ตองเหลืองอ่อนซ้อนใบในลมป่า แซมวนาเหลืองร้อยกับสร้อยฝน เมื่อน้ำค้างพรมภพนภดล ทั้งสกลโบกบุษย์พุทธพนา พระพิรุณเมตตาป่าสวรรค์ กลั่นน้ำตาคนธรรพ์ชั้นเวหา หยดมณีแต้มแต่งแหล่งเวลา หยาดวิญญาณ์ปลุกฟื้นผืนพรมไพร กระเซ็นแสงแพร่งพรายทุกลายพฤกษ์ หว่านผลึกอาบผิวริ้วปวงไผ่ เมื่อม่านเขียวคลี่ละมุนรับอุ่นไอ ตองนวลใยก็ไหววับรับอรุณ สไบตองราวม่านวิมานฟ้า ดั่งผืนไหมรุกขเทวามาเกื้อหนุน มรกตผืนงามความสมดุล โบกใบบุญร่มทานพรานวนา เกลียวตองไหมเหลืองเขียวเกี่ยวริ้วหมอก งามกว่าดอกไม้บรรพ์พันธุ์บุปผา ราวสไบอัปสรซ่อนกายา กลางวิมานยามาสุขาวดี สตรีงามพลิ้วพรูอยู่กับป่า ตองวนาอาภรณ์อ้อนแสงสี ยอดอ่อนเยาว์ดรุณวัยไร้ราคี เติบท่ามกลางดินดีเพาะพลีมา เมื่อเรือนใบต้องแสงแห่งอรุณ ทุกโลกหมุนเปลี่ยนไปไร้เดียงสา ค่อยแย้มกายเขียวเข้มเต็มพารา รอเวลาขีดสายวาดลายไพร สไบเขียวนางไม้กลายเหลืองทอง เหลืองผุดผ่องประกายลวดลายใหม่ ผลแห่งนางเรืองรองเป็นยองใย เพื่อสัตวาเยาว์วัยได้เก็บกิน ตองอ่อนแรงบอบบางกลางลมป่า สกุณาออกลูกแก้วแล้วผกผิน เรือนหลังคาตองน้อยคล้อยลงดิน ทั้งปวงป่าอวลกลิ่นอนิจจัง หยาดน้ำค้างระโหยโปรยละออง สไบตองเหี่ยวไปไร้ความหวัง แท้สรรพสิ่งสิ้นไปไม่จีรัง ยามประดังด้วยเหตุด้วยปัจจัย ตองงามเหลืองแห้งคาป่าสวรรค์ หมื่นน้ำตาคนธรรพ์ไม่หวั่นไหว คงหยาดชื่นรื่นพราวสู่ราวไพร แล้วระเหยแห้งไอตามวัฏกาล สไบไหมนางไม้ได้ดื่มด่ำ เกลียวลำนำน้ำค้างวางสังขาร ไร้ยึดมั่นสิ่งใดในห้วงกาล รู้เหตุปัจจยาการรู้เหลืองตอง รู้หนทางนิรพาน...เพราะเหลืองตอง ----------------------------------- ชีวิตข้าพเจ้าตอนเยาว์วัยนั้นคุ้ยเคยกับใบตองอยู่เนืองนิจ ห่อข้าวเด็กชนบทมักจะห่อด้วยใบตอง แม้บัดนี้เวลาเลยผ่าน กลิ่นหอมใบตองนายังหอมรินพรมพรำอยู่ในอณูความรู้สึกทรงจำ ก่องข้าวปลาในยามสายกลางทุ่งนานั้นก็ช่างอบอวลด้วยกลิ่นใบตอง ในมโนสำนึกของข้าพเจ้าคิดว่าใบตองคือใบไม้ในอุดมคติ ที่ให้มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์คุณูปการ..เป็นใบไม้ตัวแทนชาวชนบท ทาน ความดี ความเรียบง่าย สงบ และความสามัญแห่งชีวิต... ใบตองในวันนี้นั้นได้กลายเป็นตัวแทนแห่งพุทธคติ ใบตองงามราวสไบนางไม้ในปวงป่าพฤกษ์ที่ข้าพเจ้าได้ไปเยือนมา ณ กลางป่าตะนาวศรี เขตรอยต่อชายแดนไทย-พม่า ดินแดนสวรรค์วนา จากยอดอ่อนเหลืองนวลยามต้องแสงเช้า ราวมรกตเขียวไพร เป็นแหล่งร่มไม้ชายคาแก่สรรพสัตว์ยามพระพิรุณพิโรธ เปรียบประดุจหญิงงามในป่าพฤกษ์ ที่มีความงามซ่อนเร้น งดงามยิ่งยามจับกับเกร็ดน้ำค้างไพรสะท้อนแสงในยามเช้า.... จุดสุดท้ายตองนวลเหลืองอ่อนย่อมเหี่ยวแห้งไปตามกฎธรรมชาติ จากเหลืองอ่อนกลายเป็นเขียวแล้วก็เหลืองแห้งตายไปเป็นที่สิ้นสุด ไม่มีสิ่งไหนคงอยู่ถาวร ไม่มีความจีรังในทุกสรรพสิ่ง... ทุกๆ ธรรมชาติสอนให้เราเข้าใจความเปลี่ยนแปลงอันเป็นนิรันดร์... เสมอมาแลเสมอไป...เพียงเราเพียรพยายามและเปิดใจสัมผัสธรรมชาติ เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นเหตุเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน เพราะแสงอรุณแผดเผา น้ำค้างจึงระเหย เพราะอำนาจแสงแดดและโลกหมุน ตองนวลจึงชรา ด้วยเหตุที่ทุกๆ สิ่งสัมพันธ์กันตามธรรมชาติเป็น ปัจจยาการ
2 ตุลาคม 2547 03:46 น. - comment id 342557
ลึกซึ้ง ลึกล้ำ คำ..ความหมาย ตะวันฉายอาบเงาเจ้าตองเขียว แม้นจะเหลืองกรอบกลายลายสีเซียว คงได้เชี่ยวชาญตองของป่าคน งานงามมากค่ะ ลำน้ำน่าน ขอขอบคุณที่แวะเยี่ยมชมนะคะ
2 ตุลาคม 2547 06:12 น. - comment id 342560
เรน ..อรุณสวัสดิ์ ..พี่นิว..นะคะ หาย ไปนานจัง .. ยังคง ..เป็นบทกวี .. ที่ไพเราะ ..มากๆเลยคะ..
2 ตุลาคม 2547 06:24 น. - comment id 342564
เข้ามาชื่นชมครับ
2 ตุลาคม 2547 11:03 น. - comment id 342617
ธรรมะสวัสดีค่ะ งดงามมากค่ะ
2 ตุลาคม 2547 18:46 น. - comment id 342884
ไม่เคยมีงานไหนเลย... ที่ยามเมื่อได้อ่าน..แล้วจะไม่สะกดความรู้สึกที่มีให้กับทุกอักษร... ............................................................................................... ลี่...ผู้มาเยือน .
2 ตุลาคม 2547 20:04 น. - comment id 342911
พูดเรื่องใบตองนึกถึงเรืองท้องมากว่า ขนม , ข้วต้มมัด , สังขยา , ขนมครก ที่บ้านพี่ล้วนแต่ใช้ใบตองห่อ ใบตองคงมาบังตา จึงไม่ค่อยมองเห็นอะไร ๆ ที่ลึกซึ้งครับ
2 ตุลาคม 2547 22:25 น. - comment id 342975
เป็นผืนใบเกิดจากใจของเหง้าราก เป็นผลจากหน่อเดิมเพิ่มความหมาย เป็นตองนวลชวนฝันอันเพริศพราย เป็นเชื้อสายกัทลีที่มีมา ตามสายพันธุ์ผันไปหลายล้านต้น หยั่งสกลชั่วคราวพราวพฤกษา ไล่เลียงสีเขียวตองผ่องกายา สลับค่าเข้มเขียวทุกเรียวตอง มองเหม่อมองตองนวลชวนลุ่มหลง สัมผัสตรงสีใหม่ให้หม่นหมอง โทมนัสกลัดกลุ้มรุมสีตอง หลายเป็นเหลืองเรืองรองแล้วพับใบ ไม่ยั่งยืนผืนใบได้เปลี่ยนสี สอนฤดีให้แจ้งแถลงไข ทุกสิ่งล้วนไม่อาจบังคับใด ล้วนเป็นไปตามเหตุผลที่ต้นการ ..บทกลอนที่ไพเราะงดงามและแฝงคติธรรมไว้ให้คิด...สองสิ่งสองมุมมองในใบตองเดียว... สวัสดีค่ะบุรุษแห่งสายน้ำ
3 ตุลาคม 2547 23:12 น. - comment id 343406
พุทธคติสอนในสิ่งที่สมัยนี้อาจจะหาดูหาอ่านหาฟังได้ยากแล้ว ผมพยายามเขียนเผื่อบางทีเป็นแรงกระตุ้นผลักดันและบังเกิดความรู้สึกชุ่มชื่นในหัวใจของพวกเราทุกคนครับ ขอบคุณทุกๆ มิตร ทุกๆ ท่านที่แวะมาให้กำลังเสมอมามิเคยขาดหาย คือพลังเงียงจริงๆ ขอรับ