คืนสู่เส้นทางสายไหม (Return to the Silk Road)

ลำน้ำน่าน

เสียงพิณเซนไหวครวญหวนตามลม
จากลึกหล่มหมื่นเขาเทาท้องฟ้า
มาสถิตอยู่นานนับกัปเวลา
ท่ามมรรคาซ่อนเซาะเราะภูดิน
พลิ้วพลิ้วไปลมเหลืองทะเลแล้ง
ทุกหนแห่งฝุ่นฝ้ายสลายหิน
พุทธอุบัติเหนือเหวเปลวมลทิน
ธรรมยังรินรุ่งเรืองอยู่ลึกลับ
จากเส้นทางสายไหมไกลลึกเร้น
สู่เนินเย็นหนาวเยือกเทือกเขาหลับ
โอเอซิสพักแรงแอ่งน้ำซับ
เมื่อพุทธะจรจับผืนดินตาย
ตามทางทองเหมยไหมทบอดีต
ขึงพิณกรีดเสียงสะท้อนก้องความหมาย
ไหมจากฟ้าพลิ้วไสวใยเรียงราย
แม้นย่างกลายผ่านทางเวิ้งว้างคน
จากดินแดนแห่งสายน้ำภาวนา
สายคงคาจากสรวงร่วงสายฝน
ชาติกำเนิดชมพูคู่สกล
ไหลมาสู่มณฑลโพ้นอัลไต
เป็นหิมะดะไลในโลกลึก
ตกผลึกความว่างกลางสงไขย
เหมือนหยาดหยกบริสุทธ์พุทธละไม
เหมือนกลิ่นไอฟากฟ้าสุขาวดี
ขจรขจายสู่แหล่งแห่งความตาย
แหล่งความพ่ายสยบหลบเร้นหนี
ก้าวสู่กลางกาฬมืดของโกบี
เพียงศากยมุณีที่ศรัทธา
เพื่อพุทธะยึดไว้ใจลามะ
โลกุตระสว่างแหล่งแสวงหา
เพื่อนิพพานสูงสุดพุทธาดา
กลางลำเค็ญลาสาขังวิญญาณ
คือดอกพลัมบานไหวในปลายหนาว
แล้วโรยกราวพบพื้นคืนสังขาร
กลีบเหลืองหม่นดลจิตมหายาน
ยามเบ่งบานพรมผลิหิมะโปรย
เซนดนดรีบรรเลงเพลงความว่าง
อยู่ท่ามกลางเพลงทิวอันหิวโหย
คือมนต์สวดแว่วบอกดอกไม้โรย
กลิ่นอวลโชยพัดกลบซบแนวเนิน
แตรภูเขาเป่าก้องร้องมนต์ร่ำ
สื่อเสียงเพลงลำนำคำสรรเสริญ
พุทธทิเบตเผยกว้างพลางเชื้อเชิญ
ให้มนุษย์ก้าวเดินเพลินนิพพาน
จิตวิญญาณพลิ้วไหวดุจหิมะ
โลกายะกฎธรรมนำสังขาร
คือกฎจริงอิงโลกมหายาน
ทอดทางฌานไหมวิสุทธิ์วิมุติพ้น

-----------------------------------------
เทียนหอมสีฝาดหม่นๆ ถูกจุดขึ้นกลางค่ำคืนนี้
เปิดเพลงบรรเลง มนตราแห่งอวโลกิเตศวร 
บทสวดทิเบต พาหัวใจให้พลิ้วไหวไปสู่ดินแดนแห่ง
พุทธมหายานนิกาย ที่ดวงใจดวงนี้เคยได้ไปเยือน
ขุนเขาหิมะมังกรหยกมาแล้วในอดีต
ดินแดนแห่งเนินผา ขุนเขา สายน้ำภาวนา
ทะเลทราย และจิตวิญญาณ
พุทธศาสนานิกายมหายาน
เดินทางผ่านเส้นทางอันทุรกันดารอย่างยิ่งยวด
นาม เส้นทางสายไหม 
เส้นทางสายจิตวิญญาณเชื่อมโรมันสู่จีน
เส้นทางที่เชื่อมแผ่นดินตะวันตก
กับดินแดนตะวันออกเป็นหนึ่งเดียว
จากใจกลางทวีปผ่านที่ราบสูง ทะเลทราย 
เทือกเขาหิมะ และสายน้ำแห่งการภาวนา
อิทธิพลของพุทธศาสนานิกายมหายาน
ได้แผ่เข้าปกคลุมดินแดนแถบนี้
ที่ได้ชื่อว่า หลังคาโลก ในทิเบต จีน 
มองโกเลีย เวียดนาม และญี่ปุ่น
ลามะเป็นผลิตผลและหลักฐานความเจริญ
รุ่งเรืองสุดขีดของพุทธศาสนา 
พระผู้มุ่งแสวงหานิพพานและความหลุดพ้น
ท่ามภูมิประเทศแร้นแค้น  ประหวัดถึง เณรน้อยซุงไซ
จากหนังสือเล่มงามของ *จอร์จ เครน* นาม อัฐิอาจารย์ 
ปาฏิหาริย์แห่งความกตัญญู พระที่ต้องดิ้นรนหลบรี้
ออกจากมองโกเลียในช่วงจีนปฏิวัติวัฒนธรรม
และ นักเขียนท่านหนึ่งกล่าวถึง นิยาย กามนิต วาสิฏฐี 
จุดที่สองคู่รักนัดไปพบกันหลังความตาย
คือดินแดนสุขาวดีก็อยู่ในความเชื่อนิกายมหายาน
หมู่บ้านเล็กๆ เชิงเขาหิมะมังกรหยก
ที่ได้ไปเยือนสะท้อนปรัชญางามง่ายแห่งเซน
ยามเช้าที่อากาศเย็นแห้งๆ 
และลมเหลืองจากทะเลทรายโกบียังพัดอู้
แต่กระนั้นดอกพลัมและแอ็ปเปิ้ลก็ยังคงผลิดอก 
ทิ้งกลีบดอกโปรยไปสู่ความว่างเปล่าเดียวดายในสายลม
เป็นความงดงามนิรันดร์ในดินแดนมหายาน.....
หยุดพักความเหนื่อยล้า เอนกายลงฟังเสียงหัวใจเต้น 
จิตนภาพลึกล้ำ รำลึกถึงคราวแบกเป้เดียวดาย
อยู่บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ นาม *ยู่หลง* 
แหละสายหมอกไหมสวยสดราวสวรรค์บนดิน
ในยามได้ดื่มด่ำกับ *แชงกรีล่า* สวรรค์บนดิน 
อีกสายน้ำที่กระโจนลงอย่างเกรี้ยวกราด 
ณ หุบเขาโตรกเสือกระโจน 
แหละอีกหลายความทรงจำ
ในยามได้เดินอยู่เหนือคันนาข้าวสาลีในอินเดีย
ประหวัดถึงวัจนภาษาทองจาก **กามนิตวาสิฏฐี** 
กล่าวไว้สงบงามในขณะที่พระพุทธเจ้า
เสด็จกลับเบญจคิรีนคร...
**ขณะพระองค์เสด็จมาใกล้เบญจคิรีนครคือราชคฤห์ 
เป็นเวลาจวนสิ้นทิวาวารแดดในยามเย็นกำลังอ่อนลง
สู่สมัยใกล้วิกาล ทอแสงแผ่ซ่านไปยังสาลีเกษตร 
แลละลิ่วเห็นเป็นทางสว่างไปทั่วประเทศสุดสายตา
ดูประหนึ่งมีหัตถ์ทิพย์มาปกแผ่อำนวยสวัสดี 
เบื้องบนมีกลุ่มเมฆเป็นคลื่นซ้อนซับสลับกันเป็นทิวแถว
ต้องแสงแดดจับเป็นสีระยับวะวับแววประหนึ่งเอาทรายทอง
ไปโปรยปราย เลื่อนลอยลิ่วๆ เรี่ยๆ รายลงจดขอบฟ้า 
ชาวนาและโคก็เมื่อยล้าด้วยตรากตรำทำงาน ต่างพากันดุ่มๆ 
เดินกลับเคหสถานเห็นไร ๆ เงาหมู่ไม้อันโดดเดี่ยวอยู่กอเดียว 
ก็ยืดยาวออกทุกที ๆ มีขอบปริมณฑลเป็นรัศมีแห่งสีรุ้ง
อันกำแพงเชิงเทินป้อมปราการที่ล้อมกรุงรวมทั้งทวารบถ
ทางเข้านครเล่า มองดูในขณะนั้นเห็นรูปเค้าได้ชัดถนัดแจ้ง
ดั่งว่านิรมิตไว้มีสุมทุมพุ่มไม้ดอกออกดกโอบอ้อมล้อมแน่นเป็นขนัด
ถัดไปเป็นทิวเขาสูงตระหง่าน มีสีในเวลาตะวันยอแสง
ปานจะฉาบเอาไว้ เพื่อแข่งกับแสงสีมณีวิเศษ 
มีบุษยราคบัณฑรวรรณและก่องแก้วโกเมน
แม้รวมกันให้พ่ายแพ้ฉะนั้น 
พระตถาคตเจ้าทอดพระเนตรภูมิประเทศดั่งนี้ 
พลางรอพระบาทยุคลหยุดเสด็จพระดำเนิน 
มีพระหฤทัยเปี่ยมด้วยโสมนัสอินทรีย์
ในภูมิภาพที่ทรงจำมาได้แต่กาลก่อน 
เช่น เขากาฬกูฏไวบูลยบรรพต อิสิคิลิและคิชฌกูฏ 
ซึ่งสูงตระหง่านกว่ายอดอื่น 
ยิ่งกว่านี้ทรงทอดทัศนาเห็นเขาเวภาระอันมีกระแสธารน้ำร้อน 
ก็ทรงระลึกถึงคูหาใต้ต้นสัตตบรรณอันอยู่เชิงเขานั้น 
ว่าเมื่อพระองค์ยังเสด็จสัญจรร่อนเร่แต่โดยเดียว 
แสวงหาพระอภิสัมโพธิญาณ ได้เคยประทับสำราญพระอิริยาบถ
อยู่ในที่นั้นเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะเสด็จออกจากสังสารวัฏ
เข้าสู่แดนศิวโมกษปรินิพพาน**

แม่น้ำไหลริน 
มาจากหิมาลัย
ส่งเสียงพึมพำ
มาจากเนินเขาหมื่นแห่ง
จากทางช้างเผือก
ชื่นชมฟากฟ้า
จำกัดวิสัยทัศน์ไว้
ไม่สนใจ
ความอัปลักษณ์ของผู้ใด
กระทั่งแม่น้ำ
ฝั่งที่เป็นเนินทราย
ทับถม.....
ยึดพุทธะไว้ในใจ
ละวางความโศกและมายาภาพ
(ซุงไซ)
ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
วันตรุษจีนที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๑๕๕๓

				
comments powered by Disqus
  • แมงกุ๊ดจี่

    14 กุมภาพันธ์ 2553 21:38 น. - comment id 1099624

    สายน้ำที่ถ่ายทอด  แห่งสัจธรรมบนโลก...
    
    7.gif
  • ภูมะ

    14 กุมภาพันธ์ 2553 21:17 น. - comment id 1099860

    คือตำนานน้อยครั้งที่รู้เห็น%
    
    29%29.gif
  • ธันวันตรี

    14 กุมภาพันธ์ 2553 23:19 น. - comment id 1099881

    เส้นทางแห่งอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ ที่เชื่อมระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออก ทั้งยังเป็นเส้นทางแห่งศรัทธา เส้นทางแห่งจิตวิญญาณถ่ายทอดออกมาได้อย่างงดงามและน่าประทับใจ 
    
    บุรุษแห่งสายน้ำ ยังคงรินไหลอย่างฉ่ำเย็น บนเส้นทางของกวี ให้ได้ยลยิน
  • เพลง+พิม

    15 กุมภาพันธ์ 2553 01:40 น. - comment id 1099910

    สํานวนงามนัก
    ในประจักษ์งานร่าย
    1.gif1.gif
  • อินสวน

    15 กุมภาพันธ์ 2553 01:53 น. - comment id 1099924

    สวัสดีครับ
    ติดตามอยู่นะครับ
    ไม่มีอะไรจะเป็นสุขได้เท่าการได้อ่านผลงานของลำน้ำน่านครับ36.gif36.gif36.gif
  • ปรางทิพย์

    15 กุมภาพันธ์ 2553 03:23 น. - comment id 1099933

    ชื่นชมค่ะ
    ผลงานของคุณลำน้ำน่าน อ่านไม่มีเบื่อนะคะ
    ติดตามงานเสมอ ๆ ค่ะ
    36.gif36.gif36.gif
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    15 กุมภาพันธ์ 2553 14:30 น. - comment id 1100105

    เป็นนักอ่าน จริงๆ เลยนะครับ
    
    เหมือนๆ กับ พี่พุดเลย นักคิด นักอ่าน นักปราชญ์ อิอิ
    
    ดีใจ ที่พี่ มาครับ
    
    แต่ผมเอง อาจเข้ามา บ้านกลอน น้อยลง
    
    ด้วยเหตุ ทางการศึกษา น่ะครับ
    
    29.gif16.gif36.gif
  • น้ำตาพระอินทร์

    15 กุมภาพันธ์ 2553 15:47 น. - comment id 1100154

    ยอดเยี่ยมมากค่ะ
    41.gif41.gif41.gif41.gif
  • กิ่งโศก

    15 กุมภาพันธ์ 2553 20:29 น. - comment id 1100329

    แตรภูเขาเป่าก้องร้องมนต์ร่ำ
    สื่อเสียงเพลงลำนำคำสรรเสริญ
    พุทธทิเบตเผยกว้างพลางเชื้อเชิญ
    ให้มนุษย์ก้าวเดินเพลินนิพพาน
    
    ...บทข้างบนนั่น...เห็นภาพ ซ้อนกับคำกลอนเลยครับ คุณลำน้ำน่าน..ขอบคุณที่เข้าไปอ่านงานกิ่งโศกนะครับ
  • สดายุ

    16 กุมภาพันธ์ 2553 09:48 น. - comment id 1100511

    "
    ขณะพระองค์เสด็จมาใกล้เบญจคิรีนครคือราชคฤห์ 
    เป็นเวลาจวนสิ้นทิวาวารแดดในยามเย็นกำลังอ่อนลง
    สู่สมัยใกล้วิกาล ทอแสงแผ่ซ่านไปยังสาลีเกษตร 
    แลละลิ่วเห็นเป็นทางสว่างไปทั่วประเทศสุดสายตา
    ดูประหนึ่งมีหัตถ์ทิพย์มาปกแผ่อำนวยสวัสดี 
    เบื้องบนมีกลุ่มเมฆเป็นคลื่นซ้อนซับสลับกันเป็นทิวแถว
    ต้องแสงแดดจับเป็นสีระยับวะวับแววประหนึ่งเอาทรายทอง
    ไปโปรยปราย เลื่อนลอยลิ่วๆ เรี่ยๆ รายลงจดขอบฟ้า "
    
    เป็นพรรณนาโวหารอันยอดเยี่ยมของ
    ท่านผู้แต่งครับ
  • เฌอมาลย์

    16 กุมภาพันธ์ 2553 10:00 น. - comment id 1100551

    งดงามเสมอ
    
    11.gif36.gif
  • ลำตะคอง

    24 เมษายน 2553 12:10 น. - comment id 1123198

    สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะลำน้ำน่าน
    
    ไม่ว่านานแค่ไหน  บทกวีของลำน้ำน่าน ก็ยังงดงาม ล้ำลึก เปี่ยมความหมาย 
    
    ส่งความปรารถนาดี ขอเป็นกำลังใจบนทุกเส้นทาง ที่ได้เลือกเดิน อย่างรื่นรมย์ สมปรารถนา
    
    ด้วยระลึก

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน