16 กรกฎาคม 2546 13:34 น.

จดหมายฉบับสุดท้าย

กระปุกแป้ง

 ฉันยังคงคิดและนึกถึงรักครั้งแรกของฉันเสมอ  ทั้งๆที่หลายๆครั้งฉันเองก็อยากที่จะลืมเขาคนนั้น แต่ความรักของเรามันมีเรื่องดีๆให้จดจำมากกว่าเรื่องร้าย ถึงแม้ตอนนี้ ฉันกับเขาคนนั้นจะได้จากกันไป ไปอยู่ในที่ของแต่ละคนที่ควรจะอยู่ เขาก็กลับไปในที่ที่เขาจากมา ส่วนฉันก็ยังคงอยู่ในที่ที่เราสองคนพบกันและมีความรู้สึกดีๆให้กัน ถ้าเปรียบสองเราก็เป็นเหมือนพระอาทิตย์กับพระจันทร์ที่ทั้งสองจะไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย แต่ฉันก็ยังจำวันแรกและความรู้สึกแระที่เจอเขาได้  
                   ฉันเป็นลูกคนโต ซึ่งมักจะพบกับปัญหามากมาย เนื่องจากครอบครัวของฉันเองก็ไม่ได้อบอุ่นมากนัก การเป็นลูกคนโตของฉันจึงทำให้พบเจอกับปัญหามากมายเกินที่ฉันจะรับไหว  ฉันเคยนึกอยากให้มีใครเข้ามาแบ่งปันหรือหยิบยึ่นความรู้สึกดีๆที่อบอุ่นให้กับฉันบ้างสักคน  จนวันนึงสวรรค์ได้ส่งผู้ชายคนนึงที่พร้อมจะหยิบยื่นสิ่งที่ฉันต้องการให้    
                  เขาคนนั้นดีกับฉันมาก ทุกเวลาที่ฉันได้อยู่ใกล้เขา ฉันรู้สึกอบอุ่นทุกครั้ง เขาพร้อมที่จะรับฟังปัญหาและให้คำปรึกษาฉันทุกอย่าง  เขาเหมือนกับผู้ใหญ่ที่หยิบยื่นขนมให้กับเด็กน้อยที่ไม่เคยได้รับรู้ถึงรสชาติขนมนั้นเลยในชีวิตของเธอ ฉันบอกได้อย่างเต็มปากเลยว่าฉันรักเขามาก ฉันอาจจะรักเขาเพียงข้างเดียวก็ได้  ฉันเคยคิดที่จะบอกความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขาหลายครั้ง  แต่ฉันไม่กล้าเพราะกลัวหลายอย่าง กลัวว่าถ้าเขารู้แล้วจะไม่มาพบฉันอีก กลัวว่าเขาจะปฏิเสธและต่อว่าฉัน  ฉันสับสนมากไม่รู้จะทำยังงัย   ฉันเคยคิดตัดใจเป็นฝ่ายไปเองดีกว่า  ฉันคงจะทนรับฟังคำปฏิเสธจากเขาไม่ได้  แต่เพราะเขาเป็นรักครั้งแรกของฉัน มันจึงยากที่จะทำอย่างนั้น
                   ฉันจึงรวบรวม ความกล้าทั้งหมดที่มีอยู่บอกเขา  ในระหว่างคบกัน เราสองคนใช้การเขียนจดหมายเป็นสื่อของเรา   ฉันจึงเขียนจดหมายสารภาพความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขา  ฉันคิดว่าเขาคงไม่ตอบจดหมายมาเป็นแน่  แต่ก็ผิดคาดเขาตอบจดหมายกลับมา เขาไม่ได้ใช้ถ้อยคำใดที่ทำให้ฉันเสียใจเลย  เขาใช้ถ้อยคำที่สุภาพและเน้นย้ำที่ความรู้สึกดีๆที่มีให้ฉัน เพราะเขาต้องการให้น้องสาวคนหนึ่งของเขามีความสุขก็เท่านั้น
                   คำพูดเพียงเท่านี้ในจดหมายตอบกลับของเขา ฉันเองอยากให้เขาเขียนต่อว่าฉันในจดหมายมากกว่าคำพูดดีๆแบบนี้ มันอาจจะทำให้ฉันเสียใจน้อยลงก็ได้ ฉันไม่อยากจะให้ความรู้สึกดีๆของเราเสียไป ฉันใช้เวลาทำใจนานพอสมควร  โดยระหว่างนั้นฉันกับเขา  เราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ฉันไม่อยากจะไปรบกวนเขาอีก แต่ฉันเพียงแค่อยากบอกเขาว่า  ฉันยังอยากที่จะเป็นน้องสาวของเขาเสมอนะ และน้องสาวคนนี้ก็รอการติดต่อจากพี่ชายในดวงอาทิตย์ตลอดนะ   พี่ชายค่ะ   นัองสาวคนนี้ขอโทษค่ะ 				
11 กรกฎาคม 2546 21:23 น.

บันทึกถึงพระจันทร์

กระปุกแป้ง

ฉันเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระจันทร์มามากมาย แต่ก็รู้สึกเฉยๆกับเรื่องเหล่านั้น เพราะฉันไม่เคยจะใช้เวลามองมันเลยสักครั้งเดียว ฉันจึงไม่รู้สึกว่าพระจันทร์มีชีวิตเหมือนในเรื่องเล่านั้นเลย จนมาวันหนึ่ง ฉันพบกับปัญหามากมาย  ไม่รู้จะปรึกษาใครดี  ฉันรู้สึกมืดแปดด้าน  อยากจะหาใครสักคนที่พร้อมจะรับฟังปัญหาของฉันและยิ้มปลอบใจฉันเสมอ  ฉันต้องการเพียงแค่ใครสักคนที่ฉันสามารถระบายความรู้สึกทุกอย่างของฉันให้เขาคนนั้นฟังได้  ฉันจึงตัดสินใจไปหาเพื่อน เพื่อที่จะบอกเล่าปัญหาของฉันให้กับพวกเขาฟัง เผื่อจะได้คำปรึกษา  คำแนะนำ หรือแม้กระทั่งคำปลอบใจจากพวกเขา  แต่กลับไม่มีใครที่จะว่างรับฟังฉันเลย  ทุกคนดูเหมือนจะยุ่งวุ่นวายอยู่กับเรื่องของคัวเอง จนไม่พร้อมที่จะรับฟังฉัน ฉันรู้สึกน้อยใจ เสียใจที่ไม่มีใครสนใจฉันเลย  ในขณะเดียวกันฉันเองก็เข้าใจเอนทุกคนว่า  พวกเขาเองก็มีปัญหาที่ต้องคอยแก้ไขทุกวันก็มากพออยู่แล้ว ฉันจึงได้แต่บอกกับตัวเองว่า เราคงต้องแก้ปัญหาพวกนี้เองแล้วแหละ  คืนวันนั้น  ฉันรู้สึกเหงา ได้แต่มองพระจันทร์ผ่านหน้าตางบานเล็กๆในห้อง   ฉันรู้สึกว่าพระจันทร์ดวงนั้นยิ้มให้  ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นเหมือนมีเพื่อนขึ้นมา ฉันพลั่งพรูปัญหามากมายออกมาระบายกับพระจันทร์แป้นนั้น  ฉันรู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนเก่าที่จากกันไปนานแสนนาน พระจันทร์ดวงนั้นพร้อมที่จะรับฟังฉันทุกเรื่อง   หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ฉันก็ได้เขียนบันทึกพระจันทร์ดวงนั้นเสมอ ฉันคิดว่าการที่คนเราได้ใช้เวลาอยุ่กับตัวเองมากขึ้นนั้นจะทำให้เราได้คิดอะไรมากมายเหมือนเช่นที่ฉันใช้เวลาในคืนนั้นอยู่กับตัวเอง  ทำให้ฉันไปพบกับความรู้สึกดีที่มีเพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีก และเพื่อนคนนี้ยังพร้อมที่จะรับฟังปัญหาของทุกคนอยู่  แค่เพียงคุณแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าเท่านั้นเอง				
31 พฤษภาคม 2546 22:56 น.

ซาลาเปาอุ่นๆกับผ้ชายแมนๆ(ตอนจบ)

กระปุกแป้ง

และแล้ววันที่อุ่นจันทน์จะต้องแสดงละครเวทีก็มาถึง อุ่นจันทน์รีบไปเตรียมตัวแสดงที่มหาวิทยาลัยแต่เช้า เพื่อให้การแสดงพร้อมสำหรับคืนนี้ ก่อนไปเธอส่งบัตรเข้าชมให้คุณแม่แล้วพูดว่า นี่ค่ะแม่ บัตร   อุ่นซื้อมา 5 ใบตามที่แม่สั่งคะ เอ๊ะ ว่าแต่แม่จะเอาไปให้ใครคะ  แม่ อุ่นจันทน์พูดเสร็จไม่ทันฟังคำตอบจากคุณแม่ ทันใดนั้นเสียงแตรรถก็ดังขึ้น นั่นคือรถของพี่ชายนิตยาที่เสนอตัวมาเป็นสารถีขับรถไปส่งเธอและนิตยาที่มหาวิทยาลัย เห็นดังนั้นอุ่นจันทน์ก็รีบวิ่งไปขึ้นรถ โดยไม่รอฟังคำตอบจากคุณแม่  แล้วกล่าวลา 



          เย็นวันนั้น ครอบครัวเมืองแมนและคุณพ่อคุณแม่ของอุ่นจันทน์ก็ไปถึงศูนย์ประชุมที่ทีการแสดงละครเวที ภายนอกศูนย์ประชุม ผู้คนมากมายเสียงจอแจไปทั่วบริเวณ  เมื่อครอบครัวเมืองแมนและคุณพ่อคุณแม่ของอุ่นจันทน์มาประจำที่นั่งของตน ภายในศูนย์ประชุม บรรยากาศกลับเงียบสงบเพราะทุกๆคนให้เกียรติสถานที่กันอย่างมากและไม่นานการแสดงก็เริ่มต้นขึ้น 
การแสดงดำเนินต่อไปจนถึงฉากที่อุ่นจันทน์ออกมาปรากฏกายหน้าเวที อุ่นจันทน์ถึงกับผงะเล็กน้อย เมื่อเห็นเมืองแมนนั่งอยู่ข้างคุณพ่อคุณแม่ของเธอ ตอนนั้นอุ่นจันทน์รู้สึกดีใจและแปลกใจที่เห็นเมืองแมน ทางด้านเมืองแมนถึงกับตะลึงในความสวยและความสามารถในการแสดงละครของอุ่นจันทน์ เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงหน้ากลมเหมือนซาลาเปาก่อนหน้าที่เขาไปเรียนเมืองนอกเวลาแต่งตัวแต่งหน้าแล้วจะดูสวยน่ารักไปอีกแบบ จนกระทั่งการแสดงได้จบลง เมืองแมนรีบขอตัวไปหาอุ่นจันทน์ที่ห้องแต่งตัวของนักแสดงหลังเวที เออ..คุณอาครับ ผมขอตัวไปหาอุ่นก่อนนะครับ เมืองแมนพูดน้ำเสียงดีใจที่จะได้เจออุ่นจันทน์ เมืองแมนรีบวิ่งไปที่หลังเวทีและภาพที่เขาเห็นก็คือ มีผู้ชายคนหนึ่งมอบดอกไม้ให้กับอุ่นจันทน์และพูดคุยกันอย่างสนิทสนม เมื่อเห็นดังนั้นสีหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มก็จางลง เมืองแมนตัดสินใจเดินกลับมาที่จุดนัดพบพวกผู้ใหญ่ เพื่อจะพากันกลับบ้าน ทุกคนแยกย้ายกันกลับเข้าบ้าน ตลอดทางกลับบ้านในสมองของเมืองแมน มีแต่ภาพเหตุการณ์ที่ห้องแต่งตัวตลอดเวลา เขารู้สึกทั้งเสียใจน้อยใจอุ่นจันทน์นัก ที่ไม่รอเขาตามที่เคยสัญญาไว้ในจดหมายก่อนเขาไปเมืองนอก 



          ทางด้านอุ่นจันทน์เองก็รีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเพื่อที่จะออกมาเจอเมืองแมน อุ่นจันทน์เต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่จะได้พบเมืองแมนอีกครั้ง แต่ต้องพบความผิดหวัง เมื่ออุ่นจันทน์ไปถึงประตูด้านหน้าของศูนย์ประชุม ซึ่งเป็นที่นัดหมาย อุ่นจันทน์ไม่พบใครเลยแม้แต่คุณพ่อคุณแม่ของเธอ ขณะที่อุ่นจันทน์กำลังจะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน รถเก๋งคันสวยของพี่ชายนิตยาก็ผ่านมา นิตยาเลยชวนอุ่นจันทน์กลับด้วยกัน โดยมีพี่ชายของเธอเป็นสารถี 
                  เมื่ออุ่นจันทน์มาถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว จึงรีบเข้านอน เพื่อที่จะตื่นมาถามคุณแม่เกี่ยวกับผู้ชายคนที่หน้าคล้ายเมืองแมนที่เธอเห็นวันนี้ อุ่นจันทน์กว่าจะข่มตานอนได้ใช้เวลาอยู่นาน  




             เช้าวันรุ่งขึ้น อุ่นจันทน์รีบลงมาหาคุณแม่ที่ห้องครัวพร้อมกับถามเกริ่นไปว่า เออ..แม่ค่ะเมื่อวานแม่ไปดูละครเวทีกับใครค่ะ อุ่นเห็นไปตั้งหลายคน แม่ไปกับคุณลุงประพจน์และคุณป้าสุรีย์  แล้วก็ แม่หยุดนิดนึงแล้วพูดต่อว่า เมืองแมนจ๊ะ อุ่นจันทน์ตกใจและดีใจระคน เพราะคิดว่าเมืองแมนยังไม่กลับเมืองไทยตามที่บอกในจดหมาย อ้าว อุ่นยังไม่รู้หรอจ๊ะ ว่านายแมนกลับมาแล้ว ก็เมื่อวานพอดูอุ่นแสดงเสร็จ เขาก็ตามไปหาอุ่นที่ห้องแต่งตัวนิลูก ไม่เจอกันหรอจ๊ะ อุ่นจันทน์ได้แต่รับฟังแล้วส่ายหน้าเท่านั้น ก่อนที่จะขอตัวคุณแม่ไปบ้านเมืองแมน เพื่อที่จะไปทักทายคุณพ่อคุณแม่ของเขา และจะถือโอกาสสอบถามเมืองแมนเรื่องที่เขากลับมาก่อนกำหนดแล้วไม่บอกเธอ แม่คะ อุ่นขอไปหาคุณป้าคุณลุงที่บ้านโน้นนะคะ อุ่นไปล่ะค่ะ  อุ่นจันทน์ผุนผันออกไป เมื่อถึงหน้าประตูบ้านเมืองแมน  



               อุ่นจันทน์กดกริ่งตามมารยาท มาแล้วครับ ไม่ทราบมาหาใครครับ เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมประตูที่เปิดออกช้าๆ อุ่นจันทน์รู้สึกว่าเสียงนั้นคุ้นหูเธอเป็นอย่างมาก เมื่อประตูเปิดออก ปรากฏร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้มนั้นก็คือเมืองแมน อุ่นจันทน์เห็นดังนั้นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เห็นฟันขาวๆได้ทุกซี่เลยเดียว เมืองแมนเองก็ดีใจ แต่พยายามเก็บอาการ เพราะเขายังน้อยใจ อุ่นจันทน์เรื่องเมื่อคืนอยู่ ทั้งสองเดินเล่นรอบบริเวณบ้านของเมืองแมน อุ่นจันทน์พยายามถามและชวนเมืองแมนคุยตลอด แต่เมืองแมนมีท่าทีกวนๆเธอ อุ่นจันทน์จึงต่อว่าเมืองแมนที่กลับมาแล้วไม่ยอมบอกเธอ แมน นายจะกลับเมืองไทยก่อนกำหนดที่นายเขียนในจดหมาย แล้วทำไมไม่บอกเรา อุ่นจันทน์แกล้งต่อว่าและทำสีหน้าบึ้งตึง เพื่อจะแกล้งเมืองแมนที่ทำท่าทางไม่ดีใส่เธอ ทำไมหรอ อุ่น เธอกลัวฉันจะกลับมาเจออะไรรึไง ถึงไม่อยากให้ฉันกลับมาเร็ว อุ่นไม่ดีใจเลยใช่มั้ย อุ่นคงมีคนอื่นแล้วล่ะสิ เมืองแมนพลั้งพรูออกมาด้วยความน้อยใจ อุ่นจันทน์โมโหเมืองแมนที่พูดจาชวนทะเลาะอย่างนี้ อะไรแมน นายว่าเรามีคนอื่นน่ะ ใครกัน นายอย่ามาชวนทะเลาะหน่อยเลย  อุ่นจันทน์พูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้ากร้าวแข็งขึ้น เมืองแมนเองก็โมโหอุ่นจันทน์ที่ไม่ยอมรับว่ามีคนอื่น แล้วยังหาว่าเขาชวนทะเลาะอีก 


                      เมืองแมนจึงกุมหัวไหล่ทั้งสองของอุ่นจันทน์ แล้วพูดว่า เธอแน่ใจนะ ว่าไม่มีคนอื่น แล้วผู้ชายที่ให้ดอกไม้เธอที่ห้องแต่งตัวเมื่อวานนี้ล่ะเป็นใคร เมืองแมนพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจัด เมื่อได้ยินดังนั้นอุ่นจันทน์ก็พอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เมืองแมนเมินเฉยและปั้นปึ่งกับเธอ เพราะเขาหึงเธอ อุ่นจันทน์ยิ้มดีใจ ทำให้เมืองแมนลดมือจากไหล่เธอ พร้อมนิ่งรอฟังอุ่นจันทน์ เธอยิ้มทำไมอุ่น หรือเธอรักเขา เธอลืมสัญญาของเราแล้วใช่มั้ย เมื่อเมืองแมนพูดจบ เขาก็หันหลังจะเดินเข้าบ้านไป อุ่นจันทน์รีบเรียกเขาไว้แล้วอธิบาย แมน ที่ฉันยิ้มน่ะ ไม่ใช่ว่าฉันลืมสัญญาแต่ฉันดีใจต่างหากที่นายหึงซาลาเปาอุ่นคนนี้ต่างหากล่ะ ได้ยินดังนี้เมืองแมนหันกลับมายืนตรงหน้าอุ่นจันทน์ อุ่นจันทน์จึงพูดต่อว่า ผู้ชายคนที่เธอเห็นที่ห้องแต่งตัวน่ะ เขาเป็นพี่ชายนิตยา เขาแต่งงานแล้วจ๊ะ เขาแค่มาแสดงความยินดีกลับฉันเท่านั้นเอง แล้วจู่ๆนายก็ทึกทักเอาเองว่าเขามาชอบฉัน พานไม่ยอมรอรับฉันกลับบ้านด้วย แล้วยังจะมาโกรธฉันอีก อย่างนี้มันน่า.. มือกลมมนของอุ่นจันทน์หยิกไปที่ต้นแขนของเมืองแมน โอ้ย เมืองแมนแสร้งร้อง ทำให้อุ่นจันทน์เห็นใจเข้ามาปลอบขอดูแขน ทุกอย่างเป็นไปตามแผนเมืองแมนรวบร่างของอุ่นจันทน์มากอดพร้อมกับหอมแก้มไปฟอดใหญ่เป็นการลงโทษ แล้วพูดว่า ต่อจากนี้นะ ซาลาเปาอุ่นคนนี้ต้องอยู่กับผู้ชายแมนๆคนนี้ตลอดไปนะ


                                                                                                                        จบบริบรูณ์				
31 พฤษภาคม 2546 22:30 น.

ซาลาเปาอุ่นๆกับผ้ชายแมนๆ(ตอนที่2)

กระปุกแป้ง

ยายอุ่น ทำให้วันนี้กลับบ้านดึกนักล่ะลูก คุณแม่ของอุ่นจันทน์ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ขอโทษคะ แม่ พอดีวันนี้อุ่นไปคัดตัวนักแสดงที่คณะเขาจะจัดละครเวทีน่ะคะ ยายนิตก็เลยชวนอุ่นไปคัดกับเขาด้วย อุ่นนึกว่าจะไม่นานเลยไม่ได้โทรฯมาบอกแม่น่ะคะ อุ่นขอโทษนะคะแม่ อุ่นจันทน์อธิบาย ไม่เป็นไรจ้า  เอ เราก็อยู่ปี4แล้วนะ ยายอุ่น จะไปคัดตัวแย่งกับน้องๆ เขาทำไม อีกหน่อยเราก็จบแล้วนะ คุณแม่พูดพลางตั้งโต๊ะอาหารให้อุ่น โธ่ แม่ขา อุ่นก็ไม่ได้อยากไปหรอกคะ ก็ยายนิตนั่นล่ะคะตัวดี คะยั้นคะยออุ่นให้ไปคะ อุ่นพูดแล้วช่วยคุณแม่จัดโต๊ะอาหาร แม่ขา มีจดหมายถึงอุ่นบ้างมั้ยค่ะ ยังไม่มีเลยจ๊ะ อุ่นรอจดหมายใครอยู่หรอจ๊ะ คุณแม่ถาม เปล่าค่ะแม่ คืออุ่นเขียนจดหมายไปสมัครงานไว้น่ะค่ะ กำลังรอจดหมายเรียกไปสัมภาษณ์คะ อุ่นจันทน์พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจเล็กๆ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง แม่ค่ะ อุ่นอิ่มแล้ว อุ่นขอตัวนะคะ เพลียจังเลยคะ อุ่นจันทน์เดินขึ้นมาบนห้องนอนด้วยสีหน้าซีดลง ภายในใจว้าวุ่น เอ๊ะ ทำไมเดือนนี้นายแมนไม่เขียนจดหมายมานะ ปกติจะต้องเขียนมาทุกเดือนนิหน่า อุ่นจันทน์คิดพลางถอนหายใจ
       เช้าวันรุ่งขึ้น อุ่นจันทน์ไปมหาวิทยาลัยตามปกติ ยายอุ่น! เสียงนิตยาตะโกนตามหลังมา อุ่นจันทน์หยุดรอเพื่อนสาวของเธอ อะไรยายนิต เรียกฉันซะเสียงดังเชียว แล้วรีบร้อนจะไปไหนจ๊ะ ก็วันนี้ที่คณะเขาจะประกาศรายชื่อนักแสดงแล้วสิยะ ฉันจะมาชวนเธอไปดูที่บอร์ดไงล่ะ ไปเถอะ นิตยาไม่ฟังเสียงของอุ่นจันทน์เลย เธอฉุดข้อมือกลมมนของอุ่นจันทน์ตรงไปที่บอร์ดประกาศรายชื่อนักแสดง ทั้งสองมองหาชื่อของตนเองบนบอร์ด แล้วเสียงของนิตยาก็ดังขึ้น อุ่นนี่ไงชื่อเธอมีชื่อฉันด้วย เราได้เล่นเป็นพี่เลี้ยงของซินเดอร์เรล่าจ๊ะ ดูสิ นิตยาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แล้วชี้ให้อุ่นจันทน์ดูที่บอร์ด จริงด้วยนิต แล้วเราจะทำไงดีล่ะ ฉันไม่อยากเล่นเลย เราไปถอนชื่อกันเถอะนิต. อุ่นจันทน์เกี่ยงงอนที่จะไม่เล่น พร้อมทั้งชวนนิตยาไปถอนชื่อ จะบ้าหรอ อุ่น เราสองคนต้องทำได้สิ ที่เขาเลือกเราเพราะเขาคิดว่าเราทำได้นะ อุ่น เล่นเถอะนะ  ถือซะว่าทำงานนี้เพื่ออำลาชีวิตมหาลัยของเรานะ อุ่นเล่นเถอะนะ ฉันขอร้อง นิตยาอ้อนวอนและชี้แจ้งเหตุผลจนอุ่นจันทน์ต้องยอมทำตาม เย้! ตกลงเป็นอันว่าเราจะเล่นใช่มั้ยอุ่นอุ่นจันทน์พยักหน้ารับทำให้นิตยาสมหวังกระโดดเป็นลิงโลดผิดกับอุ่นจันทน์ที่วิตกกังวลว่าตนจะแสดงไม่ได้



              ตลอดระยะเวลาสองเดือน อุ่นจันทน์กับนิตยาทุ่มเทเวลาให้กับการซ้อมละครเวทีครั้งนี้เป็นอย่างมาก อุ่นจันทน์เหนื่อยและเพลียจนลืมนึกถึงจดหมายของเมืองแมนเลย จนกระทั่งเย็นวันหนึ่ง อุ่นจันทน์เจอซองจดหมายวางอยู่ที่โต๊ะหนังสือของเธอ จดหมายฉบับนั้นเป็นจดหมายair-mailจากอังกฤษจ่าหน้าซองถึงเธอ อุ่นจันทน์หยิบจดหมายขึ้นมาอ่านอย่างรีบร้อนและดีใจ อุ่นจันทน์ยิ้มให้กับถ้อยคำในจดหมายที่เขียนถึงเธอ  
ยายซาลาเปาอุ่น นี่ฉันเมืองแมนนะ ฉันต้องขอโทษเธอด้วยที่เขียนจดหมายถึงเธอช้า พอดีช่วงนี้ฉันสอบfinalอยู่น่ะ ตอนนี้ที่นี่อากาศเริ่มหนาวแล้ว ฉันคิดถึงเมืองไทยจังเลย อยากกลับไปกินซาลาเปาอุ่นๆของฉันน่ะ ไม่รู้ว่ามีใครมากินรึยังน้า ยังไงก็อย่าเพิ่งให้ใครกินนะ รอฉันนะ ฉันจะกลับไปกิน เอ๊ย ไปหาเธอแน่ๆ เออ คุณพ่อกับคุณแม่ท่านจะกลับเมืองไทยแล้วนะ คุณพ่อทำเรื่องขอย้ายกลับเมืองไทยได้น่ะ คงถึงที่นั่นอาทิตย์หน้าล่ะมั่ง ส่วนฉันคงต้องรอเรียนให้จบก่อน คงประมาณปลายเดือนน่ะถึงกลับ แค่นี้ก่อนนะ อย่าลืมคิดถึงฉันมากๆนะ ฉันก็จtคิดถึงเธอมากๆเช่นกัน                                                                                                                รัก
                                                                                                                               เมืองแมน
ตาบ้าแมน เขียนอะไรก็ไม่รู้ ใครเขาจะเป็นซาลาเปาให้นายกินล่ะ เชอะ! อุ่นจันทน์ตัดพ้อข้อความในจดหมายเมืองแมนอย่างเขินอายเหมือนคนในจดหมายอยู่ข้างหน้าซะอีก อุ่นจันทน์ลอบถอนหายใจเบาๆ ตั้งปลายเดือนเชียวหรอ กว่านายจะกลับน่ะนายแมน อุ่นจันทน์ล้มตัวลงนอนโดยมือยังกุมจดหมายอยู่ 




           เสียงเคาะประตูดังขึ้นในตอนเช้า ยายอุ่น ตื่นรึยังลูก คุณแม่ตะโกนเรียก ตื่นแล้วคะ คุณแม่ น้ำเสียงงัวเงียของอุ่นจันทน์ดังขึ้น มีอะไรคะแม่ ปลุกหนูแต่เช้าเลยค่ะ เมื่อประตูเปิดออก คุณแม่ก็พูดว่า แม่จะมาถามว่าวันนี้หนูว่างมั้ย แม่ได้ข่าวว่าคุณลุงประพจน์กับคุณป้าสุรีย์จะกลับจากอังกฤษวันนี้ แม่กับคุณพ่อก็เลยจะไปรับน่ะ ลูกจะไปด้วยมั้ยจ๊ะ อุ่นจันทน์ฟังแล้วคิดถึงข้อความในจดหมายที่เมืองแมนเขียนมาบอกเธอ ว่าไงจ๊ะ อุ่น ว่างมั้ยจ๊ะ คุณแม่ถามอีกครั้งเพื่อขอคำตอบจากอุ่นจันทน์ อุ่นจันทน์ผงะเล็กน้อยก่อนตอบ ว้า แย่จังค่ะวันนี้ อุ่นมีซ้อมใหญ่ค่ะแม่ เดี๋ยวสิบโมง ยายนิตมารับอุ่นที่บ้านแล้วจะไปที่มหาวิทยาลัยคะ  เสียดายจังเลยนะคะ  ไม่เป็นไรคะเดี๋ยวอุ่นค่อยไปกราบคุณลุงคุณป้าตอนเย็นก็ได้ค่ะ อุ่นจันทน์ปฏิเสธไปอย่างเสียดายแล้วจึงลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมตัวไปข้างนอก



	ภายในสนามบินเต็มไปด้วยผู้คนที่มารอรับญาติของตน คุณพ่อคุณแม่ของอุ่นจันทน์ก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อประชาสัมพันธ์ประกาศเที่ยวบินที่ลงสู่กรุงเทพฯ ผู้โดยสารก็เริ่มทยอยกันออกจากห้องผู้โดยสารและมองหาญาติของตน เอ๊ะ! คุณดูนั่นสิใช่พี่ประพจน์กับพี่สุรีย์รึป่าวคะ คุณแม่พูดพร้อมชี้ให้คุณพ่อดู ใช่คุณ  เอ๊ะ นั่นมันนายแมนนิ กลับมาด้วยหรอเนี๊ย นึกว่าจะตามมาทีหลังซะอีกนะคุณ คุณพ่อพูดพลางโบกไม้โบกมือเรียกสามคนนั้น อ้าว สวัสดีจ๊ะเป็นยังไงบ้าง พี่เกรงใจพวกเธอจังที่ต้องมารับน่ะ มี่จริงแล้วพี่ว่าจะให้รถของสนามบินไปส่งนะ เนี๊ย คุณแม่ของเมืองแมนพูดด้วยความเกรงอกเกรงใจเพื่อนบ้านทั้งสอง สวัสดีครับคุณอา วันนี้อุ่นไม่มาด้วยเหรอครับ เมืองแมนพูดเสียงอ่อยๆคล้ายผิดหวัง อ้อ จ๊ะ ยายอุ่นไม่ได้มาหรอกจ๊ะ วันนี้เขาไปซ้อมใหญ่ละครเวทีของคณะจ๊ะ ละครจะแสดงพรุ่งนี้แล้วจ๊ะ แมนไปดูกับอามั้ยลูกไปดูยายอุ่นเขาแสดง เอ๊ะ! แล้วยายอุ่นเขารู้มั้ยจ๊ะว่าแมนจะกลับวันนี้น่ะลูก อาเองยังนึกว่าแมนจะกลับมาทีหลังซะอีกนะลูก คุณแม่อุ่นจันทน์แก้ตัวให้ลูกสาว เมืองแมนได้ยินดังนั้นก็ได้แต่นิ่งเงียบตลอดทางกลับบ้าน เมืองแมนน้อยใจอุ่นจันทน์ที่ไม่ยอมมารับคุณพ่อคุณแม่ของเขาในวันนี้ เขาอุตส่าห์จะมาทำเซอร์ไพรซ์เธอ ให้เธอดีใจ แต่เขากลับผิดหวังเพราะเธอไม่มา เมืองแมนลอบถอนหายใจหลายครั้งจนถึงบ้าน ก่อนลากันคุณแม่ของอุ่นจันทน์ได้พูดให้ความหวังเมืองแมนว่าอุ่นจันทน์จะมา กราบคุณพ่อคุณแม่ของเขาในตอนเย็น เท่านั้นก็ทำให้ใบหน้าอันเหี่ยวแห้งของเมืองแมนกลับชุ่มชื่นขึ้นมาในทันใด  ตลอดช่วงบ่ายจนถึงเย็น เมืองแมนจดจ่ออยู่กับการมาของอุ่นจันทน์ เขาตื่นเต้นและคิดถึงอุ่นจันทน์  ตลอดระยะเวลาสองปีที่ไปอยู่อังกฤษ แต่เมืองแมนก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง เพราะอุ่นจันทน์ไม่มาตามที่คุณแม่ของเธอบอกไว้ ทำให้เมืองแมนยิ่งน้อยใจที่เธอไม่สนใจหรือตื่นเต้นกับการกลับมาของเขาเลย ทางด้านอุ่นจันทน์เองก็กลับบ้านมาอย่างอ่อนเพลียหลังจากซ้อมใหญ่ละครเวทีมาทั้งวัน อุ่นจันทน์เข้านอนโดยไม่ได้ถามไถ่คุณพ่อคุณแม่ถึงเรื่องที่ไปรับคุณพ่อและคุณแม่ของเมืองแมนเลย และไม่นานอุ่นจันทน์ก็ผลอยหลับไป				
24 มกราคม 2546 18:42 น.

ซาลาเปาอุ่น กับ ผู้ชายแมนๆ

กระปุกแป้ง

"ยายอุ่น  เธอเป็นอะไร  ทำไมหน้าบูดยังงี้ล่ะ"  นิตยาถามเพื่อนสาวของเธอ  ที่นั่งหน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับอยู่ที่โต๊ะม้าหินประจำกลุ่มตน ที่หน้าตึก คณะ อักษรฯ  
    " จะอะไรอีกล่ะ นิต  ก็อีตาแมนสิ มากวนโมโหฉัน"  อุ่นจันทน์ตอบด้วยน้ำเสียงที่อยากจะกลืนกินชายหนุ่มผุ้นั้นซะจริงๆ   "พวกเธอสองคน ทะเลาะกันไม่เบื่อบ้างรึ งัยย่ะ "  นิตยาถามด้วยความสงสัย    ทางด้านอุ่นจันทน์ก้ได้แต่นิ่งเงียบ   ภาพในอดีตก็ค่อยๆฉายขึ้นมาคล้ายกับมีโรงหนังเล็กๆในสมองของหล่อน    
    
       " ภาพแรกที่เธอเห็นก็คือ  ภาพของเด็กผู้ชายตัวเล็กๆใบหน้าคมเข้มใช้ได้ กำลังแย่งตุ๊กตาหมีอันเป้นที่รักของเธอไป  เด้กหญิงอุ่นจันทน์ในตอนนั้นก้วิ่งไล่ที่จะเอาคืน   แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ   เด็กน้อยก็รู้สึกร้อนใบหน้า  น้ำอุ่นไหลออกจากขอบตาของเธอ    เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ     
        "จนกระทั่ง   เด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนั้นโตขึ้นมามีรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าคมเข้ม  เป็นที่หมายปองของสาวๆ  ไม่ว่า สาวน้อย  สาวใหญ่  ในมหาวิทยาลัย   หนุ่มนั้นมีชื่อว่า "นายเมืองแมน"  ซึ่งนั่นแหละ คือศัตรูหมายเลข หนึ่ง ของอุ่นจันทน์เลยทีเดียว  
        " เฮ้ย! ยายอุ่น  ไปเรียนได้แล้ว  มัวแต่เหม่ออยู่ได้"  เสียงนิตยาทำลายความเงียบนั้น  ทำให้อุ่นจันทน์สะดุ้งเล็กน้อย  แล้วลุกเดินไปอย่างเหม่อลอย    
           ตอนเย็นวันเดียวกัน   อุ่นจันทน์รอรถเมล์อยู่ที่ป้ายหน้ามหาวิทยาลัย   ผู้คนส่งเสียงจอแจไปหมด   อุ่นจันทน์ได้ยินเสียงที่คุ้นหู  ร้องทักว่า " อ้าว! ยายซาลาเปาอุ่น   ทำไมมายืนรอรถอยู่คนเดียวล่ะ   ยายนิตซี้เธอไม่มาด้วยหรอ"  เมื่อได้ยินเช่นนั้น  เธอสวนกลับไปทันทีว่า " แล้วนายล่ะ  วันนี้ไม่ไปขายหม้อให้สาวคยไหนหรอ  นายแมนคนขายหม้อ! "  เมืองแมนได้ยินดังนั้น รอยยิ้มที่ฟันครบ 32 ซี่ ก็ค่อยๆหุบลง       
             บรรยากาศกลับมาเงียบเช่นเดิม   ขณะที่รถเมล์สายที่ อุ่นจันทน์รอก็มาเทียบที่ป้าย   ทันใดนั้น  มือใหญ่ๆของเมืองแมนก้กุมมาที่ข้อมือกลมมนของ อุ่นจันทน์  " ไปเร้ว ยายซาลาเปา!  "  เสียงทุ้มนั้นดังตามมาทีหลัง   อุ่นไม่ทันทีจะขัดขืน   เพราะ แรงอันน้อยนิดของเธอไม่สมารถทัดทานแรงของเขาได้  "ทำไมหัวใจเราเต้นแรงอย่างนี้นะ  ยายอุ่น" อุ่นจันทน์คิดในใจ  "ปล่อยมือฉันได้แล้ว  นายแมน"  เสียงกร้าวแข็ง พร้อมด้วยสายตาดุของอุ่จันทน์  ทำให้มือใหญ่ๆนั้นคลายออกจากข้อมือเธอโดยดี      
             ระหว่างทางกลับบ้าน  เธอรู้สึกแปลกใจที่เมืองแมนไม่พูดกับเธอ และไม่ชวนเธอทะเลาะอย่างเคยเลย  หญิงสาวพยายามเหลือบมองใบหน้าของคนที่ยืนข้างๆเธอ  ด้วยความสงสัย และเธอรู้สึกร้อนผาว  เมื่อสบสายตากับเจ้าของใบหน้านั้น   เมืองแมนจึงตัดสินใจทำลายความเงียบนั้น  "อุ่น  ฉันจะไปเรียนต่อที่อังกฤษแล้วน่ะ" เขาพูดขึ้นลอยๆ สีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย  แต่สำหรับอุ่นจันทน์  ข่าวนั้นทำให้เธอตกใจมาก  " อะไรนะ  นายอย่ามาอำฉันเลย  น้ำหน้าอย่างนายหรอ จะไปเรียนต่ออังกฤษ  เชอะ  ฉันไม่เชื่อหรอก "   น้ำเสียงดูถูกของเธอ มันแทงลงไปที่ใจดำของเมืองแมนเลยที่เดียว   "คุรพ่อฉันจะต้องย้ายไปคุมสาขาที่โน้น  ฉันเองว่าจะไปเรียน MBA ที่  โน้นด้วย "       
            เมื่อรู้ดังนั้น  น้ำใสๆก็เปื้อนแก้มชมพูของเธอซะแล้ว  "ทำไมเขาต้องไปด้วย  แล้วถ้าเขาไปแล้ว  เราจะอยู่กับใคร  ใครจะคอยแกล้งเรา  ชวนเราทะเลาะ ให้หายเหงาอีกล่ะ   อุ่นนี่เธอเป็นอะร  ไหนเธอเกลียดเขางัย  เขาเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของเธอไม่ใช่หรอ   เขาไปเรียนต่อก็ดีแล้ว  จะได้ไม่มีใครกวนเธออีกนะ  อุ่น   เธออย่าร้องไห้นะ  เขาอาจจะอำเธอก็ได้  อย่าให้เขาหัวเราะเยาะเธอได้นะ "  ในใจของอุ่นจันทน์เต็มไปด้วย  ความสับสน   เธออยากจะถามเขาว่า  "นายไม่ไปได้มั้ย"  แต่ประโยคที่หลุดออกจากปากอันเรียวสวยของอุ่นก็คือ  "นายจะไปเมื่อไหร่"      
            เมืองแมนเสียใจที่ได้ยินประโยคนี้   เขาอยากจะได้ยิน ประโยคขอร้องไม่ให้เขาไปจากเธอ  "ไอ้แมนเอ๊ย  เขาน่ะอยากให้แกไปจะตาย    เขาจะได้ไม่มีคนมาคอยแกล้ง   หน๋อย!  จะมาให้เขาขอร้องให้แกไม่ไป  ฝันไปแล้ว"  เมืองแมนคิดอย่างน้อยใจ  "ปลายเดือนนี้แหละ"  เขาตอบอ่อยๆ  "งั้นหรอ"  อุ่นจันทน์ตอบแล้วก็เข้าบ้านไป  โดยไม่หันกลับมามองเมืองแมนอีกเลย        
            หลังจากวันนั้น   อุ่นจันทน์ก็ไม่ได้เจอกับเมืองแมนอีกเลย   ทั้งๆที่บ้านอยู่ใกล้กันแท้ๆ   จนกระทั่งเย็นวันหนึ่ง  คุณแม่ได้บอกกับอุ่นว่า "ยายอุ่น  แกจะไปส่งนายแมนกับแม่มั้ย  " เสียงนั้นทำให้ใบหน้าของอุ่นจันทน์ร้อนผาว   "วันไหนล่ะคะ แม่"  เสียงเธอเครือๆ คล้ายกับคนกำลังร้องไห้  "วันพรุ่งนี้  ตอน 9 โมง จ๊ะ  ว่างมั้ย"  แม่ตอบ   อุ่นจันทน์สีหน้าเผือดลง  "ว่างคะ  อุ่นไปด้วยคะ "      
               คืนนั้น  อุ่นจันทน์ไม่อาจข่มตานอนได้  ภาพของเมืองแมนยังวนเวียนในสมองของเธอ  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  อุ่นจันทน์ยกหูขึ้นแล้วกรอกเสียงไปว่า "สวัสดีคะ "  "อุ่นใช่มั้ย  เราเมืองแมนนะ"  เสียงอีกฝ่ายที่ฟังแล้วคุ้นหูเธอ  เสียงนั้นทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้น  ดีใจ เพราะไม่คิดว่าจะโทรฯมาหา  "อุ่นเอง มีอะไรหรอแมน"  น้ำเสียงที่สดใสของอุ่นจันทน์ทำให้อีกฝ่ยใจชื้นขึ้นเยอะ "  เราอยากรู้ว่าเธอจะไปส่งเรามั้ย" น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอยากรุ้ของเมืองแมน  ทำให้อีกฝ่ายยิ้มได้  โดยไม่ได้ตั้งใจ  "ไปสิ  ก็คุณแม่ชวนทั้งทีนิ"  อุ่นจันทน์ตอบกลับอย่างไว้เชิง   "ดีจัง  เออ!  อุ่นเราอยากรู้ว่าเธอจะคิดถึงเราบ้างมั้ย"  เมืองแมนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและต้องการคำตอบจากอีกฝ่าย " เออ! ไม่รู้สิ  ขอคิดก่อนนะ แล้วจะไปบอก    แค่นี้นะ  เราง่วงแล้ว  เจอกันพรุ่งนี้แล้วกัน" อุ่นจันทน์รีบตัดบท เพราะอายในคำถามที่เขาถาม  ทั้งๆที่ในใจจะบอกว่า  "แน่นอนสิ เราต้องคิดถึงนายอยู่แล้ว  เมืองแมน"    

               เช้าวันรุ่งขึ้น  อุ่นจันทน์และครอบครัวเดินทางไปสนามบินแต่เช้า  ภายในสนามบิน  ผู้คนค่อนข้างบางตาเพราะวันนี้เป็นวันธรรมดา  และไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวด้วย  กลุ่มเพื่อนและญาติของเมืองแมนส่งเสียงทักทาย เมื่อครอบครัวเธอมาถึง  " อ้าว! ยายอุ่นก้มาด้วยหรอ  คงดีใจล่ะสิ   ที่ศัตรูหมายเลขหนึ่งไปได้สักที"  เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น   ทุกคนหัวเราะกันสนุกสาน ผิดกับเมืองแมนและอุ่นจันทน์   ทั้งสองมีสีหน้าเผือดลง     
               เสียงประชาสัมพันธ์สาวประกาศเรียกไฟท์บินของเมืองแมนเป็นครั้งที่สอง    ทุกคนร่ำลาเมืองแมนเรียบร้อย   ส่วนอุ่นก็ยื่นจดหมายเล็กๆพร้อมกับของขวัญที่เตรียมมาให้เขา   " เอ้า! แมน เอาไว้ขึ้นเครื่องก่อนนะ  แล้วค่อยเปิดอ่าน"  อุ่จันทน์กำชับเขาเป็นนักหนา  "อุ่น  เราอยากรู้คำตอบเมื่อคืนที่เราถามน่ะ"  เมืองแมนทวงคำตอบตามสัญญาที่เธอให้เขาเมื่อคืน  " เอาเถอะน่า! ไว้อ่านจดหมายแล้วก็จะรู้เองแหละ"  อุ่นจันทน์ตอบอย่างอายๆและรีบตัดบท  เมืองแมนไม่มีเวลาที่จะเซ้าซี้  เพราะต้องเข้าไปในห้องผู้โดยสารแล้ว  "ลาก่อนนะ  ไว้เจอกันใหม่นะ  ยายซาลาเปาอุ่น"   นั้นเป็นประโยคสุดท้ายที่เมืองแมนทิ้งไว้ ก่อนที่จะเข้าไปในห้องผู้โดยสาร    

                    บนเครื่องบิน  เมื่อเมืองแมนเดินหาที่นั่งและเก็บสัมภาระเรียบร้อยก็นั่งลง  เปิดจดหมายของอุ่นจันทน์อย่างสนใจ    

                      "  นายแมนคนขายหม้อ   ไปเรียนที่นั่นตั้งใจนะ    
                         อย่าไปเที่ยวจีบสาวแถวนู้นนะ  อย่าลืมว่า    
                         ซาลาเปาอุ่นลูกนี้ยังรอและคิดถึงนายอยู่นะ  
                                                                
                                                                     จาก  อุ่นจันทน์"    

               ข้อความในจดหมายนั้น ทำให้ใบหน้าของเมืองแมนเต้มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนกับคนที่เขียนจดหมายนั่นยืนอยู่ตรงหน้า  "ฝากไว้ก่อน  ยายซาลาเปาอุ่นไว้กลับมาจะรักซะให้เข็ดเลย  คอยดูสิน่า"   เมืองแมนคิดในใจและยิ้มให้กับจดหมายอีกครั้ง   ก่อนที่เครื่องบินจะมุ่งหน้าไปยังประเทศอังกฤษ  ซึ่งเป็นจุดหมายของเขา 				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระปุกแป้ง
Lovings  กระปุกแป้ง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระปุกแป้ง
Lovings  กระปุกแป้ง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระปุกแป้ง
Lovings  กระปุกแป้ง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระปุกแป้ง