เสียกรุง

ไชยกร

เมื่อเก้าค่ำข้างขึ้นในเดือนห้า
แต่ทิวาฟ้าหม่นสับสนแสน
เมื่อปีกุนปีนั้นช่างขาดแคลน
อันเมืองแมนมลายลับลงอับจน
เสียงปืนใหญ่ระดมยิงอย่างบ้าคลั่ง
เลือดไหลหลั่งดั่งคล้ายเป็นสายฝน
ที่ต่อตีตายตกโศกสกล
ต้องทุกข์ทนอยู่เป็นทาสชาติรามัญ
สูญสิ้นภินท์แล้วแก้วกรุงศรี
อโยธยาธานีบุรีสวรรค์
แสงเพลิงระเริงรุจดุจไฟกัลป์
ชาวประชาล้วนอกสั่นขวัญจร
ทุกสถานกลายเป็นเช่นสุสาน
ฝูงสุวานคอยเฝ้าจะเห่าหอน
อันแร้งกาโฉบทั่วพระนคร
เกิดทุกข์ร้อนลำเค็ญเป็นวุ่นวาย
ลางร้ายก่อนกาลจะเกิดเหตุ
มีอาเพศอาถรรพ์อันหลากหลาย
ทั้งดินฟ้าอากาศก็กลับกลาย
ประหนึ่งคล้ายวิปริตผิดฤดู
ณ ที่วัดพนัญเชิงเกิดนิมิต
พระประทานทรงสิทธิ์สถิตอยู่
น้ำพระเนตรรินหลั่งลงพรั่งพรู
ร่วงมาสู่ที่เบื้องพระนาภี
วัดพระศรีสรรเพชญในวันนั้น
ก็เกิดเหตุอัศจรรย์อันเร็วรี่
พระบรมไตรโลกนาถภูบดี
พระรูปมีรอยแตกที่พระอุรา
ยอดเจดีย์วัดราชบูรณะ
ในปุระยังเห็นกาฬปักษา
บินร่วงลงเสียบร่างมรณา
ทั้งฟ้าผ่าพาดลงตรงกลางวัง
อนิจจาชะตาขาดพินาศแล้ว
อันเวียงแก้วคงแต่แค่ความหลัง
อันอารามงามศิลป์ก็สิ้นพัง
ประดุจดั่งเมืองร้างว่างเปล่าดาย
ธาตรีนี้มีเพียงเสียงโหยไห้
เสียงครวญคร่ำร่ำไรไม่ขาดหาย
เสียงปะทะฆ่าฟันกันล้มตาย
เสียงสุดท้ายสั่งลาด้วยอาลัย
ถึงกรุงศรีอยุธยาจะเสื่อมสิ้น
คนไทยเสื่อมสูญถิ่นที่อาศัย
จะต้องเสื่อมต้องเสียซึ่งสิ่งใด
ไม่เสื่อมใจที่เป็นไทยก็เพียงพอ...
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน