ตนให้คนหมิ่น
    เคยเห็นแต่ความช้ำน้ำตาริน
    ความพังภินท์ความเศร้าและร้าวราน
    
    ท้องฟ้าคลุ้มเมฆคลึ้มดูทึมอับ
    ช่วยตอบรับว่าไม่มีชีวิตหวาน
    การหวังคอยน้ำใจใครมาจาน
    ต้องคอยนานถึงหมดความอดทน
    
    กลอนบทแรกแม้จารเสียหวานฉ่ำ
    ไม่กี่คำมักสะท้อนเป็นกลอนหม่น
    ภาษากลอนย้อนมาฟ้องห้องกมล
    โดยเผลอตนกรองกานท์ประจานใจ
    
    ถ้าฉันขาดใจตายในวันนี้
    ถึงไม่มีคนหมองช่วยร้องให้
    ยังพอมีกลอนย้ำความอาลัย
    ช่วยหม่นไหม้อาวรณ์ตอนสิ้นลม ๚
    
    เกษมสุข บุณยมาลิก
    
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:21 น. - comment id 523884

    ภิญโญ ศรีจำลอง ท่านได้ชื่อว่าเป็นนักพูด
    กลอนสดอับดับหนึ่งของเมืองไทย 
    
    แม้ผลงานแนวกลอนหวานของท่านจะมีออกมาน้อย แต่ก็มีอ่านเด่นๆอยู่หลายชุด มาดูวรรคเด่นๆ ที่คัดมาพอเป็นน้ำย่อยก่อนแล้วกัน  
    
    รักปรากฏสดใสแต่ในฝัน
    ความจริงนั้นคลาดเคลื่อนไม่เหมือนหมาย
    อารมณ์หลงส่งรักมาปรากฏกาย
    รักทั้งหลายจึงหมองมองไม่งาม
    
    เพื่อความรัก ,๒๔๙๘
    
    หรือ
    
    พี่ก็รักนวลเจ้าเท่าชีวิต
    แม้ชมชิดหญิงอื่นไม่ชื่นได้
    อย่าโกรธว่าพี่ชายหลายฤทัย
    เพราะอย่างไรน้องก็รู้ว่า...ผู้ชาย
    
    ผู้ชาย ,๒๔๙๕
    
    หรือ
    
    วิญญาณยังฝังปักความรักมั่น
    ชั่วนิรันดร์มุ่งหมายไม่หน่ายหนี
    ตัวตายไปก็ยังไม่หมดไมตรี
    วิญญาณพี่จักอยู่เป็นคู่เธอ
    
    จากดวงใจ ,๒๔๙๘
    
    มาอ่านแบบเต็มๆ กับแนวกลอนหวานของกวีท่านนี้ อีกสักชุด จอมยุทธฯ ขอเลือกงานชุดนี้
    มาให้เพื่อนๆอ่านแล้วกันขอรับ
    
    ซอสามสาย
    
    เสียงแหบโหยโรยแรงแจกแจงโศก
    อนาถโชคชอกช้ำกระหน่ำหนัก
    รักแรกรื่นคืนสลดเมื่อหมดรัก
    สิ้นแหล่งหลักพักพิงทุกสิ่งไป
    
    เสียงกำสรวลครวญสู่มิรู้สิ้น
    นกขมิ้นบินร่อนจะนอนไหน
    เคยเรื่อยร้องท่องเที่ยวกลับเปลี่ยวใจ
    ห่างพุ่มไม้ใบบังหวังอุ่นอิง
    
    ต่อมาศัพท์กลับชื่นระรื่นโสต
    ชวนปราโมทย์แม้นทรวงมนต์สรวงสิง
    โฉมแม่เฉิดเลิศซึ้งตรึงจิตจริง
    เป็นยอดหญิงเยือนหล้าหลบฟ้าจร
    
    ยังเยาว์วัยประไพพักตร์น่ารักหลง
    พระเพื่อนองค์เอกสง่ากว่าอัปสร
    พระแพงนุชสุดประเสริฐเลิศองค์อร
    นาฏอมรเมียงมาแล้วลาเลย
    
    แล้วเปลี่ยนเสียงเพียงมนต์มาดลกล่อม
    เหมือนหว่านล้อมให้พร้องว่า \"...น้องเอ๋ย
    หนาวน้ำค้างพร่างพรำลมรำเพย
    บุปผาเผยกลีบกลิ่นรินรินรวย
    
    ดาเรศพร้อยย้อยระยับประดับฟ้า
    เสี้ยวจันทราฟ้าแขวนไว้แสนสวย
    แม้นบุญญามาเกื้ออาจเอื้ออวย
    นุชอยู่ด้วยสุขสรรพฤๅกลับกลาย\"
    
    เสียงซึ้งพาอารมณ์เปลี่ยนตรมสุข
    ล้วนเร่งรุกเร้าตามซอสามสาย
    เมื่อเสียงกลับลับเลื่อนคลาดเคลื่อนคลาย
    ยังไม่วายหวังพ้องเจ้าของซอ
    
    ภิญโญ  ศรีจำลอง ๒๕๐๖
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:24 น. - comment id 523885

    \"ทวีสุข ทองถาวร\" อีกทีครับ
    
      ชื่อบท \"ตาขี้เล่น\" 
    
    
    เมื่อเธอทอดสะพานตาท้าให้ข้าม
    หากเขาห้ามหัวใจไว้ก็บ้า
    ทุกครั้งตาแต่งจริตติดมารยา
    นั่นแหละเธอให้ท่าและท้าทาย
    
    เขาจงใจจับตาหาโอกาส
    และฉลาดพอที่ตีความหมาย
    เธอและเขามิใช่เนื้อกับเสือร้าย
    แต่ใจง่ายจะเป็นเหยื่อของเสือโทรม
    
    เริ่มหนึ่งแล้วจะเป็นสองลองสัมผัส
    ไฟกำหนัดในมนุษย์จักจุดโหม
    ท้าทายนักหนักเข้าก็เล้าโลม
    คงครึกโครมข่าวร้ายอีกไม่นาน
    
    ข่าวลับลับจะถูกไขในที่แจ้ง
    ออกจากแหล่งข่าวเขาผู้เล่าขาน
    สร้างความภาคภูมิใจได้ประจาน
    อวดความเป็นชายชาญประหารเธอ
    
    รักเป็นน้ำเป็นไฟได้ทุกเมื่อ
    เป็นชื่นชมเป็นเบื่อได้เสมอ
    เป็นปล่อยปละละลืมปลื้มปรนเปรอ
    ทำคนโง่บ้าเซ่อหากเผลอใจ
    
    จึงเมื่อทอดสะพานตาท้าทายนั้น
    ความรักมันเกิดง่ายคล้ายเป็นใคร่
    ตาขี้เล่นวานเว้นวรรคขยักไว้
    อย่าด่วนใช้สะพานตาฆ่าตัวตาย
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:28 น. - comment id 523889

    นักกลอนเด่นอีกคนในยุคนั้น ต้องนับ ศิริพงษ์ จันทน์หอม เป็นหนึ่งในวรรณพิภพอีกคนหนึ่ง
    ผลงานกลอนแนวรักหวาน อันสะท้อนอารมณ์โรแมนติกก็คมคายยิ่งนัก
    
    เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ มาดูสำนวนบางส่วนของเขาในวัยหนุ่มว่าเป็นเยี่ยงไรกันดีกว่า
    
    ปรารถนามีเพียงหวังเคียงนุช
    อารมณ์ฉุดฝันเพลินเกินสนอง
    ความนึกคิดผิดผันขาดคัลลอง
    งานร้อยกรองเหมือนแกล้งแทงใจตรม
    
    อยากให้เธอนั่งลงอยู่ตรงหน้า
    ในอาณาจักรฝันที่บรรสม
    ดลดาลจิตคิดกลอนป้อนอารมณ์
    ยอมให้คมเนตรบาดจนขาดใจ
    
    จากงานชุด \"นิยายรักในดวงตา\"
    
    หรือ
    
    ลมอย่าหยิกเนื้อเจ็บเพราะเหน็บหนาว
    ทัณฑ์รักท่าวทบชีวินสุดดิ้นหนี
    พิพากษาประหารผลาญชีวี
    ลมปรานีเถิดหนาวานอย่ากวน
    
    ลมจงหยุดนิ่งแน่วอย่าแผ่วเพ้อ
    ยินเสียงเธอเพรียกไหม?คงให้หวน
    ลมช่วยซับน้ำเนตรนางสองปรางนวล
    ข้าจะด่วนไปแนบจินต์เมื่อสิ้นใจ 
    
    จากงานชุด \"เพลงห่วง\"
    
    มาอ่านงานเต็มๆกันซักชุด จอมยุทธฯขอเลือก
    งานชุด \"รอยนอน\" ของ ศิริพงษ์ จันทน์หอม มาให้อ่านแล้วกัน 
    
    รอยนอน
    
    ๏ เอนร่างนิ่มอ่อนละมุนหนุนอกนี้
    ซบตรงที่หัวใจซึ่งไหวหวั่น
    ฟังเสียงเพลงจากกมลของคนธรรพ์
    ปิดเนตรฝันแนบนิทร์สนิทใน
    
    สัมผัสเกศคนดีที่ดำขลับ
    แนบประทับผมนิ่มปิ้มเส้นไหม
    เฝ้าพิศหน้านวลผ่องงามยองใย
    จูบปากอิ่มพริ้มละไมแกล้งให้นอน
    
    ดาวก็เคลื่อนเดือนคล้อยลอยลับฟ้า
    เมื่อหนาวตาเคยจูบตาวานอย่าอ้อน
    เมื่อแก้มแก้วผ่องขาวผะผ่าวร้อน
    เคยจูบถอนร้อนร้าวทุกคราวครวญ
    
    โอ้ว่าแววตาเศร้าของเจ้าเอ๋ย
    แต่ก่อนเคยสบชิดไยคิดด่วน
    โอ้ว่าหยาดน้ำตานองหน้านวล
    จะไปชวนใครเช็ดเกล็ดน้ำตา
    
    เสียดายจุมพิตหวามในความหลับ
    จะนานนับเดือนปีที่ห่วงหา
    เห็นแต่รอยเธอนอนอ่อนระอา
    กี่เวลาจะย้อนที่นอนเดิม ๚
    
    ศิริพงษ์ จันทน์หอม
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:32 น. - comment id 523891

    งั้นย้อนไปที่ \"ภิญโญ  ศรีจำลอง\"  นักกลอนชื่อคุ้นเคยและฝีมือเฉียบคมอีกท่านกับบทนี้
    
    สดุดีแด่ แม่
    
    ถึงอุ่นแสงแห่งสูรย์จำรูญหล้า
    ถึงแจ่มจ้าจันทร์จรัสรัศมี
    ไม่ช่วยให้ได้ชื่นรื่นฤดี
    เสมือนมีแม่มาได้อยู่ใกล้ชิด
    
    ปราชญ์โบราณขานถ้อยว่าร้อยชู้
    ก็สุดสู้เมียอันเป็นขวัญจิต
    ร้อยเมียดีมีอยู่เป็นคู่คิด
    สุขชีวิตไม่เทียบเปรียบแม่ครอง
    
    ...
    
    (บทกวีชนะเลิศการประกวดคำขวัญวันแม่   นักเรียนทั่วประเทศ พ.ศ.๒๕๙๖)
    
    เห็น พ.ศ. แล้ว สงสัยว่าเราอยู่ที่ในหนอ
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:35 น. - comment id 523892

    "เปิดแผลเจ็บให้กับใจไว้คิดถึง
    กับหยดหนึ่งของน้ำค้างกลางเดือนฉาย
    วันเวลาบรรเลงเพลงความตาย
    เฮือกสุดท้ายลมหายใจใต้แสงจันทร์\"
    
    สนธิกาญจน์  กาญจนาสน์ 
    
    มาย้อนอดีตกับ สนธิกาญจน์  กาญจนาสน์ อีกครั้งแล้วกัน
    
    ถนนสายวรรณกรรมของไทยในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา ต้องจารึกชื่อของสนธิกาญจน์
    ผู้เป็นทั้งนักกวี นักเขียน นักอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของยุคสมัย ไว้อีกท่านหนึ่ง ดังที่ได้
    นำเสนอมาบ้างแล้ว
    
    ผลงานทางด้านวรรณกรรมของท่าน ปรากฎตามหน้าหนังสือพิมพ์ และสื่อทางหนังสือของ
    ยุคนั้นอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการปรากฎตัวตามสถานีวิทยุ โทรทัศน์ และสื่อมวลชนอื่นๆอีก
    มากมาย
    
    ท่านน่าจะมีผลงานมากมายมากกว่านี้ ถ้าไม่ถูกมัจจุราชคร่าชีวิตไปในขณะที่อายุเพิ่ง ๔๙ ปีเท่า
    นั้นเอง (พ.ศ.๒๕๒๓) ในรถทัวร์มรณะระหว่างเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในอ้อมแขนของ
    เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ที่พยายามนำส่งโรงพยาบาลนครราชสีมา
    
    ผลงานด้านบทกวีของท่านคือสิ่งอันทรงคุณค่า ขอนำมาเสนออีกชุดหนึ่ง 
    
    ความเจ็บปวดของวานนี้ที่ได้รับ
    
    ความเจ็บปวดของวานนี้ที่ได้รับ
    ความแตกดับของพรุ่งนี้ที่จะเห็น
    กับวันนี้ที่คล้ายตายเย็นเย็น
    เธอกลับเป็นเพื่อนผู้อยู่ใกล้ชิด
    
    ความรู้สึกเท่าที่รู้ว่าอยู่ใกล้
    แต่ก็เหมือนอยู่ไกลเพราะไร้สิทธิ์
    และนับวันจะห่างเหินจนเกินคิด
    ความมืดมิดของความหวังกำลังรอ
    
    รื่นทั้งรสสดทั้งสีมาลีเอ๋ย
    หอมระเหยแล้วก็หายเสียดายหนอ
    เก็บแผลใจไว้เพื่อจำซ้ำให้พอ
    เพราะแต่ต่อนี้ไปไม่มีแล้ว
    
    เหลือแต่เพลงเสน่หาคืนฟ้าหนาว
    คืนที่ดาวเรียงริ้วเป็นทิวแถว
    ระยับราวพราวพรายประกายแพรว
    ลำนำแว่วว่าคืนนี้มาลีลอย
    
    ใช่ดอกฟ้าแต่ถ้าเป็นเช่นดอกฟ้า
    วาสนาเราไม่ถึงจะพึงสอย
    มิใช่ดินแต่เหมือนดินถวิลคอย
    มาลีลอยเป็นมาลัยในอารมณ์
    
    อยากฝากความคิดถึงซึ้งเสนาะ
    แทนแพรเพลาะของหัวใจให้เธอห่ม
    แต่ไร้ค่าเกินกั้นกันแดดลม
    ที่พร่างพรมล่องเลยรำเพยพา
    
    เปิดแผลเจ็บให้กับใจไว้อีกแผล
    เป็นรอยแพ้ที่ยับเยินเกินรักษา
    เลือดหยดหนึ่งจากหัวใจไหลผ่านตา
    มอบเป็นค่าใช้จ่ายให้กับรัก
    
    โอ้ทั้งร้อนทั้งหนาวทั้งร้าวรวด
    ทั้งเจ็บปวดทั้งร้าวรานทั้งหาญหัก
    หวังเธอเหมือนเพื่อนซึ่งได้พึ่งพัก
    ทั้งสูงศักดิ์ทั้งสดใสในศรัทธา
    
    ทิ้งอดีตอันมากมายไว้ข้างหลัง
    หวังความหวังหวังที่มีหวังกว่า
    ลอยชีวิตกลางทะเลของเวลา
    เสน่หาของความหวังพังทะลาย
    
    เปิดแผลเจ็บให้กับใจไว้คิดถึง
    กับหยดหนึ่งของน้ำค้างกลางเดือนฉาย
    วันเวลาบรรเลงเพลงความตาย
    เฮือกสุดท้ายลมหายใจใต้แสงจันทร์
    
    มองตัวเองด้วยเข้าข้างอย่างหยิ่งหยิ่ง
    แท้ที่จริงชื่อเสียงเพียงความฝัน
    เมื่อทางเดินข้างหน้าคือผาชัน
    ทางแปรผันทางสุดท้ายทอดสายมา
    
    ประสบการณ์ความรอบคอบความรอบรู้
    พอเป็นผู้ประจักษ์แจ้งแห่งปัญหา
    เห็นเหตุการณ์ทั้งปวงด้วยดวงตา
    รู้คุณค่าลุล่วงด้วยดวงใจ
    
    เมื่ออยู่ใกล้กลัวพลั้งพลาดหวาดผวา
    ครั้นแรมราพรึงพรั่นยิ่งหวั่นไหว
    โอ้ความรักคงเป็นเหมือนเช่นไฟ
    ใกล้หรือไกลก็ร้อนหนาวได้เท่ากัน
    
    ราชพฤกษ์ชูช่อล้อลมผ่าน
    พลิ้วดอกบานย้อยระย้าหน้าคิมหันต์
    ผ่านการบินด้วยปีกทองของคืนวัน
    ถึงวสันต์เหลือใบให้เราคิด ๚
    
    สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:41 น. - comment id 523894

    นี่แหละฉันละ
    
    ๏ คนอย่างฉันถ้าใครทำให้โกรธ
    ก็ใจโหดโกรธมากยากจะหาย
    เช่นเดียวกันถ้าใครทำให้อาย
    ใจฉันร้ายพอที่จะย้อนประจาน
    
    อาจเห็นว่าอ่อนไหวและใจน้อย
    สะกิดหน่อยแต่เลือดก็เดือดพล่าน
    ใจกลับดำคำกลับกล้าวาจาพาล
    และอาจรานให้อีกฝ่ายทลายลง
    
    ตรงกันข้ามกับที่ใครทำให้รัก
    ย่อมประจักษ์แก่ตาว่าฉันหลง
    ทั้งจะห่วงท้วงทักพะวักพะวง
    ยอมให้ทรงสิทธิ์สุขทุกสิ่งอัน
    
    เธอก็รู้อยู่เต็มใจมิใช่หรือ
    คนหัวดื้อคนนี้...นี่แหละฉัน
    นี่แค่เรื่องเคืองคับลิ้นกับฟัน
    เธอยกมันขึ้นมาเป็นอารมณ์
    
    รู้ว่าโกรธยังกล้าท้าให้โกรธ
    เลยลงโทษคนที่ท้าอย่างสาสม
    ปล่อยให้สองตาฉ่ำน้ำตาตรม
    รอยแค้นบ่มค้างอยู่ในใจฉันนี้
    
    อยากแก้แค้นเธอนักที่รักเอ๋ย
    อย่างที่เคยทำทุกคนจนผละหนี
    แต่ฉันพบการแก้แค้นซึ่งแสนดี
    คือการที่ฉันยอมให้อภัยเธอ ๚
    
    ทวีสุข ทองถาวร 
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:45 น. - comment id 523897

    ขอ
    
    ไม่มีความรักใดให้อีกแล้ว
    สำหรับแก้วขวัญจิตยอดมิตรเอ๋ย
    ไม่มีแล้วสิ่งใดให้อีกเลย
    แม้คำเอ่ยว่าสนิทเหนือมิตรใด
    
    เพียงสำนึกหนึ่งยังหวังอยู่ว่า
    จะเห็นฟ้าพร้อยดาวพราวไสว
    ระยิบแสงแข่งแขแลไกลไกล
    เหนือดวงใจดวงหนึ่งซึ่งมืดมน
    
    ขอให้ความระลึกที่มีต่อมิตร
    ได้ตามติดเฝ้าแฝงทุกแห่งหน
    เพื่อเป็นเพื่อนยามพรั่นหวั่นกมล
    จากเราคนที่หวงห่วงและตอย
    
    ถ้าทำได้ทุกทางเหมือนอย่างคิด
    จะตามติดต่อไปไม่ท้อถอย
    ในความรักความฝันอันเลื่อนลอย
    แม้เปิดรอยแผลใจไว้อาวรณ์
    
    แต่เกินจะทำอะไรต่อไปแล้ว
    เพียงมีแววเรียงร้อยถ้อยอักษร
    ฝากความรักซ่อนซุกมาทุกตอน
    ทุกคำกลอนคือใจรักไม่คลาย
    
    โอ้ความรักความหวังดังดอกฟ้า
    เลื่อนลงมาให้สอยแล้วลอยหาย
    เหลือริ้วรอยร้อยอยู่มิรู้วาย
    สุดสิ้นสายสวาทช้ำชีพลำเค็ญ
    
    หากเธอมีรักใหม่อย่าให้รู้
    และถ้าอยู่กับใครอย่าให้เห็น
    ให้ฉันเถอะ...ขอร้องสองประเด็น
    แล้วจะเป็นผู้แพ้อย่างแท้จริง
    
                         สนธิกาญจน์  กาญจนาสน์
                          2518 - รวมกลอนชมรมนักกลอน
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:38 น. - comment id 523898

    ตั้งใจจะนำเสนอผลงานวรรคทอง ๒ ชุดนี้ คือ
    
    ถ้ารักใครไม่ได้ก็ไม่รัก                           
    แต่กุจักชักดาบเข้าฉาบฉุด
    ดั่งโคถึกคึกคะนองลำพองรุด                   
    ใครจะยื้อใครจะยุดจะฉุดใจ
    
    ขรรค์ชัย บุนปาน
    
    และ
    
    เมื่อรักกันไม่ได้ก็ไม่รัก                          
    ไม่เห็นจักเกรงการสถานไหน
    ไม่รักกุกุก็จักไม่รักใคร                           
    เอ๊ะ  น้ำตากุไหลทำไมฤๅ
    
    สุจิตต์ วงศ์เทศ
    
    แต่ยอมรับว่ายังค้นไม่เจอ 
    แต่อย่างไรก็ตาม ขอคัดกลอนหวานแบบเศร้าๆ ของ ขรรค์ชัย บุนปาน มาให้
    อ่านกันอีกซักชุด
    
    เธอ
    
    ๏ ลมหนาวพรูกรูเกรียวซอนเสี้ยวจิต
    เชิญชาคริตเถิดขวัญรับวันใหม่
    เจิดแจรงแสงทองผ่องอำไพ
    สาดลูบไล้โลกแล้วอย่างแผ่วเบา
    
    ลานฟ้าแผ้วเรืองรองงามผ่องผุด
    โศกสิ้นสุดวานนี้ตามปีเก่า
    ลองแรกแย้มรอยยิ้มสิพริ้มเพรา
    เพื่อสองเราจะพิพรรธน์สวัสดี
    
    ขวัญพี่เอ๋ยเคยร้างเหินห่างขวัญ
    แต่พอครั้นเคียงกายกลับหน่ายหนี
    สุขกมลหนหนึ่งนานพึงมี
    ฟังเสียงพี่อ้อนหวานปลอบกานดา
    
    \"........โอ้เจ้าแก้วการะเกด
    จอมหัวใจนัยเนตรของเชษฐา
    รสรักอาบซาบซึ้งเคยตรึงตรา
    นอนรอวันเวลาด้วยอาวรณ์
    
    หนาวหันคว้าผ้าห่มหรือข่มหนาว
    หมอนข้างยาวแนบชิด...ผิดสมร
    กรพลั้งเผลอเพ้อไขว่...ก็ไร้กร
    ใจอ่อนอ่อนหวิวหวาดแทบขาดใจ \"
    
    ลมหนาวปีใหม่นี้เหมือนปีนั้น
    ผิดตรง...ขวัญ...เร้นแฝงอยู่แห่งไหน
    นกเขาคู \'กรู๊...\' เกี้ยวบินเกี่ยวไป
    ฉันคอยคนมีไฝ...เธอ...ไม่มา ๚
    
    ขรรค์ชัย  บุนปาน , ๒๕๐๘
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:39 น. - comment id 523899

    สุดยอดขุนพลกลอนรักที่ว่ากันว่าออดอ้อนเฉือนใจผู้หญิงเป็นยิ่งนัก ต้องนับ สวัสดิ์
    ธงศรีเจริญ ไว้อีกท่านหนึ่ง 
    
    ฟอกฟ้า
    
    ๏ ดาวพ้อฟ้าว่าไยฟ้าใจสอง
    ข้างขึ้นครองแขออมอ้อมอกสรวง
    ครั้นคืนแรมโลมดาวด้วยหนาวทรวง
    ฟ้าแสร้งลวงรักเกลื่อนทั้งเดือนดาว
    
    จำเลยฟ้าน่าสงสารมานานแล้ว
    อรุณแผ้วรพีพรรณดาวหยันหาว
    ปุยเมฆฟ่องฟ้าก็มีราคีคาว
    ลมอื้อฉาวดาวก็ว่าฟ้าคร่ำครวญ
    
    พิรุณรินฉินว่าฟ้าร้องไห้
    ทอเงาในน้ำพริ้มว่ายิ้มสรวล
    วิหคเหลิงเริงร่าก็ฟ้าชวน
    ตะวันจวนจากก็ว่าฟ้าอาวรณ์
    
    โอ้อกฟ้าฟังพ้อแสนท้อแท้
    สุดตาแลฟ้าอิงแอบสิงขร
    หรือจุมพิตทิวพนาจูบสาคร
    ดาวคงค่อนขอดว่าใจฟ้าทราม
    
    ฟ้าเสงี่ยมเจียมใจดาวไม่เห็น
    ทนลำเค็ญทนคำดาวพร่ำหยาม
    ตรองเถิดฟ้าแขวนประจำทุกย่ำยาม
    แต่รับความหมุนเวียนใครเปลี่ยนแปร
    
    มาตรบุญฟ้าฝันใดสมใจคิด
    คงซึ้งจิตเจตนาของฟ้าแน่
    ว่ารักดาวหรือเดือนเป็นเพื่อนแด
    ฟ้าซื่อแต่บอดตาเพราะฟ้าเจียม ๚
    
    สวัสดิ์ ธงศรีเจริญ
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:46 น. - comment id 523900

    จำวรรคนี้กันได้ไหม
    
    \"นกเขาเอยเคยขันกระชั้นแจ้ว  
    เราโตแล้วหาตักอุ่นหนุนไม่ได้
    ครั้นพบคนพอจะคุ้นอบอุ่นใจ
    \"เขา\" ก็ไม่ไยดีเท่าที่ควร
    
    ถ้าจำได้ก็  นี่เลย  คุณ นิภา  บางยี่ขัน  
               \"เขา\"
    
    โอ้ว่ามือกำยำฉันจำได้
    เคยลูบไล้แผ่วเบาเอาใจฉัน
    โอ้ว่าเพลงวังเวงเพราะเสนาะกรรณ
    นกเขาขันกล่อมเจ้าจงเข้านอน
    
    เมื่อดึกดื่นคืนค่อนนอนไม่หลับ
    ใครประทับจูบวางฉันข้างหมอน
    อยู่เป็นเพื่อนพัดวีคลายที่ร้อน
    สอนสวดมนต์ขอพรตอนกลางคืน
    
    ยิ่งนับวันนับวัยน่าใจหาย
    เขาห่างเหินเมินคล้ายชายคนอื่น
    ที่อาบน้ำป้อนข้าวให้เรากลืน
    เดี๋ยวนี้ยื่นเมตตาให้แค่ทายทัก
    
    โอ้ว่าตักอบอุ่นเคยหนุนเอ๋ย
    ฉันอยากเกยเกลือกหัวลงทั่วตัก
    ความวางเฉยนี่ฉันท้ออยากพ้อนัก
    \"พ่อยังรักลูกเท่าเก่าหรือเปล่าจ๊ะ\"
    
    เจ้านกเขาในคอนมานอนนิ่ง
    ถูกทอดทิ้งเหงาหงอยเขาปล่อยปละ
    ถึงขันเช้าไปจนบ่ายไม่เลยละ
    ที่ไหนจะซึ้งเหมือนพร้อมฟังกล่อมไกว
    
    นกเขาเอยเคยขันกระชั้นแจ้ว
    เราโตแล้วหาตักอุ่นหนุนไม่ได้
    ครั้นพบคนพอจะคุ้นอบอุ่นใจ
    \"เขา\" ก็ไม่ไยดีเท่าที่ควร
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:51 น. - comment id 523902

    ยุคหนึ่งที่กลอนรักเฟื่องฟูในวงศ์วรรณศิลป์มหาวิทยาลัย ชื่อของ โกวิท สีตลายัน เป็นที่รู้จัก
    โดยทั่วไปเนื่องจากคมปากกาที่มีเอกลักษณ์ แม้ผลงานจะปรากฎในแวดวงไม่มากนักถ้าเทียบ
    กับนักกลอนท่านอื่นๆ
    
    ถ้าพูดถึงชื่อ โกวิท สีตลายัน ท่านผู้นี้คือคอลัมนิสต์
    ชื่อดัง เจ้าของนามปากกา มังกร ห้าเล็บ 
    
    แม้จากประมาณ พ.ศ. ๒๕๑๐ ผลงานด้านบทกลอนของ โกวิท สีตลายัน จะไม่ปรากฎออกมาในวงวรรณ มาอ่านผลงานของ โกวิท สีตลายัน กันดีกว่าครับ
    
    อายดิน   
          
    ๏ เห็นรอยเท้าเคยยืนสะอื้นอก 
    อยากหยิบยกออกมาถ้าทำได้   
    คิดเกลื่อนกลบลบรอยน้อยน้ำใจ        
    โอ้อาลัยลานดินจะสิ้นรอย   
         
    เคยฝากฝังสั่งใจโอ้ใจเอ๋ย        
    เมื่อก้าวเลยมาไกลทำไมถอย   
    เสียแรงฟ้าหวังให้เกิดมาเลิศลอย        
    มัวมาคอยเนิ่นสายอายสุธา   
         
    ทะลึ่งโลดโดดได้ไม่ยอมหยุด        
    พลาดสะดุดเซถลำคว่ำถลา   
    ลื่นไถลลุกถลันรั้นขึ้นมา        
    ถนัดตาโธ่ล้มจนจมดิน   
        
    สงสารตัวชั่วหรือที่ดื้อสู้        
    จนอดสูเจ็บอายไม่วายสิ้น  
    ทั้งหยาบหยามหยันใจให้ได้ยิน       
    ราวพิษรินราดจิตอนิจจา  
        
    แหนงจิตฟ้าฟ้าเหวยใยเย้ยซ้ำ        
    ให้ชอกช้ำเจ็บอายน่าขายหน้า  
    สิ้นรอยดินใช่จะสิ้นคนนินทา        
    เมื่อชื่อตราไว้เพื่อหลู่ในหมู่ชน  
       
    เห็นรอยดินเคยล้มก็ขมจิต        
    อยากจะปิดเนตรเร้นไม่เห็นหน  
    สงสารตัวต่ำเคล้ารอยเท้าตน        
    อายผู้คนยังไม่วายมาอายดิน๚ 
    
    โกวิท สีตลายัน
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:54 น. - comment id 523903

    ๏ รถออกจากบางเขนเป็นยามสาง
    คนอ้างว้างอยู่ที่ใดก็ใจเหงา
    ใครบางคนมีเพื่อนเป็นเหมือนเงา
    กุคนเศร้าแสร้งชื่นทุกคืนวัน
    
    ชอบผู้ใดเขาบ้างอย่างอาภัพ
    ชื่นชมเขาลับลับเมื่อหลับฝัน
    ตื่นสู่โลกความจริงทุกสิ่งนั้น
    ล้วนบีบคั้นหัวใจอยู่ในทรวง
    
    ได้แต่ มองมอง จ้องเล็กน้อย
    แล้วก็คอยทำท่าเหมือนว่าหวง
    รอให้หนุ่มที่ไหนพาไปควง
    ค่อยเลิกห่วงเธอไปได้อีกคน
    
    ดีพร้อม ไวยวงศ์เกียรติ (ลูกทุ่งไปสุรินทร์)
    
    
    ไหนๆก็มาแล้ว มาอ่านสำนวนหวานๆของอดีตนักกลอนมือทองวรรณศิลป์ธรรมศาสตร์ ยุคถัดจาก
    นักกลอนสี่มือทองยุคแรก ที่ได้กล่าวมาแล้วในความเห็นต้นๆ สักคนหนึ่ง นักกลอนคนนี้คือ 
    \" อนุสรณ์ ลิ่มมณี \" สำนวนลีลาเป็นอย่างไร อ่านกันได้เลยขอรับ
    
    สร้อยเสน่หา 
            
    ๏ พายุแห่งแรงสวาทปรารถนา
    เหลิงลีลาล่องตามธารน้ำผึ้ง
    หอบเกลียวคลื่นชื้นหวานซาบซ่านตรึง
    มาอวลอึงซึ้งสั่งเซาะฝั่งใจ
    
    การเฝ้าคอยร้อยประคำร่ำเสน่ห์
    อาจว้าเหว่อาวรณ์หรืออ่อนไหว
    แต่คัมภีร์วลีรักตระหนักนัย
    จะสอนให้ได้รู้การอยู่รอ
    
    เมื่อมงกุฏคืนวันอาถรรพณ์ทิพย์
    เริ่มลอยลิบไหลเลื่อนสู่เรือนหอ
    บันดาลโดยดุริย์ศัพท์เคลิ้มขับคลอ
    เอี่ยมลออเอิบอาบเพียงภาพพิมพ์
    
    ฟื้นไฟฟอนฟ้อนรำในสำนึก
    โรยรู้สึกซับซ้อนฉะอ้อนอิ่ม
    แนบขนองเหนือเขนยชวนเชยชิม
    พานพักตร์พริ้มนิ่มสนิทจุมพิตพรม
    
    เรียวรุ้งรักถักใยไปสวรรค์
    เพื่อลงทัณฑ์เทพธิดาให้สาสม
    ชดเชยเจือเผื่อคืนร้างชื่นชม
    แทนผ้าห่มโหยหาห่วงมานาน
    
    พายุแห่งแรงสวาทปรารถนา
    ได้พัดพาเพลงแผ่วพรแว่วหวาน
    ฝนน้ำค้างพร่างพรูสู่วิมาน
    เริงสำราญระหว่างห้วงสองดวงใจ๚
    
    อนุสรณ์ ลิ่มมณี 
    
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:56 น. - comment id 523904

    กลอนของคุณนิภาบทหนึ่ง ตอบได้พอดีกับบทของคุณทวีสุขบทนี้เลย
    
    แถมในชีวิตจริงก็ตอบกันได้สนิทซะด้วย
    
    \"ถ้าโกรธแล้วสุขใจที่ได้โกรธ
    เชิญเธอใช้ใจโหดลงโทษฉัน
    ถ้าโกรธแล้วเธอก็ต้องหมองเช่นกัน
    จะยืดวันโกรธไปทำไมนะ\"
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 10:58 น. - comment id 523908

    ฝากกลอนหวานแบบเศร้าของ อนุสรณ์ ลิ่มมณี ไว้อีกชุดหนึ่ง กินใจขนาดไหนลองอ่านดู
    
    บนสายเปลกาลเวลา
    
    ก็ไกวเปลเวลาทอดมาถึง
    ศรน้ำผึ้งซึ้งซ้อนแววอ่อนไหว
    ชะลอผ่านม่านฟ้านภาลัย
    ดิ่งลงไปในทรวงและดวงตา
    
    วารีรสเลอศักดิ์ตำหนักสรวง
    รอตักตวงเติมเล่ห์เสน่หา
    มนต์เมฆหมอกนฤมิตทิพย์นิทรา
    หรือจะราโรยฝันนิรันดร
    
    วงเวียนวัยชีวิตพิศวาส
    ดารดาษโดยสุขซึ่งซุกซ่อน
    พิณปลายนิ้วพลิ้วกรีดคีตกร
    ชะรอยร่อนเร่งเร้าอยู่เท่านาน
    
    เพียงเพลงเปลเห่ฝากสู่ฟากฟ้า
    รับรักมาเมืองดินถวิลหวาน
    ดอกไม้ดาวพราวพรรณอันตระการ
    ลอยลงบานฉานฉายประกายกรอง
    
    ละลิ่วเลื่อนเลือนลับการหลับไหล
    รื่นละไมริ้วลมคอยข่มหมอง
    ตื่นตาตามความหวังเคยรังรอง
    นิยายของความรักหรือจักทวน
    
    ซึ่งสายเปลเร่คว้างระหว่างหาว
    เมื่อถึงคราวขาดร่วงย่อมห่วงหวน
    สิ้นเพลงเปลเห่ขวัญเคยรัญจวน
    เสียงคร่ำครวญสะอื้นอ้อนสะท้อนแทน ๚
    
    อนุสรณ์ ลิ่มมณี 
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 11:01 น. - comment id 523911

    เมื่อดอกไม้โรย
    
    ดอกไม้สีม่วงร่วงตรงหน้า
    น้ำตาพร่าพร่างกลางกลีบอ่อน
    โอ้ใครไหนเลยจะเชยช้อน
    ร้าวรอนแหลกเปล่าเฉาช้ำ
    
    ลมหยุดพัดผ่านไปนานนัก
    ไม่ทายทักใบไม้ไม่ชื่นฉ่ำ
    ท้องฟ้าวันนี้เป็นสีดำ
    สายน้ำนิ่งสงบซบเซา
    
    โลกแตกดับแล้วหรือนี่
    ทันทีที่สบตารู้ว่าเขา
    สักนิดมิได้รักเรา
    โศกเศร้าเจ็บปวดทั่วหัวใจ
    
    โอ้ความใยดีที่มอบมั่น
    เขาหยันหยามเราเท่าไหน
    ซื่อนักโง่นักเมื่อรักใคร
    เทิดเทินให้ได้ทั้งนั้น
    
    ความทรงจำเมื่อวันวานอ่อนหวานยิ่ง
    ทุกสิ่งงดงามคือความฝัน
    เพียงกระพริบตาก็ดับฉับพลัน
    ตื้นตันน้ำตาอาวรณ์
    
    ดอกไม้สีม่วงร่วงต่อหน้า
    รอเขามาเหยียบยับกับกลีบอ่อน
    และหัวใจผู้หญิงเขลาซึ่งร้าวรอน
    จะวางซ้อนอ่อนแอบอยู่แทบเท้า
    
                      ปิ่นฤทัย  รวิปรีชา
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 11:03 น. - comment id 523912

    เก็บมาฝากอีกสักครากับบทกลอนของคุณสนธิกาญจน์  กาญจนาสน์   ที่ประทับใจผู้อ่านมิรู้ลืม  
    
    จากเจ้าพระยา...ถึงฝั่งโขง
    ไม่มีภาษาใดที่ในโลก
    บรรยายโศกอกเราได้เศร้าเหมือน
    เท่าน้ำตาพร่าอาบซับภาพเลือน
    เก็บไว้เตือนใจว่า...แสนอาวรณ์
    
    โอ้หวิวหวิวพริ้วแผ่วแล้วก็หาย
    ฟังคล้ายคล้ายเสียงฟ้ามาหลอกหลอน
    ฟังคล้ายคล้ายเสียงลมพรมพริ้ววอน
    เป็นบทกลอนว่ารักอยู่ทุกครู่ยาม
    
    \"แม้อยู่ห่างต่างถิ่นแผ่นดินไหน
    ถ้าวันใดคิดถึงถิ่นแผ่นดินสยาม
    จงมองดาวพราวพร้อยลอยฟ้างาม
    เพราะทุกยามฝากใจไว้กับดาว\"
    
    ดังสำเนียงเสียงเพื่อนเตือนมาว่า
    ทุกเวลาห่วงหวงกับห้วงหาว
    คืนฟ้าหมองดาวอับแสงวับวาว
    แต่ยังพราวโชติช่วงในดวงใจ
    
    คือสำเนียงเสียงสั่งถึงฝั่งโขง
    ผ่านรอบโค้งฟ้ากว้างสว่างไสว
    เคลียสายลมพรมอุ่นละมุนละไม
    เหมือนเสียงไห้เจ้าพระยา...พารัญจวน
    
    โอ้หวิวหวิวพริ้วแผ่วแล้วก็หาย
    น้ำตาพรายพร่าหลั่งยังไห้หวน
    อยู่แผ่นดินถิ่นใดดวงใจครวญ
    ไหลย้อนทวนความเศร้าเจ้าพระยา
    
    สนธิกาญจน์  กาญจนาสน์
    ๒๕๑๐ - บทเพลงแห่งเจ้าพระยา
    
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 11:04 น. - comment id 523913

    "ดาวรู้ไหม\"
    
    เมื่อเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าและว้าเหว่
    ขวัญจะเร่ร่อนคว้างถึงกลางหาว
    แล้ววอนถามความหมองของหมู่ดาว
    ซ่อนแสงพราวพรุบหรู่อยู่ทำไม
    
    เห็นใครคว้างอย่างนี้มีไหมเล่า 
    จะว่าเศร้าก็ไม่เศร้า ...ดาวรู้ไหม
    หากแต่ว่าแพ้ตัวแพ้หัวใจ
    ที่เฉยเมยซ่อนไว้ซึ่งไยดี
    
    เห็นเคยเห็นดาวคว้างอย่างคนคว้าง
    ปลอบตัวเองอุ่นใจอย่างไรนี่
    หรือแอบหมอกหยอกฟ้ามานานปี
    จนดาวมีฟ้าเสมือนเป็นเพื่อนคิด
    
    อิจฉาดาวพราวแสงเหมือนแสร้งเยาะ
    กระทบเหมาะแววว้างตรงกลางจิต
    ตาจึงวาบปลาบละห้อยเพียงน้อยนิด
    แล้วเม้นมิดซ่อนหมายอยู่อย่างเดิม
    
    เพราะรักสิทธิ์อิสระเกินจะทุกข์
    จึงซ่อนซุกความรู้สึกไม่ฮึกเหิม
    เมื่อดาวหมายปรายตามาเยาะเติม
    ชีวิตเพิ่มสิ่งใด...รู้ไหมดาว
    
    เพิ่มชีวิตเข้มแข็งให้แกร่งกล้า
    ให้เชิดหน้าท้ามองถึงห้องหาว
    ยิ้มเยาะโลกโชคชตามานานยาว
    ซ่อนน้ำพราวท่วมทั่วรดหัวใจ
    
                              อรฉัตร
                          ๑๘   ส.ค. ๑๒
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 11:05 น. - comment id 523915

    คุณหญิงกุลทรัพย์ รุ่งฤดี
    
    เมื่อดวงใจได้เฉลยเอ่ยคำรัก
    ใจก็มักมั่นคงไซร้ไม่เหหน
    ไม่เปลี่ยนแปรใจแท้แม้ใจดล
    ทรชนเล่ห์ล่วงหลอกลวงใจ
    
    ใจเพียงหนึ่งดึงดื้อถือรักเถิด
    แม้รักเกิดก่อทุกข์ไร้สุขไฉน
    ใจยังฝังหยั่งรักล้ำประจำใจ
    โอ้ว่าใจ ใจหนอใจ ไยมั่นคง
    
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 11:07 น. - comment id 523918

    มารู้จักนักกลอนจากแดนทักษิณอีกท่านหนึ่ง เขากลับเป็นนักเรียนนักเรียน นายร้อย จปร.
    
    มาดูผลงานของนักกลอนท่านนี้กันดีกว่า มีวรรคเด่นๆหลายบท อาทิ
    
    เริ่มบทเพลงรัตติกาลกังวานแว่ว
    ชีวิตแน่วสู่ฝันอันสดศรี
    น้ำค้างแพร้วหยาดฟ้าพร่างมณี
    ปลุกรพีให้ตื่นคืนภวังค์
    
    จาก เพลงทิวา-มนต์ราตรี
    
    หรือ
    
    แววเนตรสิ้นแววซื่อแล้วหรือนี่
    แววไมตรีเคยฉายกลายเป็นย่ำ
    ตั้งแต่นี้ต่อไปใจคงจำ
    ไม่กล้าล้ำเลยสู่ประตูรัก
    
    จาก รอยอาลัย  
    
    หรือ
    
    ก็เรือใหม่เขามีขี่อีกแยะ
    ครั้นจะแวะลงเรือรั่วกลัวคนหยัน
    อนิจจา ! ชะตากรรมเรือลำนั้น
    เขาปล่อยมันเอาไว้ให้ขึ้นคาน
    
    จาก แด่...เรือลำนั้น
    
    มาอ่านงานเต็มๆของนักกลอนท่านนี้สักชุดแล้วกัน ขอรับ
    
    เทพีพร
    
    ๏ เจ้างามสรรพกว่าอัปสรบังอรสวรรค์
    ศักดิ์ฐานันดร์สูงส่งยิ่งหงส์เหิน
    เทียบสมบัติกุลสตรีมีค่าเกิน
    เหลือประเมินคำชมให้สมจริง
    
    เหมือนหยาดฟ้ามาสถิตกลางจิตพี่
    เฉิดฉวีคมขำล้ำผองหญิง
    ห่มสไบลายทองผ่องเพริศพริ้ง
    สมเป็นมิ่งขวัญฟ้าสุดาดวง
    
    ยามเยื้องย่างอรชรแสนอ่อนช้อย
    เท่าปลายก้อยหรือจะไม่ให้พี่หวง
    หวั่นทวยเทพริษยาลงมาทวง
    พรากพุ่มพวงจากพี่มิเกรงใจ
    
    อยากอัญเชิญขวัญฟ้ามาสู่เหย้า
    มาร่วมเนาเชยชิดพิสมัย
    แต่เกรงหอโบราณแบบบ้านไม้
    จะฉุดให้ขวัญฟ้าเสื่อมค่าพลัน
    
    ถึงสุดรักสุดหมายสายสมร
    ก็มิกล้าเอื้อมอรอัปสรสวรรค์
    ระหว่าง \"รักสูงค่า\" กับ \"ฐานันดร์\"
    เจ้าเท่านั้นชี้ชัดตัดสินใจ
    
    เจ้างามสรรพเท่าอัปสรบังอรสวรรค์
    ศักดิ์ฐานันดร์ใครมิเปรียบเทียบเจ้าได้
    พี่แสนรัก บูชา เจ้ากว่าใคร
    เทิดเจ้าให้เป็นศรี... เทพีพร ๚
    
    ชุมพล ปิตุทิพย์
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 11:09 น. - comment id 523919

    เตือนใจหญิง
    
    ด่วนเด็ดดอกกุหลาบงามในยามนี้
    เวลามีอยู่น้อยจะลอยหาย
    สุมาลีคลี่เกษรขจรขจาย
    พรุ่งนี้กลายกลับเหี่ยวหล่นไม่ทนทาน
    
    สุริยันอันจะเปรียบประทีปรัตน์
    ก็ด่วนลัดล่วงฟ้าสุธาสถาน
    มิช้าสิ้นแสงสดเพราะหมดวาร
    รัตติกาลเข้ามาแทนทั่วแดนดิน
    
    อันวัยเยาว์นับว่าเลิศประเสริฐสุด
    เลือดฝาดผุดผ่องพิศเป็นนิจศิล
    แล้วก็เฒ่าชราพาชีวิน
    จนถึงสิ้นสูญสลายมลายชนม์
    
    จะอายไย, จงรีบใช้โอกาสเถิด
    คือหาคู่ไว้ชูเชิดก่อเกิดผล
    แม้นไร้หวังในวัยรุ่นขุ่นกมล
    เธอจักทนทรมานจวบกาลมรณ์
    
    แปลจาก \"COUNSEL TO GIRLS\"  ของ R. HERRICK
    โดย อาจิณ จันทรัมพร ๒๕๘๙
    
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 11:12 น. - comment id 523920

    คุณนภาลัย (ฤกษ์ชนะ) มาฝากบ้าง
    
    ขอให้คิดถึงฉันวันละหนึ่ง
    ฉันคิดถึงเธอวันละพันหน
    และมีจิตคิดถึงเพียงหนึ่งคน
    ไร้กมลที่จะเหลือเผื่อผู้ใด
    
    แม้นมาหาเธอได้จะไม่ยั้ง
    ที่ต้องรั้งแม้จะรู้เธออยู่ไหน
    ไม่อยากเห็นเธออยู่คู่กับใคร
    คงขาดใจถ้าเธออยู่กับผู้นั้น
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 11:17 น. - comment id 523923

    แอบไปเก็บวรรคทองดีดีตามทางที่คุณอัลมิตราพูดถึง ต้องขอขอบคุณเจ้าของกระทู้
    
    บันทึกไว้ในวงวรรณ......เรื่องของวรรคทอง....... 
    
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2311960/W2311960.html
    
    และความเห็นและวรรคทองของหลายท่านที่นั่น ช่วยเปิดจินตนาและความอิ่มสุขในหัวใจได้มากนัก...  
    
    เจอวรรคทองกินใจเมื่อไหร่จะแวะมาเพิ่มเติมครับ.. ขอบคุณทุกตัวอัขรา.......
    
    ด้วยหัวใจ
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 11:25 น. - comment id 523928

    บทกวีนิรนาม บทนี้ 
    
    ทางข้างหน้าลางเลือนเหมือนว่างเปล่า 
    แดดจะเผาผิวผ่องเธอหมองไหม้ 
    ที่ตรงโน้นมีหุบเหวมีเปลวไฟ 
    ถ้าอ่อนแอจะก้าวไปอย่างไรกัน 
    
    อนาคตนั้นช่างคดเคี้ยว 
    มันลดเลี้ยวเลี้ยวไปใช่สุขสันต์ 
    ยากลำบากใช่เพียงแค่ชั่ววัน 
    แต่จะต้องฝ่าฟันจนวันตาย 
    
    บนหนทางแม้มีสิ่งใดขวาง 
    ไม่อาจกางกั้นฉันและเธอได้ 
    หนทางนี้สัญญาอย่างมั่นใจ 
    ด้วยพลังยิ่งใหญ่ในศรัทธา 
    
    จะขอฝ่าฟันข้ามความทุกข์ยาก 
    จะลำบากเราสู้ดูเถิดหนา 
    จะร่วมแรงร่วมกันด้วยศรัทธา 
    ทางข้างหน้าสู่ชัยที่หมายปอง 
    
    บทกวีข้างต้นนี้ ไม่ทราบผู้แต่งแน่ชัด แต่ก็ปรากฎรูปเป็นบทเพลง ชื่อ สู่เส้นชัย โดยวง พลังเพลง 
    
  • แทนคุณแทนไท

    6 ตุลาคม 2548 11:31 น. - comment id 523932

    สวัสดิ์ ธงศรีเจริญ 
    
    จะให้สัตย์ซื่อต่อก็เสียหน้า 
    จะร้างลาเลิกรอก็เสียหาย 
    จะฝืนสาวเล่าหนอก็เสียดาย 
    กลืนหรือคายมันก็ฝืดผะอืดผะอม 
    1.gif
     ประยอม ซอมทอง 
    
    เพื่อพักผ่อนนอนหลับในทับทิพย์ 
    ชมดาววิบแวมวอมในอ้อมสรวง 
    ระรื่นรินกลิ่นผกาบุปผาพวง 
    ลิ้มผึ้งรวงหวานลิ้นด้วยยินดี
  • น้ำตาล

    18 มิถุนายน 2549 12:36 น. - comment id 584505

    31.gif      I LOVE YOU16.gif36.gif แต่งได้ดีมากคะ57.gif
  • แนท

    7 กรกฎาคม 2549 10:57 น. - comment id 589143

    4.gif แต่งได้เยี่อมมากจริงเลยล่ะ11.gif
  • แทนคุณแทนไท

    28 กรกฎาคม 2549 16:59 น. - comment id 593463

    ใครบอก
    ใครบอกคิดถึงเธอ    แค่อยากเจออยากเห็นหน้า
    ใครบอกว่าอยากมา    บังเอิญน่าไม่ตั้งใจ
    ใครบอกว่าฉันหวง    แค่อย่าควงกับใครใคร
    ใครบอกว่าห่วงใย    แค่กลัวภัยมาใกล้เธอ
    ใครบอกว่าฉันหลง    แค่ซื่อตรงมั่นคงเสมอ
    ใครบอกว่าละเมอ    แค่แอบเพ้อเพราะเผลอไป
    ใครบอกว่าหมายปอง    แค่แอบมองผิดตรงไหน
    รักเธอก็ไม่ใช่    แต่ทั้งใจให้หมดเลย
    
                       แม้จะสิ้น
           แม้จะสิ้นดินฟ้า star ดับ
         The sun ลับขอบฟ้าหมดราศี
         แม้ the moon สิ้นแสงแห่งราตรี
         แต่ตัว me ยัง love you เพียงผู้เดียว
    
                                     เปล่านะ
    เปล่านะ เปล่าทอดทิ้ง        แต่ความจริงเจอคนใหม่
    เปล่านะเปล่าเปลี่ยนไป                    แค่มีใจให้อีกคน
    เปล่านะเปล่าเลิกรา        แค่เพียงว่ามันสับสน
    เปล่านะเปล่ากังวล        แค่ร้อนรนจนร้อนใจ
    เปล่านะเปล่าเบื่อเธอ        แค่อยากเจอน้อยลงไป
    เปล่านะเปล่าเป็นไร        แค่จิตใจไม่เหมือนเดิม
    เปล่านะเปล่าจริงจริง        แค่บางสิ่งกำลังเริ่ม
    เปล่านะเปล่าซ้ำเติม        แค่เพียงเริ่มจะเปลี่ยนใจ
    
                     เศร้าทำไม
         เขาไม่รักตัวเราเศร้านักหรือ
         เราก็คือคนเขลาเฝ้าหลงใหล
         เขาว่าเราไม่มีสิทธิ์ผิดหรือไร
         เศร้าทำไมเมื่อเรา.....รักเขาเอง!
    
                 ซึ้ง
    คนไม่เคย   ซึ้ง   ใครในชีวิต
    อาจจะคิด   ซึ้ง   เราเข้าก็ได้
    สำหรับเราผู้ซึ่งไม่   ซึ้ง   ใคร
    อาจซึ้งใจคนซึ่งไม่   ซึ้ง   เรา
    อยากให้เขา
    อยากให้เขา รักบ้าง อย่างเรารัก
    อยาก จะหักใจ บ้างเหมือนอย่างเขา
    อยากให้เขา ช้ำบ้าง เหมือนอย่างเรา
    อยากให้เขา รู้บ้าง เป็นอย่างไร
    
                เออ
    ฉันรักเธอ  เออ  ใช่ใครก็รู้
    ฉันเคยอยู่คู่เธอ  เออ  ก็ใช่
    แต่เดี๋ยวนี้ไม่รักเธอ  เออ  ทำไม
    เธอจะไปรักใคร  เออ  ไปเลย
              ไม่อาจห้ามจัย
    จะให้ลืมลืมอย่างไรใจยังรัก
    จะให้หักหักอย่างไรใจยังหลง
    ถึงจะห้ามห้ามอย่างไรใจพะวง
    ใจยังคงฝันซึ้ง.....คิดถึงเธอ
    
    
           สิทธิ์ของเธอ
    เธอมีสิทธิ์รักใครไม่จำกัด
    ปฏิบัติตามสิทธิ์ที่คิดได้
    แล้วแต่สิทธิ์ส่วนตัวของหัวใจ
    ทำอะไรถูกผิดสิทธิ์ของเธอ
    
                   นิยาม
    การจากไกลเป็นนิยามของความรัก
    การอกหักเป็นนิยามของความหลง
    การภักดีเป็นนิยามความมั่นคง
    ความซื่อตรงเป็นนิยามความศรัทธา
    
    การร้องไห้เป็นนิยามความพ่ายแพ้
    การผันแปรเป็นนิยามความใฝ่หา
    ความเจ็บช้าเป็นนิยามของน้ำตา
    การจากลาเป็นนิยามแห่งความจริง
    
               ยังน้อยกว่า
    ถึงพระลอลืมเลือนเพื่อนแพงสนิท
    ถึงกามนิตลืมยุพาวาสิฏฐี
    ถึงพระนลลืมนิยม ทมยันตี
    ถึงคาวี ลืมขวัญจันทร์สุดา
    
    ถึงพระรามลืมสีดาทำน่าแค้น
    ถึงขุนแผนลืมนางพิมไม่ยิ้มหา
    ถึงอิเหนาลืมนุชบุษบา
    ยังน้อยกว่าตัวเราถูกเขาลืม!
     
    หรือว่า...
    
    ถึง..พระลอลืมเลือนเพื่อนแพงสนิท
    ถึง..กามนิตลืมยุภาวาสิฐี
    ถึง..อานนท์ลืมนิยมทมยันตรี
    ถึง..คาวีลืมขวัญจันทร์สุดา
    ถึง..พระรามลืมสีดาทำหน้าแค้น
    ถึง..ขุนแผนลืมพิมไม่ยิ้มหา
    ถึง..อิเหนาลืมนุชบุษบา
    มิโศกากว่าฉันเศร้าเมื่อเขา..ลืม
    
    ถึงพระลอลืมเลือนเพื่อนแพงสนิท          
    ถึงกามนิตลืมบุพผาวาสิฏฐี         
    ถึงพระนลลืมอนงค์ทมยันตี      
    ถึงคาวีลืมขวัญจันทร์สุดา 
    ถึงพระรามลืมผกาสีดาเจ้า         
    ถึงอิเหนาลืมยุพินจินตหรา         
    ถึงอิศวรลืมสมรอรอุมา
    ไม่เศร้ากว่าตัวเราถูกเขาลืม
    
    ถึงพระรามลืมสีดาไม่น่าแค้น
    ถึงขุนแผนลืมพิมไม่ยิ้มหา 
    ถึงอิเหนาลืมนงนุชบุษบา 
    ไม่เศร้ากว่าตัวเราถูกเขาลืม 
    
    
                 ดอกรัก
    เป็นดอกหญ้าในใจใครฉันไม่รู้
    เป็นดอกชู้ในใจใครฉันไม่หวั่น
    เป็นดอกฟ้าในใจใครไม่สำคัญ
    เป็นดอกรักในใจฉันเท่านั้นพอ
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:16 น. - comment id 601085

    ตำตาตำใจ
    
    ถ้ามือนั้นมิเคยจับแนบกับแก้ม
    และอ้อมแอ้มเอ่ยว่าน่ารักเหลือ
    นี่อกเอ๋ยเคยคลอเนื้อต่อเนื้อ
    หรือจะเอื้อโอนให้ผู้ใดครอง
    
    ยิ่งปากน้อยคอยถามถึงความรัก
    ที่เคยทักท้วงเอาเป็นเจ้าของ
    ยิ่งยากจักเจียดให้ผู้ใดจอง
    แม้จะต้องแลกเลือดเชือดเฉือนกัน
    
    โอ้วันนี้มือนั้นที่ฉันหวง
    ปากเคยทวงถามถึงรักซึ้งขวัญ
    กำลังลบและปิดสิทธิ์สัมพันธ์
    เมื่อเธอปันแปรให้คนใหม่เคียง
    
    รักจึงเหมือนแมลงเม่าเมาและเหลิง
    บินเข้าเพลิงพร่าตนจนตายเกลี้ยง
    ใจเจ้าเอ๋ยเคยประจำรักลำเอียง
    สู้ซ่อนเสียงเต้นสั่งครั้งสุดท้าย
    
    พิศนิ้วเนียนเพียรพนมยิ้มสมหวัง
    หยดน้ำสังข์หลั่งหยาดมิขาดสาย
    แข่งอาการคนกำลังจะคลั่งตาย
    ซึ่งทรงกายเป็นพยานการวิวาห์
    
    อยากลบรอยเท้าเปื้อนพื้นเรือนหอ
    ลบภาพคู่เคียงคลอกันต่อหน้า
    ยิ่งอยากลบยิ่งกระจ่างไม่ร้างลา
    เห็นตำตาตาจึงจำไว้ตำใจ
      
    โดย ทวีสุข ทองถาวร
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:24 น. - comment id 601086

    เพื่อนคนดี.....
    เหมือนวันที่ชื่นหวังเราทั้งผอง
    ต้องสิ้นแยกแตกกันตามคัลลอง
    แล้วจะหมองหม่นเทวษเพื่อเหตุไร
    
    จะหวาดหวั่นอันใดในการจาก
    เพราะเราพรากเพียงเพื่อวันพบกันใหม่
    เมื่อหมดแดดแผดแสงที่แรงไกล
    จันทร์อำไพก็จะผ่องครองฟ้าเดิม
    
    ~~~ นิภา บางยี่ขัน ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:25 น. - comment id 601087

    เราพบกันวันนี้จึงมีค่า
    หลังจากฟ้าชุ่มฉ่ำด้วยน้ำฝน
    หลังจากที่ชีวิตมืดมิดมน
    เราควรพ้นอุปสรรคที่รักไกล
    
    ฉันกลับมาหาเธออีก....ที่รัก
    แม้เธอจักต้องการฉันหรือไม่
    มาด้วยความรักท้นล้นฤทัย
    มาเพื่อให้โลกประจักษ์ว่ารักจริง
    
    ~~~ ประยอม ซองทอง ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:26 น. - comment id 601088

    อย่าทุกข์ระทดท้อฝันรอเกิด
    รุ่งเช้า โลกจะเฉิด จะฉายฉัน
    ชีวิต ย่อมเป็นอยู่ เช่นนั้น
    จะเหน็บหนาวเป็นนิรันดร์อยู่เมื่อไร ?
    
    ~~~ อัคนี หฤทัย ~~~ 
    
    ดึกเอย ดึกดื่น ดาวจะดับ
    จุดโคมแก้ว อัจกลับ ขึ้นส่องไข
    โดดเดี่ยว ด้วยยามนี้ ไม่มีใคร
    เหงาอยู่กับ หัวใจ ของตนเอง....... 
    
    ~~~ อัคนี หฤทัย ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:28 น. - comment id 601089

    เพียงเห็นเธอ ฉันเพ้อฝัน ว่าจันทร์ฉาย
    สายแสงพราย พรมพิภพ สงบสันต์
    ราตรีหนึ่ง ซึ่งว้าเหว่ กลางเหมันต์
    สายลมฝัน พัดผ่าน สะท้านใจ.........
    
    ~~~~~ อุชเชนี ~~~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:28 น. - comment id 601090

    ฉันเป็นกรวดเม็ดร้าว
    แหลกแล้วด้วยความเศร้าหมองหม่น
    ปรารถนาเป็นธุลีทุรน
    ดีกว่าทนกลั้นใจอยู่ใต้น้ำ 
    
    ~~~ จิระนันท์ พิตรปรีชา ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:28 น. - comment id 601091

    แล้วฉันเลือกเป็นหิ่งห้อย
    แทนดาวลอยสูงศักดิ์อัครฐาน
    จึงมีปีก มีความหวัง อหังการ
    มีสิทธิผ่านมุมอับอันลับดาว 
    
    ~~~ จิระนันท์ พิตรปรีชา ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:29 น. - comment id 601092

    ถึงสุดรักสุดหมายสายสมร
    ก็มิกล้าเอื้อมอรอัปสรสวรรค์
    ระหว่าง \"รักสูงค่า\" กับ \"ฐานันดร์\"
    เจ้าเท่านั้นชี้ชัดตัดสินใจ
    
    ~~~ ชุมพล ปิตุทิพย์ ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:30 น. - comment id 601093

    เมื่อน้ำค้างหยดหล่นบนดอกไม้
    ลมรำเพยระเหยหายเมื่อใกล้สาง
    กับชีวิตวันนี้ที่บอบบาง
    เหมือนน้ำค้างระเหยหายด้วยสายลม
    
    ~~~ สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์ ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:30 น. - comment id 601095

    จะครวญคร่ำทำไมหัวใจเอ๋ย
    เจ้าก็เคยแพ้พ่ายแล้วหลายหน
    เมื่อจักแพ้อีกครั้งอย่ากังวล
    ชีพยังทนอยู่ได้ใจ...อย่ายอม
    
    ~~~ สุรพล สุมนนัฏ ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:31 น. - comment id 601096

    คว้าง คว้างใบไม้ปลิว
    ละลิ่วหล่นลงสู่ดิน
    เอื่อย เอื่อย ธารไหลริน
    มิรู้สิ้นลงแห่งใด
    เปรียบดังชีวิตนี้
    มิมีที่จะพักใจ
    อ้างว้างร้างฤทัย
    จวบชีพดับลงลับสูญ
    
    ~~~ ม.ล.ศรีฟ้า ลดาวัลย์ ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:31 น. - comment id 601097

    ใช้ชีวิตเหมือนเพลงบรรเลงล่อง
    เช้าก็ท่องลอยลำค่ำก็กลับ
    ชมฟ้ารุ่งเดือนฉายประกายระยับ
    ฟังคำขับร้อยกรองร้องเพลงเรือ ๚
    
    ~~~ สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์ ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:32 น. - comment id 601098

    .....................
    
    ภูกระดึงพึงเป็นสักขี 
    ชาตินี้ขอเลิกรักลืมร้าง 
    ลืมรสชาติอันชืดจืดจาง 
    น้ำล้างตีนหรอกใช่น้ำใจ 
    
    จะหลีกลี้หนีหน้าเจ้า 
    ราวว่าหาอยู่ร่วมโลกไม่ 
    อยู่แต่แผลร้ายร้อนหฤทัย 
    เจ็บไปทุกชาติขาดกันเอย 
    ....................~~~...................
    
    ราตรีมีจันทร์อันไพจิตร์ 
    แต่ชีวิตเราไร้นางแก้ว 
    เหมือนโลกขาดจันทร์อันเพริศแพร้ว 
    บอดมืดมิดแล้วทั้งไกวัลย์
    
    ~~~ อังคาร กัลยาณพงศ์ ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:32 น. - comment id 601099

    เปิดแผลเจ็บ ให้กับใจไ ว้คิดถึง
    กับหยดหนึ่ง ของน้ำค้างกลาง เดือนฉาย
    วันเวลา บรรเลง เพลงความตาย
    เฮือกสุดท้าย ลมหายใจ ใต้แสงจันทร์\" 
    
    ~~~ สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์ ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:33 น. - comment id 601100

    ถึงกลางวันสุริยันแจ่มประจักษ์
    ไม่เห็นหน้านงลักษณ์ยิ่งมืดใหญ่
    ถึงราตรีมีจันทร์อันอำไพ
    ไม่เห็นโฉมประโลมใจก็มืดมน
    
    \"วิวาห์พระสมุทร\" - พระมงกุฎเกล้า ฯ
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:33 น. - comment id 601101

    เพ็ญพระจันทร์นั้นสว่างแต่ข้างขึ้น
    กระต่ายมึนเมาเพ็ญจนเป็นบ้า
    แต่ทรามวัยใสสุกทุกเวลา
    ในอกข้าเมามึนทั้งขึ้นแรม
    
    \"นิทานเวตาล\" - น.ม.ส.
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:34 น. - comment id 601103

    -------ฉันเอาฟ้าห่มให้ หายหนาว
    ดึกดื่นกินแสงดาว ต่างข้าว
    น้ำค้างพร่างกลางหาว หาดื่ม
    ไหลหลั่งกวีไว้เช้า ชั่วฟ้าดินสมัย 
    
    ~~~ อังคาร กัลยาณพงศ์ ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:35 น. - comment id 601104

    ประลองเพลงเล่นเพลงบรรเลงพิณ
    เพลงแผ่นดินแผ่นฟ้าภาษาศรี
    ประเลงรับขับไม้มโหรี
    ชื่นน้ำใจไมตรีมีต่อกัน
    
    ให้สวยสดงดงามความเป็นไทย
    ดวงดอกไม้มโหรีดนตรีสวรรค์
    ประลองเพลงประเลงชัยในชีวัน
    คือมิ่งขวัญทิพยสุคนธ์ดนตรีไทย.......
    
    ~~~ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:35 น. - comment id 601105

    ฉะอ้อนเอื้อนเหมือนจะสั่งทั้งสามสาย
    ยุรยาตร บรรยาย บรรยงก์โฉม
    คันชักช้อย ฉ่ำเชวง บรรเลงโลม
    ลอยโพยม หยาดฟ้า มาเย็นเย็น
    
    ยิ่งนับวัน นานเดือน ยิ่งเลือนราง
    ที่เคยเห็น ก็มาร้าง ไปห่างเห็น
    คิดถึงคำ คนชอ พะนอเน้น
    ใครจะเป็น เพื่อนคลอ ซอสายใจ
    
    ~~~ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 17:36 น. - comment id 601107

    " นกขมิ้น \" 
    
    เขาคลอขลุ่ยครวญเสียงเพียงแผ่วผิว
    ชะลอนิ้วพลิ้วผ่านจากมานหมอง
    โอดสะอื้นอ้อยอิ่งทิ้งทำนอง
    เป็นคำพร้องพริ้งพรายระบายใจ
    
    โอ้ดอกเอ๋ยเจ้าดอกขจร
    นกขมิ้นเหลืองอ่อน จะนอนไหน
    ค่ำลงแล้วแนวพนาและฟ้าไกล
    เจ้านอนได้ทุกเถื่อนท่าไม่อาทร
    
    แล้วหวนเสียงเรียงนิ้วขึ้นหวิวหวีด
    เร่งอดีตดาลฝันบรรโลมหลอน
    ถี่กระชั้นสั่นกระชากใจจากจร
    ระเรื่อยร่อนเร่มาเป็นอาจิณ
    
    โอ้ใจเอ๋ยอ้างว้างวังเวงนัก
    ไร้แหล่งพักหลักพันจะผันผิน
    เพิ่มแต่พิษผิดหวังยังย้ำยิน
    ระด่าวดิ้นโดยอนาถแทบขาดใจ
    
    ข้าเคยฝันถึงฟ้ากว้างกว่ากว้าง
    ฝันถึงปางทับเปลี่ยวเรี่ยวน้ำไหล
    ถึงช่อเอื้องเหลืองระย้าคาคบไม้
    ในแนวไพรนึกเหมือนเป็นเพื่อนเนา
    
    รู้รสแรงแห่งทุกข์และสุขสิ้น
    บนแผ่นดินแผ่นเดียวเปลี่ยวและเหงา
    จิบน้ำใจจนทั่วเจียนมัวเมา
    ไร้ร่มเงารังเรือนและเพื่อนตาย
    
    เขาเคลียนิ้วเนิบนุ่มเสียงทุ้มพร่า
    เหมือนหวนหาโหยไห้น่าใจหาย
    เจ้าขมิ้นเหลืองอ่อนนอนเดียวดาย
    จะเหนื่อยหน่ายหนาวน้ำค้างที่กลางดง
    
    เสียงฉับฉิ่งหริ่งรับขยับเร่ง
    จะพรากเพลงเพื่อนยินสิ้นเสียงส่ง
    เขาเบือนนิ้วผิวแผ่วแล้วราลง
    เสียงนั้นคงเน้นครางอย่างห่วงใย
    
    เจ้าดอกเอยดอกขจรอาวรณ์ถวิล
    นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน
    เขาวางขลุ่ยข่มน้ำตาว้าเหว่ใจ
    ตอบไม่ได้ดอกหนาข้าคนจร
    
    
    ~~~ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ~~~
  • แทนคุณแทนไท

    8 สิงหาคม 2550 11:40 น. - comment id 735346

    พร
    
    คนรักง่ายย่อมลืมง่ายคล้ายความหลง
    วันนี้คิดพรุ่งนี้คงเลิกหลงใหล
    ฉันรักยากจึงลืมยากหากรักใคร
    มัครั้งเดียวเปลี่ยนไม่ได้ในชีวิต
    
    ฉันไม่เคยผิดหวังนี่ครั้งแรก
    ใจจึงแตกแหลกสลายทุกสายจิต
    อัปยศอดสูและรู้คิด
    เป็นความผิดเพียงครั้งหนึ่งซึ่งยอมทำ
    
    ฉันเสียใจเจ็บที่ใจแต่ไม่แค้น
    คิดเธอแม้นมิตรดื่นเคยชื่นฉ่ำ
    แม้นหมดบุญหมดรักร่วมชักนำ
    มีพรสำหรับเธอเสมอมา
    
    จงเป็นสุขยืนยาว
    ให้ชีพก้าวไปข้างหน้า
    ลืมความหลังนานา
    และเจอะนางฟ้าเยียวยาใจ
    
    เราอาจพบกันใหม่หรือไม่พบ
    ขออย่ามีใครซบหน้าร้องไห้
    กับรักหม่นเธอจะต้องหมองทำไม
    ฉันคือคนปราชัย "มิใช่เธอ"
    
    นิภา บางยี่ขัน
  • แทนคุณแทนไท

    8 สิงหาคม 2550 11:45 น. - comment id 735349

    ขอ
    
    โอ้ความรักความหวังดังดอกฟ้า
    เลื่อนลงมาให้สอยแล้วลอยหาย
    เหลือริ้วรอยร้อยอยู่มิรู้วาย
    สุดสิ้นสายสวาทช้ำชีพลำเค็ญ
    
    หนึ่งจะมีรักใหม่อย่าให้รู้
    สองจะอยู่กับใครอย่าให้เห็น
    ให้ฉันเถิดขอร้องสองประเด็น
    แล้วจะเป็นผู้แพ้อย่างแท้จริง 
    
    สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์
  • แทนคุณแทนไท

    8 สิงหาคม 2550 11:47 น. - comment id 735350

    "ในนามของความรัก" 
    
    ขอพบเธอในนามของความรัก
    และเอ่ยทักในนามความคิดถึง
    อ้างพยานมิตรภาพอันซาบซึ้ง
    เพื่อตามหึงห่วงหวงทวงไมตรี 
    
    ประทีป พฤกษากิจ
  • แทนคุณแทนไท

    8 สิงหาคม 2550 11:51 น. - comment id 735353

    สุดทำให้เธอลืมเงา "คนเก่า" ได้
    สุดสร้างนัยน์เธอฉายประกายฝัน
    ฉันไร้ความสามารถจนจะดลมัน
    ถ้ารักฉันไม่ลงก็จงชัง !
    
    "อย่า" : - สินี เต็มสงสัย
     
    
    โอย เจ็บชะมัด24.gif
  • แทนคุณแทนไท

    8 สิงหาคม 2550 11:54 น. - comment id 735354

    คนไกล
    
    ตัวอยู่ใกล้ใจเลือนเหมือนอยู่ห่าง
    คนแรมร้างสิเขาเฝ้าใฝ่ฝัน
    ตาต่อตาสิ้นความหมายสายสัมพันธ์
    คนไกลกั้นคนใกล้ให้ไกลเกิน
    
    สินี เต็มสงสัย
  • เหลนพ่อขุน

    10 กันยายน 2551 14:03 น. - comment id 894710

    นิ ส ติ
    
    นั่งตรงนี้ เห็นนิสิต ที่บ้าคลั่ง
    บ้าพลัง เปลวใจ ไหม้ถาโถม
    เพียงอุบาย ใช้ชักนำ ปลอบประโลม
    ก็พากัน ปลุกระดม ทุกที่ไป
    
    ขอสติ จงกลับคืน สู่ผองเพื่อน
    เร่งรีบเรียน อ่านตำรา หาความหมาย
    ปัญหาชาติ นั้นยังมี อีกมากมาย
    รอเราใช้ ซึ่งปัญญา ฝ่าร่วมกัน
    
    (เอกพจน์)
  • เสรี ทัศนศิลป์

    21 ตุลาคม 2551 02:29 น. - comment id 905919

    จากส่วนหนึ่งของบทกวีชื่อ " กระหายในฝัน" ที่ถูกต้องคือดังนี้ ครับ
    
    " ฝันอยากเป็นหมอกเหมยละอองใหม่
       ให้ชุ่มฉ่ำลูบไล้ไปทุกหน
       เพื่อทดแทนเร่าร้อนอันทุรน
       ที่เกลื่อนกล่นมากมายในแผ่นดิน "
    
    ช่วยแก้ไขด้วยครับ และขอบคุณที่นำเผยแพร่ 
    
                     ด้วยความนับถือ / เสรี  ทัศนศิลป์
  • คนเคยท้อ

    18 มีนาคม 2552 18:50 น. - comment id 964978

    สำหรับคนที่กำลังท้อแต่ท้อไม่ได้
    
    
    "อย่าท้อแท้ อ่อนแอ หรืออ่อนไหว
    กับเรื่องใด สิ่งใด จงใจแข็ง
    พึงนึกถึง หน้าที่  เพื่อมีแรง
    ต้านลมแล้ง รมณ์คน ทนต่อไป"
    
    3.gif
  • พนิดา

    22 กันยายน 2553 10:13 น. - comment id 1157842

    ได้อ่านวรรคทอง ชอบมาก เป็นการรวมกลอนของท่นที่มีความสามารถเก่งฉกาจทั้งนั้น อ่านแล้วชื่นใจมากคเ ขอบคุณคุณแทนไท
  • แทนคุณแทนไท

    15 มิถุนายน 2554 10:26 น. - comment id 1199124

    ทุกบุรุษผู้ประสบความสำเร็จ
    ล้วนมีสตรีเพศอยู่เบื้องหลัง
    แบ่งภาระ แบกรับ เป็นพลัง
    เหนี่ยวรั้ง ด้วยรัก หรือผลักดัน
    
    จึงครึ่งโลก (หรือกว่าครึ่ง) เป็นของเธอ
    อยู่ด้วยความเสมอ สมานฉันท์
    เธอมีส่วนสร้างโลก ร่วมโรมรัน
    สร้างสีสันแห่งสุนทรียรส
    
    เธอคือเงาร่มรมณีย์
    สร้างคุณค่าของสตรีให้ปรากฎ
    เธอหยัด เธอยืน ด้วยเกียรติยศ
    เป็นแบบ เป็นบท แต่เบื้องบรรพ์
    
    เธออยู่ในกวีแต่ละวรรค
    ในความรัก ความงาม และความฝัน
    ในความหอมรื่นของทิพย์สุคันธ์
    ในคืน ในวัน กาลเวลา
    
    ที่นั่น ที่โน่น และที่นี่
    เธออยู่ที่ปลายทางแห่งปรารถนา
    อยู่ในแสงแห่งดวงดาริกา
    ในความเป็นมารดาผู้แสนดี
    
    อยู่ในทุกจังหวะ การเคลื่อนไหว
    แห่งการเต้นของหัวใจซึ่งไหวถี่
    ในความหวัง ความหวาน ประดามี
    ในทุกสีแห่งบุปผาลดามาลย์
    
    อยู่ในสายน้ำ ฉ่ำระริน
    อยู่ในแผ่นดินอันไพศาล
    อยู่กับสายลมฤดูกาล
    ในวันวาร - เธอวาดไหวเส้นชีวา
    
    วันร้อน - เธอคือธาร และคือทิพย์
    หยาดใจให้จิบเสน่หา
    วันหนาว - เธอคือรุ่งทิวา
    หยาดแสงอุษาให้ซึมซับ
    
    อยู่ที่ไหน เป็นอะไร ได้ทั้งสิ้น
    ราวร่ำรินแสงเมื่อดาวเหนือหลับ
    อยู่ในความรักอันเร้นลับ
    อยู่กับกลีบดอกไม้แห่งไมตรี..
    
    คือความลึกล้ำ ทุกความหมาย
    ซึ่งทอดรายความเป็นเธอไว้ทุกที่
    ฉันเขียนความในใจไว้ด้วยบทกวี
    ให้รู้ว่า - มาถึงตรงนี้ เพราะมีเธอ..
    
    
    เพราะมีเธอ : อดุล จันทรศักดิ์
    ออล แม็กกาซีน ปีที่ 2 ฉบับที่ 11 มีนาคม 2552 หน้า 78 คอลัมน์ กวีลีลา
  • แทนคุณแทนไท

    20 กรกฎาคม 2554 23:02 น. - comment id 1204061

    ชีวิตเราถ้าเหมือนเรือ
    
    ๏ ชีวิตเราเหมือนเรือเมื่อออกท่า
    ไม่รู้ว่าค่ำนี้นอนที่ไหน
    จะลอยล่มจมน้ำคว่ำลำไป
    หรือสมใจจอดฝั่ง...ก็ยังแคลง
    
    ได้ดื่มแต่น้ำตาเมื่อฟ้าร่ำ
    ยิ่งยามย่ำสายัณห์ยิ่งกันแสง
    ถูกลมหวนหอบข่มระดมแรง
    จึงรู้แล้งหมดแล้วน้ำแก้วตา
    
    เพราะหากมัวมาร่ำกำสรวลอยู่
    ไหนจะรู้ทรงเรือบ่ายเมื่อหน้า
    ต้องตกพายหมายฝืนขืนลมฟ้า
    ไร้เวลาอาดูรพอกพูนใจ
    
    สติตรงตาแน่วดูแนวน้ำ
    ไม่ลอยลำขวางเรือเมื่อน้ำไหล
    ถ้าไม่ล่องก็ท่องทวนสวนทันใด
    เรือจึ่งได้แนวดิ่งไม่ทิ้งทาง
    
    ในโลกนี้มีสิ่งต้องวิ่งแข่ง
    ถ้าหย่อนแรงราข้อต่อเข้าบ้าง
    ก็จะแพ้แย่ยับถึงอับปาง
    อย่าหมายร่างเราจะอยู่สู้หน้าใคร
    
    ชีวิตเราเหมือนเรือเมื่อออกท่า
    ต้องรู้ว่าค่ำนี้นอนที่ไหน
    ต่อรุ่งเช้าก้าวอีกขั้นมรรคาลัย
    กว่าวันชัยสมประสงค์ถือธงชู ๚
    
    ประยอม ซองทอง ,2502
  • แทนคุณแทนไท

    20 กรกฎาคม 2554 23:03 น. - comment id 1204062

    แด่ กนกพงศ์  สงสมพันธุ์
    
    
     ฟังว่าความตายนั้นสวยสด
    
    ดั่งดักแด้เปลื้องปลดภาวะหนอน
    
    เป็นผีเสื้อสดงามตามขั้นตอน
    
    เผยอปีกรำฟ้อนในรุ่งราง

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน