ทิพยวารีนิรันดร์ (River of Forever)

ลำน้ำน่าน

โรยละอองน้ำทิพย์วะวิบวาว
จับเมฆขาวครืนครืนบนฝืนฟ้า
เหนื่อยไหมพระพิรุณบุญเทวา
เฝ้าชุบชีวาทุ่งกร้านละหานไพร
ปรารถนาอะไรในโลกเล่า
ทุกข์เรงเร้าทุ่งหมองคลองสมัย
ผีพรายน้ำร้อนกายร่ายอาลัย
เงือกคระไลปลาตายสาหร่ายสุสาน
เติมมิเต็มสายธารทอดผ่านเมือง
อย่าขุ่นเคืองรามสูรขว้างขวาน
เมขลาหลับไหลอนันตกาล
ปิดตำนานล่อแก้วแววแสงทิพย์
งามเกล็ดน้ำพรายทองยองยวงเมฆ
สรวงเสกการะเวกฟ้าบินมาจิบ
หยาดน้ำพราวขนสร้อยพลอยระยิบ
เกาะขลิบปีกทับทิมสู่หิมพานต์
สลัดฝนโอยธาตุน้ำรุกขเทวา
อ้อมฟ้าห่มดินถิ่นไพศาล
ปรารถนาอโนดาตชาติตระการ
เริงวิมานกินรีศรีมนุษย์
รัตนากรมหาธาราแผ่นดิน
แต้มศิลป์แต่งหล้าคงคาสมุทร
เสกทิพย์ขลังประพรมน้ำมนต์พุทธ
วิเศษสุทธิ์ปราบอเวจีผีพราย
น้ำท้นตาชาวนายากจน
รดดอกผลกสิกรรมล้ำหลาย
ชโลมแล้งแห้งผากจากวาย
ชลชาติแหวกว่ายปิติน้ำตา
สูงศักดิ์น้ำอมฤตนิมิตมนตร์
เทวาวนกวนเกษียรเวียนเวหา
แก่นสุเมรุอสูรยุดสมุทรนาคา
อสัญแดหวาชนะอสุรี
น้ำมะพร้าวล้างหน้าอสุภซาก
ฟื้นฝากธรรมเนียมเยี่ยมเมืองผี
น้ำอาบศพสงบพบดุษณี
ไหลรี่ธารน้ำตามหาญาติ
ปรารถนาสายน้ำสนานสมัย
โบกธงชัยยุคทองผองนักปราชญ์
สิ้นอโศกกำสรวลโซ่ตรวนทาส
อเนจอนาจน้ำเลือดเหือดคาตา
ชีวิตอิ่มธาตุมนุษย์บุตรเรืองรอง
มิเคยพร่องน้ำนมแม่ไร้ริษยา
เมืองน้ำเงินน้ำเน่าเปล่าราคา
ขุ่นข้นกว่าน้ำมันพรายจากโลกันตร์
ปรารถนาอะไรสมัยนี้
สายวารีธารทองละอองสวรรค์
หรือสายเลือดธารโศกโลกจาบัลย์
ไหลดิ้นดั้นพรากฆ่าอารยชน
ฤามิปรารถนาพระนิพพาน
น้ำทิพย์อภิญญาณมรรคผล
ฤาน้ำกามกิเลสจับสัปดน
อุทกท้นธารากามานคร
ฉันปรารถนาคงคาสวรรค์
โบกขรณีเทพธรรพ์ปัญจสิขร
ธาราธรรมรองเรืองกว่าเมืองรอน
ล่องเรือจรข้ามฟ้าปราการนที
สู่สายน้ำนิรันดร์สวรรค์ทิพย์
เอื้อมหยิบปาริชาตดาษวิถี
จุติพรหมโลกกวินสตินทรีย์
นิมิตทิพย์วารีชโลมแผ่นดินฯ

-----------------------------------
พระพิรุณแห่งวสันตฤดูลาฟ้าไปไม่นานนัก
พลบค่ำแล้ว หากข้าพเจ้ายังได้กลิ่นกรุ่นละอองเย็นแห่งฝน
จิตวิญญาณของนักอยากจะเขียนมักจะบรรเจิดในสายฝนพรำ
ท่ามกลางม่านฝนและม่านฟ้าไกลแสนไกล
ทำให้ประหวัดไปในอดีต ที่ติดฝนอยู่ในกระท่อมเถียงนา
เมื่อลมฝนบนฟ้ามาลิ่ว.......
ในยามที่ทุ่งข้าวอาบฝน ระบัดใบพลิ้วไหวในตำบลท้องทุ่ง
ชาวนาก็ยิ้มได้ นึกขอบคุณเทพพิรุณบนสวรรค์
สายฝนก่อเกิดสายธารน้ำ หล่อเลี้ยงผืนแผ่นดินและผู้คน
สายน้ำในวันนี้นั้นมีความหมายนิรันดร์
เป็นตัวแทนแห่งความสงบร่มเย็น อารยธรรม ความดีงามทั้งปวง
แต่อีกแง่มุมหนึ่งก็เป็นสายน้ำที่ระทมทุกข์เพราะโลกแปร
จิตวิญญาณของผู้คนก็เปลี่ยนไป ดีเลวคละเคล้ากันเป็นครรลอง
แล้วสายน้ำสายใดเล่าจักนำเราไปสู่ความหมายนิรันดร์แห่งฝั่งนิพพาน
และนำความดีงามและความอุดมสมบูรณ์สู่ผืนแผ่นดิน?
สู่สายน้ำนิรันดร์สวรรค์ทิพย์
เอื้อมหยิบปาริชาตดาษวิถี
จุติพรหมโลกกวินสตินทรีย์
นิมิตทิพย์วารีชโลมแผ่นดินฯ


   (๑) แว่วตะโพนแผ่วพ้น...............เพลบุญ
โพ้นวรรษาราพิกุล............................เกี่ยวข้าว
ปรางค์สางสว่างอรุณ...........................ระดะยอด อวดแฮ
บุญสยามค่ำเช้า...............................ชาติฟื้นเกษตรศานต์ฯ 
     (๒) ปรารถนาภาพลึกล้ำ...............ละเลงบุญ
เกล็ดทิพย์ลิบละมุน.............................ม่านน้ำ
อารยธรรมค้ำจุน.................................จวบค่ำ
เจ้าพระยาพาข้าม...............................ล่องฟ้าสวรรค์สยามฯ
     (๓) เงาเมรุเงาวัดเวิ้ง..................ไพหาร
พุทธะหลั่งวิญญาณ..............................หยาดไว้
ชะรอยพุทธเพรงกาล..........................มาล่ม ลงแล
ธารพระธรรมผากไร้...........................ร่อยร้างมลายขวัญฯ
     (๔) พรายน้ำวาววับน้ำ.................นองพระยา
เงาโบสถ์คร่ำลำนาวา...........................ลิ่วลื้น
ไหลลอยล่องชีวิตมา.............................มาดมุ่ง เมืองแล
จมคลื่นกระแสไป่ฟื้น...........................ฝากน้ำซากสลายฯ
				
comments powered by Disqus
  • พุดพัดชา

    15 ตุลาคม 2554 08:55 น. - comment id 1211244

    307959_2088693136885_1231899850_31886240310953_2113473876388_1231899850_31904505
    รอตะวันฉายจากสายสรวง
    ธาราล่วงลาพรากแผ่นดินขวัญ
    ให้ผองชนได้เริ่มต้นในพรุ่งวัน
    รู้รักกันรู้เมตตาสามัคคี..!!!!
    .........................
    ..........................
    
    แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก 
    เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย 
    เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย 
    เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน 
    
    ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช 
    ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น  
    ทั้งพฤฒาอาจารย์ลือระบิล 
    จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม 
    
    ความระทมจะถมทับนับเทวศ 
    ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม 
    คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม 
    ส่วนคนชั่วหัวร่อร่าทำท่าดัง 
    
    จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว 
    ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง 
    ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง 
    สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ 
    
    ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม 
    หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้ 
    จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป 
    เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา 
    
    คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น 
    แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา 
    ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา 
    ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ... !!!!
    
    .............................
    ดึกดื่นกับดายเดียว
    ดวงฟังบทเพลง *ดวงจำปา*
    
    พร้อม...อ่านบทกวี..ท่านเรียวกัน
    
    "ชีวิตฉันอาจคล้ายจะเป็นทุกข์
    แต่เมื่อท่องเที่ยวไปในโลกนี้
    ฉันก็ยิ่งมั่นใจในสรวงสวรรค์
    ในย่ามของฉันมีข้าวอยู่สามโช
    ข้างเตาไฟของฉัน มีฟืนอยู่มัดหนึ่ง
    
    ถ้ามีใครสักคนถามฉันว่า
    อะไรคือเครื่องหมายของการรู้แจ้งหรือมายา
    ฉันย่อมไม่อาจตอบได้
    
    สำหรับฉัน ความมั่งคั่งและเกียรติยศ
    หาใช่อะไรไม่ หากแต่คือฝุ่นธุลี
    เย็นย่ำ สายฝนปรายโปรย
    ฉันนั่งอยู่ในกระท่อม
    เมื่อยนักก็เหยียดขาออก
    นี่ไงคือคำตอบของฉันล่ะ
    
    ..........................
    
    (โช..คือมาตราตวงโบราณของญี่ปุ่น)
    
    
    
    สายลมพัดผ่านกระท่อมน้อยของฉัน
    ภายในกระท่อมโปร่งโล่งไร้ทรัพย์สิน
    นอกกระท่อมคือป่าซีดาร์ยืนรายเรียง
    ที่ฝากระท่อมมีบทกวีปิดเรียงราย
    ยามนี้กาต้มน้ำเขลอะไปด้วยฝุ่น
    ไม่มีควันไฟจากเตาหุงข้าว
    ใครกันนั่นกำลังดุ่มเดินมาที่ประตูกระท่อม
    ที่อาบไล้ด้วยแสงจันทร์ของฉัน
    อ๋อ..!ชายชราจากหมู่บ้านตะวันออกนั่นเอง..
    
    
    
    คืนนี้อากาศเย็นยะเยือกยาวนาน
    เป็นคืนฤดูหนาวที่ยาวนาน
    เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
    เมื่อไหร่จะสว่างเสียทีหนอ
    
    ไม่มีแสงไฟจากตะเกียง
    ไม่มีถ่านในเตาผิง
    ฉันนอนอยู่บนที่นอน
    ฟังเสียงสายฝนหิมะ..."
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song484.html
    ดวงจำปา คาราวาน 
    
    โอ ดวงจำปา
    เวลา ชมดอก
    คิดถึงบ้านซ่อง มองเห็น หัวใจ
    เฮานึก ขึ้นได้ ในกลิ่นเจ้าหอม
    เห็นสวน ดอกไม้ บิดา ปลูกไว้
    ตั้งแต่ ใดมา เวลาหงอยเหงา
    ยังช่วย บรรเทา ให้หายโศกา
    โอ ดวงจำปา คู่เคียงเฮามา
    แต่ยาม น้อยเอย
    กลิ่นเจ้าสำคัญ ติดพันหัวใจ
    เป็นตาฮักใคร่ แพงไว้เซยซม
    ยามเหงา เฮาดม
    เอ๋ยจำปาหอม
    เมื่อดม กลิ่นเจ้า
    ปานพบ เพื่อนเก่า
    ที่ได้พราก จากไป
    เจ้าเป็นดอกไม้
    ที่งาม วิไล ตั้งแต่ใดมา
    โอดวงจำปา มาลา ขวัญฮัก
    ของเรียม นี่เอย
    
    โอ ดวงจำปา
    บุปผาเมืองลาว
    งามดั่งดวงดาว
    ซาวลาว ปลื้มใจ เมื่ออยู่ ภายใน
    แดนดิน ลานซ้าง
    เมื่อได้ พลัดพราก
    อดีต พลัดจาก บ้านเกิดเมืองนอน
    ข้อยจะเอาเจ้า
    เป็นเพื่อน ฮ่วมเหงา เท่าสิ้นชีวา
    โอดวงจำปา มาลา งามจริง
    มิ่งเมือง ลาว เอย... 
    
    
    36.gif16.gif
  • ผ่านมาพบ

    15 ตุลาคม 2554 09:09 น. - comment id 1211247

    นานๆเข้ามา วันนี้โชคดีได้พบบทกวีที่ตรึงใจของลำน้ำน่าน
  • กิ่งโศก

    15 ตุลาคม 2554 09:12 น. - comment id 1211248

    คาราวะท่านลำน้ำน่านครับ
    ดูนานมากเลยกว่าจะได้เสพงานท่านลำน้ำน่าน
    
    
    สบายดีนะครับ สวัสดีพี่พุดด้วยครับ
  • ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    15 ตุลาคม 2554 11:29 น. - comment id 1211257

    เกี่ยวเถอะนะแม่เกี่ยว  โย๊น ๆ
    เกี่ยวเถอะนะแม่เกี่ยว  อย่าชะแง้แลเหลียว
    เดี๋ยวเคียวจะเกี่ยวก้อยเอย
    
         เพลงนี้ก็เลยไม่ได้ร้อง เพราะปีนี้ไม่ได้เกี่ยวข้าว ทิพยวารีนิรันดร์เอาไปกินหมด
    แถมยังเอาบ้านเรือนที่หลับที่นอนไปด้วย
        ทีแรกนึกว่าดำน้ำไปเกี่ยวข้าวยังไม่สุกเผื่อว่าจะเอาไว้กินได้บ้าง เอามาตากแดดบนถนนแล้วค่อยตำค่อยสีเอา แต่ถนนก็ท่วมหมดไม่มีที่จะตากแล้วก็อดต้องกินมาม่าที่เขามาแจก
          ของแจกก็มาไม่ค่อยจะถึงเพราะพอผ่านทางไหนต้นทางเขาก็แย่งเอาไปหมด นาน ๆจะมีเฮลิคอ๊อปเตอรเอามาโยนให้บ้าง
           วันนี้ค่อยยังชั่วหน่อยมีเจ๊ทสกีเข้ามาได้ของใช้ของกินกันบ้างนิดหน่อยพอประทัง
            นานแล้วไม่ได้อ่านกลอนของลำน้ำน่าน คิดถึงนะครับ
  • เพียงพลิ้ว

    15 ตุลาคม 2554 12:43 น. - comment id 1211277

    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • พบพานเพื่อผ่านภพ

    15 ตุลาคม 2554 16:10 น. - comment id 1211308

    ชอบประโยคนี้จัง
    
    สู่สายน้ำนิรันดร์สวรรค์ทิพย์
    เอื้อมหยิบปาริชาตดาษวิถี
    จุติพรหมโลกกวินสตินทรีย์
    นิมิตทิพย์วารีชโลมแผ่นดินฯ
    29.gif29.gif
    
     ต่อ
    
    อาจเพราะถึงเวลารอฟ้าใหม่
    จึงบรรลัยโลกเก่าเหง้าเดิมสิ้น
    ภพวิไลในธรรมจะหลั่งริน
    โอบธรณินทร์...แผ่นฟ้ารัตนะมณี
    
    
    12.gif12.gif12.gif
  • ราชิกา

    15 ตุลาคม 2554 18:06 น. - comment id 1211315

    ..เหนือคำบรรยายค่ะ..ดีใจที่ได้เข้าอ่านงานกวีที่สวยงาม..ของลำน้ำน่าน...บุรุษแห่งสายน้ำค่ะ..ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ..
    
    36.gif44.gif36.gif
  • เดือนดวงเดิม

    18 ตุลาคม 2554 05:42 น. - comment id 1211490

    36.gif36.gif36.gif
  • din

    20 ตุลาคม 2554 13:31 น. - comment id 1211710

    16.gif..............
    
    กลอนไพเราะจังเลยค่ะ
    
    .............16.gif
  • ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ (เด็กปีกนก)

    22 ตุลาคม 2554 21:58 น. - comment id 1212014

    สวัสดีครับคูณครูลำน้ำน่า พี่พุด พี่กิ่งโศก พี่ฤกษ์ พี่เพียงพลิ้วครับ 
    
    สบายดีกันทุกคนนะครับ
    
    โดยเฉพาะยิ่งแล้วคุณครูครับ
    นานๆทีได้เข้ามาบ้านกลอน
    ในที่สุดก็ได้อ่านงานคุณครูสักที
    ติดตามรอมานาน 
    เหมือนปลาได้น้ำฝน
    ยังคงเพราะเหมือนเดิม
    ไม่เปลี่ยนเลยครับ
  • tiki

    18 มีนาคม 2555 21:08 น. - comment id 1227756

    ขอคารวะเพื่อนกวี ลำน้ำน่าน ด้วยระลึกถึงเป็นที่ยิ่งค่ะ29.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน