เล่าเรื่องทศชาติ...พระเวสสันดร (ตอน๓)

กุ้งหนามแดง

สี่พระองค์เดินทางด้วยรถม้า
เพื่อมุ่งหน้าสู่คีรีเป็นที่หมาย
ม้าเทียมรถวิ่งเหยาะลัดเลาะสบาย
ชมทิวทัศน์หลากหลายชี้ชวนกัน (๖๔)
พราหมณ์พวกหนึ่งติดตามไปขอม้า
กรุณามอบให้มิไหวหวั่น
ราชรถขาดอาชาเรื่องสามัญ
ชะงักงันการสัญจรร้อนองค์อินทร์ (๖๕)
จึงแปลงกายเป็นละมั่งสีดังทอง
เป็นไม้สองลากรถไปไม่จบสิ้น
พราหมณ์อีกพวกทราบข่าวเขาได้ยิน
ธรณินทร์ให้ทานลนลานมา (๖๖)
ครั้นพอทันจึงทูลขอพาหนะ
ทรงสละราชรถตามปรารถนา
ละมั่งแปลงก็หายวับไปกับตา
สี่พระองค์ยาตราไม่ว่าไร (๖๗)
เมื่อพบคนเดินทางหว่างวิถี
ถามทันทีเขาวงกตอยู่ทางไหน
พวกชาวบ้านชี้ทางบอกยังไกล
มุ่งหน้าไปทางโทอีกโขนัก (๖๘)
ทั้งโอรสธิดาเมื่อยล้ายิ่ง	
พ่อไม่ทิ้งอุ้มชาลีที่ตัวหนัก
แม่ยังอุ้มกันหาช่างน่ารัก
เหนื่อยก็พักคลายร้อนผ่อนก็กราย (๖๙)
0 ถึงนครเจตราชมิพลาดผิด
สี่ชีวิตพักร้อนผ่อนเส้นสาย
ความทราบถึงเจ้าเมืองเรื่องกลับกลาย	
อยากถวายเมืองให้เวสสันดร (๗๐)
เพราะทราบเหตุยกช้างสร้างประโยชน์
กลับต้องถูกลงโทษถูกถอดถอน
พระเมตตาป้องปกผสกนิกร
มิควรต้องเร่ร่อนลำบากเลย (๗๑)
องค์พระเวสสันดรย้อนคำกลับ		
มิอาจรับได้หรอกบอกเฉลย
ชาวสีพีเกลียดชังดังที่เปรย
คงไม่เฉยอยู่แน่รู้แก่ใจ (๗๒)
อาจเกิดศึกสงครามลามประเทียด
ความโกรธเกลียดสุงสิงยิ่งไปใหญ่
ขอผ่านทางสู่บรรพตรักษ์พรตไป
มิให้ใครเดือดร้อนวอนจงฟัง (๗๓)
เจ้าเมืองนั้นจึงยอมให้เสด็จ
พร้อมสั่งเสร็จเจตบุตรฉุดกองหลัง
ตามคุ้มกันพระองค์จงระวัง
เมื่อถึงยังสิงขรค่อยย้อนมา (๗๔)
ทำตัวเป็นนายด่านป้องกันไว้	
มิยอมให้ใครเข้าเขตอารักขา 
จะรบกวนองค์กษัตริย์ขัตติยา
รับคำมาก็เดินทางถึงคีรี (๗๕)
ทั้งสี่องค์ทรงบรรลุสู่จุดหมาย
ทั้งหญิงชายถือบวชเป็นฤษี
บำเพ็ญเพียรสร้างสมบารมี
หมดหน้าที่นำส่งคงคุ้มครอง (๗๖)
0 เวลานั้นในแคว้นกาลิงคราช
ยังมีพราหมณ์ไร้มาดผิดเพื่อนผอง 
ชื่อชูชกเป็นขอทานใครผ่านมอง
อาจต้องร้องทันทีนี่หรือคน (๗๗)
ประกอบด้วยโทษสมบัติทั้งสิบแปด
นั่งกรำแดดขออัฐยังขัดสน 
รวบรวมเงินร้อยกษาปณ์อับอายทน
คิดชอบกลกลัวโจรจะปล้นชิง (๗๘)
จึงมีแผนนำเงินมากไปฝากเพื่อน
ขโมยเกลื่อนเดี๋ยวหายใจเกรงกริ่ง
สหายนี้เชื่อถือได้เลื่อมใสจริง
ไม่อยู่นิ่งทะยานไปบ้านเกลอ (๗๙)
จึงโอ้อวดความมั่งมีเป็นที่หนึ่ง
ชูเงินซึ่งรับทานมาหน้าเสมอ
จะเดินทางไปขออีกอำเภอ
ขอฝากไว้กับเธอแล้วเจอกัน (๘๐)
เพื่อนก็บอกขอบใจที่ไว้เนื้อ
ทั้งใจเสือเถือถือคือสมัน
หมั่นหยิบใช้จนลดเนื้อหมดมัน	
ใกล้ถึงวันชูชกจะกลับมา (๘๑)
ฝ่ายตาแก่ขอทานเดินทางกลับ
จะมารับเงินฝากช่วยรักษา
เห็นสหายสองสามีภรรยา
ทำหน้าตาบุญไม่รับจับตัวทวง (๘๒)
เงินของข้าอยู่ไหนไยหน้าซีด
เราล้ำขีดเกินไปใช้ของหวง
ไม่มีเหลือให้นับทรัพย์ทั้งปวง
เจ้าชูชกแทบร่วงเข่าอ่อนแรง (๘๓)
เจ้าเพื่อนเรียกอมิตตดามาเลี้ยงน้ำ	
พอขาดคำเห็นบังอรดังศรแผลง
เฒ่าขอทานตกตะลึงถึงแสดง
มิแอบแฝงความต้องการผ่านท่าทาง (๘๔)
สองผัวเมียตกลงยกลูกสาว
เพื่อขัดดอกเรื่องราวหมดคราวหมาง 
อมิตตดาหอบเสื้อผ้าของนวลนาง
ต้องเหินห่างแยกเรือนเตือนใจตน (๘๕)
เพราะอยู่ในโอวาทของพ่อแม่
หน้าที่แท้กตัญญูอยู่ทุกหน
ไม่อยากเห็นบุปพการีนี้ทุกข์ทน
จึงต้องทนมาอยู่คู่ผัวเมีย (๘๖)
เรื่องชูชก-อมิตตดาหาจบไม่
สายตาใครชาวประชาพาละเหี่ย
ต่างอิจฉาขอทานมันคลอเคลีย
สวยน่ะเมียทั้งวาจาก็น่ารัก (๘๗)
พวกพ่อบ้านต่อว่าภริยาเขา
ดูสิเจ้าตัวอย่างช่างหาญหัก
พูดจ๊ะจ๋าหยิบยื่นชื่นใจนัก
ให้สมัครเป็นศิษย์อมิตตดา (๘๘)
พวกแม่บ้านไม่เห็นดีคำชี้แนะ
มากระแนะกระแหนแผ่ริษยา
ขอทานเฒ่าดีอย่างไรให้บอกมา
ต่างรุมด่าสวดยับให้อับอาย (๘๙)
นางถูกว่าเช้าค่ำล้วนคำเหยียด	
ดังเสนียดใครเห็นเป็นด่าหลาย
จึงไม่กล้าพบปะแสนระคาย
นั่งฟูมฟายอยู่บ้านผ่านระทม (๙๐)
ตาชูชกกลับมาหลังภารกิจ
ถามอมิตตดาไยขื่นขม
นางจึงเล่าหยิบยกที่อกตรม
พวกแม่บ้านระดมแขวะขมทรวง (๙๑)
ต่อไปนี้เห็นจะยากออกจากบ้าน
ฉันสาบานเลิกทุกกิจตะขิดตะขวง
เลิกโพงน้ำหาบหนักทั้งตักตวง
ชูชกบอกทั้งปวงจักทำแทน (๙๒)
อมิตตดาบอกตระกูลไม่ใช้ผัว
จะหมองมัวเสียเปล่าช่างเศร้าแสน
ตาผัวเฒ่าจะซื้อทาสไม่ขาดแคลน		
เมียตีแขนบอกน้องนี้มีวิธี (๙๓)
อยากให้พี่เดินทางสู่วงกต
หาทรงยศเวสสันดรวอนฤษี
ขอลูกทั้งสองคนมาให้ที
เป็นทาสีของเมียไม่เสียเงิน (๙๔)
ตาเฒ่าอ้อนตั้งเดือนกว่าจะถึง	
เมียแกล้งบึ้งจะทิ้งขว้างยอมห่างเหิน
ไม่มีทาสไม่มีฉันแยกกันเดิน
แสร้งทำเมินหน้างอเฒ่าง้องอน (๙๕)
จึงรับปากไปขอรอจนเช้า
เสบียงเข้าสู่ย่ามหมาตามหอน
สู่วงกตเดินทางไกลเมียให้พร
กลัวแกย้อนยักเยื้องเสียเรื่องกัน (๙๖)
เฒ่าถามทางไปตลอดพูดพลอดพล่าม
มาดงุ่มง่ามน่าเกลียดคนเดียดฉันท์
ชาวประชาด่าเพราะเอ็งมาขอปัน
พระทรงธรรม์เวสสันดรจึงร้อนองค์ (๙๗)
ต้องระหกระเหินไปต่างบ้าน
เพราะให้ทานพูนเพิ่มดังเสริมส่ง
ไม่รู้จักทำกินสิ้นคำลง
ปาหินตรงดังตุ๊บบ้างทุบตี (๙๘)
ฝ่ายเฒ่านั้นโดนรุกตุปัดตุเป๋
ไม่หันเหมุ่งสู่คีรีศรี
สะบักสะบอมไม่น้อยถูกต่อยตี
จ้ำเป็นที่เขียวเป็นทางช่างอดทน (๙๙)
จนเข้าเขตเจตบุตรคอยอารักษ์
อุปสรรคหมารุมกลุ้มสับสน
เฒ่าจึงปีนต้นไม้หมายหนีพ้น
หมาเดินวนเห่าขรมเขี้ยวคมวาว (๑๐๐)
แกรำพึงถึงองค์พระทรงเดช
ชื่อพระเวสสันดรมีเรื่องกล่าว
เจตบุตรลดหน้าไม้ฟังเรื่องราว
แกเล่าขาวเป็นดำนำชี้แจง (๑๐๑)
ว่าตัวข้าเป็นทูตจากสีพี	
ราชสาส์นก็มีนำแถลง
ล้วงกระบอกน้ำพริกในย่ามแดง
มากวัดแกว่งเล่าเรื่องเฟื่องไม่เบา (๑๐๒)
ว่าบัดนี้พระราชาอภัยโทษ
และไพร่ฟ้าเลิกโกรธเรื่องเก่าเก่า
จึงส่งตามาก่อนเพื่อเข้าเฝ้า
ทูลเชิญเจ้าของเราสู่พารา (๑๐๓)
เจตบุตรหลงกลเฒ่าเจนโลก
คงสิ้นโศกแล้วหนอรอจับหมา
ผูกในที่แล้วบอกว่าตาลงมา
ชี้ทางว่าไปทางไหนให้เสบียง (๑๐๔)
จึงมุ่งหน้าหาอจุตฤษี
ปดอีกทีท่านเชื่อใจไม่บ่ายเบี่ยง
มุ่งคีรีคันมาศอันลาดเอียง
เดินอีกเพียงนิดหนึ่งก็ถึงแล้ว (๑๐๕)
ตาแกมุ่งจนถึงเขตเขาวงกต
แดดบ่ายหมดเข้าค่ำจำต้องแกร่ว
ถ้าไปขอตอนนี้ไม่มีแวว
คงไม่แคล้วติดมัทรีจะตีกัน (๑๐๖)
ธรรมดาของแม่มีแต่รัก
มิอาจหักห้ามใจให้ลูกนั่น
รอเวลาพรุ่งนี้อีกสักวัน
นางเข้าสู่ไพรวัลย์สมควรไป (๑๐๗)
0 ค่ำคืนนั้นมัทรีมีนิมิต
ชายอำมหิตทัดไม้แดงแกล้งผลักไส
จิกเกศาตบตีมีดาบไว
ผ่าเอาใจเหลือตัวไว้ไม่ต้องการ (๑๐๘)
แม้ร้องขอไม่คืนยืนร่ำไห้
จนตกใจตื่นตะหนกวิตกประสาน
เหงื่อโทรมกายชุ่มเสื้อเหลือประมาณ	
เกิดฟุ้งซ่านคิดถามความสวามี (๑๐๙)
นางมัทรีเดินมาเคาะอาศรม
วโรดมถามกลับใครกันนี่
นางจึงกล่าวข้าพเจ้าคือมัทรี	
พระฤษีทวงสัญญาว่าอย่างไร (๑๑๐)
เราต่างคนแยกกันเมื่อจันทร์ฉาย		
ไม่ก้าวก่ายหมายปลงเรื่องหลงไหล
มีธุระกล่าวมาอย่าร่ำไร
เรื่องอันใดจงเล่าห้ามเข้ามา (๑๑๑)
นางจึงเล่าความฝันปันเรื่องให้
พระจอมไท้ฟังพาทีตีปริศนา
ก็ทราบความพันผูกถึงลูกยา
ชายชราจะมาขอก็พรุ่งนี้ (๑๑๒)
แต่ไม่บอกความจริงทุกสิ่งสรรพ
บอกให้นางระงับวิตกนี่		
ด้วยว่าธาตุของอนงค์คงไม่ดี
บอกมัทรีอย่างนี้ดีกว่าเอย (๑๑๓)				
comments powered by Disqus
  • บินเดี่ยวหมื่นลี้

    24 กุมภาพันธ์ 2548 10:30 น. - comment id 430316

    แวะมาอ่านพระเวสสันดรครับผมคุณกุ้ง..รักษาสุขภาพนะครับอากาศเปลี่ยนแปลงแล้วครับผม
  • ลำน้ำน่าน

    24 กุมภาพันธ์ 2548 10:58 น. - comment id 430333

    ติดตามอ่านมาทุกๆ บท จนถึงบทนี้ เขียนได้งดงามมากครับ น่าจะรวมเล่มไว้เป็นสมบัติทางวรรณกรรม
    
    
  • แม่จิตร

    24 กุมภาพันธ์ 2548 13:11 น. - comment id 430396

    เฮ่อ 
    หว่าจะอ่านจบ
    เห็นด้วยกับคุณ ลำน้ำน่าน มาก ๆ เลยนะครับ
    คุณกุ้ง เห็นคุณเขียนงานอย่างงี้บ่อยแล้วอ่ะครับ
  • )))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((

    24 กุมภาพันธ์ 2548 13:46 น. - comment id 430422

    แต่งนานมัยครับยาวจังงงงงงงงงงง
    แต่งได้ดีมากครับ  แต่ยาวมากอ่านทั้งวันคงไม่หมดแน่   แต่ก็จะอ่านให้หมดนะ
    
    แวะมาเป็นกำลังใจให้ครับ
  • คิม รักนะ

    24 กุมภาพันธ์ 2548 14:21 น. - comment id 430450

    เจอตอนสามเลยนะคะ
    ขอตัวกลับไปอ่านตอน1,2ก่อนนะคะ
    ชื่นชมนะคะ
  • ทิฆัมพร

    24 กุมภาพันธ์ 2548 16:40 น. - comment id 430563

    ว้าว...นับถือจ้า  นับถือในความเพียรอันยิ่งยวด สร้างงานได้น่าอ่านมาก ๆจ้า
  • คนเมืองลิง

    24 กุมภาพันธ์ 2548 16:44 น. - comment id 430568

    เห็นด้วยกับคุณลำน้ำน่าน อีกหนึ่งเสียงค่ะ
    
    ขนาดคนอ่านยังเหนื่อยเลย คุณกุ้งแต่งได้เก่งมากๆเลยค่ะ สุดยอดจริงๆ
  • เพียงพลิ้ว

    24 กุมภาพันธ์ 2548 17:10 น. - comment id 430598

    กานต์รออ่านตอนจบนะคะคุณกุ้ง 
    
    
  • namsai

    24 กุมภาพันธ์ 2548 18:56 น. - comment id 430658

    
    ++
    
    ..งานงาม..ได้ความรู้ด้วย..
    
    ++
    
    ^__^
    
    
  • ผู้หญิงไร้เงา

    24 กุมภาพันธ์ 2548 22:35 น. - comment id 430785

    สนุกจังเลยค่ะ จะอ่านต่อไปนะค่ะ ขอบคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ สำหรับเรื่องดี ๆ ที่แต่งให้อ่าน
  • พุด

    25 กุมภาพันธ์ 2548 07:51 น. - comment id 430939

    ชื่นชมศรัทธางานงามคุณกุ้งมากค่ะ
    ตามอ่านละเอียดทุกเรื่องรจนา
    คอมพุดไม่ดีเลยทักทายได้ทีละคนสองคนค่ะ
    ตั้งใจจะใช้ให้พังคามือเลยค่ะอิอิ
    พุดรักงานแนวธรรมะรรมชาติค่ะ
    
    รักมากนะคะ
    ธรรมสวัสดีค่ะ
    
  • กุ้งหนามแดง

    25 กุมภาพันธ์ 2548 08:56 น. - comment id 430947

    ตอบกลับ...
    
    คุณบินเดี่ยวหมื่นลี้...
    
    นกเดี่ยวก็รักษาสุขภาพด้วยเช่นกันค่ะ...ร้อนมากเลยน่ะ อย่าตากแอร์มากน่ะ..
    
    .....................................................................
    
    คุณลำน้ำน่าน..
    
    ก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันค่ะ แต่คงหยิบงานทั้งชุดมาเกลาอีกครั้งก่อนพิมพ์ค่ะ..คงต้องเพิ่ม-ลดตามสมควร..
    
    .....................................................................
    
    คุณแม่จิตร..
    
    อืม! ก็เขียนตั้งแต่ต้นจนจบน่ะค่ะ...ความตั้งใจแต่แรกมีไว้อย่างนั้น...คงใกล้สำเร็จแล้วกระมัง..
    
    ....................................................................
    
    คุณผลิใบ..
    
    แต่งไม่นานค่ะ...สำหรับตอนนี้ (บทที่ 64-114)ประมาณ ห้าชั่วโมงค่ะ..(เขียนวันมาฆะบูชา) 
    สมองปลอดโปร่งก็จะเขียนได้ดีค่ะ..
    
    บางตอนสี่ห้าวันไม่ได้สักบทก็มีค่ะ..แล้วแต่อารมณ์ ความคิดขณะนั้นน่ะ กุ้งว่า..
    ...................................................................
    
    คุณคิม รักน่ะ..
    
    ขอบคุณค่ะ ..มีคอมเมนต์ใดก็ยินดีรับฟังน่ะค่ะ..
    ไม่เจอกันนาน สบายดีน่ะค่ะ..
    ...................................................................
    
    คุณอุ๊..เมืองลิง..
    
    อ่ะน่ะ ขอบคุณตัวเองมากเลยที่ให้กำลังใจเค๊า จนเขียนมาใกล้จบแล้ว...ขอบคุณจริงๆ ค่ะ...
    
    อย่าลืมน่ะเจอบิ๊กกันที่บิ๊กลิง หลังเขียนจบ..อิอิ..
    ...................................................................
    
    คุณกานต์...เพียงพลิ้ว
    
    คาดว่าอีกสักพักน่ะค่ะ...ขอเวลาเหลาดินสอสักกะหน่อย...ดมยาดมด้วย..
    
    ...................................................................
    
    คุณน้ำใส
    
    ขอบคุณค่ะ...งานคุณก็งามและชื่นชมเช่นกันค่ะ..
    
    ...................................................................
    
    คุณตูน...ไร้เงา
    
    อืม! ขอเราไปตีความตอนพระเวสสันดร ยกลูกก่อนน่ะ..แล้วจะมาเขียนต่อ....
    
    ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ..
    ...................................................................
    
    พี่พุด
    
    คิดถึงพี่พุดเสมอค่ะ...รักษาสุขภาพด้วยค่ะ..
    
    กุ้งรักงานทุกชิ้นที่เขียนค่ะ...สุขสวัสดีเช่นกันค่ะ
    .....................................................................
    
    กุ้งหนามแดง..
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน