กลับสู่ความหมายนิรันดร์ (Return to the Eternity)

ลำน้ำน่าน

 อุทิศแด่ทุกผู้ทุกนาม
ผู้มั่นหมายจะดำรงความหมายนิรันดร์ 
เมื่อวันหนึ่งวันนั้นพลันมาถึง
อย่ารัดตรึงกายฉันพันตราสังข์
อย่าร่ำไห้ครวญคร่ำร่ำประดัง
อย่าคุ้มคลั่งตกใจให้วุ่นวาย
วันที่ฉันทอดร่างอย่างสงบ
ขอเป็นศพเปี่ยมท้นบนความหมาย
ณ ห้องอับคับคร่ำดำแดนตาย
ทุกขันธ์กายต่างพบจบชีพลง
ณ จุดหนึ่งแห่งห้วงบ่วงเวลา
แพทย์บ่งว่าสมองของฉันหลง
หยุดทำงานนิ่งว่างอย่างมั่นคง
ไม่ประสงค์เครื่องเทียมเตรียมต่อวัน
อย่าเรียกขานเตียงฉันว่ามรณา
จงเรียกว่าเตียงชีวิตลิขิตฝัน
ให้แล่ร่างหนังเนื้อเถือจากกัน
แล้วแบ่งปันบริจาคฝากเป็นทาน
เพื่อช่วยเหลือชีวิตอื่นฟื้นชีวิต
ไพบูลย์สิทธิ์ศักดิ์มนุษย์ทุกสถาน
เพื่อเติมเต็มกระแสกรรมธรรมธาร
ยามสังขารล่วงลับดับวัยวัน
ให้ดวงตาแก่ชายบอดยอดลำเค็ญ
ผู้ไม่เคยได้เห็นแสงสวรรค์
ไม่เคยซึ้งแสงพราวดาวพระจันทร์
ยามฉายหน้าสรวลสันต์ของทารก
เขาอาจเห็นความจริงในแววตา
ของชาวนายากเหลือเหงื่อต่ำตก
น้ำตารินนานเนาว์ร้าวสะทก
เห็นหัวอกทุกข์ทนบนแผ่นดิน
อุทิศใจของฉันกำนัลคน
ผู้หลงมนต์วัตถุตมชมทรัพย์สิน
ไม่เคยฟังเสียงธรรมพร่ำยลยิน
เสียงสุดสิ้นอนิจจังร่ำประดา
ให้เลือดฉันแก่เด็กแหละวัยรุ่น
ผู้วนหมุนรักโศกโลกย์ปัญหา
ยามถูกดึงจากซากรถลากมา
ต่อเวลาให้สำนึกตรึกตรองใจ
ให้ตับฉันแด่คนทุกข์ทนหนัก
กับเครื่องจักรกึกก้องคะนองไหว
กลางเคมีคละคลุ้งพลุ่งควันไอ
ของโรงงานระอุไฟไร้ค่าแรง
เอากระดูกกล้ามเนื้อที่เหลือทุกมัด
เส้นประสาทสัมผัสทุกแขนง
ไปก่อร่างเพาะใหม่ให้สำแดง
เพื่อก้าวแรกก้าวตะแคงเด็กพิการ
โปรดสำรวจทุกห้องสมองมุม
แหล่งชุมนุมขุมโลหิตนิดสังขาร
แล้วสังเคราะห์เนื้อเยื่อเพื่ออภิบาล
จนเวลาล่วงผ่านงอกงามพอ
แล้วปลูกถ่ายให้ชายเป็นใบ้นั้น
เผื่อสักวันเสียงร้องจะก้องหอ
ให้น้ำตาไหลอิ่มปริ่มเปรมพอ
ตะโกนก้องหัวร่อให้ได้ยิน
เพื่อเด็กหญิงหูหนวกที่รวดร้าว
จักยินข่าวคนไกลในถวิล
ยามหน้าต่างกระทบหยดฝนริน
สื่อสำเนียงจากดินปริ่มพรมใจ
แล้วเผาสิ่งที่เหลือสละสลาย
ถมรอยตายรอยทางอ้างว้างไหว
นำเถ้าถ่านมอดเหลือจากเชื้อไฟ
ไปโปรยไว้บนถนนหนทางเดิน
เพื่อดอกไม้สันติภาพจักงอกงาม
นกป่าข้ามพลัดถิ่นมาบินเหิร
ชมศรัทธาป่าสุสานให้นานเพลิน
ร่อนลงเดินเหยียบดินทุกถิ่นไป
ถ้าจะฝังบางสิ่งหรือทิ้งซาก
ฉันขอฝากอคติที่หลงใหล
ที่เหลืออยู่ก่อนตายในกายใจ
ขอขมามอบไว้แด่ทุกคน
ความอ่อนแอของฉันวันก่อนเก่า
ฝังพร้อมเงาอย่าให้เหลือเพื่อออกผล
ให้บาปหนักของฉันนั้นหลอมตน
เป็นดอกฝนสลายร่วงลงห้วงธาร
ให้วิญญาณเป็นทาสบาทพระพุทธ
บริสุทธิ์เพียรธรรมกรรมฐาน
สถิตย์สูงปลายฟ้านภากาล
กลางนิพพานบริสุทธ์พบพุทธา
ถ้าบังเอิญใครใครจะจดจำ
จุดเทียนธรรมปฏิบัติตัดตัญหา
เป็นของขวัญวันตายหมายบูชา
เพียรนำพาเพื่อนมนุษย์จนสุดทาง
ฉันจะอยู่ด้วยแรงแห่งความดี
ตราบราตรีห่มหล้าอุษาสาง
ปณิธานจักคลี่ใยผลิใบบาง
แม้นเรือนร่างสลายลับ....ไม่กลืบคืน
----------------------------
ในวันที่สายวสันต์กระน่ำทุ่งนาป่าเมือง
ข่าวคราวความทุกข์ยากของพี่น้องชายแดน
และการสูญเสียเพื่อนมนุษย์จากเหตุอวิชชา
นำความโศกเศร้าอบอวลมากับสายฝนพรำ
ดอกไม้แห่งเสรีภาพไม่อาจเบ่งบาน
ท่ามกลางความยึดติดและยึดมั่น...
เสรีภาพใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการปล่อยวาง
ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย อำนาจ ชื่อเสียงเกียรติยศ
และที่สำคัญ คือ ***เงินตรา***
หยิบหนังสือ **Tuesdays with Morrie** มาอ่าน
ความตอนหนึ่งกล่าวถึงการสละในวาระสุดท้าย
เป็นการไม่ยึดมั่นไม่ยึดติด เป็นมหาทานยิ่งใหญ่
เมื่อม่านดำแห่งชีวิตกำลังรูดปิดลงรำไร
มิปล่อยให้เป็นภาระแก่ผู้อยู่เบื้องหลัง
ตัวเราเองเท่านั้นที่จะทำลายโซ่ตรวนอันไร้สาระ
ทำลายกำแพงแห่งมานะทิฐิลงเสีย
ทำลายตราจำแห่งการยึดติดยืดมั่น
ในวันที่เรามิอาจใช้ประโยชน์ใดใดจากขันธ์
เพื่อการกลับสู่ความหมายนิรันดร์อันแท้จริง
ลำน้ำน่าน  บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
กับวันที่ตั้งใจอุทิศร่างกายในวันสุดท้ายของชีวิต

				
comments powered by Disqus
  • )))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((

    23 มิถุนายน 2547 07:21 น. - comment id 288487

    อ่านแล้ว........
    
    .....เขียนดีจริงๆๆ ครับ
    จะคอยเป็นกำลังใจต่อไป
    
    
  • tiki

    23 มิถุนายน 2547 07:40 น. - comment id 288488

    ด้วยนิรันดร์นั้นหรือ...คืออะไร ..?
    
    
          งามพิสุทธิ์มากมายในงานเขียน
    
    ซึ่งพากเพียรบริจาคหากทำได้
    
    ส่วนตัวฉันนั้นอนิจจังกับความตาย
    
    จะมาสายเช้าค่ำ..ถือธรรมมา
    
    
                  หากเมื่อคืนตาปิดสนิทก่อน
    
    ร่างจะพักจะผ่อนหย่อนบ้างหนา
    
    จึงอ่อนลู่คดคู้หลับไปกับตา
    
    ต้องจากลาหน้าจอแห่งพ่อคุณ
    
    
               มิได้อ่านงานเสนาะอันเพราะพร้อง
    
    ถ้อยสนองปนิธานค้านวายวุ่น
    
    ถ้อยอันงามสงบใจในการุณย์
    
    ยอผลบุญธรรมดีปริ จาคะ..
    
    ต่อไปที่
    ทิกิ_tiki
    งานตอบลำน้ำน่าน..กลับสู่ความหมายนิรันดร์    
    
    http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_55759.php
  • tiki

    23 มิถุนายน 2547 08:35 น. - comment id 288495

    กลับสู่ความหมายนิรันดร์    ชาติ  ..ชรา...มรณะ...ชาติ..
    ชรา..มรณะ.
              .โอ สังสารวัฏฏ์..ใครจะบอกได้ว่าชาติต่อไป..กรรมที่กระทำไว้นี้
    จะนำส่งไปเกิดเป็นอะไร..เปรต อสุรกาย  สัตว์ติรัจฉาน  มนุษย์  เทวดา  เทพ พรหม..?
    
    http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_55750.php
    
    ด้วยนิรันดร์นั้นหรือ...คืออะไร ..?..
    
     
     จาก : รหัสสมาชิก : 4895 - tiki  
     รหัส - วัน เวลา : 292708 - 23 มิ.ย. 47 - 08:12  
     
     
     
     ความคิดเห็น : ทีจริงทาง 7 สาย คือ เปรต อสุรกาย สัตว์ติรัจฉาน  มนุษย์ เทวดา พรหม  และ นิพพาน
    
    แต่ไม่นำนิพพานมาไว้ ณ ที่นี่ ด้วยมิอาจแตะต้อง
    ภาวะ ไร้ภาวะนั้นได้ ขออถัย นำมา เพียง 6 สาย
    เท่านั้น ท่านผู้รู้ อภิธรรม โดยเฉพาะ คุณดอกแก้ว ขอได้โปรด งดโทษข้าพเจ้า...ภาวะนั้น เป็น ultimate Desire  ก็ จริง 
    
    แต่เด็กๆนั้น ปราถนาแค่ มนุษย์ ต่อ มนุษย์  รักกัน ไม่เกลียดกัน ไม่ทะเลาะ แย่งชิง ทรัพย์ ของรักของหวง กัน ไม่อาฆาต กัน  ไม่พยาบาทกัน ไม่
    อาฆาต มาดร้าย กัน 
               พูดกันให้เพราะๆ ต่อกัน ให้ มีชีวิตสงบสุข สันติ โอ พูดไปก็เหมือน ยุคพระศรีอาริย์เมตไตร อีกไม่รู้กี่ล้านชาติข้างหน้าโน้น..อันไกลโพ้น
    
           ส่วน มนุษย์เราในปัจจุบัน ก็ยัง ถือครองวิบากก รรม คือผลแห่งการกระทำ เก่า ของเราเองในภพชาติ อันใกล้ส่งผลแรงสุด กับภพชาติอันไกลแต่กรรม-การกระทำอันแรงส่งมานั้นอยู่
    
    
            ส่วนภพชาติปัจจุบันนี้ เราก็ยังส่งการกระทำแรงด้วยกรรม อันแปลว่า การกระทำ ทั้งดี ทั้งชั่ว กันอยู่ตลอด ยี่สิบสี่ชั่วโมง ตลอด ทุกนาที ทุกวินาที เรายังมี บาป บ้าง บุญบ้าง ตลอดเวลา
           
                 เปรียบ เรายังต้มน้ำด้วยไฟกิเลศตัณหาภวตัณหาความอยากได้โน่นได้นี่  
    วิภวตัณหา..ความอยากไม่เอาโน่นไม่เอานี่
    
                     เออหนอ เราจะพ้นภพชาติไปได้อย่างไรเล่า ลำน้ำน่าน ข้าพเจ้าจึงถึงได้บอกว่า ความเป็นนิรันดร์ นี้คือ สังสารวัฏฏ์ แห่งการเวียนว่ายตายเกิด นี้ อย่างแน่แท้ นะท่าน 
    
            คนอย่างเรา อันเวียนว่ายอยู่ในทะเล วิบากกรรมของตนเอง นี้ จึงจะว่ายอยู่เรื่อยๆ ทั้งภพทั้งขาติ  ทุกภพ ทุกชาติ มิขาดเลย
    
           ท่านจะมาประคองข้าฯ ขึ้นฝั่งใด ได้ไฉนเล่า ลำน้ำน่านผู้แสนดี ของข้าฯ เอ๋ย
    
    ทิกิ_tiki 
    
    ทิกิ_tiki  
     จาก : รหัสสมาชิก : 4895 - tiki  
     รหัส - วัน เวลา : 292709 - 23 มิ.ย. 47 - 08:23  
    
  • tiki

    23 มิถุนายน 2547 08:53 น. - comment id 288500

    โอ้ ลำน้ำน่านเพื่อนรักเอ๋ย
    เห็นทีคุณดอกแก้วจะมาว้ากให้เสียอีกละมังเนี่ย
    แล้ว  หนทาง ไปสู่นรก หายไปไหน
    
    เอ้า เอาใหม่  ตายแล้วมีถนน 7 สายคอยรับ
     1 นรก 
    2.เปรต อสุรกาย
    3.สัตว์ติรัจฉาน
    4 มนุษย์
    5. เทวดา เทพ
    6.พรหม
    7 .ไปนิพพาน
     เขียนแบบไม่เปิดตำราใดใดทั้งสิ้น แหละคุณดอกแก้วเจ้าขา เชิญมา อรรถาวิสัชนาได้แต่เช้าเลย ขอบิณฑบาตรธรรมเช้าน้หน่อยค่ะ
    
    
    ทิกิ_tiki 
  • ตะแหง่ว

    23 มิถุนายน 2547 12:43 น. - comment id 288570

    อ่านแล้วมันเศร้าๆไงก็ไม่รู้ค่ะ..
  • ผู้หญิงไร้เงา

    23 มิถุนายน 2547 12:58 น. - comment id 288577

    หากฉันตายวันใดในโลกนี้
    ฉันพร้อมพลีกายที่มีให้ใครเขา
    เพื่อต่อเติมสิ่งดีดีที่ตัวเรา
    และเพื่อให้ใครเขาได้มีบ้าง
    
    *-*ชื่อชมในความคิดนะค่ะ การสละซึ่งสิ้นของเหล่านี้เป็นบุญกุศลอันสุดยอดที่สุดแล้วในความรู้สึกของผู้หญิงไร้เงา ชอบมากเลยค่ะ  แต่งได้ไพเราะและสวยงามด้วยความหมายค่ะ ชื่นชมในผลงานและด้านความคิดค่ะ*-*
  • ลี่...ผู้มาเยือน

    23 มิถุนายน 2547 13:24 น. - comment id 288595

    งดงามจนไม่สามารถหาคำมาถ่ายทอดความรู้สึกได้จริงๆ ค่ะ
    
    ขอบคุณค่ะ...ที่เขียนงานตัวอย่างดีๆ มาให้อ่าน และ เรียนรู้เสมอค่ะ
    ..........................................................................................
    
  • แก้วนีดา (ไม่ได้ล็อกอินจ๊ะ)

    23 มิถุนายน 2547 16:56 น. - comment id 288704

    ชื่นชมนิยมท่าน ลำน้ำน่าน
    ผู้ตื่นและเบิกบานในรสธรรม
    ผู้น้อมนำประสารเป็นคำ
    นำสู้ประชาพาชื่นชม
    
    ติดตามการเขียนของคุณลำน้ำน่านเสมอมาค่ะ....เขียนได้ดีสมกับที่คุณหมูอ้วนชื่นชมคุณจริงๆๆ
  • ชัยชนะ

    24 มิถุนายน 2547 05:43 น. - comment id 288987

    สละได้ในทุกสิ่งของชีวิต
    พร้อมอุทิศมากมายในสุขล้น
    ขอบูชากล้าเกินใครในสากล
    ขอให้ดลดั่งทางหวังที่ตั้งใจ
    
  • กลอน-ประตูเมือง

    25 มิถุนายน 2547 14:07 น. - comment id 289701

    ทศพักตร์ยักษ์ล้มลงหล่มลึก 
    เคยยักยึกรัฐธรรมนูญทรงคุณค่า 
    เคยผูกขาดอำนาจรัฐบางเวลา 
    ก็ถึงคราร่างสลายกลายเป็นดิน 
    เราต่างมาต่างไปในวิถี 
    เราต่างมีพันธกิจต่างสูญสิ้น
    ต่างจุดยืนต่างเหตูผลต่างมลทิน 
    ถึงเวลาต่างดิ้นไปชดใช้กรรม 
    บาดแผลใหญ่ผ่านผันถึงวันนี้ 
    แผลทีมีเล็กจ้อยเป็นรอยจ้ำ 
    เป็นแผลเป็นตรึงจิตติตตรึงจำ 
    ความชอกช้ำที่มีมิมีเลือน 
    แต่เมื่อตายกลายร่างไปเป็นผี 
    เวรที่มีเลิกแล้วแคล้วคลาดเคลื่อน 
    เป็นบทเรียนสอนใจไว้คอยเตือน 
    เผด็จการยากเขยื้อนหากไม่ร่วมแรง 
    ตัวเก่าไปใหม่มามากกว่าเก่า 
    มันจะเข้าสิงสู่อยู่แอบแฝง 
    อ้างประชาธิปไตยไว้สำแดง 
    ไว้กลั่นแกล้งบีฑาประชาชน 
    จงรู้เท่ารู้ทันรู้ทางชั่ว 
    จงอย่ากลัวอย่าเกรงอย่าหน่ายแหนง 
    สีเดิมดำหรือจะทำให้เป็นแดง 
    ถึงอินทร์แปลงก็ยังรู้ว่าอินทร์ปลอม* 
    *-สำนวนเก่า 
    
    
  • กลอน-ประตูเมือง

    25 มิถุนายน 2547 14:12 น. - comment id 289705

    จงรู้เท่ารู้ทันรู้ทางชั่ว                                        จงอย่ากลัวอย่าเกรงอย่าสับสน
    สีเดิมดำหรือจะนำสีแดงปน
    ทุกผู้คนเขาก็รู้ว่าแปลกปลอม

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน