คนบ้านนาฟ้าเมืองหลวง

คนกรุงศรี

	
เคยอยู่นา ป่าเขา ลำเนาหนอง		
มีบึงคลอง ทิวไผ่ ไร่นาสวน
ต้องขุดดิน เผาถ่าน หว่านไถพรวน		   
 ฟังเพลงครวญ ขลุ่ยแผ่ว ดังแว่วมา
บ้านมุงจาก ฟากทำ ด้วยลำไผ่		
จุดขี้ไต้ ไล่ยุง พร้อมหุงหา
กินน้ำพริก ผักต้ม แกงส้มปลา			
มีชีวา อยู่สุข มิทุกข์ใจ
พอขายนา มาเมือง เรื่องจึงยุ่ง		
เริ่มเฟ้อฟุ้ง รุ่งเรือง ที่เมืองใหญ่
อยู่ตึกราม ระฟ้า อ่าอำไพ			
สุดวิไล ในกรุง ลืมทุ่งนา
ตกคืนค่ำ แสงสี ที่วิจิตร			
ใช้ชีวิต กลางคืน ชื่นนักหนา
ทั้งดื่มกิน เที่ยวเตร่ และเฮฮา			
ลืมที่มา ของตัว เริ่มมัวเมา
มีเพื่อนหลาก มากมาย คบหลายหน้า 	
สุขอุรา ช่วยให้ ได้คลายเหงา	
พอหมดเงิน บ่ายเย็น ไม่เห็นเงา			
เริ่มซบเซา ขัดสน คนไม่มอง
คนบ้านนา ฟ้าเมืองหลวง ทรวงชอกช้ำ	
ต้องระกำ เหตุใด ไร้สมอง
เก็บเงินเก่า ก้อนสุดท้าย ที่ขายทอง			
แล้วลอยล่อง กลับนา มาถิ่นเดิม
คนกรุงศรี ฯ			
๑๗/๓/๒๕๕๕
				
comments powered by Disqus
  • เปลวเพลิง

    21 มีนาคม 2555 01:08 น. - comment id 1227906

    อยู่ไหนก้ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา
    โดยเฉพาะชนบทที่มีแต่ธรรมชาติ
    29.gif29.gif29.gif29.gif
  • วาสุ

    21 มีนาคม 2555 10:16 น. - comment id 1227915

    มาแอบอ่านครับ
  • บุญพร้อม

    21 มีนาคม 2555 19:58 น. - comment id 1227941

    กลับวันไหนล่ะ  จะไปส่งครัย

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน