ก่อนอุษาจะสาง

อัลมิตรา


..๏ บ น ล า น จั น ท ร์ รั ญ จ ว น อ บ อ ว ล รั ก
เ ยื่ อ ใ ย ถั ก แ ท น แ พ รบ า ง ห่ ม ร่า ง ข วั ญ
ร า ต รี เ ริ่ ม ม น ต์ ร่ำ ส า น สั ม พั น ธ์
ก ร ะ ซิ ก สั่ น ก ร ะ ซิ บ แ ก้ ว เ พี ย ง แ ผ่ ว เ บ า
แ ส ง จั น ท ร์ น ว ล เ นื้ อ เ นี ย น ใ จ เ จี ย น ข า ด
ไ ฟ ส ว า ท อ่ อ น โ ย น แ ต่ โ ช น เ ผ า
เ นื้ อ ต่ อ เ นื้ อ อิ ง แ น บ แ อ บ อุ่ น เ น า
ก า ย ใ จ เ ร า ร่ ว ม ผ ส า น ห ว า น ล ะ มุ น
โ ด ย ดื่ ม ด่ำ ล้ำ ลึ ก รู้ สึ ก ไ ด้
ล่ อ ง ล อ ย ใ น ค ว า ม ฝั น อั น อ บ อุ่ น
ทุ ก นุ่ ม น ว ล เ ส น่ ห์ เ นื้ อ เ ธ อ เ จื อ จุ น
ค ว า ม ห อ ม ก รุ่ น ก ล่ อ ม ใ ห้ ใ จ ร ะ รั ว
ร า ว ค ลื่ น โ ถ ม โ ล ม ห า ด ไ ม่ ข า ด ส า ย
จ น ห ลื บ ท ร า ย ซั บ ฟ อ ง เ จิ่ ง น อ ง ทั่ ว
ห ย า ด น้ำ ผึ้ ง พ ร ะ จั น ท ร์ ยิ่ ง ก ลั่ น ตั ว
ยิ่ ง พั น พั ว พ ร่ำ พ ล อ ด ต ล อ ด คื น   ๚ะ๛ 
 
				
comments powered by Disqus
  • ผีขี้เมา

    3 มิถุนายน 2547 09:33 น. - comment id 279230

    ..หุยยยย...
    
  • ก.กุ้ง

    3 มิถุนายน 2547 10:33 น. - comment id 279243

    ตื่นไปทำงานได้แล้วจ๊ะ...
    ..
    เอ๊ก อี๊ เอ๊ก เอ๊ก..
    ..
  • ทักทาย

    3 มิถุนายน 2547 11:40 น. - comment id 279269

    สวัสดีคุณอัลมิตรา...
    คุณฟ้าใหม่..
    คุณน้าสิบ(คุณผีขี้เมา)
    คุณก กุ้ง คุณกุ้งหนามแดงใช่ไหมจ๊ะ..
    คุณมาร์ตี้..จ๋า...ทักแวะมาเยี่ยมคุณค่ะ..
    คิดถึง.. จัง...  เลย..
  • พิกุลทอง

    3 มิถุนายน 2547 12:37 น. - comment id 279290

    อ่นแล้วเสียว ดีแท้ แหมมันน่า..
    อัลมิตรา พาใจ ให้ลุ่มหลง
    สุดยอดมาก ฝากใจ ให้ตรงตรง
    ขอให้จง รักษาศิลป์ ปิ่นอักษรา
    
    ก่อนอุษาสาง บูร้รรรรรรรรรรรร
  • ลี่...ผู้มาเยือน

    3 มิถุนายน 2547 13:30 น. - comment id 279330

    ^_^    (ไม่กล้าตอบค่ะ คิคิคิ)
    ..........................................
    
  • ม้าก้านกล้วย

    3 มิถุนายน 2547 14:05 น. - comment id 279369

    ริ้นริ้น พิลาป ร่ำ ใยฤาเจ้า
    สะอื้นเศร้าโศกใด ขอให้เฉลย
    อกนี้ อุ่นนี้ พี่มิเคย
    สุดฤทัยให้เชย ให้ชิดชม
    
    หวานเจ้าหวาน รำพัน หรรษาสุข
    อ้อนซุก อกขลุก ปลุกเสพสม
    ช้อนเอวองค์อ่อน รอนอารมณ์
    เนินพนมปทุมนางช่างยวนเย้า
    
    อิงแอบไออุ่นละมุนละม่อม
    จุมพิตถนอม ปรางน้อง ละอองเฉลา
    ประโลมโนมนวลเกลี้ยงเพียงแผ่วเบา
    ประเทียบเนาว์ประทับนัยแม้วายวาง
    
    ปะทะถากผากผาชะง้าเงื้อม
    ละลิ่วเลื่อมละโลดล่องผ่องสล้าง
    ซุกไซร้แทรกชำแรกเบิกเพิกไพรพราง
    เคว้งคว้าง เลื่อนรุดฉุดประดี
    
    พายุคลั่งตั้งเค้าเข้าโพยพัด
    ลมตระบัดฟาดโหมโถมเต็มที่
    แทบถลาล้มทรุดหลุดชีวี
    ตั้งใจเข้มเต็มที่จะโบกบิน
    
    มั่นใจเรียมเถิดเจ้าเฝ้าตระกอง
    ปกป้องน้องข้ามสีทันดรสิ้น
    สู่ทิพยละหานวิมานอินทร์
    ไปพบจินตนาการอันหวานล้ำ
    
    หลับเถิดอ้อมกอดพี่คืนนี้จะป้อง
    คอยปลอบน้องปลาบปลื้มจนดื่มด่ำ
    จะขับกล่อมบรรเลง เพลงลำนำ
    พูดซ้ำซ้ำจากใจรักจากใจจริง
    
  • รดา

    3 มิถุนายน 2547 14:12 น. - comment id 279374

    แ ส ง จั น ท ร์ น ว ล เ นื้ อ เ นี ย น ใ จ เ จี ย น ข า ด
    ไ ฟ ส ว า ท อ่ อ น โ ย น แ ต่ โ ช น เ ผ า
    เ นื้ อ ต่ อ เ นื้ อ อิ ง แ น บ แ อ บ อุ่ น เ น า
    ก า ย ใ จ เ ร า ร่ ว ม ผ ส า น ห ว า น ล ะ มุ น
    
    ..ชอบมากมากค่ะ...
  • ฟ้าใหม่

    3 มิถุนายน 2547 14:20 น. - comment id 279382

    ศิลป ในการใช้ภาษา..ของกลอนตลาด ค่อนข้างอ่านได้ชัดเจน...ถ้าเคยอ่านวรรณคดีเก่าๆ จะเห็นว่า..บทอัศจรรย์บางบท..ภาพชัดกว่า2บท ข้างบนนี้มาก...
    
    อย่างเช่นเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอน เข้าหานางพิม.. หรือกาพย์ พระไชยสุริยา..  ลิลิตพระลอ..
    
    ให้ดูที่การใช้คำให้ความหมาย..ใครจะสร้างวิญญาน ใต้อักษร ได้เหมาะสมสะสวยกว่ากัน....
    
    ในโลกของการเขียน ความต่างอยู่ที่จินตนาการและความละเอียดอ่อนของอารมณ์ ที่จะสื่อให้คนอ่านเข้าใจ...
    
    เพียงแต่ว่า อ่านแล้วเข้าใจได้แบบคนที่เข้าใจแนวภาษาศิลป..หรือไร้ความละไมคิดไปเป็นเรื่อง บัดสี..ที่อาจจะติดตัวอยู่ตลอด..
    
    อ้อ..ตอนลงผมเอาออกสองบทนะ  เลยขาดไปบ้าง  ถ้าลงครบอาจมีคนไม่สบาย..สวัสดีครับ..ค่ำๆ จะมาดูใหม่
    
  • แก้วประเสริฐ

    3 มิถุนายน 2547 14:28 น. - comment id 279386

    ก่อนอุษาฟ้าสางพลางครุ่นคิด
    เคยสนิทแนบเนื้อนางใจนั่น
    พริ้มเพริศเลิศลักษณ์วิลาวัลย์
    แสนสุขสันต์จนตะวันแผดมา
            มาบัดนี้ตะวันพลันส่องแล้ว
    เสียงเจื่อยแจ้วสกุณาเริ่มฟ้ากล้า
    ความสุขในอดีตผ่านช่างโรยรา
    โอ้วาสนามานั่งคอยผู้เดียว.
    
                    แก้วประเสริฐ.
    
                      แก้วประเสริฐ.
    
  • ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

    3 มิถุนายน 2547 14:56 น. - comment id 279397

    อัศสะจอรอหันการันต์ยอ
    อุษารอรุ่งสางกลางเปลวฝัน
    สงสารเจ้าแมลงน้อยผึ้งพระจันทร์
    ร่วมแรงกลั่นน้ำหวานจันทร์รัญจวน..
    
    ทำงานกันหามรุ่งหามค่ำจนตาโรย...อิอิรูปสวยจัง
  • เจ้าสาวแห่งโลกวิญญาณ

    3 มิถุนายน 2547 15:00 น. - comment id 279401

    หวานจริงนะเจ้าคะ!
    มาชื่นชม+เป็นกำลังใจจ้า
    
  • ผู้เฒ่า

    3 มิถุนายน 2547 15:17 น. - comment id 279418

    อู้งาน เข้ามา..ว่าจะลงกลอนสักเรื่อง..มาเจองานของเด็กน้อย..อื่อ..ใช้ภาษาได้สวยงามดีนะ ..
    ไม่ได้เจอกันหลายวัน แอบเขียนเรื่องนี้เอง ซุกซนใหญ่แล้ว...
    ของหลานเราไม่ได้เรื่อง..เสียเวลาสอนจริงๆ...
    นึกยังไงถึงเขียนบทอัศจรรย์..ระวังคนไม่เข้าใจนะ...สวัสดี.อย่าซุกซนมากนักลิงน้อย..
  • ผู้หญิงไร้เงา

    3 มิถุนายน 2547 21:37 น. - comment id 279556

    กลอนไพเราะมากๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ มาชื่นชมผลงานนะค่ะ
  • มัดหมี่ค่ะ sun strom

    3 มิถุนายน 2547 21:38 น. - comment id 279557

    เพราะมากค่ะ
    รูปสวยมาก
    
    หวาน
    อบอวล
    เนื้อนวล
    บริสุทธิ์
    ผุดผ่อง
    
    อืมมม อืมมม 
    เฮ้อออออออออออออ
  • อัลมิตรา

    3 มิถุนายน 2547 22:37 น. - comment id 279619

    คุณฟ้าใหม่ ... อืมม กลอนของคุณทำให้สถานการณ์บางอย่างเป็นไปในทางมิสู้ดีนัก อัลมิตราคงไร้ความสามารถจะเขียนกลอนตอบคุณได้ในลักษณะเช่นนี้ .. คือว่า อยากให้คุณปรับเขียนเป็นแบบแนวอุปมาโวหารได้ไหมคะ แล้วอัลมิตราจะรอตอบ ค่ะ
    
    น้าสิบ ... คิดถึงจังค่ะ ที่ร้องหูย เนี่ย คงไม่ใช่กลอนของหลานนะ กว่าจะเขียนจบสี่บทนี้ใช้เวลาตั้งสามวันเชียวค่ะ
    
    คุณพิกุลทอง ..ขอบคุณมากค่ะ จะพยายามหมั่นฝึกฝนต่อไปค่ะ 
    
    คุณลี่ .. :) อัลมิตราเอง แต่ละวรรค กว่าจะจบบท ก็ต้องมองซ้าย-ขวา อายเพื่อนจะมาเห็นค่ะ แอบขำเอาหัวก้มลงไปในลิ้นชักก็หลายรอบค่ะ
    
    คุณม้าก้านกล้วย .. เห็นบทกลอนของคุณที่ตอบมานี้ ดีจัง ที่คุณใช้ภาษาสื่อออกมาในเชิงพรรณาได้งดงามค่ะ อัลมิตราตอบคุณไปแล้ว ในกระทู้กลอนของคุณ
    
    คุณรดา .. ขอบคุณมากค่ะ  เขียนเว้นวรรคทีละตัวอักษรแบบนี้ แบบว่า ..อ่านยานคาง 555 แล้วจะรู้สึกแปลกๆนะคะ ลองดูสิ
    
    
    คุณกุ้งหนามแดง ... วันนี้ไปทำงานแต่เช้าเลยค่ะ หนีสภาวะคนเมืองในชั่วโมงเร่งด่วน มาเปิดเครื่องอ่านข่าว เขียนโน่นนี่ไปเรื่อยค่ะ
    
    คุณทักทาย... คิดถึงมากมายนะคะ สบายดีมั๊ย หลายวันที่ผ่านมา อัลมิตรางานเพียบ (ติดอ่านล่องไพรอีกต่างหาก)
    
    คุณฟ้าใหม่ .. อ๊ะ ตอบอีกหน.. อ่านบทกลอนของคุณแล้ว ตกสัมผัสไปสองบท ตื่นเต้นไปเขียนไปแน่เทียว อัลมิตราเองมีหนังสือลิลิตพระลอ เป็นต้นแบบ และเคยอ่านในลักษณะบทอัศจรรย์ในวรรณคดีเล่มอื่นๆบ้าง  ก็รู้สึกว่า กวีไทยนี่เก่งเหลือเกินที่สามารถโยงเอาธรรมชาติเข้ามารับสัมผัสกับความรู้สึกอันละเมียดละมัยได้  ก็เลยลองดูบ้างค่ะ ผิดพลาดอย่างไร ก็ขอน้อมรับคำติชม ค่ะ
    
    คุณแก้วประเสริฐ .. ขอบคุณมากค่ะ 
    
    พร่างเพ็ญพรายคล้ายเพ็ชรดังเกร็ดแก้ว
    ใกล้รุ่งแล้วพรากไกลคล้ายแผดเผา
    เนื้อต่อเนื้ออิงแอบแนบบรรเทา
    รักรุมเร้าเร่งให้ใจรัญจวน
    
    คุณฤกษ์ ..ขอบคุณมากค่ะ (วันนี้ไม่แซวแฮะ เอาไปเลย สองแต้ม)
    
    รุ่งแสงสีสุรีย์ย้ายฉายฉาดแสง
    เช่นกลั่นแกล้งให้ไกลคล้ายเชือดเฉือน
    จำผละร่างห่างเจ้าราวบิดเบือน
    อยากให้เหมือนรัตติกาลอันอุ่นใจ
    
    คุณเจ้าสาวแห่งโลกวิญญาณ .. ขอบคุณมากค่ะ
    
    คุณผู้เฒ่า .. คำก็วานรน้อย คำก็ลิงน้อย เด็กน้อย .. อัลมิตรามีคำตอบสำหรับคุณผู้เฒ่าค่ะ 
     เริ่มแรกเลย อัลมิตราหัดเรียนโคลงมาก่อนเรียนกลอน ดังนั้น หนังสือปฐมบทแห่งการเรียนรู้นั้น คือ ลิลิตพระลอ ซึ่งมีบทอัศจรรย์หลายต่อหลายแห่ง แรกๆก็อ่านผ่านๆไปด้วยความเป็นผู้หญิง .. อาย.. แต่แล้วก็อดทึ่งไม่ได้ ในลีลาของการเขียนโคลงเชิงนี้ และเมื่อประมาณเดือนตุลาคม ปี ๒๕๔๗ ที่อาศรมชาวโคลง มีกระทู้ของชาวอาศรมที่ตั้งขึ้นมา
    โดยอกนิษฐ์ว่า ทอรักถักฝัน ..  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W1836417/W1836417.html
    จึงเป็นที่มาของความรู้ทั้งมวล ที่บรรดาครู พี่ๆ ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธเมรัย นิรนาม และท่านอื่นๆ (คงต้องกล่าวอ้างถึง) นำมาแบ่งปันความรู้ให้กับบรรดาสหายที่อยู่ในอาศรม ตรงนี้คงต้องเกริ่นบทความมาสักเล็กน้อย เพื่อให้เข้าใจกันอย่างถูกต้อง
    
    บทอัศจรรย์ คือ บทกลอนหรือบทร้อยกรองที่แสดงออกถึงอาการโอ้โลมปฏิโลม ตลอดไปถึงบทบรรยายถึงการมีสันถวสัมผัสระหว่างตัวละครฝ่ายหญิงกับตัวละครฝ่ายชาย แต่แทนที่จะเป็นการบรรยายแบบใช้คำพูดและตัวอักษรที่ชี้ออกมาตรงๆ ก็กลับเป็นการใช้ความสามารถในเชิงกวีและถ้อยคำอันวิจิตรอลังการให้มีนัยบ่งชี้ถึงปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างสองฝ่ายแทน ใช้ความสวยงามและความไพเราะของถ้อยคำมาตกแต่งและกลบเกลื่อนความรู้สึกอันชวนให้คิดไปในเชิงลามกอนาจารเสีย แต่การจะรังสรรค์หรือกลบเกลื่อนได้สนิทเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในเชิงวรรณกวีของผู้แต่งเป็นสำคัญ (พงศ์ พระยาจักร : บทอัศจรรย์-เสน่ห์แห่งวรรณคดีไทย)
    
    ตัวอย่างเช่นบทอัศจรรย์ จากลิลิตพระลอ ออกมาเป็น ๒ เหตุการณ์ คือ บทอัศจรรย์ระหว่างนางรื่นนางโรยและนายแก้วนายขวัญ ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของทั้งสองฝ่าย คือ พี่เลี้ยงของ พระเพื่อนพระแพง กับ พี่เลี้ยงของพระลอ  เป็นเหตุการณ์หนึ่ง และบทอัศจรรย์ระหว่าง พระเพื่อนพระแพง กับ พระลอ เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง ใครมีหนังสือลิลิตพระลอ ลองเปิดตามไปนะคะ
    
    ลิลิตพระลอนั้นเป็นเรื่องของหญิงไปหาชายด้วยความหลงรูปอันงดงาม ใฝ่ฝันอยากจะเห็นอยากจะได้พบ อยากจะได้รักผู้ชายทีได้ยินเพียงคำร่ำลือ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล จนต้องมีการทำมนต์เสน่ห์จากฝ่ายหญิง
    
    นางรื่นนางโรย และนายแก้วนายขวัญ เป็นพี่เลี้ยงของทั้งสองฝ่าย ที่พยายามจะช่วยเจ้านายตัวเองให้ได้เสียกัน ทำทุกวิถีทางทั้งเวทมนต์คาถาหรือไปขับซอเพื่ออวดความงามของพระเพื่อนพระแพงให้พระลอหลงใหล บุกป่าฝ่าดงเดินทางไกลเพื่อให้เจ้านายได้พบกัน แม้บ้านเมืองจะเป็นศัตรูกัน กลายเป็นความรักอันยิ่งใหญ่ถึงกับเอาชีวิตเป็นพลี เป็นความรักที่ลุ่มหลงงมงาย เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ไม่มีอะไรมาเสมอได้
    
    ฉากอัศจรรย์เกิดขึ้นเมื่อ พระลอ พร้อมพี่เลี้ยงนายแก้วนายขวัญ ตามไก่มาแล้วปลอมตัวหลบเข้าไปเที่ยวในสวนของเพื่อนแพง
    
    ด้วยหัวใจระอุด้วยไฟรัก เพื่อนแพงรบเร้าให้นางรื่นนางโรยเดินทางไปตามหาพระลอที่สวน มาพบกับนายแก้วนายขวัญที่กำลังเล่นน้ำอยู่ในสระ ยังไม่ทันจะถามชื่อแซ่กันด้วยซ้ำเกี้ยวพาราสีอยู่ไม่นานก็ชวนกันเสพสังวาสในสระนั้นแล
    
    ในระหว่างเล่นน้ำในสระด้วยกันนั้น โคลงแต่ละบทเปรียบเทียบและใช้สัญลักษณ์ในทางสังวาสได้อย่างงดงามทุกโคลง
    
    
    ๏ นางโรยนางเรียกด้วย..........คำงาม
    ขวัญอ่อนดั่งขวัญกาม...............ยั่วแย้ม
    ใบบัวหนั่นหนาตาม.................กันลอด ไปนา
    หอมกลิ่นบัวรสแก้ม..................กลิ่นแก้มไกลบัว
    
    ๏ ใบบัวบังข้าขอบ...................ใจบัว
    ดอกดั่งจะหัวรัว.......................เรียกเต้า
    เชยชมภิรมย์ชัว......................ซมซาบ บัวนา
    ถนัดดั่งเรียมชมเจ้า.................พี่เหล้นกับตน
    
    ๏ บัวนมบัวเนตรหน้า..............บัวบาน
    บัวกลิ่นขจรหอมหวาน..............รสเร้า
    บัวสมรละลุงลาญ.....................ใจบ่า นี้นา
    บัวบาทงามจวบเท้า...................เกศแก้วงามจริง
    
    ๏ โกมุศกาเมศแก้ว................โกมล พี่เอย
    หอมกลิ่นจงกลกล....................กลิ่นแก้ว
    จงกามินีปน............................รสร่วม กันนา
    จงกอบอย่ารู้แคล้ว...................ก่อเกื้อกรีฑา
    
    ๏ สรนุกบัวซ้อนดอก...............บัวพระ พี่นา
    ปลาช่อนปลาไซ้พระ................ดอกไม้
    สลิดโพตะเพียนพะ..................กันชื่น ชมนา
    รวนเพรียกแนมหลิ่งไสร้.........เหยื่อหย้ามฟูมฟอง
    
    ๏ สนุกข้างนี้แนบ....................จอมใจ พี่เอย
    สองสนุกกันใน........................ฝ่ายนั้น
    ทำขวัญสนุกใด........................จักดุจ นี้เลย
    หนีซอกซอนซ้ำหั้น...................เชิดชู้เทียมรงค์
    
    
    ส่วนที่อัลมิตราอ้างถึงตำราจบแล้ว  ดังนั้น ก่อนที่จะมีผู้ใดแสดงความคิดเห็นเชิงวิวาทะ ก็ขอให้ไต่ตรองเสียก่อนเพราะว่าสิ่งที่นำมาปรากฏในตัวอักษรนั้น  จะฟ้องความเป็นมา พื้นฐานของจิตใจในแต่ละปัจเจกบุคคลหรือเปล่า  บทพรรณาเชิงสังวาสที่มีการแต่งจินตนาการให้งามพริ้ว โดยดึงเอาความงดงามทางธรรมชาติ เข้ามาเป็นบทพรรณาโวหารนั้น จะเรียกอีกนัยหนึ่งก็ได้ว่าเป็นบทอัศจรรย์ หรือ บทกามาวิจิตร โดยพื้นฐานของผู้ที่มีจิตใจสูง ย่อมมองว่าการเสพย์สังวาสนั้น บังเกิดจากความงดงามของสภาวะจิตใจในขณะนั้น และในเชิงกวี การเลือกสรรถ้อยคำมาอุปมาก็ล้ำลึก เรียงร้อยเป็น บทสุนทรีย์ดังกล่าวถือว่าเป็นศิลปะการบรรยายและเรื่องของการใช้จินตนาการ สิ่งสำคัญในการอ่านร้อยกรองบทอัศจรรย์นั้น ผู้อ่านควรดูบริบททั้งหมด .. ไม่ใช่หลับหูหลับตา และกล่าวคำพิพาทว่า โจ่งแจ้ง ลามก ซึ่งข้อเท็จจริงก็ปรากฏออกมาให้เห็นอยู่แล้วว่า ภาษาไทยคือวรรณกรรมอันวิจิตรที่สามารถนำสื่อขึ้นมาเปรียบเทียบโดยบทบังความลามกสกปรกนั้นไปจนสิ้น จนเหลือแต่ความเป็นศิลป์ในเนื้อแท้
    
    อะไรคือศิลปะ ควรแยกแยะให้ออก  เพราะว่า ถ้าจะให้ลามก ก็เขียนออกลามกได้ แต่ถ้าจะซ่อนความให้จินตนาการ มันก็สวยงาม โดยไม่ลามกเลย  ตรงนี้ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษา เพื่อสื่อ เรียกภาษาชาวบ้านก็คงเรียกว่าการใช้อรรถรสในการเรียงร้อยสำนวนนั่นเอง
    
    เปิดใจให้กว้างสักนิด ตรองโดยใช้สมองสักหน่อย  ควรดูอย่างถ่องแท้ และทำความเข้าใจรอบด้าน ไม่ใช่เชื่อฝ่ายเดียว แล้วก็ดันทุรังยืนยันอย่างแยกส่วน ตัดตอน ความคิด ซึ่งไม่ก่อให้เกิดพัฒนาการทั้งในแง่โลกทัศน์และชีวิทัศน์ แต่อย่างใดเลย
    
    ฤๅว่า...มิได้เกิดจากความรักกระนั้นฤๅ .. จึงมองไม่แจ้ง ถึงความงามของการบรรยายนั้น 
    
    ก่อนจบคำอธิบายให้ท่านผู้เฒ่า อยากจะฝากวรรณกรรมอีกชิ้นที่อัลมิตราชื่นชอบอีกสักชิ้น คงไม่เชยไปนัก ถ้าจะกล่าวถึง ขุนช้าง-ขุนแผน
    
    สมพาสพิมดั่งริมแม่น้ำตื้น 
    กระทอกคลื่นเป็นระลอกกระฉอกฉาว 
    ปะสายทองดั่งต้องพายุว่าว 
    ยังไม่ทันออกปากอ่าวก็จมลง ......
    
    ขุนช้าง-ขุนแผน ตอนพลายแก้วย่องขึ้นไปนอนกับนางพิม เสร็จแล้วก็ย่องมานอนกับสายทองต่อ 
    
    หรือใครคิดว่า ท่านบรมครูสุนทรภู่ไม่เคยเขียนลักษณะเชิงสังวาส ผู้นั้นคงไม่เคยอ่านพระอภัยมณี บทรักอันลือลั่นระหว่างพระอภัยมณีกับนางเงือก ..
    
    เฮ้อ .. เหนื่อยไหมคะ สมมุติว่าท่านผู้เฒ่าเป็นสังฆราช อัลมิตราแค่นำหนังสือมาวางกองตรงหน้าให้ ค่ะ เผื่อจะมีเด็กวัดผ่านทางมา แล้วหวังว่า ท่านผู้เฒ่าจะช่วยเมตตา
    
    
    คุณผู้หญิงไร้เงา .. ขอบคุณมากค่ะ
    
    คุณมัดหมี่ .. ขอบคุณมากค่ะ เฮ้อ ! ด้วยคน แบบว่าตอบท่านผู้เฒ่า ยาว จน เหนื่อย ..
  • ฟ้าใหม่

    4 มิถุนายน 2547 01:06 น. - comment id 279685

    ตามที่ได้รับการสั่งสอนมา เขียนกลอนตลาดต้องให้อ่านง่าย..ที่นี้มาเป็นบทประมาณนี้ก็ติดลักษณะการเขียนแบบเดิม...แต่จะอุปมา อุปมัยเช่นไรก็เป็นเชิงเดียวกัน..อย่างเดียว คืออย่าใช้คำที่มีความหมายตรงเกินไป...
    
    ถ้าเรามองโดยไม่โกหกตัวเอง..มันเป็นธรรมชาติ  อยู่ที่การนำเสนอของแต่ละบุคคล และ ความสามารถในการอ่านเท่านั้น..มันซ่อนอยู่ตรงไหน ในจิตใจ..
    
    ผมไม่นิยมเขียนเชิงเปรียบเทียบมากนัก ถ้าไม่จำเป็น..มิต้องรอตอบครับ..สวัสดีนะ รักษาสุขภาพด้วย..ฝันดี..
  • รพี พรรณราย(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    4 มิถุนายน 2547 05:46 น. - comment id 279743

    นี่สินะ คนเก่งจริง!! ลีลาที่เรียบลื่นดั่งสายน้ำไหล แต่ผสมผเสความเชี่ยวกรากของวาทะกับอรรถรสแห่งวรรณศิลป์  อ่านด้วยความเพลิดเพลิน  ซ้ำแล้วซ้ำอีก อารมณ์อันละเมียดละไมแห่งกวี ของท่านเจ้าของบทอัศจรรย์นี้สุดยอดของความยอดเยี่ยม  ใครกู่ก้องชมเชยให้สนั่นไปทั้งบรรณพิภพ .
  • คนผ่านมา

    4 มิถุนายน 2547 09:21 น. - comment id 279787

    ทั้งภาพ ทั้งกลอนบรรยาย อ่านแล้วเคลิบเคลิ้มหวิวใจเลยครับ แถมได้ความรู้ประดับสมองอีก ผมว่ากวีไทยนี่ฝีมือสุดยอดครับไม่ว่าจะเป็นท่านครูอย่างที่คุณอัลมิตรายกตัวอย่างมา หรือท่านอื่นๆ การที่จะเปรียบเทียบกระบวนการรักให้ออกมาเป็นสำนวนที่สละสลวย ต้องใช้จินตนาการ และเป็นศิลปะชั้นสูง ก็พอดีคุณผู้เฒ่าได้ถามคุณอัลมิตราเสียก่อน ไม่อย่างนั้นผมเองก็คงจะเป็นผู้ตั้งคำถามเสียเอง เผื่อคนที่ไม่รู้ และตีความในทำนองที่ไม่ดี ก็จะได้รู้ครับ 
    
    
  • รมย์ บุริน

    4 มิถุนายน 2547 10:25 น. - comment id 279805

    ๑ อุ่นกายอิงพิงก่ายกันพันพัวร่าง
    กลางน้ำกว้างจันทร์กระจ่างสว่างไสว
    ละเลียดพริ้วลิ่วช้าช้าละเมียดละไม
    ด้วยลมไล้ใบเรือน้อยไหวเบาเบา
    
    ๒ สองลมปราณผสานสายกลายเป็นหนึ่ง
    เสียงอื้ออึงลมส่งเรือเพื่อเร่งเร้า
    ใบติดลมเรือน้อยร่อนมิผ่อนเพลา
    เสียงคลื่นเข้ากระทบกาบซาบซ่านทรวง
    
    ๓ เรือพิโลลโอนเอนโย้โล้ตามคลื่น
    คู่ชู้ชื่นเริงรื่นกลางทะเลหลวง
    แสงจันทร์ฉาบอาบทั่วร่างราวเงินยวง
    สองคู่ควงต่างใจตรงส่งสัญญาณ
    
    ๔ ในบัดดลฝนกระหน่ำนำคลื่นแรง
    เสียงลมแข่งสู้ฟ้าร้องก้องประสาน
    คลื่นรันโรมโถมอย่างหนักยากต้านทาน
    เสียงสะท้านพลันสนั่นสะกดพิรุณ
    
    ๕ ฟ้าปั่นป่วนทันใดนั้นพลันแน่นิ่ง
    สองชายหญิงอิงอกแขนแทนหมอนหนุน
    อุ่นไอรักอิ่มไอร้อนอ่อนละมุน
    รออรุณแสงอุษาลูบกายา
    
  • นายอินทร์

    4 มิถุนายน 2547 10:39 น. - comment id 279815

     
    
           หวัดดีครับ คุณอัลมิตรา   
    ................................................
    
              ก่อนจะรุ่งทิวาอุษาสาง 
    หอมเอยหอมพยอมพร่างอย่างฝันหา
    เอนอิงแอบแนบร่างข้างแก้วตา 
    ประหนึ่งชัดประหวัดว่าจะลาไกล  
    
               ณ. ลานรักสลักแรงโดยแสงโสม
    ให้รักโลมห่มหล้าคราเคียงใกล้ 
    ค่อยคลี่คลุมนุ่มสยายด้วยสายใจ 
    แล้วประคองสองเราไว้ด้วยใยดี
    
               รอยจุมพิศสถิตลงตรงหน้าผาก
    ประหนึ่งฝากหากพรากพ้นบนวิถี
    ร่างสะท้อนร่อนสะท้านซ่านรตี 
    คือคลื่นรักลงภักดีที่ทรายนวล  
    
                แว่วเสียงโกกิลาอุษาสาง 
    โสมเจ้าคล้อยลอยจางอย่างสงวน 
    อยากจะรั้งเจ้าไว้ให้เรรวน 
    รอราตรีคลี่หวนรัญจวนใจ 
    
    .............................................  
    
  • somebody

    4 มิถุนายน 2547 19:04 น. - comment id 280005

    หิ่งห้อยน้อยถูกจันทร์โอบกอดรัด
    เหมือนเด็กหัดเดิน ณ แผ่นฟ้า
    ได้สุขสมภิรมย์อุรา
    กลิ่นกายารัญจวนนิรันดร์
    
  • ดินสอค่ะ

    4 มิถุนายน 2547 19:07 น. - comment id 280008

    ไหงไม่ขึ้นชื่อเราหนอ
  • อัลมิตรา

    4 มิถุนายน 2547 23:17 น. - comment id 280205

    คุณฟ้าใหม่ ..ค่ะ คุณเข้าใจไม่ผิดหรอกค่ะ กลอนตลาดต้องให้อ่านง่าย เลือกใช้คำง่ายๆ แต่บางอย่าง ประเภทของร้อยกรอง ครั้นจะให้โจ่งแจ้งไป อาจจะโดนตีความไปในทางที่ไม่ดีก็เป็นไปได้นะคะ   สมมุติว่า ..ผู้อ่านบางคนมีอคติอยู่ภายในใจ ก็จะพลอยมองผู้เขียนไปในด้านลบเสียเปล่าๆ อกุศลจิตแท้หนอ..
    แต่เอาเถอะค่ะ อย่างไรก็ตาม รู้สึกดีที่คุณมีน้ำใจอุตส่าห์มาเยือนกระทู้อยู่บ่อยๆ  มิตรภาพตราบสิ้นฟ้าค่ะ
    
    คุณรพี พรรณราย ..ขอบคุณมากค่ะ คำชมของคุณ เห็นท่าอัลมิตราจะไม่กล้าน้อมรับเสียแล้วค่ะ ฝีมือยังด้อยนัก ต้องพัฒนาอีกมากค่ะ
    
    คุณคนผ่านมา.. ขอบคุณมากค่ะ การเขียนกลอนชุดนี้มา มีทั้งคนที่เข้าใจในศิลปะของบทอัศจรรย์ เข้าใจในจุดประสงค์ที่อัลมิตราเขียนและกลอนชุดนี้เช่นกัน ในทางตรงกันข้ามก็มีบ้างบางคนที่ดูเหมือนจะตีความ ประเมินคุณค่าของบทอัศจรรย์ไปอีกแบบ แต่ทั้งนั้น อัลมิตราก็ได้อธิบายถึงความเป็นมาแล้ว ท้ายสุดก็คงขึ้นอยู่กับวิจารณญานของแต่ละบุคคลค่ะ 
    
    คุณรมย์ บุริน .. ขอบคุณมากค่ะ บทอัศจรรย์อันวิจิตร .. ที่ล่องลอยมาจากดินแดนตะวันตก น่าปลื้มนะคะ อยู่ที่ไหนก็ยังมีหัวใจเป็นไทย
    
    คุณอินทร์ .. ขอบคุณมากค่ะ คุณเขียนได้ดีทีเดียวบทกลอนหวานงดงามมาก ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ 
    
    น้องดินสอ ..จ๊ะเอ๋ ขอบคุณมากนะคะ 
    
    
  • ที่รักของฉัน

    4 มิถุนายน 2547 23:19 น. - comment id 280209

    ...กลิ่นนางนอนก่อนฟ้าอุษาสาง
    ไม่เคยจางจากจรเมื่อตอนสาย
    เหมือนสายหยุดหยุดกลิ่นหอมรินกาย
    ที่ได้หมายชมชื่นสุดรื่นรมย์...
    
    ....................สวัสดีครับ....................
  • ยโส

    4 มิถุนายน 2547 23:33 น. - comment id 280226

    ยโสกล้าที่จะอ่าน
    แต่มิกล้าที่จะแสดงข้อคิดเห็นจริง ๆ
    ด้วยยโสเป็นเพียงแค่หิ่งห้อยน้อย
    ที่รายล้อมด้วยดวงดาราและดวงจันทร์
  • อัลมิตรา

    5 มิถุนายน 2547 13:55 น. - comment id 280405

    คุณที่รักของฉัน .. ขอบคุณมากค่ะ 
    
    หวนคำถึงถึงความยามแนบข้าง
    อุ่นไอนางยังกรุ่นละมุนหวน
    เนื้อกายเนียนยั่วเย้าเร้าเชิญชวน
    ยังอบอวนในใจไม่ลืมเลือน
    
    
    คุณยโส .. ขอบคุณมากค่ะ ที่แวะมาเยือน
    
    
    
    
    
  • MGH;JL

    5 มิถุนายน 2547 18:25 น. - comment id 280541

    KUPERPTGK,N,HJKRT
  • ปีกฟ้า

    5 มิถุนายน 2547 21:34 น. - comment id 280673

    เข้ามาดูไปเรื่อยๆครับ ขอโฆษณา web ตัวเองหน่อย เพิ่งทำเสร็จ http://bigxp.blogspot.com @^_^@ :)
  • อัลมิตรา

    5 มิถุนายน 2547 22:38 น. - comment id 280736

    คุณ HGMJL  อืมม พยายามถอดรหัสแล้วนะคะ .. ขอบคุณมากค่ะ ที่มาเยือน 
    
    คุณปีกฟ้า ... จะคิดค่าโฆษณาจากเวปมาสเตอร์ดีหรือเปล่าหนอ ... ดีจัง เสร็จปุ๊บ บอกปั๊บ .. เอ๊ะ ! ยังงัย .. จะให้ไปตัดริบบิ้นเหรอ คะ ..
  • ใยไหม

    5 มิถุนายน 2547 22:43 น. - comment id 280741

    ยามเมื่อแสงจันทร์ฉาบทาบเรือนร่าง
    ให้สั่นคร้ามเคลิ้มคลั่งเกินรั้งไหว
    เมื่อหนึ่งใจอิงแอบแนบอีกใจ
    ดวงหทัยเต็มเปี่ยมเยี่ยมความรัก
    
    มือหนึ่งมือกอดก่ายกายพร่ำพรอด
    พนอกอดอิงใคร่ให้หนุนตัก
    มือจับมือตามองตาประสาภักดิ์
    สุดที่จักพรรณาภาษาใจ
    
    กายทั้งสองครองมั่นกันประสาน
    ใจสรานเกินรักจักห้ามไหว
    จึ่งได้ล้ำกร้ำคนงามใช่ย่ามใจ
    ด้วยอยากบอกแทนความในว่ารักเธอ
    
    ปากจุมพิตยังแก้มงามตามใบหน้า
    ตาสาดส่องดวงตาใช่ว่าเผลอ
    กายเธอยิ่งสั่นเทิ้มเคริ้มละเมอ
    จึงใช่เผลอมอบรักไปให้กายเรา
  • ใยไหม

    5 มิถุนายน 2547 22:55 น. - comment id 280753

    *แก้ๆๆๆๆๆๆๆก่อนจะโดนเขกหัว
    
    ยามเมื่อแสงจันทร์ฉาบทาบเรือนร่าง
    ให้สั่นอย่างเคลิ้มคลั่งเกินรั้งไหว
    เมื่อหนึ่งใจอิงแอบแนบอีกใจ
    ดวงหทัยเต็มเปี่ยมเยี่ยมความรัก
    
    มือหนึ่งมือกอดก่ายกายพร่ำพรอด
    พนอกอดอิงใคร่ให้หนุนตัก
    มือจับมือตามองตาประสาภักดิ์
    สุดที่จักพรรณาภาษาใจ
    
    กายทั้งสองครองมั่นกันประสาน
    ใจสรานเกินรักจักห้ามไหว
    จึ่งได้ล้ำกร้ำคนงามใช่ย่ามใจ
    ด้วยอยากบอกแทนความในว่ารักเธอ
    
    ปากจุมพิตยังแก้มงามตามใบหน้า
    ตาสาดส่องดวงตาใช่ว่าเผลอ
    กายเธอยิ่งสั่นเทิ้มเคริ้มละเมอ
    จึงใช่เผลอมอบรักไปให้กายเรา
  • อัลมิตรา

    5 มิถุนายน 2547 23:42 น. - comment id 280795

    แสงจันทร์ฉายอาบกายไล้เรือนร่าง
    งามสล้างเนื้อนวลชวนหลงใหล
    ยามแนบชิดสนิทน้องพ้องหทัย
    เคลิบเคลิ้มใจหวิวหวั่นสั่นระรัว
    
    มือหนึ่งกอดมือหนึ่งกุมปทุมเจ้า
    พนอเคล้าเคล้นคลึงซึ่งถ้วนทั่ว
    ต่างเกยก่ายคล้ายนาคามาพันพัว
    กระหวัดตัวรอบกายคล้ายเนื้อเดียว 
    
    ดั่งนิมิตรก่อนโพ้นดลให้เห็น
    นัยซ่อนเร้นเมื่อคิดไปใจหวาดเสียว
    แลนาคาในฝันกระนั้นเชียว
    ตวัดเกลียวรัดร่างไร้ทางจร
    
    ครั้นนาคคลาย...นึกเสียดายในไออุ่น
    ยังหอมกรุ่นกลิ่นนั้น ณ บรรจถรณ์
    จวบทิวามาเยือนเคลือนบทจร
    ยังอาวรณ์จำอำลาด้วยอาลัย
    
    :)
  • รหัสสมาชิก : เยื่ยม - กระดานโต้คลื่น

    6 มิถุนายน 2547 09:58 น. - comment id 280872

    โอ๋โห.......คุณอัลมิตรา........พุทธ
        เหนือคำบรรยาย
  • หมึกมรกต

    6 มิถุนายน 2547 12:18 น. - comment id 280910

    ...สวัสดีครับศิษย์พี่...
    สบายดีนะครับ 
    :)
    
    บนลานจันทร์รัญจวนเจียนใจขาด
    โฉมสวาทโศภิตสถิตย์มั่น
    พิรุณโรยโปรยปรายสายสัมพันธ์
    กระซิกสั่นกำซาบซึ่งซับทรวง
    
    พี่เพ่งพิศชิดชมโฉมเฉลา
    ช่างพริ้งเพราแพรวพราวปานสาวสรวง
    ไนยนาดำเงาเป็นดาวดวง
    ได้คู่ควงคล้องแขนแสนยินดี
    
    พี่มาดหมายมั่นสมานย์สุมาลสวาท
    มิให้คลาดให้แคล้วทุกแทวที่
    กระซิบกรรณข้างแก้มแกมไมตรี
    แล้วเร่งรี่จุมพิตเชยชิดนาง
    
    กระสันต์สายร่ายรับกระสับกระส่าย
    โพยมพรายหมายมองมิหมองหมาง
    ขนาบเขนยเกยกายก่ายสะอางค์
    ระริกร่างรายล้อมแล้วกล่อมไกว
    
    จักจั่นเจื้อยแจ้วเป็นดนตรี
    บรรเลงรี่เร็วสั่นกระชั้นไหว
    ยิ่งแว่วหวานหวานซึ้งซึ่งฉ่ำใจ
    ยิ่งอุ่นไอแอบอ้อนนอนแนบเนา
    
    อุษาสางสาดแสงเหมือนแกล้งพี่
    ขณะที่ยังละโลมโฉมเฉลา
    ประทับจูบลูบน้องแก้วอย่างแผ่วเบา
    ก่อนที่เงาแสงสุรีย์จะคลี่คลุม
    
    
    
    
    
    
    ...ศิษย์น้อง...
  • หมึกมรกต

    6 มิถุนายน 2547 12:24 น. - comment id 280915

    ช่วงนี้ ว่าจะแอบเข้ามาแต่งกลอนนะครับ
    
    ว่าจะเลิกแล้วแต่ก็เลิกไม่ได้ ไม่รู้เป็นไรนะครับ
    
    ยังคิดถึงเสมอนะครับ
    
    :)
    
    
    ด้วยรัก
    
    
  • สดายุ

    6 มิถุนายน 2547 13:13 น. - comment id 280952

    ลองสักบทซิเรา....
    
    อวลอุ่นกับไอละไมละเมียด
    กายเบียดอวบอิ่มจะลิ้มหวาน
    เมื่อครามธุรสเริ่มบทบาน
    คือตำนานซ่านล้ำให้รำพัน
    
    กรกุมนุ่มเนื้อก็เนื้อเต้น
    กลางเสียงลอบเร้นกระซิกสั่น
    นิวรณ์ซอนพล่านสะท้านครัน
    ครืนครั่นกับอาชญาที่บ่าโบย
    
    ไหวหวิวปลิวสายพระพายพัด
    ปฏิพัทธสะบัดพลิ้วเหมือนหิวโหย
    ลมรวบหิ้วร่างระหว่างโชย
    แล้วโปรยจากสรวงทะลวงชล
    
    หวิวหวิวอกพร่างระหว่างร่วง
    ไหวไหวในทรวงยามล่วงหน
    หวามหวามเนื้อหนึ่งยังอึงอล
    หวั่นหวั่นว่าจะวนไม่เว้นวาง
    
    
    
  • ม้าลาย

    6 มิถุนายน 2547 13:30 น. - comment id 280964

    บนลานฟ้าโอบล้อมในอ้อมรัก
    ทอเมฆถักแพรอุ่นละมุนหวาน
    ห่มห้อมจันทร์แจ่มนวลกล่อมครวญกานท์
    แน่นแนบเนาเท่านานเท่าผ่านคืน
    
    ทะเลหมอกทอดสายโอบกายเคล้า
    เสียงแผ่วเบาเอ่ยคำสาดซ้ำคลื่น
    แรงลมโลมโถมซัดยากหยัดยืน
    กระซิบรื่นกลอนสวาทบนหาดฟ้า
    
    เนื้อแนบเนื้อกอดกล้ำดื่มด่ำรส
    รุ้งทรงกลดรอบพลางกระจ่างจ้า
    จากรางเรื่อแย้มแสงแฝงเมฆา
    จนสาดกล้าอุ่นไออาบในทรวง
    
    กลั่นเป็นหยาดน้ำค้างจากกลางฟ้า
    หยดลงทาผืนดินจากถิ่นสรวง
    จุมพิตรักกำเนิดเกิดชีพปวง
    ก่อนคืนล่วงอุษาสางจักจางจันทร์ 
    
    
  • อัลมิตรา

    6 มิถุนายน 2547 21:36 น. - comment id 281140

    ขอบคุณค่ะ คุณกระดานโต้คลื่น 
    
    ศิษย์น้อง .. คิดถึงจัง เขาว่ากันว่า ผู้ใดมีใจในร้อยกรองแล้ว ยากที่จะเลือน มองนั่น มองนี่ ก็พรรณาเป็นร้อยกรองเสียหมด .. จริงๆน๊า
    
    พี่ชาย .. ขอบคุณมากค่ะ บทกลอนที่อ่านไปเหนียมไป บทสุดท้ายเล่นเทคนิคแพรวพราว ดูตื่นตาดีค่ะ
    
    คุณม้าลาย .. ขอบคุณสำหรับการพรรณาบทกลอนที่ไพเราะมากค่ะ.. มิจางจันทร์ .. :)
    
    
  • ข้าวปล้อง

    7 มิถุนายน 2547 13:42 น. - comment id 281421

    สวยงามดีนะค่ะ ^-^
  • สายน้ำสีเงิน

    7 มิถุนายน 2547 15:38 น. - comment id 281454

    เพราะดีครับ
    ถึงอารมณ์(กลอน)ดีครับ
    ขอชื่นชมด้วยใจจริง
  • อัลมิตรา

    7 มิถุนายน 2547 15:55 น. - comment id 281459

    คุณข้าวปล้อง .. ขอบคุณมากค่ะ   :) 
    
    คุณสายน้ำสีเงิน .. ขอบคุณมากค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ  :)
  • ส่องหล้า

    7 มิถุนายน 2547 19:57 น. - comment id 281563

    พลันฟ้าสางแสงสว่างกระจ่างจิต
    อันความจริงนฤมิตรเกินฉากฝัน
    พิสุทธิ์แสงแจ้งจริงกว่านวลจันทร์
    เปิดฉากกั้นแสงสว่างกระจ่างจินต์...
    
    มาเยือนครับ
  • อัลมิตรา

    7 มิถุนายน 2547 21:59 น. - comment id 281621

    งามแสงสรวงส่องหล้านภาหน
    เทวาดลเสกสรรค์กระนั้นหรือ
    อยากจะยื้อไขว่คว้ามิรามือ
    ซุกซ่อนถือเก็บใจไปนิรันดร์
    
    ขอบคุณค่ะ คุณส่องหล้า :)
  • ทักทาย

    8 มิถุนายน 2547 06:23 น. - comment id 281770

    อรุณสวัสดิ์ คุณอัลมิตรา และ คุณ คุณ 
    ทักมาเยี่ยมค่ะ ....
    ป.ล คดถึงจังค่ะ ............................ทักทาย
  • อัลมิตรา

    8 มิถุนายน 2547 08:52 น. - comment id 281798

    อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณทักทาย .. คิดถึงเช่นเดียวกันค่ะ ฝนตกเกือบทุกวัน รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
    
    :)
  • ทักทาย

    8 มิถุนายน 2547 11:02 น. - comment id 281835

    :) ..... คุณก็เช่นกันรักษาสุขภาพด้วยจ๊ะ ....เป็นห่วงจากใจ....................ทักทาย
    
    
  • อัลมิตรา

    15 สิงหาคม 2550 10:40 น. - comment id 281913

    :) ขอบคุณค่ะ ที่ติดตามอ่าน
    
    อัลมิตราเอง วันนี้จู่ ๆ ก็นึกอยากอ่านกลอนชุดนี้เช่นกัน
    จึงมาพบข้อความของคุณเข้า
  • พี่กี้

    8 มิถุนายน 2547 19:54 น. - comment id 282040

    you are so beautiful
  • อัลมิตรา

    9 มิถุนายน 2547 08:21 น. - comment id 282218

    ขอบคุณค่ะ คุณทักทาย คุณกี้
  • วนัสนันท์

    10 มิถุนายน 2547 06:10 น. - comment id 282548

    ว้าว... ตัวหนังสือสวยๆ ในเวอร์ชั่น.. เอ่อ ติดเรตนิดๆ อิๆๆ
    
    อยากต่าอีกแล้วค่ะ  แต่จนด้วยเกล้าจริงๆ เรื่องนี้ ฮิๆๆๆๆๆ แอบอ่านอย่างเดียวแล้วกันค่ะ
  • อัลมิตรา

    10 มิถุนายน 2547 08:23 น. - comment id 282553

    ขอบคุณค่ะ คุณวนัสนันท์ ..
    
  • ผู้เข้าเยี่ยมชม (รุ่นเก่านะคะ) และจะติดตามต่อไป

    22 พฤษภาคม 2549 00:05 น. - comment id 414596

    เคยอ่านครั้งสุดท้ายเมื่อ19 มิ.ย.2547  มีภาพหญิงสวย ตอนนั้นเป็น Thai Poem.com  ชอบมากค่ะ เป็นคนท่แต่งกลอนไม่เป็น แต่ชอบสะสมบทที่ถูกใจต่อมาไม่ได้ติดตามเพราะงานยุ่งมาก  มาหาอีกครั้งไม่พบแล้ว จนวันนี้ ใช้เวลากว่าชั่วโมง  ดีใจมากค่ะ ถึงจะไม่มีภาพสวย แต่ก็ได้อ่านผู้ตอบ  ต่อจนหมด  ต้องขอชมทุกท่านนะคะว่าเก่งจริง แต่งได้สวยงามทุกคนค่ะ 
    41.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน