24 กันยายน 2545 18:54 น.

กาลครั้งหนึ่ง..ยังมีเธอ (ตอนที่ 4)

Tawan

ก็เมื่อวานนี้ เม่นโทรมาหาเราและก็บอกว่าได้ข่าวกล้าแล้ว ทันทีที่ปลายฟ้าพูดชื่อต้นกล้าจบ ทอแสงแทบจะกลั้นความดีใจไว้ไม่อยู่ เธอคะยั้นคะยอให้ปลายฟ้าเล่ารายละเอียดมากกว่านี้ 

คือเม่นเค้าได้ข่าวกล้าจากรุ่นน้องที่ชมรมว่ากล้าติดต่อมา อยากให้ที่ชมรมหาทุนไปออกค่ายที่โรงเรียนเออโรงเรียนที่พวกเราเคยไปออกค่ายตอนปีหนึ่งหน่ะ 
	
ออกค่ายตอนปีหนึ่ง ทอแสงพยายามทบทวนความจำ โรงเรียนบนดอยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ห่างไกลจากตัวเมืองและเป็นโรงเรียนที่กันดารมากแห่งหนึ่งในจำนวนโรงเรียนทุกแห่งที่เธอเคยไป แต่เป็นที่ซึ่งทุกคนมีความประทับใจร่วมกัน

แปลว่ากล้าอยู่ที่นั่น? ทอแสงรำพึงกับตัวเองเบาๆ

อือก็อาจจะใช่นะ แต่ว่าที่นั่นหน่ะ ห่างไกลความเจริญออก กล้าคิดยังไงถึงไปอยู่ที่นั่นก็ไม่รู้ พูดจบปลายฟ้าก็ทิ้งตัวลงนอน พลางมองเพดานอย่างใช้ความคิด

กล้าเขารักที่นั่น ทอแสงพูดขึ้นมาเหมือนย้ำเตือนความทรงจำและคำพูดเก่าๆของต้นกล้า เขาบอกกับทอแสงในคืนวันหนึ่งที่ทุกคนนั่งล้อมวงกันรอบกองไฟ คืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายของการออกค่าย ทุกคนทั้งเหนื่อย ทั้งมีความสุขและผูกพันกับชาวบ้านและเด็กๆ แววตาของเด็กที่โรงเรียนแสดงถึงความขอบคุณและความอาลัยเมื่อรู้ว่าพวกเธอต้องกลับกรุงเทพ ต้นกล้าบอกทอแสงว่าเขารักที่นี่ และฝันที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ทอแสงเองก็เชื่อว่าสักวันหนึ่งต้นกล้าต้องกลับไปอีก แต่ไม่เคยคิดว่าเขาจะตัดขาดจากทุกอย่างเพื่อไปทำตามความฝันที่เขาเคยพูดไว้จริงๆ
	
กล้าเป็นอะไรไป ทำไมถึงไปทั้งที่ไม่บอกใครเลย ปลายฟ้าเปรยขึ้นอย่างขุ่นเคือง
	
กล้าต้องมีเหตุผลนะปลาย ทอแสงแย้ง เธอเข้าใจว่าต้นกล้ากลับไปที่นั่นโดยไม่บอกใครเพราะไม่อยากให้ใครขัดหรือทัดทานเขา หรือไม่เขาก็คงมีเหตุผลอื่นที่ดีกว่านี้

เหตุผลบ้าอะไร ทำตามเหตุผลโดยไม่สนใจความรู้สึกเพื่อนงั้นเหรอ ปลายฟ้านั้นไม่พอใจในการหายตัวไปของต้นกล้าตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เธอได้แต่ถามคำถามเดิมๆ ทุกครั้งที่สนทนากันถึงเรื่องนี้ และทีท่าที่มีต่อการกระทำของต้นกล้าก็ทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอขุ่นเคืองเพื่อนคนนี้แค่ไหน แต่ทอแสงรู้ดีว่า ความเป็นเพื่อนไม่เคยจางไป ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ตาม
	
ไม่เอาน่าปลายอย่าว่ากล้าอย่างนั้นเลย ทอแสงยังคงเชื่อมั่นว่าต้นกล้ามีเหตุผลในการจากไปเช่นนี้ แม้ว่าตลอดมา ต้นกล้าจะไม่เคยส่งข่าวบอกใครว่าเขาไปอยู่ที่ไหน แต่ทอแสงไม่เคยตำหนิเขาเลยจนถึงนาทีนี้
	
แสงแสงไม่เคยโกรธกล้าเลยเหรอ ปลายฟ้าถามเพื่อนรักพลางยันตัวขึ้นนั่ง สายตายังเจือความขุ่นเคืองใจ

ไม่หรอก ทอแสงตอบได้เพียงเท่านั้น ความรู้สึกบางอย่างในใจทำให้เธอพูดอะไรไม่ออกนอกจากคำนี้
	
ทำไมล่ะทำไมแสงไม่โกรธ แถมยังรอกล้ามาตลอด ปลายฟ้าจ้องหน้าทอแสงด้วยแววตาจริงจัง

ก็เพราะความรักไง ทอแสงตอบออกไป เธอรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว และน้ำใสๆเริ่มเอ่อในดวงตา

แสง ปลายฟ้ามีน้ำเสียงตกใจ ทั้งที่เธอเองก็พอเดาออกว่าทอแสงรู้สึกกับต้นกล้าอย่างไร แต่ทอแสงไม่เคยเอ่ยปากบอกความรู้สึกในใจกับเธอเลยสักครั้ง และนับตั้งแต่ทอแสงคบกับวายุ เธอก็แทบไม่กล้าแสดงความในใจใดๆออกมาให้เห็น
	
เราเข้าใจนะแสง เราคิดไม่ผิดเลยจริงๆว่าแสงต้องรักกล้า แต่ทำไมล่ะ ทำไมแสงไม่เคยบอกกล้า ไม่เคยบอกใคร..ทำไม  ปลายฟ้ากุมมือเพื่อนรักไว้แน่น น้ำเสียงเจือด้วยความสงสารและสงสัย ในขณะที่ทอแสงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอโผกอดปลายฟ้าและร้องไห้อย่างกลั้นไม่อยู่ ทอแสงไม่ตอบคำถามของปลายฟ้า เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไม สิ่งเดียวที่รู้คือ เธอไม่สามารถลืมความรู้สึกนั้นได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน และไม่ว่าเธอจะมีใครอยู่ในเวลานี้แล้วก็ตาม

                         *******************************************************
	
เช้าวันรุ่งขึ้น ทอแสงไปทำงานแต่เช้า หลังจากจัดการกับเอกสารกองโตบนโต๊ะได้ครึ่งหนึ่ง เธอก็รีบโทรศัพท์หาวายุทันทีที่คิดว่าเขาน่าจะถึงที่ทำงานแล้ว วายุตอบรับเธอด้วยน้ำเสียงที่แสดงความอารมณ์ดีอย่างเคย ทอแสงรีบเล่าให้เขาฟังว่าเธอกำลังช่วยรุ่นน้องที่ชมรมหาทุนเพื่อใช้ในการออกค่ายแต่ไม่ได้เอ่ยชื่อของต้นกล้าออกมา วายุแทบลืมไปแล้วว่าทอแสงมีเพื่อนชื่อนี้  วายุรับปากว่าจะช่วยเธอหาทุน และจะบอกผลกับเธอในอาทิตย์ถัดไป 

หลังจากทอแสงได้ข่าวต้นกล้า เธอก็แทบเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากแววตาซึมเศร้าที่วายุสังเกตเห็นบ่อยๆ กลายเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวัง หนึ่งอาทิตย์ของการรอผลเรื่องทุนสิ้นสุดลง วายุโทรบอกข่าวดีกับทอแสงในวันศุกร์ ทอแสงดีใจมากที่ได้รับทุนจากหลายบริษัทฯที่วายุติดต่องานด้วยซึ่งรวมแล้วก็เป็นเงินมากพอสมควร เย็นวันนั้น ทอแสงนัดปลายฟ้า เม่น และกวีเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ โดยปฏิเสธนัดของวายุและอ้างว่าเธอไม่ค่อยสบาย ทุกคนนัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ประจำนับตั้งแต่ทุกคนเรียนจบและเริ่มทำงาน

ได้ทุนมาแล้วเหรอแสง เม่นเอ่ยถาม ดูเขาเองก็ดีใจเช่นกันกับทุนก้อนนี้

ใช่ได้มาเยอะด้วยนะ กล้าคงดีใจมากเลยล่ะ ทอแสงตอบ น้ำเสียงเจือความสุขอย่างที่ทุกคนรู้สึกได้

แล้วเราจะให้กล้ายังไงล่ะ กวีถามน้ำเสียงเหมือนหยั่งเชิง

เราว่าถ้าเราเอาไปให้กล้าเอง กล้าคงดีใจนะ ทอแสงมองหน้าเพื่อนทุกคนราวกับต้องการถามความเห็นทั้งที่เธอได้ตัดสินใจที่จะทำอย่างนั้นไปแล้ว

อืมแต่กล้ามันคงไม่อยากเจอพวกเราหรอกมั๊ง เม่นเอ่ยขึ้นทันที น้ำเสียงนั้นเจือไปด้วยความน้อยใจ

ไม่หรอก กล้าคงไม่คิดอย่างนั้นหรอก ทอแสงรีบปฏิเสธแทน ทั้งที่ในใจเธอก็ไม่แน่ใจนัก

เกิดความเงียบขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงเบาๆที่เปิดคลอในร้านอาหาร อาหารหลายชนิดวางตรงหน้าโดยไม่มีใครสนใจจะแตะต้อง บรรยากาศในขณะนั้นเหมือนว่าทุกคนต่างคิดไปต่างๆนานาว่า หากว่าต้นกล้าเจอหน้าพวกเขา แล้วต้นกล้าจะทำหน้าอย่างไร และพวกเขาควรพูดอะไร เริ่มยังไงหลังจากที่จากกันโดยไม่ได้ติดต่อกันหลายปี ทอแสงเองก็กังวลไม่น้อย แต่ด้วยความที่เธออยากเจอเขามากกว่าอะไรทั้งหมด เธอจึงพยายามพูดให้เพื่อนๆคล้อยตามและยอมเดินทางไปที่โรงเรียนบนดอยด้วยกัน

จะดีเหรอแสงที่กล้ามันไปโดยไม่บอกพวกเราสักคำแบบนั้นก็แปลว่ามันไม่ได้อยากเจอพวกเรา แล้วเราจะไปหามันงั้นเหรอ กวีพูดขึ้นทันทีที่ทอแสงบอกทุกคนว่าเธอต้องการจะไปแม้ว่าต้นกล้าจะไม่ต้องการเจอเธอเลยก็ตาม

พวกเธอจะคิดยังไงก็ช่าง.แต่เราจะไป ยังไงกล้าก็คือเพื่อน และตอนนี้กล้าก็ต้องการความช่วยเหลือด้วย น้ำเสียงของทอแสงเด็ดเดี่ยวเกินกว่าที่ใครจะห้ามได้

ก็ได้ถ้าแสงจะไป เราก็จะไปด้วย ปลายฟ้าที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้น สีหน้าของเธอมีรอยยิ้มจางๆซึ่งให้กำลังใจทอแสงได้เป็นอย่างดี

กวีกับเม่นมองหน้ากัน ก่อนจะพูดออกมาเกือบจะพร้อมกัน งั้นไปก็ไป

           *****************************************************************
	
อีกหนึ่งอาทิตย์ถัดมา ทุกคนเตรียมตัวพร้อมสำหรับการเดินทางด้วยกันอีกครั้ง ทอแสงลาพักร้อนได้ทันทีโดยไม่ติดงานสำคัญอะไร แต่กวีซึ่งกำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อด้านถ่ายรูปที่ต่างประเทศยังติดทำธุระ ส่วนเม่นก็ต้องสะสางงานโฆษณาที่เขารับผิดชอบต่ออีกหนึ่งวัน เช่นเดียวกับปลายฟ้าที่ยังลางานวันนั้นไม่ได้ เธอจำเป็นต้องเข้าร่วมประชุมในวันที่ทอแสงเดินทาง ทอแสงจึงตัดสินใจจะเดินทางไปก่อน  โดยปลายฟ้า, กวีและเม่นจะตามไปในอีก 2 วันข้างหน้า 

ทอแสงเดินทางโดยเครื่องบินถึงเชียงรายในช่วงบ่าย และหารถเช่าเพื่อเดินทางขึ้นดอยซึ่งใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง ระหว่างทางขึ้นดอย ทอแสงใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอได้แต่คิดถึงภาพของต้นกล้าที่เห็นเธอยืนอยู่ตรงหน้า ครุ่นคิดหาคำพูดดีๆที่จะพูดกับเขา และกังวลใจเมื่อคิดว่าต้นกล้าจะไม่ดีใจที่เห็นเธอ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเมื่อไปถึงโรงเรียนก็ค่อนข้างเย็นแล้ว แสงแดดสีเหลืองยามเย็นให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด แม้ว่าอากาศบนดอยจะหนาวเย็นกว่าในเมืองมากนัก โรงเรียนนั้นเลิกแล้วเมื่อเธอไปถึง ไม่มีนักเรียนอยู่ในบริเวณโรงเรียนอีก ทอแสงกวาดตามองไปรอบๆ และพบว่าโรงเรียนยังเหมือนเดิม แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไป 

อาคารไม้หลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่หลังเสาธงยังคงเป็นสีน้ำตาลเข้ม แต่สีบางส่วนหลุดออกเป็นแผ่นเผยให้เห็นเนื้อไม้เก่าๆ  ข้างขวามือเป็นห้องเรียนรวมที่ก่อด้วยอิฐด้านล่างครึ่งหนึ่ง ส่วนครึ่งบนเปิดโล่ง ภายในเป็นโต๊ะเก้าอี้เรียงเป็นแถวยาว และมีกระดานดำใหญ่สีเขียวอยู่ด้านหน้า  ห้องเรียนรวมแห่งนี้เป็นผลมาจากน้ำพักน้ำแรงของทุกคนที่มาออกค่าย ทอแสงจำได้ดีว่าเด็กๆดีใจกันมากที่ได้ห้องเรียนรวมใหม่ที่กว้างขวางและยังใช้เป็นห้องประชุมได้ดี   ถัดจากอาคารไม้ทางซ้ายมือเป็นโรงอาหารที่เธอกับเปลายฟ้าเคยใช้ทำอาหารทุกๆวัน  ลานกว้างเบื้องหน้ายังคงล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่นานาพันธุ์เช่นเดิม บรรยากาศนี้ทำให้ทอแสงคิดถึงวันเวลาเก่าๆอย่างจับใจ หากแต่นาทีนี้ เธอมิได้เห็นภาพเหล่านี้เพียงในความคิด แต่เธอกำลังยืนอยู่ท่ามกลางสถานที่จริง กับลมหนาวที่พัดผ่านเสื้อแจ๊กเก็ตบางๆ และแผ่ซ่านความเย็นยะเยือกจนหนาวจับใจ

ทอแสงมองไม่เห็นใครในบริเวณนั้นเลยสักคน  ต้นกล้าคงอยู่ที่ไหนสักแห่งในโรงเรียนนี้ แต่เธอไม่รู้ว่าจะไปตามหาเขาได้ที่ไหน ความมืดเริ่มปกคลุมท้องฟ้า แดดสีเหลืองอ่อนจางไปจนเกือบมองไม่เห็นลำแสง และความมืดที่ครอบคลุมท้องฟ้าสีแดงเข้มค่อยๆเข้ามาแทนที่  ทอแสงกระชับเสื้อหนาวเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ลำคอ  อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็วจนเสื้อหนาวที่ใส่อยู่แทบไม่มีประโยชน์ใดๆ กระเป๋าเดินทางใบย่อมวางอยู่บนโต๊ะเรียนในห้องเรียนรวม  ทอแสงค้นเสื้อหนาวตัวใหญ่ขึ้นมาสวมทับแจ๊กเก็ตที่ใส่อยู่เพื่อให้อุ่นขึ้น  ทว่า ความกลัวเริ่มเข้าเกาะกุมในใจทอแสง หากว่าต้นกล้าไม่ได้อยู่ที่โรงเรียน หรือว่าไม่กลับมาที่นี่ และหากว่าไม่มีใครมาพบเธอที่นี่ เธอจะทำอย่างไร  ความมืดและความหนาวเย็นทำให้ทอแสงแทบไม่อยากเคลื่อนไหว เธอยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวแรกสุดของห้อง และพยายามเพ่งมองออกไปในความมืดราวกับว่าเธอกำลังมองเห็นใครสักคนเดินเข้ามา 

เวลาผ่านไปนานเท่าไร ทอแสงไม่อาจรู้ได้ เธอเผลอฟุบหลับไปบนโต๊ะเพราะความเพลีย   ความมืดเข้าปกคลุมทุกแห่ง  อาคารไม้ข้างๆเหมือนอันตรธานหายไปในความมืด ทอแสงรู้สึกกลัวจับใจ หากว่ามีใครผ่านมาและไม่ใช่ต้นกล้า เธอจะทำอย่างไร  ทอแสงหยิบมือถือขึ้นมาหวังจะใช้โทรไปหาปลายฟ้า แต่สัญญาณขาดๆหายๆจนเธอไม่สามารถใช้เครื่องมือสื่อสารนี้ได้  นาฬิกาในมือถือบอกเวลา 3 ทุ่มเศษ นั่นทำให้ทอแสงหมดหวังที่จะได้พบต้นกล้าในคืนนี้ เขาคงมีที่พักที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านพักครูในโรงเรียน แล้วครูคนอื่นๆล่ะ ยังมีใครอยู่ที่นี่อีกไหม เกิดคำถามมากมายในหัวของทอแสง แต่เป็นคำถามที่หาคำตอบใดๆไม่ได้เลย				
9 กันยายน 2545 18:55 น.

กาลครั้งหนึ่ง ยังมีเธอ (ตอนที่ 3)

Tawan

ในกลุ่มมีด้วยกันทั้งหมด 5 คน เป็นผู้ชาย 3 คนคือ ต้นกล้า, กวี และเม่น  ส่วนผู้หญิงก็มีแค่ทอแสงกับปลายฟ้า ทั้ง 5 คนรู้จักกันตั้งแต่ปี 1 เพราะลงเรียนวิชาเลือกเดียวกัน และอยู่ชมรมเดียวกันคือ ชมรมอาสาพัฒนาชนบทซึ่งปลายฟ้าอีกตามเคยที่ชวนให้ทอแสงเข้าชมรมนี้ แต่ละคนในกลุ่มมีนิสัยและบุคลิกที่แตกต่างกันไป แต่ความผูกพันนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเหมือนหรือความแตกต่าง ต้นกล้าเป็นผู้ชายที่นิ่งและเงียบ เขาแต่งตัวตามสบาย ไม่พิถีพิถันกับการดูแลตัวเอง ชอบวาดรูป ชอบอ่านหนังสือ มีความคิดเป็นของตัวเองและมีอุดมการณ์ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเข้ามาข้องเกี่ยวกับเขา เขาไม่เคยแสดงความสนใจใคร และไม่มีผู้หญิงคนไหนมาแสดงตัวว่าชอบเขาเช่นกัน แต่ทอแสงกับปลายฟ้าเห็นตรงกันว่า ผู้หญิงคงไม่กล้าเข้าหาต้นกล้าเพราะความที่เขาเป็นคนนิ่งและเงียบนั่นเอง 

ส่วนกวีนั้นเป็นคนหน้าตาดี แต่งตัวสะอาด มีมนุษยสัมพันธ์ และเป็นที่หมายปองของเพศตรงข้าม แต่กวีนั้นไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตน และไม่สนใจใครจริงจัง กวีพูดเสมอว่าไม่มีใครรักเขาที่ใจ ที่ความเป็นตัวตนแท้จริงของเขา ฉะนั้น เขาจึงไม่คิดว่าความรักมีอยู่จริง เขาเลยไม่เคยให้ความรักใคร ทอแสงไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ของกวี แต่เธอก็รู้ว่าการจะเปลี่ยนความคิดที่ฝังรากลึกของกวีนั้นเป็นเรื่องที่ยากและอาจเป็นไปไม่ได้ ส่วนเม่นนั้น เขาชอบเล่นกีฬา มีน้ำใจ เป็นที่รักของเพื่อนๆ และถ้ารักใครก็จะยึดมั่นในรักนั้นจนบางครั้งดูเหมือนจะมากเกินไป ปลายฟ้ากับทอแสงจึงต้องคอยปรามไม่ให้เม่นจริงจังกับความรักจนเกินไปเพราะกลัวว่าความจริงจังมั่นคงจะกลับมาทำร้ายตัวเอง ทั้ง 5 คนเป็นเพื่อนที่รักกัน ไปไหนก็ไปด้วยกันเสมอจนหลายๆคนคิดว่าที่สุดแล้วต้องมีคู่ใดคู่หนึ่งที่เปลี่ยนสถานะจากเพื่อนเป็นอย่างอื่น แต่ทุกคนไม่เคยใส่ใจกับข้อสมมติฐานนั้น เพราะต่างก็เชื่อในความหมายของคำว่า เพื่อน ว่ามีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด

ในบรรดาเพื่อนในกลุ่ม ทอแสงเป็นห่วงต้นกล้ามากที่สุด ทั้งที่ในสายตาเพื่อนๆแล้ว ต้นกล้าเป็นคนที่ไม่น่าเป็นห่วงแต่ประการใด ถึงจะเป็นคนที่นิ่ง แต่เขาก็เป็นคนเอาการเอางาน เอาจริงเอาจังกับการเรียนและกิจกรรม แต่ด้วยความที่ต้นกล้าไม่ค่อยดูแลตัวเองเท่าที่ควร ทอแสงจึงดูแลต้นกล้าเป็นพิเศษ ตั้งแต่อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์วาดรูป อาหารเช้า ยาแก้หวัด พลาสเตอร์ยา หรือแม้แต่มีดโกนหนวดในวันถัดมาหากวันนี้ต้นกล้าไม่ได้กวนหนวดก่อนออกจากบ้าน แต่ถึงอย่างนั้น ต้นกล้าก็ไม่เคยแสดงออกว่าทอแสงใส่ใจเขา มากเกินไป เขายินดีรับน้ำใจที่เธอหยิบยื่นให้ หากแต่ก็ไม่เคยแสดงความขอบใจจนมากเกินความเป็นเพื่อน ทอแสงวางตัวให้อยู่ในสถานะเพื่อนที่ดี หากแต่ในใจลึกๆแล้ว เธอกลับมีคำถามว่าเพราะเหตุใดเธอถึงใส่ใจในชีวิตประจำวันของเขามาตลอดเวลา 4 ปีที่เรียน และทำกิจกรรมด้วยกัน

เวลาทำให้ความผูกพันก่อเกิด ต้นกล้า, กวี, เม่น, ปลายฟ้าและทอแสงไม่เคยไปไหนโดยไม่มีใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะไปทำกิจกรรมออกค่ายอาสา หรือไปเที่ยวต่างจังหวัด และไม่เคยมีใครทิ้งปัญหาของอีกคนโดยไม่ยื่นมือและใจช่วยเหลือ ความใกล้ชิดผูกพันทำให้ไม่มีใครอยากให้เวลาปีสุดท้ายหมดไป หากแต่ไม่มีสิ่งใดหยุดหรือยับยั้งการเดินทางของกาลเวลาได้ เวลาที่เหลือในปีสุดท้ายใกล้เข้ามา ขณะเดียวกับที่ทอแสงรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังจะสูญเสียสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีค่าและสำคัญในชีวิตเธอไป ซึ่งเธอไม่อาจรู้เลยว่าคืออะไรจนกระทั่งผ่านวันรับปริญญาไป และวันเสาร์แรกของเดือนธันวาคมได้เดินทางมาถึง				
5 กันยายน 2545 18:28 น.

กาลครั้งหนึ่ง ยังมีเธอ (ตอน 2)

Tawan

อากาศยามเช้าของเดือนธันวาคมค่อนข้างเย็น สายลมอ่อนๆให้ความรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ทอแสงชอบอากาศแบบนี้ที่สุด เพราะมันทำให้เธอคิดถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน ย้อนไปเมื่อครั้งที่เธอเป็นนักศึกษาและไปออกค่ายต่างจังหวัดเกือบทุกปี ยกเว้นตอนปี 4 ที่เธอเรียนหนักและเตรียมตัวจบ แต่เดิมนั้น ทอแสงไม่เคยคิดอยากไปออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทที่ไหน เธอรู้สึกด้วยซ้ำไปว่า การออกค่ายอาสาเป็นเรื่องของคนเพียงกลุ่มหนึ่งที่มีอุดมการณ์แรงกล้า ยอมลำบากตราตรำไปต่างจังหวัดที่ทั้งไกลทั้งทุรกันดาร และเสียสละแรงกายเพื่อให้โครงการที่วางไว้บรรลุเป้าหมาย เธอนึกชื่นชมคนกลุ่มนั้นอยู่ในใจ แต่ไม่เคยคิดว่าต่อมาเธอจะเป็นส่วนหนึ่งในคนกลุ่มนั้น 

มหาวิทยาลัยปีแรกสอนให้ทอแสงรู้จักการปรับตัว เธอเป็นเด็กผู้หญิงเรียบร้อย และไม่มีเพื่อนมากนักชีวิตของทอแสงนั้นดำเนินมาอย่างราบเรียบ จนกระทั่งวันที่เธอเข้ามาเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐแห่งหนึ่ง เดือนแรกของชีวิตนักศึกษา รุ่นพี่กลุ่มที่เธอจับสลากได้จัดให้มีการรับน้องขึ้นที่จังหวัดหนึ่งทางภาคตะวันออก แน่นอนว่าส่วนหนึ่งของการรับน้องนั้นมีทะเลมาเกี่ยวข้อง ทอแสงชอบทะเลแต่เธอว่ายน้ำไม่เป็น ทั้งยังมีประสบการณ์ที่ไม่ดีทางน้ำมาตั้งแต่เด็ก ทอแสงเกือบจมน้ำในสระหากว่าพ่อของเธอ ซึ่งเวลานั้นยังมีชีวิตอยู่ไม่ช่วยไว้ แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมานานมากแล้ว แต่ทอแสงก็ไม่เคยลืมความรู้สึกหวาดกลัวระคนตกใจนั้นได้ และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เธอไม่ยอมเรียนว่ายน้ำ แม้ว่ามันจะช่วยให้เธอหายกลัวได้ก็ตาม 

ทอแสงมักจะคิดอะไรโดยเชื่อความรู้สึกของตัวเองเป็นหลัก หากว่าเธอไม่เห็นด้วยกับอะไรสักอย่าง เธอก็จะไม่พยายามหาเหตุผลเพื่อหักล้างความรู้สึกส่วนตัวนั้น ทอแสงเชื่อในความรู้สึกของตัวเองมากจนแม่ของเธอเป็นกังวลและมักพูดกับเธอเสมอว่า การอยู่ในสังคมต้องไม่ทำตัวเป็นเส้นตรงมากนัก ต้องยืดหยุ่นให้เป็น จะได้อยู่รอด ปลอดภัย แต่ทอแสงไม่เชื่อว่าคำพูดนั้นจะเป็นจริง เธอยังคงเชื่อในสิ่งที่เธอรู้สึกมาตลอดจนถึงทุกวันนี้

การเดินทางไปรับน้องครั้งนั้นทำให้เธอได้รู้จักเพื่อนร่วมกลุ่มมากขึ้น ทอแสงได้รู้จักกับเพื่อนคนหนึ่ง เธอชื่อปลายฟ้า แต่ทุกคนเรียกเธอสั้นๆตามความต้องการของเธอว่า ปลาย  ปลายฟ้าเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างแปลก เธอเป็นคนสวยแต่กลับทำตัวเหมือนผู้ชาย ไม่สนใจดูแลตัวเอง ไม่แต่งตัว และมีนิสัยลุยๆ ต่างจากทอแสงที่เรียบร้อยจนเกินไป ทอแสงสนิทกับปลายฟ้าเพราะความที่มีนิสัยคล้ายๆกัน นั่นคือเป็นคนเงียบๆ แต่ท่ามกลางความเงียบกลับก่อเกิดมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ ตลอดเวลา 3 คืนของการรับน้อง ทอแสงและปลายฟ้าจะนั่งคุยริมทะเลหรือไม่ก็นอกชานบ้านพัก  และต่างได้รับรู้ชีวิตของกัน 

ปลายฟ้านั้นไม่มีทั้งพ่อและแม่ คนทั้งคู่แยกทางกันตั้งแต่ปลายฟ้ายังเล็ก และต่างก็ไปมีครอบครัวใหม่ ทิ้งให้เธออยู่กับป้ามาตลอด เธอย้ายมาอยู่หอพักเมื่อเธอเข้ามหาวิทยาลัย โดยมีเงินส่งเสียจากพ่อและแม่ที่เห็นว่าเงินเป็นสิ่งเดียวที่จะทดแทนความอบอุ่นที่ขาดหายไปของลูก ปลายฟ้าเป็นคนเข้มแข็งพอที่จะไม่เรียกร้องความอบอุ่นจากครอบครัว เพราะเธอเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อว่าเธออยู่ได้แม้จะไม่มีใครคอยกางแขนปกป้องคุ้มภัย ทอแสงเห็นใจและเข้าใจปลายฟ้าดี เธอเข้าใจความรู้สึกของคนที่สูญเสีย เพราะเธอเองก็ขาดพ่อ แต่เธอยังโชคดีที่มีแม่ที่ให้ความอบอุ่นปลอดภัย และช่วงเวลาหนึ่งเธอก็เคยได้รับความรักจากพ่ออย่างเต็มที่แม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม
	
แสงแดดอ่อนๆของยามเช้าให้ความอบอุ่นได้ดีเมื่อถึงฤดูที่ลมหนาวพัดมาเยือน ผ้าม่านสีขาวฉลุลูกไม้พริ้วตามแรงลมหนาวอย่างอ่อนโยน ทอแสงยืนมองลงไปนอกหน้าต่าง เบื้องล่างเป็นสวนขนาดย่อม มารดาของหล่อนกำลังรดน้ำต้นไม้อย่างอารมณ์ดี เธอคิดเสมอว่าถ้าไม่มีแม่คอยดูแล เพาะบ่มจิตใจที่บอบช้ำจากการสูญเสียบิดาในครั้งนั้น เธอจะมีชีวิตและเติบโตมาพร้อมกับความรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างเวลานี้ได้อย่างไร				
3 กันยายน 2545 17:54 น.

กาลครั้งหนึ่ง ยังมีเธอ (ตอนที่ 1)

Tawan

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกทอแสงจากภวังค์ แสงเสร็จหรือยังครับ เสียงนุ่มๆเสียงหนึ่งดังมาตามสาย  ค่ะ ทอแสงตอบเสียงปลายสายอย่างไร้อารมณ์  และวางหูโทรศัพท์แทบจะทันทีที่สิ้นเสียงชายหนุ่ม ทอแสงเก็บของส่วนตัวใส่กระเป๋าถืออย่างลวกๆ ปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างไม่ใยดีกับงานที่ยังค้างอยู่ และออกจากห้องไป

	แสง..วันนี้ไปทานข้าวที่บ้านผมนะ คุณพ่อกับคุณแม่เพิ่งกลับมาจากไปเยี่ยมน้องรินที่อังกฤษ ท่านอยากเจอคุณ ผมว่าท่านต้องมีของมาฝากคุณหลายอย่างเลยล่ะ ชายหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดี พลางเปิดประตูรถยนต์คันงามให้หญิงสาวตรงหน้า

	ค่ะ ทอแสงตอบด้วยประโยคและอารมณ์เดิม สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ยินดีใดๆ

	เป็นอะไรไปหรือเปล่า ชายหนุ่มถามเสียงอ่อนโยน พลางกุมมือหญิงสาวไว้อย่างห่วงใย

	เปล่าค่ะแค่เครียดกับงานนิดหน่อย นั่นคือคำโกหก ทอแสงจะเครียดกับงานได้อย่างไร ในเมื่อทั้งวัน เธอแทบไม่ได้แตะงานที่กองสุมบนโต๊ะเลยแม้แต่น้อย 

	อืมถ้างั้นทานข้าวเสร็จ ผมพาแสงไปฟังเพลงต่อนะ จะได้หายเครียด ชายหนุ่มเสนอ พลางพารถคันงามไปอออยู่บนถนนที่สภาพการจราจรคับคั่งดั่งเช่นทุกเย็น 

	ไม่ดีกว่าค่ะวายุแสงอยากพักมากกว่า ทอแสงรีบปฏิเสธ เธอไม่อยากให้ผู้ชายที่อยู่ข้างๆดีกับเธอมากไปกว่านี้ 

ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ทอแสงได้แต่ถามตัวเองว่า ทำไมผู้ชายที่ออกจะเพียบพร้อมสมบูรณ์อย่างวายุถึงมาให้ความสำคัญกับเธอมากถึงเพียงนี้  ทอแสงเคยถามเขาหลายครั้ง หากแต่คำตอบที่ได้รับกลับมาทุกครั้งไม่ต่างกันเลย เหตุผลของเขาคือ แสงเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใคร ผมไม่เคยเห็นใครที่เป็นตัวของตัวเองอย่างแสงมาก่อน แสงจริงใจกับผม และผมก็รักที่แสงเป็นแบบนี้ นั่นออกจะเป็นคำยกยอปอปั้นที่ฟังดูเหมือนประโยคในหนังไทยไม่มีผิด 

ทอแสงรู้สึกแปลกใจทุกครั้งที่ได้ยินคำตอบของเขา เพราะเธอแค่เป็นผู้หญิงธรรมดา ฐานะก็ธรรมดา ใช้ชีวิตก็ธรรมดา และไม่เคยคิดว่ามหัศจรรย์แห่งรักจะเกิดกับคนธรรมดาๆอย่างเธอได้ แต่แล้ววันหนึ่งก็มีผู้ชายหน้าตาดี พรั่งพร้อมด้วยคุณสมบัติผ่านเข้ามาในชีวิต และนับจากนั้น เขาก็แทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอ วายุคอยเอาใจใส่ดูแล เป็นห่วงเป็นใย และไม่เคยอารมณ์เสียใส่ทอแสงเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ก็คงจะจริงที่ว่า ความดีกับความรักมักเป็นคนละเรื่องกันทอแสงไม่ได้ต้องการเป็นคนพิเศษ หรือคนสำคัญของผู้ชายที่แสนดีอย่างเขา หากแต่ว่าเขาเองที่ดูเหมือนจะต้องการให้เธอเป็น 

	เย็นนั้น หลังจากทานข้าวเย็นมื้อสำคัญกับครอบครัวของวายุแล้ว วายุก็พาทอแสงมาส่งที่บ้าน บ้านที่แตกต่างจากบ้านของเขาโดยสิ้นเชิง บ้านของทอแสงเป็นบ้านสองชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ ทาสีฟ้าเทา ด้านหน้ามีเฉลียงที่เชื่อมถึงด้านข้างซึ่งยื่นไปในบ่อปลา ทอแสงมักใช้เวลายามว่างอ่านหนังสือหรือแม้แต่ปูผ้านอนเล่นที่เฉลียงด้านข้างเนื่องจากมีเนื้อที่กว้างกว่าด้านหน้า บริเวณตัวบ้านล้อมรอบด้วยต้นไม้ทั้งใหญ่และเล็ก ให้บรรยากาศสงบร่มรื่นอบอุ่น ส่วนบ้านของวายุนั้นเข้าขั้นเศรษฐี ทุกกระเบียดนิ้วของบ้าน ทั้งในและนอก ตกแต่งและใช้แต่ของราคาแพง ทอแสงรู้สึกราวกับว่าตัวเองหลงเข้าไปความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง กระนั้น เธอก็เป็นคนหนึ่งที่วายุพาเข้าออกบ้านหลังนี้เสมอ แต่ทอแสงมิได้รู้สึกยินดีกับมันเลย ตรงกันข้าม เธอรู้สึกอึดอัด และไม่เป็นตัวของตัวเอง ครอบครัวของวายุทุกคนดีกับเธอ และไม่ได้แสดงความรังเกียจที่เธอมิได้อยู่ในสถานะเดียวกับกับพวกเขา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกอึดอัดของเธอลดลง

	ทอแสงล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มคลุมด้วยผ้าห่มสีฟ้าอ่อน นาฬิกาบนหัวเตียงบอกเวลาเกือบ 5 ทุ่ม แม่ของทอแสงเข้านอนหลังจากที่เธอกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย แม่ของเธอให้ความไว้วางใจกับวายุ ราวกับวายุจะมาเป็นลูกเขยของบ้านนี้ ทอแสงไม่ค่อยพอใจนักกับทีท่าของผู้เป็นแม่ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าวายุจะต้องเข้ามามีชีวิตร่วมกับเธอในอนาคตเนื่องจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นชอบ ทอแสงพยายามข่มตานอน พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์แรกของเดือนธันวาคม และเป็นวันที่ครบ 3 ปีของการจากไปของใครคนหนึ่งซึ่งไม่เคยจางไปในความรู้สึกของเธอ

ติดตามตอนต่อไปครั้งหน้าค่ะ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟTawan
Lovings  Tawan เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟTawan
Lovings  Tawan เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟTawan
Lovings  Tawan เลิฟ 0 คน
  Tawan
ไม่มีข้อความส่งถึงTawan