เล่าเรื่องทศชาติ ....พระภูริทัต (ตอนจบ)

กุ้งหนามแดง

จงนำข้าไปหาภูริทัต	
เห็นแน่ชัดคืนให้อย่าไหวหวั่น
ด้วยความโลภโอบจิตผิดทางธรรม์			
นำพราหมณ์นั้นไปสู่ผู้มีคุณ (๖๑)
แล้วรับมอบแก้วมณีอันมีค่า
รับผิดท่าตกพื้นหายไร้เกื้อหนุน
ภูริทัตเห็นพ่อลูกเคยค้ำจุน
เนรคุณพาหมองูจู่โจมกาย (๖๒)
คิดปกป้องตนเองเกรงศีลขาด
เพราะประมาทในจิตมิตรสหาย
จึงตกลงปลงใจในความตาย
ถูกมนต์ร้ายสยบแรงแกล้งใส่ยา (๖๓)
ทรมานเจียนตายเลือดไหลหลาก
ออกทางปากและจมูกถูกตีหนา
ตัดเถาวัลย์สานกระโปรงใส่นาคา
แสวงหาเงินตราค่าแสดง (๖๔)
ไปทุกที่มีคนนำกลเล่น
งูทำเป็นแผ่พังพานงานแสวง
แผ่สามชั้นเจ็ดช่อก็จัดแจง
ทั่วทุกแห่งทุกหนจนร่ำรวย (๖๕)
~ฝ่ายบาดาลมารดานิมิตว่า			
ถูกตัวแขนข้างขวากล้าหนีฉวย
ภูริทัตก็หายไปใจระทวย
บอกลูกช่วยตามกลับมาอย่ารอรี (๖๖)
สุทัศนะรับอาสาตามหาน้อง
บอกพวกพ้องแยกหากันขมันขมี
น้องสองคนเจ้าโทสะอาจราวี
คิดวิธีแยบยลแยกค้นตาม (๖๗)
หิมพานต์คนรองต้องโฉลก
เทวโลกคนสุดท้ายต้องไปถาม
ส่วนตัวพี่โลกมนุษย์เร่งรุดตาม
พร้อมนงรามอัจจมุขีญาติกา (๖๘)
~การแสดงของพราหมณ์แพร่สะพัด
มีดำรัสจากกษัตริย์ให้จัดหา
ท้าวสาครพรหมทัตปิตุลา
ปรารถนาทอดพระเนตรในเขตวัง (๖๙)
ถึงเวลาการแสดงแจ้งเล่นก่อน
งานเมืองร้อนรอสักครู่ดูทีหลัง
พราหมณ์จึงปล่อยนาคาละล้าละลัง
นาคแลหลังชะโงกหัวดูทั่วไป (๗๐)
การดูเหตุเจตนาของนาคะ
หนึ่งหากปะครุฑาลาเลี่ยงได้
หนึ่งถ้าพบญาติมิตรหมดจิตใจ
เล่นไม่ไหวอับอายขายหน้ามี (๗๑)
ภูริทัตเลื้อยมาหน้าพระลาน
เมื่อมองผ่านเห็นสุทัศน์แปลงฤษี
จึงเลื้อยไปซบบาทในทันที
ร่ำไห้ก่อนเลื้อยรี่กลับที่คุม (๗๒)
พราหมณ์คิดว่านาคากัดท่านฤษี
มีมนต์ดีจะรักษาอย่าปล่อยสุม
เสียงฤษีหัวร่อดังยังชุมนุม
งูนี้หรือพิษรุมขุมขนเรา (๗๓)
อย่าว่าแต่พิษเลยไม่เคยคิด
งูตัวนิดคุยเขื่องหาเรื่องเปล่า
เที่ยวโกหกให้เชื่อเหลือ.มอมเมา
คิดว่าเขลาหรือไรไม่รู้ทัน  (๗๔)
พราหมณ์จึงว่าฤษีอวดดีนัก
พิษงูหนักแน่ใจให้ลงขัน
ถ้าไม่เชื่อจงมาท้าพนัน
ฝ่ายฤษีไม่หวั่นท่านให้รอ (๗๕)
ท่านฤษีขอเข้าเฝ้าเจ้ากษัตริย์
กราบทูลชัดยืมเดิมพันท่านกล้าขอ	
พระราชาอนุมัติจัดให้พอ
ไม่รีรอดูประชันท่านเดินตาม (๗๖)	
พราหมณ์นั้นเห็นมาพร้อมกันยิ่งหวั่นไหว
ฤษีไพรคนของวังยับยั้งหยาม
บอกเลิกกันเถิดหนาอย่าเอาความ
เกรงภัยลามจึงว่าอย่าจริงจัง (๗๗)
เพราะโทสะที่ถูกทักว่าลวงหลอก			
จึงย้อนยอกตามอารมณ์ไม่สมหวัง
ขอยืนยันงูมีพิษไม่ปิดบัง	
มีพลังฤทธิ์แรงมิแฝงกล (๗๘)
ท่านฤษีบอกไม่จริงยิ่งลวงหลอก
งูในคอกไร้พิษจิตหวังผล
ขอสู้กันด้วยเขียดน้อยในบัดดล
เขียดของตนพิษร้ายกว่ากล้าต่อกร (๗๙)
เลือดขึ้นหน้าเจ้าพราหมณ์เข้ายามนี้
บอกว่าในปฐพีนี้กระฉ่อน
ควรจะรู้หาใครเทียมเตรียมอ้อนวอน
ฤษีย้อนว่าโกหกปกปิดจริง (๘๐)
ลองมาเทียบกับเขียดข้าอย่าด่วนจาก
รู้ว่านาคแปลงองค์คงน้องหญิง
ปลอมเป็นเขียดตัวน้อยคอยท้าชิง
นั่งอยู่นิ่งบนชฎาแทนคาคอน (๘๑)
จึงเรียกเขียดอัจจมุขีที่แปลงร่าง
อยู่ในทางบนชฎาลงมาก่อน
แบมือรับเขียดน้อยค่อยเว้าวอน
คายพิษร้อนก่อนผละคืนชฎา (๘๒)
พระฤษีประกาศพินาศแน่	
พาราณสีจะแย่แท้หนักหนา
เหตุใดหรือคือคำถามพระราชา
ฤษีว่าพิษร้ายในมือเรา (๘๓)
พราหมณ์เยาะเย้ยเกาหัวดูตัวเขียด
ยิ้มหยามเหยียดเขียดมีพิษดูผิดเหล่า
ราชาบอกทิ้งลงดินถิ่นแห่งเรา
ฤษีเล่ารุกขชาติถึงฆาตตาย (๘๔)
ถ้าอย่างนั้นทิ้งลงในแม่น้ำ	
เหล่าสัตว์น้ำจะสูญพันธุ์ท่านทั้งหลาย
สาดขึ้นฟ้าฝนแล้งแห้งเหี่ยวตาย
กว่าจะหายรอเจ็ดปีมีฝนมา (๘๕)
พราหมณ์ฟังคำต่อหน้าไม่กล้าพูด			
พระราชาถามสูตรเร่งรุดหนา
ทำอย่างไรจะถอนพิษถามสิทธา
ฤษีว่าขุดหลุมลึกสักสามกอง (๘๙)
หลุมที่หนึ่งสมุนไพรนำใส่ท่วม
แล้วรวบรวมมูลโคใส่หลุมสอง
หลุมที่สามใส่ยาทิพย์เต็มปริบซอง
ครบทุกกองโยนพิษลงตรงต้นทาง (๙๐)
พิษร้ายแรงเผาไหม้สมุนไพรหมด
ไม่ละลดลามมูลโค่โร่สว่าง
จนมาถึงหลุมยาทพย์ริบหรี่วาง
ดับลงกลางหลุมสุดท้ายสลายพลัน (๙๑)
พราหมณ์ผู้นั้นไม่คิดพิษจะร้าย			
ยืนอยู่ชายหลุมสุดท้ายไฟรุมขันธ์
ผิวพุพองปอกเปิกเถิกประชัน
ไอพิษนั้นรุนแรงแจ้งแก่ใจ (๙๒)
จึงหลุดปากเรียงร้อยจะปล่อยนาค
ภูริทัตผู้ยากสดับได้
เลื้อยออกจากกระโปรงในทันใด
กลายร่างไปเป็นมนุษย์รุดเฝ้าลุง (๙๓)
ผ่ายสุทัศน์และอัจจมุขี
ทั้งสองศรีแปลงมนุษย์หยุดเรื่องยุ่ง
ไปเข้าเฝ้าถามไถ่ใฝ่ผดุง
สัมพันธ์กรุงพาราณสีก่อนมีมา (๙๔)
สมุทรชามารดาให้กำเนิด
พ่อประเสริฐทศรถมิปดหนา
ขอตัวกลับบาดาลจากนานมา
และจะพามารดามาเยี่ยมเยือน (๙๕)
เมื่อถึงเมืองบาดาลผ่านเรื่องร้าย	
คิดคำนึงถึงพี่ชายหาใดเหมือน
สมุทรชาเยี่ยมเชษฐาหาลืมเลือน	
มิแชเชือนสมจิตคิดตั้งใจ (๙๖)
~ สุโภคะอยู่ริมหิมพานต์
ไม่พบพานพี่ชายจะกรายใกล้
จึงตกลงกลับบาดาลผ่านพงไพร
เห็นพรานไพรชำระบาปอาบวารี (๙๗)
ได้สดับเรื่องราวกล่าวตอนอาบ
เคยทำบาปทรยศหมดราศี
ผิดต่อผู้มีพระคุณมุ่นราคี
แม่น้ำนี้ล้างบาปอาบอยู่นาน (๙๘)
สุโภคะจึงจับมารับผิด	
และให้สิทธิ์ภูริทัตตัดสินขาน
ภูริทัตจึงปล่อยไปไม่ช้านาน
ทั้งศีลทานทำครบจบเรื่องกัน (๙๙)
นับแต่นั้นรักษาศีลจนสิ้นยุค
มีความสุขสบายจนวายขันธ์
เมื่อละรูปสู่เทวโลกอนันต์
เสวยสวรรค์อริยะงามตระการ (๑๐๐)
จบเรื่องภูริทัต..
คติธรรม : บำเพ็ญศีลบารมี
ความโลภนั้นเป็นสิ่งชั่วร้ายเช่นเดียวกับการเนรคุณ แต่ความอดทนย่อมประเสริฐยิ่งนักแล้ว
..				
comments powered by Disqus
  • tiki

    30 พฤศจิกายน 2547 13:15 น. - comment id 381092

    ยาวมากขอเก็บไว้อ่านก่อนนะคะ
    ดีใจที่มีคนตั้งใจเขียนอย่างคุณ กุ้งฯ
  • ลี่...ชวนมาเยือน

    30 พฤศจิกายน 2547 13:36 น. - comment id 381103

    ชื่นชม และ นับถือ คุณกุ้งด้วยความจริงใจนะคะ
    ลี่เชื่อว่า...การเขียนนี้  จะเป็นกุศลทานอย่างหนึ่ง
    กุศลนี้...จะมีแด่คุณกุ้ง และครอบครัวแน่นอนค่ะ
    
    ลี่..เชื่อแบบนั้น
    ..............................................................................................
    ่ลี่...ผู้มาเยือน
    .
    
  • แก้วประเสริฐ

    30 พฤศจิกายน 2547 14:19 น. - comment id 381127

    อนุโมทนาจ้ากุ้ง   เก็บไว้อีกนะ อิอิ
    
                               แก้วประเสริฐ.
  • คนเมืองลิง

    30 พฤศจิกายน 2547 22:31 น. - comment id 381387

    ^_^ ขออนุโมทนาด้วยนะคะคุณกุ้ง สาธุ
  • กุ้งหนามแดง

    1 ธันวาคม 2547 09:11 น. - comment id 381573

    คุณ tiki:
    
    อืม! ว่างๆ ค่อยอ่านก็ดีเหมือนกันค่ะ..พี่ tiki..
    
    xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
    
    คุณลี่...
    
    ขออนุโมทนาค่ะ...การให้เป็นการสะสมอย่างหนึ่ง..
    
    กุ้งจะทำเท่าที่ตนเองทำได้ด้วยความตั้งใจค่ะ..
    
    xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
    
    เพื่อนแก้ว &  คุณอุ๊...เมืองลิง
    
    ขอบคุณสำหรับสุดยอดแฟนพันธ์แท้ ทั้งสองท่านค่ะ..
    
    อนุโมทนาเช่นกันค่ะ..
    
    ..ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน รับชมเรื่องชาดก..
    
    .ขอกุศลทั้งมวลจงบังเกิดแด่ทุกท่านด้วยเทอญ..
    
    
  • คนจำแลง

    2 ธันวาคม 2547 00:04 น. - comment id 382149

    ความหมายไม่แน่นเลย..บางคำก็ยกมาเพื่อให้สัมผัส  ข้อความไม่กระชับต่อเนื่อง..
    
    เยอะนะ ยกมาให้ดูไม่ไหว..การดำเนินเนื้อเรื่องของกลอน ในแนวเล่าเรื่อง..
    
    คุณลองเข้าไปศึกษางานของคุณเวทย์..เรื่องการเดินความ...
    
    ส่วนเรื่องอารมณ์ในกลอน..น่าหา กว่า การเขียนกลบทนัก..ไม่มีวรรคทอง หรือข้อความอมตะ ในกลบทหรอกคุณ...นั่นเป็นการเขียนกลอน ที่ต่างคนต่างสร้างแนวขึ้นมา เพื่อแสดงความสามารถส่วนตัว แล้วก็ทำผังไว้..คุณดูนักเขียนเช่น เนาวรัตน์ หรืออังคาร..กระทั่งมืออาวุโสต่างๆ เขาถือว่า เป็นของเล่น..สำหรับมือใหม่...
    
    พยายามเขียนกลอนแปดสวยๆให้ชัดเจน..หรือไม่ก็กาพย์ต่างๆ ..น่าจะมีประโยชน์กว่า...สักวันเวลาคุณหันกลับมาอ่านกลอนเก่าๆของคุณ  จะได้ไม่ต้องแก้มากนัก...ทศชาติของคุณน่ะ ถ้ารวมเล่ม ไว้แจกกันอ่านเอง..ก็ทำเถอะ..แต่อย่าคิดพิมพ์ขายเป็นอันขาด...จะสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ..
    
    วันนี้ผมเตือน ตรงไปหน่อยนะ..มิใช่ไม่เกรงใจคุณ  เสียงชมเพียงน้อยนิดที่คนอื่นมีให้คุณ..เป็นบรรทัดฐานงานของคุณไม่ได้..
    
    บางครั้งผม ก็คิดนะ ว่าผมจะยุ่งไปทำไม..และผมคงต้องหาคำตอบไปอีกหลายวัน...
    
    งานทุกเรื่องที่ลง..ต้องพยายามให้เนียนที่สุด..ไม่หมั่นใจ ตรวจทานให้ดี หรือส่งมาให้ผมดูให้..ภายหน้าจะได้ ไม่ต้องเสียเวลาแก้นัก...
    
    
  • ชัยชนะ

    2 ธันวาคม 2547 08:16 น. - comment id 382262

    ในทศชาติชาตินี้อ่านแล้ว
    ดูเหมือนจะด้อยคุณภาพลงมาก
    กว่าทุกชาติที่เขียนครับ
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน