๏๏๏ จิตรกรเอกผู้ลำเค็ญ..วินเซนต์๏๏๏

อัลมิตรา

แด่วินเซนต์ วิลเลียม แวนโก๊ะ ...ด้วยหัวใจ

(๑) 
๏ ราตรีศศิงาม.....................และอร่ามนภาพราว 
คราเขียนอุระราว.................ผิว์ทะท้าวละเลงสี - 
ฟ้าเทาขณะป้าย...................สิระบายระทมมี 
มองด้วยศมนีย์*....................อรดี ณ คิมหันต์ ๚ 
(๒) 
๏ แสงเงารุจิรา.....................กระจะตา ณ ไพรวัลย์
ทอดผ่านคิริอัน.....................ฐิติยั้งตระหง่านคง 
ร่างเส้นผิว์พินิจ.....................และลิขิตวนาพงษ์ 
มาลาจะประจง.....................จิตคงละเลงไป ๚ 
(๓) 
๏ งานศิลปะนี้.......................มิจะมีวิธีใด 
อ้างอิงนิติใคร.......................ดุจให้ประหลาดฤๅ 
เขียนลมขณะพัด...................และนิทัศน์ขยับมือ 
ป้ายสีมติคือ..........................มุติสื่อสนองตน ๚ 
(๔) 
๏ เขียนรูปฤตุหนาว...............อุระร้าวและอับจน
แต่งแต้มมหิดล......................และสกลสะอ้านงาม 
คลุมด้วยหิมะมวล..................ขณะง่วนระบายความ 
เป็นภาพปริณาม...................และนิยามนิรันดร ๚ 
(๕) 
๏ มองภาพ มน เพ่ง...............สิเชลงนิพนธ์กลอน- 
กาพย์ฉันท์ขณะตอน..............อุระร้อนหทัยครวญ 
เข้าใจนยะนี้............................และวิธีสิสื่อมวล- 
เรื่องราวนิติถ้วน.....................สิคระหวนคะนึงนาน ๚ 
(๖) 
๏ คุณคล้ายดุจทุกข์................มิสนุกเกษมศานต์ 
ว้าวุ่นทรมาน..........................จิระกาลสะท้านทรวง 
จึ่งคิดวิธิคลาย.......................สิสลายระทมปวง- 
อ่อนล้าสละยวง......................และระลวงสยบลง ๚ 
(๗) 
๏ เพียงอิสระนั้น....................บ่มิหวั่นฤทัยคง- 
หมั่นขีดและผจง....................ดุจบ่งประสงค์จริง 
หากมีทุรชน...........................สิวิจลวิจารณ์ชิง- 
ชังว่า นรศฤงค์*.....................มิวิจิตรตระการตา ๚ 
(๘) 
๏ พวกเขาบ่มิฟัง....................จรคั่ง*ทุวาจา 
ไร้ซึ่งสติมา-...........................จะวิเคราะห์และไตร่ตรอง 
ตราบสิ้นบริคนห์ ...................อนุชนประสงค์มอง 
เป็นแบบนิติต้อง-....................สิสนองและบูชา ๚ 
(๙) 
๏ ราตรีศศิงาม.........................ชุติวามสบายตา 
ไม้ดอกผลิ ฤ ว่า.......................สิประภาประดุจไฟ 
มวลเมฆ ณ นภา.......................ผิว์ถลาละลิ่วไกล 
แปลกตาคละประไพ..................สิสลับละไมคง ๚ 
(๑๐) 
๏ มวลภาพบ่มิเลือน.................ดุจเหมือนสถิตตรง- 
ปรากฏมุติบง..........................คติตรง ณ ดวงตา- 
วินเซนต์ ฯ ขณะเขียน.............และมุเพียรละเลงครา- 
รุ่งโรจน์รวิจ้า............................สิสว่างกระจ่างครัน ๚ 
(๑๑) 
๏ ทุ่งข้าวกระจะนัก.................ดุจลักษณ์ ณ อำพัน 
โศกเศร้า ตม นั้น.....................สรพัน ณ หทัย 
เคยทุกข์และระทม..................บ่มิสมระเริงใด 
กลับชื่นรติใคร่.........................ณ ทิวากระไรมี ฯ 
(๑๒) 
๏ โอ้ว่าจิตรกร........................ฤ ฉะอ้อนและโศกี 
แม้ไร้รติที่-.............................นรชนสิให้มา 
หากแม้นมตินั้น.......................ดุจมั่นนิรันดร์นา 
ปราศสุข ณ อุรา.....................มิมล้างและเปลี่ยนไป ๚ 
(๑๓) 
๏ ราตรีศศิงาม.........................ระดะวามนภาไกล 
ฆ่าตนเพราะอะไร......................ฤ หทัยมิไตร่ตรอง 
เปรียบผัวภริยา........................รติมาสลายกอง 
ฤาคุณสิคะนอง.........................วิเคราะห์ผอง มิ ตรองดี ๚ 
(๑๔) 
๏ ฉันควรอธิบาย.....................และขยายระบานี* 
บอกว่าปฐพี............................มิเหมาะที่สิควรคุณ- 
ผู้ซึ่งมนงาม............................มุจะข้ามนิยามดุลย์ 
เขียนรูปและพิธุร*...................ผิว์สลดและวุ่นใจ ๚ 
(๑๕) 
๏ ราตรีศศิงาม.........................และอร่ามนภาไกล 
ภาพเขียนระดะไป....................ณ นิวาสและปราศชน 
ภาพเขียนสิริลักษณ์.................และวิจักขณ์คละรูปตน 
ไร้ชื่อสิฉงน.................................ดุจคนปะปนกัน ๚ 
(๑๖) 
๏ สายตามิผละหนี....................ผิว์ฤดีมิลืมวัน 
โลกหล้าสรพัน..........................มิสลายมลายเลือน 
คล้ายมวลนรชน.......................และวิกลจริตเบือน 
เสื้อผ้าดุจเหมือน......................สติเฟือนคละเกลื่อนตา ๚ 
(๑๗) 
๏ แปลกหน้าขณะพบ.................ฤ ประสบอนาถา 
โปรดจงกรุณา...........................มุทุตาและเกื้อกูล 
ดุจไม้ศุจิแย้ม............................ผิว์กุหลาบและแหลมบูรณ์ 
ถูกบีบสิกระลูน*.........................มิเสถียรจรูญใด- ๚ 
(๑๘) 
๏ ยังเกลื่อนหิมะขาว.................อุระร้าวและร่ำไร 
ยามนี้ระบิใด.............................ดุจะได้กระจ่างจริง 
รู้ว่าขณะนี้.................................มุติที่สิอ้างอิง 
คุณบอกมติสิ่ง...........................ผิว์พะพริ้ง*ณ ผลงาน ๚ 
(๑๙) 
๏ คุณคล้ายดุจทุกข์..................มิสนุกเกษมศานต์ 
ว้าวุ่นทรมาน............................จิระกาลสะท้านทรวง 
จึ่งคิดวิธิคลาย..........................สิสลายระทมปวง- 
อ่อนล้าสละยวง.........................และระลวงสยบลง ๚ 
(๒๐) 
๏ เพียงอิสระนั้น.......................บ่มิหวั่นฤทัยคง- 
หมั่นขีดและผจง.......................ดุจบ่งประสงค์จริง 
หากมีนรชน..............................สิวิกลวิจารณ์ชิง- 
ชังว่า นรศฤงค์*........................มิวิจิตรตระการตา ๚ 
(๒๑) 
๏ โอ้ว่าจิตรกร.........................ฤ ฉะอ้อนและโศกา 
แม้ไร้รติครา-...........................ทุรชนประณามใด 
หากไร้มุทิตา-..........................มติพาระทมใจ 
บางทีรติใฝ่..............................ดุจไร้นิรันดร ๚ะ๛ 
				
