3 ตุลาคม 2548 18:05 น.

ยอมเป็นตัวสำรอง

unicorn

ฉันยอมเป็นที่สองรองจากเค้า....
ได้ไหมแค่เพียงตำแหน่งที่สอง
รองจากตัวจริงของเธอให้ฉันได้ไหม

ในเมื่อวันนี้ "เค้า" สำคัญสำหรับเธอเหลือเกิน
ก็ให้เค้าเป็นที่รักของเธอต่อไปอย่างนั้น
ส่วนฉันขอแค่ยังมีเธอให้คิดถึงห่วงใยอยู่ภายในใจก็พอแล้ว
...อย่าทิ้งฉันให้อยู่เพียงลำพัง 

มันทรมานเหลือเกินเมื่อไม่ได้เป็นที่รักของเธอ 
แต่หัวใจมันทรมานกว่า...หากต้องอยู่โดยไม่มีเธอ
ฉันจะอยู่ได้ยังไงถ้าขาดเธอ...ที่รักของฉัน...
ได้โปรดเว้นที่ภายในหัวใจของเธอสักนิดเถอะนะ

ที่ให้ฉันได้มีโอกาสอยู่ในใจเธอบ้างได้รึเปล่า 
ไม่หวังให้เธอต้องมารักฉันเหมือนที่รักเค้า
ขอแค่ได้ยินเสียงเธอเหมือนเคยได้พบเธอบ้าง
ในบางครั้งก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน 

ฉันจะทำตัวให้เล็กที่สุด...เพื่อไม่ให้เธอต้องมีเรื่องรำคาญใจ
หรือต้องผิดใจกับเค้าฉันสัญญา
ปรารถนาเพียงให้มีเธออยู่เพื่อฉุดรั้งชีวิตฉัน
ให้ยืดต่อไปหากไม่มีเธอฉันจะอยู่ได้อย่างไร

ได้โปรดเถอะ...รับฉันไว้ในใจเธออีกสักคนนะ
เผื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้าเค้าไม่รักเธอทำให้เธอเสียใจ
เธอก็ยังมีฉันอีกคนยังไงล่ะคนดีของฉัน...สุดที่รักของฉัน
"ฉันยอมเป็นตัวสำรอง" เพื่อรักเธอ 
				
14 มิถุนายน 2548 12:29 น.

การฆ่าตัวตายนั้นผิดหรืออย่างไร

unicorn

นสังคมมนุษย์บนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่มาจากธรรมชาติ   ธรรมชาติเป็นผู้รังสรรค์ทุกสิ่งขึ้นมา  มนุษย์เป็นเพียงผู้อยู่อาศัยและได้อาศัยธรรมชาตินั้นในการดำรงชีวิตเพื่อการอยู่รอด ไม่เพียงเท่านั้น มนุษย์ยังได้ใช้สติปัญญา ความรู้ความสามารถซึ่งมาจากการสร้างสรรค์ของธรรมชาติ มาดัดแปลงธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัวเพื่อให้ชีวิตของตนนั้นสูงขึ้น สะดวกสบายขึ้น ทันสมัยขึ้น  แต่ทว่า มนุษย์นั้น เมื่อเข้าสู่ความทันสมัย สะดวกสบาย  ความก้าวหน้าในด้านต่างๆมีมากขึ้น มนุษย์กลับได้ลืมความเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ มาทำลายธรรมชาติซึ่งเป็นแหล่งลมหายใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทีละนิด ทีละน้อย  จนกระทั่งสิ่งเหล่านั้นได้เหลืออยู่กับมนุษย์น้อยเต็มที  แต่สิ่งที่เข้ามาแทนที่ธรรมชาติคือ  ความท้อแท้ สิ้นหวัง  ความโดดเดี่ยว ลำพัง  หมดกำลังใจ ความรัก เห็นแก่ตัว  อิจฉาริษยา  ไม่อยากให้คนอื่นได้ดีกว่าตน  วัตถุนิยม บริโภคนิยมมากขึ้นทุกที  นั่นไม่ได้เป็นเพราะการสร้างสรรค์ของธรรมชาติ แต่มันมาจากน้ำมือหรือฝีมือของมนุษย์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา กลับทำลายธรรมชาติซะเอง  และผลกระทบที่เกิดขึ้นก็มาจากการที่มนุษย์ได้ทำลายธรรมชาตินั่นเอง    เมื่อสังคมมนุษย์ได้เกิดสิ่งต่างๆมากมายขึ้นมามากมายจากความสามารถของมนุษย์เอง เช่น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี  การแพทย์  การคมนาคม  การสื่อสาร  และอื่นๆ เป็นต้น สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นมาตามสิ่งเหล่านี้ก็คือ س  การเกิดสภาวะการฆ่าตัวตาย  ซึ่งจะเห็นได้จากในปัจจุบันที่มีข่าวการฆ่าตัวตายออกมาตามสื่อต่างๆมากมาย
	  	การฆ่าตัวตายนั้นผิดหรืออย่างไร   ในขณะที่การตายนั้นก็คือการกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้งจากสิ่งที่เรามา  ธรรมชาติคือสิ่งที่สวยงาม  แม้กระทั่งความตายคือสิ่งที่สวยงาม  แต่ทำไม มนุษย์เรายังต้องกลัวที่จะตาย  ไม่อยากตาย   ซึ่งความตายนั้นไม่มีใครที่จะหนีพ้นไปได้  แต่การที่เราจะตายนั้นมี 2 วิธีคือ การตายแบบธรรมชาติและการฆ่าตัวตาย  ในที่นี้เราจะพูดเฉพาะการฆ่าตัวตาย (commit suicide) เพียงอย่างเดียวเท่านั้น   การฆ่าตัวตายนั้น  สังคมจะมองว่าการกระทำของคนที่ฆ่าตัวตายนั้นเป็นคนโง่  ไม่รักตัวเอง  หรือต่างๆนาที่สังคมจะมองแตกต่างกันไป    แต่ถึงอย่างไรก็ตาม  ขออย่าได้มองเพียงแค่ภายนอกหรือแค่ผิวเผิน  แต่ขอให้มาองลึกเข้าไปข้างในว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะสาเหตุมาจากอะไร  อะไรเป็นตัวสำคัญในการที่ทำให้คนๆหนึ่งถึงต้องฆ่าตัวตาย      แต่การฆ่าตัวตายนั้นผิดไหม   การฆ่าตัวตายนั้นผิดด้วยหรือ  บางครั้งการฆ่าตัวตายนั้นอาจจะไม่มีเหตุผลใดๆเลยจากคนที่ฆ่าตัวตาย  และเรามีสิทธิในร่างกายมิใช่หรือ  ดังนั้น คนเรามิสิทธิที่จะตายด้วยไม่ใช่หรือ  แต่ทำไมสังคมจึงได้กล่าวว่า การฆ่าตัวตายเป็นสิ่งที่ผิด  ไม่ถูกต้องและเป็นบาป ทั้งๆที่ความตายคือสิ่งที่สวยงาม  ความพึงพอใจในความตาย  ความต้องการที่จะจบชีวิตของตนเอง
				
4 เมษายน 2548 13:34 น.

เคล็ดลับ...ทำความรักวัยใสให้กลายเป็นรักแท้

unicorn

จริงอยู่ที่ใคร ๆ ว่าความรักในวัยเรียนหรือความรักในวัยเด็กนั่นมักผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เพราะในอนาคตข้างหน้าเราอาจได้เจอใครอีกมากมายแต่เท่าที่เห็นความรักวัยเรียนบางครั้งก็ไม่ได้หมายความว่าจะผ่านมาแล้วผ่านไปเหมือนกันเชื่อมั้ยมีคนมากมายคบกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมต้นจนจบปริญญาโท แล้วแต่งงานกัน กับกันนานเป็นสิบ ๆ ปีก็เริ่มตั้งแต่รักในวันเรียนนั่นแหละ แหมเห็นหรือยังมีรักระหว่างเรียนไม่ได้เป็นยาพิษเสมอไปนะจ๊ะ 

อ๊ะอ๊ะ อย่างเพิ่งทำหูตาแวววาวไป เพราะมีไม่กี่คู่หรอกที่ทำได้ คบกันตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วมาแต่งงานกันตอนโตน่ะถ้านับจริง อาจไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ อะแฮ่ม อยากรู้มั้ยว่าคนที่เขาทำได้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ว่ามันมีเหตุผลเราลองมาดูกันดีกว่าว่าทำอย่างไรจะสร้างตำนานรักได้นานขนาดนั้น


รักทั้งทีตองรักให้ถูกที่
รักถูกที่หมายถึง เธออยู่โรงเรียนไหนล่ะ คนเราจะคบกันแบบนาน ๆ มันต้องมีเวลาเรียนรู้กันให้มากที่สุด อย่าลืมว่าเราอยู่โรงเรียนแทบจะมากกว่าอยู่บ้านด้วยซ้ำ ไม่ต้องถึงขนาดต้องรักคนในห้องเดียวกันก็ได้ (เห็นมานานเบื่อมัน) เอาเป็นว่าถ้าจะมีกิ๊กมีกั๊กสักคน ไม่ต้องถ่อสังขารไปมองไกลถึงโรงเรียนต่างอำเภอ ประมาณว่าเจอกันตอนแข่งกีฬาอะไรอย่างนี้

ถ้าเป็นแบบนี้ความสัพพันธ์จะฉาบฉวย เพราะจะจี๋จ๋าอย่างมีสีสันแต่ตอนแรก ๆ เท่านั้นแหละ ต่อให้สวีทอย่างไร ความห่างไกลย่อมทำให้ห่างเหิน แล้วก็ขาดกันไป


รักให้ถูกเวลา
รักลูกเวลาก็สำคัญไม่น้อย คือเราต้องดูก่อนว่า ถ้าเขามาปิ๊งเราต้องดูให้ดีว่ามีใครมาปิ๊งเขาไว้หรือเปล่า ไม่ใช่เขาเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ มีสาว ๆ ติดตรึม วันนี้ไปเที่ยวกับคนนั้น พรุ่งนี้ไปดูหนังกับคนนี้ มะรืนมะเรื่องไปกับอีกคน

โอ้ว้าว ถ้าแบบนี้คบไปดีแต่เสียเวลา เราจะหลายเป็นเครื่องมือให้เขาบริหารเสน่ห์เล่นๆ ให้เสียอารมณ์เสียความรู้สึก ยกเว้นว่าเขาเคลียร์ตัวเองได้ และเต็มใจคบเราคนเดียว


รักให้ถูกคน
เรื่องรักให้ถูกคนนี้ก็สำคัญมากเหมือนกันคือเรากับเขาต้องมีความเหมาะสมกันในระดับหนึ่ง เขาต้องเป็นคนรักดี รักเรียน รักเพื่อน อาจไม่ต้องเรียนเก่งถึงขั้นอันดับหนึ่ง แต่ก็ต้องไม่ใช่คนที่มีประวัติเสีย หรือมีประวัติเกเร เป็นหัวโจก เป็นนักเลง โดดเรียนตะลอน ๆ เที่ยว หรือไม่ก็ไปรักหนุ่มข้างบ้าน หล่อกินขาดมาดแมนปานพี่ติ๊กเจษฎา แต่ว่าขี้เกียจจะเรียนแบบสันหลังยาว วัน ๆ เอาแต่เที่ยวตะลอน ๆ 

คนแบบนี้ไม่น่าจะมีใครรักใช่มั้ยค่ะ แต่บางทีก็มีสาว ๆ บางคนที่คิดว่าตัวเองเป็นนางเอก คือเราจะเปลี่ยนเขาได้ เขาต้องกลับตัวได้เพราะเราถ้าคิดอย่างนั้นแปลว่าอ่านนิยายน้ำเน่ามากไปหน่อยนะที่รัก


ต้องมีอนาคต มีความฝันร่วมกัน
ถ้ารักจะคบกันนาน ๆ จะเป็นรักแท้ เราต้องเผื่อที่ให้ใจเราที่ต้องเติบโตขึ้นไปด้วย คือคนคนนั้นเข้าต้องมีอนาคต มีความสามารถ มีจุดยืน มีความฝัน เรียกว่าไม่ใช่แค่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ เขาต้องดูเป็นคนที่โตสมวัยตามจังหวะชีวิต ไม่ใช่ไรสาระไปวัน ๆ อยากเรียนต่ออะไร อยากเป็นอะไรไม่เคยคิดไว้เลย

หากมีอนาคตร่วมกัน มีความฝันร่วมกัน เราก็จะได้เดินเคียงข้างกันไป แม้ตัวห่างไกลไปเรียนคนละที่ เราก็จะแลกเปลี่ยนความรู้สึกกันอย่างเข้าใจ


ฟื้นฐานครอบครัว ใกล้เคียงกัน
ฟื้นครอบครัวก็สำคัญ เพราะถ้าเราถูกเลี้ยงดูถูกอบรมมาในครอบครัวที่มีฟื้นฐานต่างกันมากเกินไป จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างกันปรับตัวเข้าหากันได้ลำบาก ไม่ว่าจะรักกันแค่ไหน ก็ไปกันไม่รอด อย่างเช่นเธอเป็นลูกคุณหญิง แต่เขาเป็นคนคนใช้ เธอเรียนโรงเรียนนานาชาติ เขาเรียนที่วัดลิงขบ เธอใส่สายเดี่ยวเที่ยวสยาม แต่เขากางเกงขาก๊วยลุยงานวัดอะไรนี้เป็นต้น

ถ้าฟื้นฐานครอบครัวใกล้กัน ผู้ใหญ่ก็จะเข้ากันได้ง่าย ตัวเราก็จะกันได้ง่าย มีวิถีชีวิตเหมือนกัน พูดภาษาเดียวกัน เราจะคบกันไดยั่งยืน

ที่สำคัญต่างคนต้องจริงใจ ถ้าเกิดฝ่ายหนึ่งจริงใจ แต่อีกฝ่ายจิงโจ้ เป็นอันจบเห่ ประเภทรักเร่เพทุบายมีหวังไม่มีวันสร้างตำนานรักเกินสิบปี เอาไว้เล่าให้ลูกหลายฟังว่า พ่อกะแม่คบกันมาตั้งแต่มะยมเลยนะแหมฟังดูโรแมนติดดีไม่น้อยเชียว				
18 มีนาคม 2548 11:12 น.

ประเพณีรับน้องใหม่

unicorn

ประเพณีรับน้องใหม่
ประเพณีรับน้องใหม่เป็นประเพณีที่นักศึกษาในสาถบันอุดมศึกษาหลายแห่งถือปฏิบัติมาเป็นเวลาช้านาน วิธีการต้อนรับน้องใหม่ของนิสิตนักศึกษามีหลายวิธี นักศึกษาในมหาวิทยาลัยหลายแห่งทำการต้อนรับน้องใหม่หรือเพื่อนใหม่โดยการช่วยเหลือและจัดการต้อนรับอย่างอบอุ่น เพื่อให้น้องใหม่เกิดความประทับใจ ซึ่งประโยชน์ในการปรับตัวของนิสิต นักศึกษาใหม่อย่างมาก  นิสิตนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งทำการต้อนรับน้องใหม่โดยการบังคับ ขู่เข็ญด้วยวิธีต่างๆเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เพื่อให้น้องใหม่มีความสามัคคี แล้วจัดงานต้อนรับน้องใหม่อย่างอบอุ่นในที่สุด
	นิสิต นักศึกษา ที่มีความเชื่อในการบังคับขู่เข็ญน้องใหม่นั้นได้มีความเชื่อในวิธีการต้อนรับน้องใหม่ตามระบบโซตัส (SOTUS) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ 5 ประการ ตามตัวอักษร 5 ตัว คือ
1.	S หมายถึง Seniority คือ เพื่อให้นิสิต นักศึกษารุ่นน้องเคารพอาจารย์ และนิสิต นักศึกษารุ่นพี่
2.	O หมายถึง Order  คือ เพื่อให้นิสิตนักศึกษารุ่นน้องเชื่อฟังคำสั่งของอาจารย์ และรุ่นพี่
3.	T หมายถึง Tradition คือ เพื่อให้มีการรักษาเฉพาะประเพณีที่ดีงาม และ เหมาะสมไว้
4.	U หมายถึง Unity คือ เพื่อให้นิสิต นักศึกษา รักษาความสามัคคีระหว่างนิสิตนักศึกษาในสถาบัน
5.	S หมายถึง Spirit คือ เพื่อให้นิสิตนักศึกษามีจิตใจที่ดีงาม มีคุณธรรม และจริยธรรม เสียสละเพื่อส่วนรวม

ประวัติของประเพณีโซตัส
	ระบบโซตัสได้เกิดขึ้นในโรงเรียนเตรียมทหาร ในสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลาช้านาน ในช่วงปี ค.ศ. 1850-1950  ระบบโซตัสได้แพร่เข้าไปในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่างๆในประเทศสหรัฐอเมริกา วิธิการบังคับขู่เข็ญ นิสิต นักศึกษาใหม่หรือน้องใหม่ด้ยวิธีการต่างๆของนิสิต นักศึกษารุ่นพี่ ทำให้นักศึกษาใหม่ได้เสียชีวิตไปหลายคน อย่างไรก็ตามระบบโซตัสทำให้นิสิต นักศึกษารุ่นพี่สามารถสั่งให้นิสิตนักศึกษารุ่นน้องทำในสิ่งต่างๆได้ดีพอสมควร จึงทำให้เกิดความพร้อมเพรียงในการทำกิจกรรมต่างๆของนักศึกษา นักศึกษาจึงได้รักษาประเพณีโซตัสมาเป็นเวลาช้านาน (BUCHANAN,  1982)
	ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2  หลายประเทศในทวีปยุโรปได้รับความเสียหายจากสงครามมาก ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งได้รับผลกระทบ่จากสงครามน้อย จึงเป็นประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองและมีความก้าวหน้าในวิชาการด้านต่างๆ จึงมีนิสิต นักศึกษาตต่างชาติไปศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมาก  นิสิต นักศึกษาต่างชาติได้รับระบบโซตัสไปเผยแพร่ในประเทศของตน ระบบโซตัสจึงได้แพร่กระจายไปยังประเทศฟิลิปปินส์ และอีกหลายประเทศ
	สำหรับประเทศไทยนั้น วิทยาลัยเกษตรกรรมแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่หรือมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในปัจจุบัน ซึ่งอาจารยืในยุคแรกส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ University of the Philippines วิทยาเขต ลอสบานยอส Los Banos อาจารย์ได้นำระบบโซตัสมาถ่ายทอดให้นักศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2486 ก็ได้รับอิทธิพลระบบโซตัสจากหลายทางด้วยกัน อาจารย์ในยุคบุกเบิกส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาจากประเทศฟิลิปปินส์ปละประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐออนรีกอน (Oregon State University) และมหาวิทยาลัยคอลแนลล์ (Cornell University )  ซึ่งมีส่วนอย่างมากที่ทำให้ระบบโซตัสขึ้น และในช่วงแรกนั้น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้รับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้เข้าศซึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ด้วยระบบโซตัสจึงทำให้เกิดที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี พ.ศ. 2496  สำหรับนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็มีระบบโซตัสมาเป็นเวลาช้านาน ในปัจจุบันระบบโซตัสก็เป็นที่นิยมในหมู่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยและมาหวิทยาลัยหลายแห่งในประเทศไทย (สำเนาว์  และบุญเรียง,  2531)

 วิธีการต้อนรับน้องใหม่แบบโซตัส
	วิธีการประชมุซ้อมเพลงเชียร์และการต้อนรับน้องใหม่ของนิสิตนักศึกษาที่ยึดถือระบบโซตัสนั้น มีความแตกต่างกันตามยุคสมัยและสถาบันการศึกษา ในแต่ละสถาบันก็มีกลุ่มนักศึกษาหลายกลุ่ม เช่น องค์การนิสิตนักศึกษา คณะ สาขาวิชาเอก หอพัก สำหรับมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัดก็มีกลุ่มนักศึกษาที่สอบเข้าในระบบโควต้าและกลุ่มที่สอบเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโดยทบวงมหาวิทยาลัยเป็นผู้จัดสอบ นักศึกษากลุ่มต่างๆเปล่านี้ก็มีวิธีการต้อนรับน้องใหม่ที่แตกต่างกัน
	การประชุมเชียร์หรือากรประชุมเพื่อซ้อมเพลงเชียร์ คือการที่นิสิตน้กศึกษารุ่นพี่บังคับให้นักศึกษาปีที่ 1  เข้าประชุมเพื่อฝึกซ้อมเพลงเชียร์ของคณะ ของมหาวิทยาลัย การประชุมเชียร์โดยทั่วไปเริ่มเวลาประมาณ 18.00 น.  มีการเข้าแถวตรวจสอบรายชื่อนิสิต นักศึกษาใหม่และนักศึกฏษารุ่นพี่ก็เริ่มสอนเพลงให้กับรุ่นน้อง ระหว่างสอนเพลงเชียร์ นิสิตนักศึกษารุ่นพี่ จะอบรมรุ่นน้อง บางครั้งก็ใช้นิสิตนักศึกษารุ่นพี่หลายคนพูดอบรมตักเตือนรุ่นน้อง ด้วยเสียงอันดังและข่มขู่ที่เรียกกันว่าการว๊าก นักศึกษาใหม่ถูกบังคับให้นั่งตัวตรง หน้าตรงไม่ให้มองรุ่นพี่ บางครั้งนิสิตนักศึกษารุ่นพี่ก็พาน้องใหม่ทั้งหมดไปวิ่ง และสั่งทำโทษด้วยวิธีต่างๆ เช่น ยึดพื้น สก็อตย้ำ นอนกลิ้งบนพื้น และการพารุ่นน้องไปลุยโคลน เป็นต้น  การประชุมเชียร์ของคณะกรรมการประชุมเชียร์กลางแต่ละครั้งจะเริ่มเมื่อ 23.00-24.00 น.  ส่วนจำนวนครั้งของการประชุมเชียร์แต่ละสัปดาห์นั้นก็แตกต่างกันไปแต่ละสถาบัน ซึ่งอายเป็น 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ หและมีการประชุมเชียร์อยู่ประมาณ 4-6 สัปดาห์  ก็มีการต้อนรับน้องใหม่ซึ่งถือว่าการประชุมเชียร์สิ้นสุดลง  
	การต้อนรับน้องใหม่ของแต่ละสถาบันก็มีความแตกต่างกันมาก การต้อนรับน้องใหม่ของสถาบันที่มีหอพัก แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การต้อนและการรับ  การต้อนเริ่มขึ้นตอนเช้ามืดวันเสาร์ เวลา 02.00 น.  ด้วยการปลุกน้องใหม่ที่หอหรือที่เรียกว่า การปล้นหอ  โดยนักศึกษารุ่นพี่ปลุกน้องใหม่ด้วยเสียงอันดัง เช่น การจุดประทัด การตะโกนด้วยเสียงอันดัง และการเคาะสิ่งของที่ทำให้เกิดเสียงดัง เป็นต้น  เมื่อน้องใหม่ตื่นขึ้นทั้งหมดแล้ว บางแห่งก็ให้คลานอยู่ภายในหอพัก บางแห่งก็พาน้องใหม่ออกนอกหอพัก ซึ่งมีกิจกรรมต่างๆภาคกลางวันเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00  12.00 น.  โดยเริ่มขบวนน้องใหม่ซึ่งเป็นวิธีการที่คล้ายกันทังสถาบันที่มีหอพักและสถาบันที่ไม่มีหอพัก ในช่วงนี้ไม่มีการว๊าก แต่เป็นการเล่นสนุกสนานระหว่างรุ่นพี่-รุ่นน้อง  รุ่นพี่ให้รุ่นน้องลอดซุ้มต่างๆ รุ่นพี่ใช้สีทารุ่นน้อง และสั่งให้นองแสดงออกด้วยวิธีการต่างๆ รับประทานของที่แปลกๆ
	กรรับเรื่อมตอนคืนวันเสาร์ โดยการเลี้ยงอาหารมื้อเย็นแก่นน้องใหม่ มีการละเล่น การแสดงดนตรีและมีดนตรี  เพื่อสร้างความเพลิดเพลิน และความประทับใจให้แก่น้องใหม่ รุ่นพี่ให้น้องใหม่ร่วมสนุกกัน และบางสถาบันก็ให้เต้นรำร่วมกันอย่างเต็มที่ จรกระทั่งเวลา 24.00 น. หรรือ อาจถึง 02.00 น.  จึงเลิกงานก็เป็นอันเสร็จงานรับน้องใหม่
	หลักของโซตัสเป็นสิ่งที่ดีงามที่สอนให้นิสิตนักศึกายึดมั่นในประเพณีอันดีงาม นับถือผู้อาวุโส มีระเบียบวินัย มีความสามัคคี และมีคุณธรรมจริยธรรม ซี่งสอดคล้องกับวัฒนธรรมไทย การนำเอาระบบโซตัสมาใช้ในระยะแรกคือ เมื่อประมาณ 30-40 ปีมาแล้ว ค่อนข้างจะได้ผลและบรรลุตามวันถุประสงค์ทั้ง 5 ประการของระบบโซตัสพอสมควร  ทั้งนี้เพราะในสมัยก่อนนิสิตนักศึกษามี่จำนวนน้อย การดูแลและควบคุมกันระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้องจึงเป็นไปอย่างทั่วถึง การประชุมเพื่อซ้อมเพลงเชียร์และการต้อนรับน้องใหม่ก็ทำโดยองค์การนิสิต นักศึกษาเท่านั้น  จึงเกิดความสามัคคีได้ดี และน้องใหม่ก็มีเวลาพักผ่อนและสามารถศึกษาเล่าเรียนตามปกติ
	เมื่อเวลาได้ล่วงเลยมา 30-40 ปี หลายสิ่งได้เปลี่ยนแปลงไป คนเราก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน นอกจากจำนวนนักศึกษาที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายแล้ว นิสิตนักศึกษาปัจจุบันมีความแตกต่างกับนิสิตนักศึกษาสมัยก่อนเป็นอย่างมาก  ในเรื่องความเชื่อ ความคิด และการเคารพผู้ใหญ่ เป็นต้น  นอกจากนั้น วิธีการต้อนรับน้องใหม่ในปัจจุบันก็แตกต่างกับวิธีการต้อนรับน้องใหม่ในสมัยก่อนมาก ปัญหาของการต้อนรับน้องใหม่ในปัจจุบันมีมากมายดังนี้
1.	ปัญหาเกี่ยวกับนักศึกษารุ่นพี่
1.1	นิสิตนักศึกษารุ่นพี่ไม่ยึดมั่นในหลักของโซตัส จึงไม่ได้นำหลักการของโซตัสมาใช้
1.2	นิสิตนักศึกษารุ่นพี่ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตัวเอง จึงเกิดการขัดแย้งในทีมงาน
1.3	นิสิตนักศึกษารุ่นพี่ไมเข้าใจวัตถุประสงค์ มาตรการและวิธีการจัดกิจกรรมการต้อนรับน้องใหม่และการประชุมเพื่อซ้อมเพลงที่แท้จริง
1.4	นิสิตนักศึกษาส่วนมามีความเชื่อที่ผิด คิดวิธีการบังคับขู่เข็นและตะคอก จะป็นทำให้น้องใหม่เชื่อฟังรุ่นพี่และก่อให้เกิดความรัก ความผูกพันธ์เห็นอกเห็นใจกันในหมู่น้องใหม่
1.5	นิสิตนักศึกษารุ่นพี่ไม่คำนึงถึงคามแตกต่างของนักศึกษารุ่นน้อง เช่นด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต
1.6	นิสิตนักศึกษารุ่นพี่จำนวนมากไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่รุ่นน้อง คือ มีความประพฤติที่ไม่เหมาะสม ไม่มีระเบียบวินัย จึงเป็นการยากที่จะสอนให้รุ่นน้องเชื่อฟังคำสั่งรุ่นพี่
2.	ปัญหาเกี่ยวกับวิธีการประชุมเชียร์เพื่อซ้อมเพลงเชียร์และการต้อนรับน้องใหม่
2.1	การประชุมเชียร์โดยการบังคับให้น้องใหม่ ฝึกซ้อมเพลงเชียร์เป็นเวลาครั้งละหลายชั่วโมงเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ ทำให้นักศึกษาไม่มีเวลาศึกษาเล่าเรียนอย่างเพียงพอ และ ผลการเรียนตกต่ำ
2.2	การบังคับให้นิสิตนักศึกษาใหม่วิ่งโดยพร้อมเพรียงกันเป็นหมู่ ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับร่างกาย เช่น การเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสี่ยงต่อการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากโรคหัวใจ และโรคตับอักเสบ
2.3	การว๊าก การลงโทษด้วยวิธีต่างๆ และการปล้นหอทำให้นิสิตนักศึกษาใมห่มีปัญหาด้านสุขภาพจิร โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้น  นักศึกาใหม่บางคนทนต่อสภาพการประชุมเชียร์ด้วยวิธีดังกล่าวไม่ไหว ก็ต้องลาออกจากการเป็นนิสิตนักศึกษาต่อไป
2.4	การประชุมเชียร์และการต้อนรับน้องใหม่ด้วยวิธีการรุนแรงทำให้นักศึกษาบางกลุ่มไม่เห็นด้วยและเกิดการต่อต้านด้วยวิธีการต่างๆทำให้เกิดความแตกแยก
3.	ปัญหาเกี่วกับผู้บริหารและอาจารย์
3.1	มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้บริหารตามวาระบ่อยมาก ผู้บริหารใหม่มักไม่เข้าใจปัญหาการประชุมเพื่อซ้อมเพลงเชียร์และการต้อนรับน้องใหม่
3.2	ผู้บริหารบางคนไม่ให้ความสำคัญ จึงไม่ให้การสนับสนุนกิจกรรม การประชุมเพื่อซ้อมเพลงเชียร์และการต้อนรับน้องใหม่
3.3	อาจารย์โดยทั่วไปไม่เห็นความสำคัญ ไม่สนใจและไม่ให้การสนับสนุนกิจกรรมการประชุมทเพื่อซ้อมเพลงเชียร์และการต้อนรับน้องใหม่
4.	ปัญหาเกี่ยวกับงบประมาณ
4.1	องค์การนิสิตนักศึกาบางสถาบันขาดงบประมาณในการจัดกิจกรรมการต้อนรับน้องใหม่
4.2	องค์การนิสิตนักศึกษาบางสถาบันใช้งบประมาณอย่างฟุ่มเฟือยจึงทำให้เสียค่าใช้จ่ายมากมาย				
17 มีนาคม 2548 11:24 น.

ชื่อรุ่น

unicorn

รุ่นเสือดาว  
    เป็นรุ่นที่ถูกก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2517  สัญลักษณ์คือ เสือดาว  ซึ่งลักษณะเด่นของเสือดาวนั้น คือ ความกระฉับกระเฉง คล่องแคล่ว ว่องไว  ตื่นตัวอยู่เสมอ ในทุกๆด้าน


จามรี
     เป็นรุ่นที่ถูกตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2518  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของควายป่า  ซึ่งลักษณะเด่นของจามรีคือ เป็นสัตว์ที่รักขน รักความสะอาดเป็นชีวิตจิตใจ รุ่นนี้มีลักษณเด่น คือ เรียบร้อยและแข็งแกร่ง  จึงใช้จามรีเป็นสัญลักษณ์เพื่อให้รักษาความสะอาดเหมือนจามรีรักขน


ภุมริน
     ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2519  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผึ้ง  มีลักษณะเด่นคือ มีคามสามัคคีเหมือนผึ้งที่อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน รักที่จะทำงานเพื่อส่วนรวมเป็นหลัก


มฤคมาศ 
   ก่อตั้งรุ่นขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ.2520  เป็นสัญลักษณ์ของกวางทอง  ลักษณะเด่นของกวางทอง คือ  กวางทองเป็นสัตว์ที่ดูแลรักษาความสะอาดของตัวเองเสมอ อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม คอยช่วยเหลือกันและกัน ระวังภัยให้กันและกัน จึงเป็นสัตว์ที่มีความสะอาดเป็นเลิศ และมีความหยิ่งทะนงในความสง่างามของตัวเอง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟunicorn
Lovings  unicorn เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟunicorn
Lovings  unicorn เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟunicorn
Lovings  unicorn เลิฟ 0 คน
  unicorn
ไม่มีข้อความส่งถึงunicorn