comments powered by Disqus
  • อัลมิตรา

    27 กันยายน 2546 12:44 น. - comment id 170382

    Vincent      song written by  Don  Mclean
    
    Starry, starry night
    Paint your palette blue and grey
    Look out on a summers day
    With eyes that know the darkness in my soul
    
    Shadow on the hills
    Sketch the trees and the daffodils
    Catch the breeze and the winter chills
    In colours on the snowy linen land
    
    *Now i understand what you tried to say to me
    How you suffered for your sanity
    How you tried to set them free
    They would not listen, they did not know how
    Perhaps theyll listen now
    
    Starry, Starry night
    Flaming flowers that brightly blaze
    Swirling clouds in violet haze
    Reflect in Vincents eyes of china blue
    Colour changing hue, morning fields of amber grain
    Weathered faces lined in pain
    Are soothed beneath the artists loving hand
    (Repeat*)
    
    For they could not love you, but still your love was true
    And when no hope was left in sight on that starry , starry night
    You took your life as lovers often do
    But i could have told you, Vincent
    this world was never meant for one as beautiful as you
    
    Starry, starry night, portraits hung in empty halls
    Frameless heads on nameless walls
    With eyes that watch the world and cant forget
    Like the strangers that youve met
    The ragged men in ragged clothes
    The silver thorn of bloody rose
    Lie crushed and broken on the virgin snow
    Now i think i know what you tried to say to me
    How you suffered for your sanity
    How u tried to set them free
    They would not listen, theyre not listening still
    Perhaps they never will...
    
    
  • แดนไท ไหวเอน (แดนไท)

    27 กันยายน 2546 12:50 น. - comment id 170383

    เคยเขียนบทความนี้ไว้นานแล้ว
    วันนี้เข้ามาเจอกวีบทนี้พอดี เลยขอร่วมนำมาแจมนะครับ
    
    ศิลปยืนยาว ชีวิตสั้น     สัจจธรรมจาก วินเซนต์ แวนโกะ   (ความเรียง)
    
        ในโลกนี้   มีชีวิตของคนไม่กี่คนที่ได้สร้างคุณค่ายิ่งใหญ่ทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม    และยิ่งน้อยไปอีกสำหรับคนที่มุ่งมั่นสร้างผลงานในตอนที่เขามีชีวิตอยู่ ท่ามกลางสายตาหมิ่นหยามของผู้คน    แต่กลับได้รับการยอมรับอย่างที่สุดหลังจากที่ต้องตายไปหลายปีด้วยความเจ็บปวด     และไม่เคยได้สัมผัสถึงความสำเร็จในสิ่งที่เขาทำตลอดช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่!!!!
        ช่วงเวลาปีค.ศ. 1853-1890 มีชายคนหนึ่งได้เกิดขึ้นมา และจากไปด้วยช่วงชีวิตที่สั้นยิ่งนัก    ผลงานที่เขาทิ้งไว้นั้นมากมายจนมีให้ศึกษาได้ไม่จบสิ้น    นักสะสม และผู้ศึกษางานด้านศิลปต่างก็ทึ่งและพิศวงว่า     ในช่วงชีวิตสั้นๆของคนๆหนึ่ง จะสร้างผลงานได้มากมายขนาดนี้ออกมาได้อย่างไร      แต่ตลอดชีวิตของเขา กลับไม่มีใครมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมา   มิหนำซ้ำยังถูกทำร้าย และบีบคั้น     จนกระทั่งต้องตายจากไปอย่างเปลี่ยวเหงา    มีเพียงน้องชาย และเพื่อนรักอีกคนที่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ         เคียงกายยามสิ้นลมสุดท้าย     
        และนั่นเป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่โลกได้ทำร้ายอัจฉริยะคนหนึ่ง  และไม่เคยมีเวลาพอที่จะเหลียวกลับไปมองเป็นบทเรียน
        ยามรุ่งสางของ วันที่ 29 กรกฎาคม 1890  ใครบ้างจะรู้ว่า โลกได้สูญเสีย ศิลปินสำคัญที่เปลี่ยนโฉมหน้าศิลปะของโลกคนหนึ่ง      วินเซนต์ แวนโกะ  
    
        วินเซนต์ แวนโกะ เป็นชาวเมษ(1853-1890) เขาเกิดมาด้วยความคาดหวังจากพ่อที่หวังให้ลุกชายเป็นพ่อค้า     ซึ่งในห้วงเวลาต่อมา เขาได้ทำตามเจตจำนงของพ่อด้วยการเป็นคนขายงานศิลปะร่วมกับน้องชายที่มีชื่อว่าธีโอ     แต่ในเวลาไม่นานนักเขารู้สึกคล้ายกับไร้จุดหมายในชีวิต  และคิดว่ามีบางสิ่งที่อยากจะทำเป็นอย่างมากแต่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร     หนุ่มแวนโกะมิอาจทนต่อการเรียกร้องจากภายใน    เขาเดินออกจากร้านขายงานศิลปออกไปผจญชีวิตพเนจร     สิ่งที่เขาทำอยู่ตลอดเวลาก็คือ     การอ่านหนังสือและการสเก็ตซ์ภาพทุกอย่างที่ขวางหน้า ภาพขอทาน ชีวิตคนยากจน ชาวไร่ชาวนา  นักบวช  หญิงโสเภณี ฯลฯ
        วินเซนต์ได้อ่านและศึกษาศาสนา และมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นนักบวชในเวลาต่อมา เขาศรัทธาวิถีชีวิตพเนจรและมีความรักในเพื่อนมนุษย์ของท่านจีซัส ไครท      อย่างไรก็ตาม ในที่สุดแล้ว  ภาพสเก็ตซ์มากมายที่เขาเขียนเก็บไว้ก็กลับดลใจให้เขาทำบางสิ่ง  เขาทำงานชั่วคราวทุกอย่างเพื่อให้อยู่รอด     แต่งานหลักสิ่งเดียวของเขาคือ การเป็นจิตรกรอิสระ
        ชายหนุ่มเขียนรูปหลากหลาย     แต่มักป็นเรื่องราวชวนหดหู่ใจเป็นส่วนมาก     ภาพหญิงโสเภณี  งานศพ     และแม้กระทั่งภาพวิวธรรมชาติของเขาก็ดูจะไม่ใช่ภาพชวนประทับใจนักในยุคที่ภาพเขียนประเภทอิมเพรสชั่นนิสต์กำลังฟูเฟื่อง     สีและวิธีการใช้สีของเขาดูหนัก ตัดกันรุนแรง และเห็นรอยแปรงชัดเจน     สิ่งเหล่านี้ปรากฎชัดขื้นเรื่อยๆในงานของเขา และถือเป็นการแหวกแนวอย่างยิ่งในสมัยนั้น       การจัดแสดงภาพเขียนของเขาถูกลอบทำลาย และมีชาวบ้านออกมาประท้วงขับไล่ เพราะถือเป็นผลงานที่น่ารังเกียจ     หนุ่มวินเซนต์รู้สึกเจ็บปวดมากกับเหตุการณ์ครั้งนั้น       หลังจากนั้นเขามักแยกตัวโดดเดี่ยว และมุ่งมั่นเขียนรูปของเขาในแนวทางที่ใจอยาก โดยเฉพาะภาพสถานที่ต่างๆ    งานของเขาคลี่คลายไปสู่การเขียนแบบที่ไม่เหมือนธรรมชาติ     สีสันยังคงตัดกันรุนแรง รอยฝีแปรงยิ่งเห็นเด่นชัดมากขึ้นไปอีก     บางครั้งสีที่เขาเขียนราวกับเพิ่งบีบออกจากหลอดและป้ายลงบนเฟรม แน่นอนว่าภาพสถานที่ต่างๆเหล่านี้มีอยู่จริง      แต่มันไม่มีทางที่จะเหมือนกับภาพของวินเซนต์    เพราะภาพที่เขียนออกมามีอยู่เพียงที่เดียวในโลกและไม่มีใครจะมองเห็นได้    เพราะมันอยู่ภายในใจเขาเอง       ซึ่งในเวลาต่อมาหลายสิบปี โลกจะรู้จักงานสกุลนี้ในชื่อว่า เอ็กเพรสชั่นนิสต์  
        หนุ่มวินเซนต์ไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งที่มุ่งมั่นทำเป็นบ้าเป็นหลังนี้ จะเป็นสกุลใหม่ทางศิลปะ     มีอิทธิพลต่อโลกและกรุยทางศิลปะแนวใหม่ขึ้นมา ภายหลังเขาได้จากโลกนี้ไปหลายปี        ในห้วงเวลานั้น   ผลงานของเขาถูกต่อต้านมากขึ้นๆเรื่อยๆ     รูปก็ขายไม่ได้ และในที่สุดเขาถูกสังคมตัดสินว่าเป็นโรคจิต เป็นคนบ้า    
         สังคมในยุคที่พร้อมจะตัดสินผู้อื่นอย่างง่ายดายเพียงเพราะทำในสิ่งที่ไม่เหมือนคนอื่นหรือคิดต่างจากผู้อื่น        ทางการจับเขาส่งโรงพยาบาลโรคจิต ตามการเรียกร้องของผู้คนที่พร้อมจะประชาทัณท์เขาในทุกสถานที่ที่พบเห็น
        ช่วงเวลาในโรงพยาบาลโรคจิต     ชายหนุ่มเขียนจดหมายระบายความในใจมากมายต่อโลก ต่อผู้คน   อุดมคติ  ความฝันของเขาให้แก่ธีโอ น้องชายคนเดียวที่ยังมองเห็นว่า อัจฉริยภาพนั้นไม่ใช่ความบ้า        ซึ่งในปัจจุบัน จดหมายโต้ตอบของพี่น้องคู่นี้กลายเป็นวรรณกรรมเอกของโลก ที่สร้างแรงบันดาลใจ  จุดไฟความฝัน ให้กับผู้ที่จะเลือกเดินทางสู่ถนนแห่งศิลปะ     มันได้รับการตีพิมพ์หลายครั้งหลายหนกระทั่งปัจจุบันนี้
        ในห้วงสุดท้ายแห่งชีวิต เขาได้บอกลาโลกที่เขาเกิดมา      ด้วยภาพเขียนอมตะ   ราตรีประดับดาว (STARRY    NIGHT) ภาพสุดท้ายในชีวิต    มันเป็นภาพตัวแทนของสกุล เอ็กเพรสชั่นนิสต์ที่ชัดเจนที่สุด และได้รับการตีพิมพ์ในตำราประวัติศาสตร์ศิลปะทุกเล่มที่อ้างถึง งานสกุล เอ็กเพรสชั่นนิสต์        ในภาพนั้นเราจะเห็นได้ว่า    ส่วนล่างสุดของภาพที่บ่งบอกวิถีชีวิตสามัญของผู้คนที่กำลังหลับไหล โทนสีมืดทึม และดูวังเวงอ้างว้างไร้แสงสว่าง   บ้าน โบสถ์ เบียดเสียดกันอยู่ใต้ความมืดทึมวังเวงนั้น     เหนือขื้นไปเป็นท้องฟ้ายามดึกสงัดที่ปั่นป่วน มืดมิดและดูน่ากลัว      เหนืออื่นใด   สิ่งที่ทำให้ภาพมีชีวิตชีวา และตรงข้ามกับท้องฟ้ามืดมิด, ทิวทัศน์รอบด้านที่มืดทึมนั้น     กลับเป็นดวงดาวสุกสว่าง เปล่งประกายเจิดจรัส กระจายเต็มท้องฟ้า       ราวกับว่าเขาพยายามเติมดวงดาวลงไปในภาพ   เพื่อให้แสงสว่างแก่โลกเท่าที่จะทำได้เพื่อขับไล่ ความมืดมิดและมืดทึบ ทั้งในธรรมชาติรอบตัว และในจิตใจคนออกไป         แน่นอน วินเซนท์ทำได้สำเร็จในภาพเขียนของเขา      แต่เขาก็มิอาจเติมความสว่างสดใสในชีวิตจริงบนโลก       เขาจบชีวิตที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่โลกมอบให้แก่เขาเกินกว่าคนคนหนึ่งจะทนรับไว้ได้      ในวัย 37 ปี       ด้วยปืนที่หันเข้าสู่ตัวเอง และลั่นไกจากมือของเจ้าของ
    
         หลังจากนั้นหลายสิบปี     โลกในเวลาต่อมา     มอบเกียรติยศสูงสุดให้เขาทั้งราววัลและตำแหน่งศิลปินเอกของมวลมนุษยชาติ       โดยเฉพาะที่เนเธอร์แลนด์ จะมีวัน วินเซนต์ แวนโกะ  และถือเป็นวันหยุดราชการ      มีพิพิธภัทณ์รวบรวมประวัติและผลงานของเขา       และทุกวันถ้าใครได้ผ่านไปยังสถานที่แห่งนั้น     ในช่วงเวลา 9.00amและ5.00pm ซึ่งเป็นเวลาเปิดและปิดทำการ    คุณจะได้ยินเพลงบทนี้  ที่จะเปิดเพื่อเป็นเกียรติแด่คนคนหนึ่ง   ที่ได้ใช้ตลอดชีวิตเขา พิสูจน์ ประโยคอมตะที่ว่า    ศิลปยืนยาว   ชีวิตสั้น   และเคยมีตัวตนอยู่จริง ในโลกสับสนกลมๆใบนี้  (ที่แทบจะไม่มีใครนึกออกแล้วว่ามีคนจริงขนาดนี้อยู่จริงละหรือ???)
    
    
  • ชัยชนะ

    27 กันยายน 2546 22:46 น. - comment id 170484

    ต้องขอบคุณทั้งคุณอัลมิตราและคุณแดนไทยที่นำเรื่องที่ไม่รู้มาเล่าสู่กันฟัง
    
    ในยามที่เขาลำบากยากเข็ญ กับเป็นโชคที่ทำให้ภาพเขียนของเขา
    ถูกประวัติศาสตร์จารึกเอาไว้
    แต่ในโชคดี ของเขาที่ได้รับเกียรติยศอันสูงสุดกับอับโชคเพราะเขาลาลับจากโลกนี้ไปแล้ว
    ชีวิตของเขาส่วนดี เป็นกำลังใจให้ผู้ที่ลำบากยากเข็ญมีความมุมานะบากบั่น
    ส่วนไม่ดี ความรักอื่นเสมอด้วยรักตนเองไม่มีอีกแล้ว 
    นั่นไม่ใช่การตัดสินปัญหาครั้งสุดท้ายที่ถูดต้องครับ
    
    งานเขียนนี้ได้ขึ้นหน้าปกก็การันตีคุณภาพอยู่แล้ว ผมคงไม่ชมหรอกครับ
    เดี๋ยวคุณจะหูอื้อ 
    เพียงแต่อยากจะบอกว่าเคราะห์และโชคเป็นของคู่กัน 
    ยิ่งเคราะห์ร้ายยิ่งจะมีโชคดี (ผมไม่อยากมีโชคดังนั้น
    ผมเอาไม่มีเคราะห์ดีกว่าก็แล้วกันนะครับ)
    
    ที่เขียนมายาวก็ชดเชยที่เป็นใบ้อยู่หลายวันครับ
    
    
  • ***

    1 ตุลาคม 2546 10:34 น. - comment id 171221

    ยอดเยี่ยมครับ ศิลปินท่านนี้เป็นหนึ่งในใจผมตลอดมา ต้องขอขอบคุณคุณอัลมิตรา ที่ถ่ายทอดความให้ได้รับรู้ ขอบคุณครับ
  • อัลมิตรา

    1 ตุลาคม 2546 22:02 น. - comment id 171331

    ขอบคุณมากค่ะ คุณชัยชนะ คุณ***
    
    ข้อความของคุณแดนไท (ไหวเอน) อัลมิตราคัดลอกมาจากถนนนักเขียน พันทิปค่ะ เห็นว่าเรียงความของเขาอาจจะมีประโยชน์กับท่านผู้อ่าน และความจริงแรงบันดาลใจที่ให้เขียนขึ้นมา ก็สืบเนื่องมาจากเกร็ดประวัติของจิตรกรผู้ใหญ่คนนี้ค่ะ ถึงแม้เขาจะเป็นบุรุษที่โลกลืม(ในบางครั้ง) แต่เขาคือ ตัวอย่างของผู้ที่มีหัวใจงดงามค่ะ
    
    :)
  • ***

    14 ตุลาคม 2546 11:46 น. - comment id 174203

    บทเพลงและประวัติอันควรจำของจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ งดงามในบทกวี ไพเราะในบทเพลง ครับ
  • จัสติน อขิสราญตระกูล

    1 สิงหาคม 2550 13:59 น. - comment id 252038

    ภาพดอกทานตะวันสวยมาก   และมีราคาแพงด้วย วินเซนต์ เก่งมาก31.gif5.gif
  • เขมนิจ

    1 สิงหาคม 2550 14:06 น. - comment id 252039

    วินเซนต์เก่งมากค่ะ19.gif57.gif
  • ลักษมณ์

    9 มิถุนายน 2548 12:33 น. - comment id 414497

    อยากเห็นภาพราตรีประดับดาว starry night ของแวนโก๊ะจัง แล้ว starry night นี่เป็นเพลงเดียวกันกับ starry night ของ the bee gees หรือเปล่า เพราะดูจะคุ้นๆหูอยู่ครับ :]

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน