แผ่นดินทอง..ในดวงใจ..

พุด

new0027big.jpgupload-znZwt10.jpg
ฝนตกพรำพรำราวร่ำไห้
ดวงดอกไม้ทั้งหล้าหุบกลีบฝัน
ฟ้าสีเทาหม่นมัวหมองมืดดำ
ดินระส่ำด้วยรอยแยกแตกสามัคคี...
...............................
พุดพัดชารจนาบทกวีนี้
ด้วยใจดวงรานร้าวเศร้าใจอย่างที่สุด
ที่ได้ยินได้ฟังข่าว..พาให้หนาวเหน็บใจ
ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ในแผ่นดินอันเป็นที่รักยิ่งของเรา
ได้แต่ตั้งสมาธิจิตสวดมนต์ภาวนา
กราบขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งโลกหล้า
บูญญาบารมีแห่งพระสยามเทวาธิราช
บุญญาบารมีแห่งพระอรหันต์
บุญญาบารมีแห่งในหลวงองค์ปัจจุบัน
บุญญาบารมีแห่งกุศลธรรมในดวงจิตไททุกดวง
ขอให้เหตุการณ์การเมือง
ทั้งหลายทั้งปวงที่วุ่นวายยุ่งเหยิง
สงบสุขลงในเร็ววัน
หันมาเจรจากันด้วยสติปัญญามีเมตตาธรรม
ใช่มาเข่นฆ่าห้ำหั่น ด้วยเรานั้นคือไทยและไทย
และ..
ขอนำบทรจนาแสนรัก
มาวางพลีเตือนทุกดวงชีวาให้รู้รักสามัคคี
ก่อนสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน...นะทุกดวงใจไทย
แด่พสุธาที่ข้ารัก

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song5820.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6192.html
(ความฝันอันสูงสุด)

ปริม..
กำลังนั่งอยู่ตรงนี้
ตรงหน้าลูกผู้ชาย*คนดีศรีอยุธยา*
ผู้ชายผิวคร้ามแดดและนัยน์ตาโศก

ผู้ชาย
ที่ทำให้โลกหยุดหมุนราวย้อนยุคย้อนรอย
สู่อดีตเมืองเก่าของเราแต่ก่อน
ให้ย้อนคิดไปถึงภาพ
ในอาบเอื้ออาทรอาวรณ์อาลัย
*ถึงลูกผู้ชายไทยชายชาติทหาร*
ที่กำลังเปลือยร่างท่อนบน
ปล่อยให้ผิวคร้ามแดดนั้นสุกปลั่ง
ด้วยหยาดเหงื่อที่ผุดพรั่งหยาดรินอย่าง
เททุ่มทุกพลังบรรเลงเคี่ยวกรำฝึกฝนเพลงดาบเพลงรบ
พร้อมออกทัพ..จับศึกกับพม่าข้าศึก


ที่จักให้สำนึก
หลั่งน้ำตารินรดหยดบนหลังเท้า..*ว่ามาผิดที่*
ตราบจนถึงวินาทีสุดท้าย
จนสายเลือดสิ้นหยาด
ว่าอย่าได้หมายมาดแม้เพียงคิด
จะมาข้ามศพลูกผู้ชายชาติไทย
หัวใจสิงห์หัวใจไทใครสักคนในผืนดินทองแห่งนี้
ที่จะยอมพลีทั้งร่างใจ
ยอมพลีสิ้นจิตวิญญาณ
เพื่อรักษาผืนแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง
ไว้ให้ผองลูกหลานไทยได้ภาคภูมิ..
ได้หยัดยืนอย่าอิสรา..มิเป็นข้าเป็นทาสใคร!


ค่าที่เขาคนดีคนนี้นั้น
คือพี่ชายแสนน่ารักนัก
ที่มีรูปลักษณ์ดั่งชายไทยโบราณ
และ...
งามด้วยบุคลิกภาพชายในฝันในดวงใจ..
หากทว่าสำหรับปริม..
หาใช่เรื่องแปลกเรื่องเปลือกไม่
ที่ใจต้องห่วงพะวงหา


เพราะว่า
รู้จักรู้ใจเขามานานแสน
หาก...
เป็นเรื่องงานมาก่อน
ที่ต้องมานั่งท้าวแขนแสนอ่อน
ฟังความ..ในคอนโดหรูคู่เคียงอ่าวสิงคโปร์
ที่มีสิงโตพ่นน้ำเป็นฉากงามอยู่เบื้องหน้านั่น
รับกับไฟพร่างพรึบพราวของราวตึกราวเมืองสวรรค์

และทำให้ปริม..
ต้องบินด่วนมาถึงนี่
สิงคโปร์..
บ้านหลังที่สองของปริม..
มานานเนาเช่นเฉกเดียวกัน
บ้าน..
ที่มีเส้นทางสายฝนสายฝันให้ดวงใจสงบงาม
ในทุกยามรำลึก..


ให้ปริม..
มารับฟังงานออกแบบบ้าน
ที่แผกคิดพิเศษพิสุทธิ์
หากทว่างามง่าย
เพราะเจ้าของคือ
สถาปนิกที่เป็นชาวเมืองเก่าของเราแต่ก่อน


พี่ชายที่ปริม..
แสนรักและนับถือคนดีคนนี้
ที่แสนหล่อล่ำ
ก่อนจะจบจากมหาวิทยาลัยหน้าพระลาน
แล้ว
จากจรไปจบมหาวิทยาลัยเยลในอเมริกา
และในที่สุดกลับมาใช้ชีวิต
ที่ประเทศสิงคโปร์นี้ 
ที่นานพอกันกับบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง


ปริม..
ได้รับโทรด่วน
บอกถึงเวลาอันควรแล้ว
ที่จะเป็นผู้ช่วยสถาปนิกควบคุมงาน 
เพราะ
เจ้าของบ้านมิสามารถทิ้งงานอันรัดรึงตรึงมือฉมัง
ในการออกแบบโครงการหลายร้อยล้านพันล้าน
แห่งแผ่นดินสิงห์โตทะเลพ่นน้ำมาได้


พี่ชายคนดี
จึงมอบหมายด้วยไว้ใจ
ให้ปริมทำหน้าที่แสนจุกจิกใจนี้แทน
ให้คุมช่างทำตามแปลน
ที่คาดว่าช่างจะแสนงง หลงทางคิด
ว่านี่กำลังจะก่อสร้างวัดโบราณหรือว่าบ้านกันแน่


ค่าที่แปลนบ้านหลังนี้นั้น
จะมาปลูกฝันปันหอมหวานริมแม่น้ำอยุธยา 
เป็นบ้านที่สวยมาก สำหรับปริม..
เพราะบ้านหลังนี้
พี่ชายคนดีตั้งใจออกแบบ
สร้างประยุกต์
ให้กลมกลืนและสอดคล้องกับวิถีไทย ..... 
ที่เคยสงบงาม เรียบง่าย ริมคลอง
ที่เคยมีเรือพายมาขายของ...


แม้แต่ต้นไม้ ใบบังก็ยังคงเก็บรักษาไว้ 
ห้องน้ำแลลอดเห็นดาวเดือนเกลื่อนฟ้า 
บ้านก่ออิฐเปลือย 
ให้พันธุ์ไม้เลื้อยคลุม...ราวบ้านร้าง สร้างไม่เสร็จ 
เพราะตั้งใจรักษา ทุกอย่าง ให้งามกลืนไป 
ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ 
ที่เคยร่มรื่นชื่นใจ ชื่นตา แต่ไหนแต่ไรมา.... 


เป็นวิถีไทย ในชนบท ที่งดงาม 
ราวมีขุมทรัพย์นับแสน 
ไม่ต้องวิ่งไปเสาะแสวงหา อย่างไร้ที่ติ 
ที่ธรรมชาติช่างมีเมตตา 
หยิบยื่นให้แก่ ผู้รู้ค่า ผู้รู้รักและเข้าใจในงามนั้น..... 

พี่คนดีอธิบาย
ถึงมโนภาพที่สร้างแรงฝันบันดาลใจว่า
ยามพระอาทิตย์ตก
จะได้ยินเสียงนกกาพากันขับขาน 
ราวอยุธยาเมืองเก่าก่อนลอยเลื่อนฟ้ามาเยือน 
ให้แย้มยิ้ม..ลืมสิ้นโลก
และ
ชีวิตที่วายวุ่นไร้สิ้นสุข แบบวิถีคนเมือง.... 


ที่อึงอลสับลน จอแจแต่กับเสียงรถรา
และ
การจราจรที่บ้าคลั่ง แข่งกันจะกลับรังของตน 
เฉกเช่นนก.....หลงทาง...สิ้นหวัง สิ้นทางเลือก 
จำต้องกระเสือกกระสนทนอยู่......ไปวันวัน... 
ไหนจะในยามเช้าตรู่
ก็ต้องพรูพรั่งออกมาจากรัง เวียนวน 
จนกว่าชีวาจะลาลับดับสิ้นไป..


และในยามค่ำ
กับจันทร์แจ่มดวงทอแสงสุกปลั่ง
ราวลูกจันทร์สีทองแขวนฟ้า
จะนอนนอกชานกว้าง 
ไม้กระดานแผ่นโต  
นับดาวพราวฟ้า พาใจให้ 
ละมุนด้วยกลิ่นดอกไม้ที่หอมร่ำ 
ให้ไหวหวามและแสนอิ่มสุข


ราวน้ำคำพร่ำฝากให้เรานั้นฝันถึง 
พาใจให้ใสเย็น ชื่นฉ่ำ 
ราวได้หยาดน้ำค้างกลางเวหาหาว 
ร่วงพราวมากับดาวดวงโต..สุกปลั่ง.... 
และ
ยิ่งชื่นฉ่ำ..ฉ่ำชื่น 
ถ้าคืนนั้นฝันเป็นจริง 
มีใครสักคนเคียงคู่ ดูดาวเดือนไปด้วยกัน..... 
พาหลับไหลไปด้วยความหวาน..หวาม ....ชื่นใจ..ไหนจะเทียม 


ปริม..
ภูมิใจในงานนี้ 
งานที่เราคนในวงการเดียวกันแสนจะเข้าใจ
ถึงความฝันถึงความบันดาลใจ
ถึงไอเดียอันยากยิ่งที่ผู้ใดจะตามทัน


ปริม..
จึงคลี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อ 
พี่ชายพยายามร่ายยาวถึงรายละเอียด
พร้อมอวดภาพเปอร์สเปคทีฟให้ดู
พร้อมย้ำ งามมั้ยๆบ้านในฝันที่กำลังจะเป็นจริงของพี่
*งามค่ะ งามมากกกก*


ปริม..
พยายามลากเสียงปนหัวเราะ
งามแบบแปลกพิสดารค่ะ
รับรองใครที่ผ่านมาต้องมาเมียงมองว่าพี่
มาแอบอาศัยในวัดร้างอย่างแน่นอนเลยเมื่อแล้วเสร็จค่ะ


และ
คงแสนจะแปลกใจ
หากรู้ว่าคนในโลกนี้ทำอะไรประหลาดๆค่ะ
ที่เอาเงินหลายล้าน
มาวาดฝันเนรมิตรสร้างบ้านให้เก่าย้อนยุค
ยิ่งเก่ายิ่งขลังให้ยิ่งวังเวงเหว่ว้าเดียวดาย
ให้งามเงียบแสนสุขสมถะสงบใจ
ที่ใครหนอจะเข้าใจ


ว่านี้คือยอดไอเดีย
ที่กลมกลืนผสานผสม
ทั้งร่างใจและจิตวิญญาณภายในของเจ้าของ
ที่เคยเติบโตเติบงามมาในยามวัยเยาว์
และ
ซึมซึบประทับใจในวิถีเก่าเดิมอันแสนเคยคุ้น
หอมกรุ่นตระการในงามเงาอดีตที่อยากย้อนคืน


ปริม..
ยิ้มหวานเอาใจอย่างเข้าใจ
และเข้าใจ
พี่ชายคนดี..หัวเราะแบบรู้ใจในทีกัน
ฉันท์น้องพี่มายาวนาน


รับรองค่ะ
ช่างคงไม่คิดหนีทิ้งงานไปกลางคันค่ะ
เพราะ
หลงคิดผิดแต่แรกว่า
ขั้นตอนบ้าน
ที่ไม่ต้องฉาบปูนนั้นแสนง่าย
หารู้ไม่ว่ารายละเอียดการก่อสร้าง
ให้ละม้ายแม้นบ้านเก่านั้นแสนจะยากยุ่ง..ยิ่งกว่าเสียอีก


ปริม..
พูดไปขำไป..
และ
ปริมคงต้องเตรียมใจ
เตรียมใส่หมวกกันน๊อคป้องกันภัยไปคุมงานค่ะ
ไม่ใช่กลัวอะไรตกมาใส่ดอกนะคะ
กลัวว่าช่างจะโกรธมากกว่า
ที่ไปจุกจิกให้เป็นไปดั่งแบบ
และแอบเอาก้อนหินขว้างใส่หัวเอาค่ะ


ปริม..
จึงเพียรตั้งใจฟัง
และหวังว่า
ไม่นานนี้
บ้านราววัดโบราณนี้จะงามปรากฏ
ในหนังสือระดับชาติ
ฝากให้ร่ำลือผลงานอันงามง่ายหากทว่า
แสนลึกล้ำในความคิด..
แผกพิศพิเศษ
มิแยกวิถีชีวิตจากธรรมชาติดินดิบเดิม


ปริม..
บินกลับมา
หลังจากพาตัวเอง
เที่ยวท่องออชาร์ดโร๊ดอย่างดายเดียว
ที่แทบหลับตาเดินได้ 
ข้ามเคเบิลคาร์ไประลึกอดีตเสียนิด
แวะทักทายเพื่อนสนิทเสียหน่อย
แล้ว...
ก็ค่อยๆลอยละลิ่วปลิวกลับมากับนกยักษ์ลำใหญ่
ที่ย่อโลกกว้างทางไกล
ให้กลับมาถึงกรุงกรงมิหลงทางภายในสามชั่วโมง


ปริม..
เก็บข้าวของและ
นอนงีบหลับไป
ในเตียงโบราณม่านมุ้งขาวไหวระบัด
รับสายลมยามเย็นรินร่ำ
และ
กับสายแสงแห่งดวงตะวันยามโพล้เพล้
กับเหว่ว้าอวลหอมหวานเศร้าร้อยรัดรึงใจ


ในเรือนไทยเรือนจำปี
เรือนริมน้ำหลังที่แสนงามของปริมเอง
ที่คือวิมานดินวิมานไพร
ชวนให้หลับไหลอย่างแสนสุข
ไปกับงามดอกลั่นทมจำปีจำปา
และกับดวงดอกการะเวกเหว่ว้า
ที่มีคนรู้ใจ
เด็ดมาวางเคียงใกล้หมอน
ให้นอนนุ่มอวลนวลเนื้อใจในทุกราตรีมิขาดเลย


ปริม..
หลับตาก่อนที่จะทำสมาธิให้หลับลึก
หากในจิตปริม..นั้น
พลันกลับผุดคิดนึกถึงแบบบ้านในฝัน
อันงามย้อนงามอ่อนโยนราวเป็นภาพจริงแล้ว


ปริม....ทอดถอนใจยาว
ค่อยประคองน้อมสติมารวมกันแล้วเพียรภาวนา
ท่องพุทโธๆ 
กำหนดลมหายใจยาวสั้นอย่างช้าๆช้าๆ
ค่อยๆใช้สมาธิตามลมให้ทัน
ให้ละเมียดละไมให้ละเอียดลึกลงๆ
จนเริ่มบางเบาๆ
พลางราวพาร่างจิต
ท่องไปในนิทรา
อันสิ้นไร้ฝันฝันฝันอันแสนหวานหวานหวาน


หากทว่า...
กับราตรีนี้..ไยเล่า..
ให้จิตกลายกลับมารับรู้รับเศร้าโศกสะเทือน
มาเตือนจิต
ในภวังค์พะวงฝันมหัศจรรย์รักมหัศจรรย์นัก
ให้ปริม..ไยมารับรู้รับฝัน
ที่รานร้าว
ที่ช่างเศร้าแสนเศร้าด้วยเล่าเจ้าดวงใจอันไหวละมุนงาม


ฉากฝัน
ที่แสนโศกสะท้านสะเทือนใจ
ให้หัวอกหัวใจ
ตระหนกอกสั่นขวัญหาย
ให้ตกใจตื่นในยามค่ำเลยแล้ว
ที่ยังแว่วได้ยิน
*บทเพลงแก้วสายน้ำนิรันดร์*ยังคงแว่วหวานมา
ที่ยังคงบรรเลงครวญคร่ำ
ที่เปิดรินร่ำไว้พร่างพรมห่มหอมห้วงใจ
ให้รับไหวหวามก่อนจะเข้าสู่ภวังค์นิทรา
.

กับดวงดอกแก้วพร่างกระจ่างเหว่ว้า
ที่กำลังได้รับพร่างฝนพรำในนาทีนี้
กับแสงเทียน
ในโคมตะเกียงโบราณยังระบัดวูบไหว..วูบไหว..


แสดงว่าปริมแค่งีบไปในนิทราไม่นานเอง
และ
นิทราที่ฝันเห็นนั้น

คือ...
ภาพฝันภาพนิมิตแสนงาม
ยามที่ตัวเองห่มสไบนวลสไบแพร
นั่งอยู่ในโบสถ์คร่ำ
หน้าพระพักตร์พระพุทธองค์โตงามปลั่ง
ที่กำลังนั่งเคียงข้างเคียงไหล่กันกับผู้ชายคนหนึ่ง
ที่ดูแสนตรึงเศร้ากร้าวแกร่งราวทหารหาญ
ในเสี้ยวหน้ารำไรรับไรแสงเทียนทองสุกปลั่ง
ให้พลังอันอบอุ่นอ่อนโยนเป็นยิ่งนักแล้ว


และ
วะแว่วแผ่วเสียงสวดมนต์ภาวนา
คล้ายภาษาบาลีโบราณที่แสนขลังวังเวงใจ
จากปากบุรุษและสตรีนางนั้น
ที่ปริมคิดว่าคือเธอเองใช่ใคร


สองเสียงก้องสะท้อนทบทาบ
อาบงามไปกับแสงสงฆ์พร่างแห่งจีวรพระประธาน
ที่ช่างงามพร่างงามพรายงามไหวเรืองรอง
งามผ่องผุดพิสุทธิ์พิลาสในท่ามแสงเทียนอันทอดทอทอง


หาก..
แล้วเสียงนั้น
ก็พลันค่อยๆแผ่วเบาแผ่วเบาลง...
พร้อม..
กับหยาดน้ำตาราวหยาดน้ำค้าง
ที่พร่างพรูสู่เรียวแก้มนวลหมอง


ชายในฝันหันมาโอบประคอง
พร้อมกับที่เขาหันหน้ามาซับหยาดน้ำตานวล
โลมไล้อย่าแสนรักใคร่แสนอาลัย
และ
ชวนกันน้อมกราบกรานพระพุทธา
อย่างช้าๆพร้อมกัน..


เขาค่อยๆประคองไหล่งามล้ำ
ที่พันพาดห่มรัด
ด้วยสไบแพร
ให้เห็นเพียงไรเนินเนื้อหนั่นแน่นเนียนแดด
ให้ออกมาไกลจากวัด 


แวะนั่งพักใต้ลานจันทร์ลานฝันในร่มลั่นทม
พลาง
ค่อยๆก้มลงดอมดมพรมจูบริมไรผมเรียวแก้ม
แล้วค่อยๆเก็บดวงดอกงามมาทัดแซมผมให้อย่างเบามือ
แกมโอบตระกองกอดปลอบประโลม
ให้ร่างน้อยๆราวลูกนกสั่นสะท้านค่อยๆซุกอกใจรับไออุ่น


และราว
กับภาพลาพรากที่เขาคนดี
กำลังจะจากไกลไปไหนสักแห่งในผืนแผ่นดินนี้
ที่ไร้สรรพเสียง
มีเพียงเงียบงันราวดวงตาสวรรค์กำลังร่ำไห้รับรู้
อยู่นะเบื้องบนเพียงนั้น!
.......................
........


กลับมา.....
ให้ปริมเห็นภาพตัวเอง
อีกภาพและอีกภาพ.....
กำลังพายเรือในลำคลองสายงามออกแรงโถมอย่างรีบเร่ง
ที่สองฟากฝั่งนั้นมีเรือนไทยโบราณตะคุ่มซุ่ม
ซ่อนซุกตัวอยู่ในแมกไม้อย่างเงียบงัน
อย่างขวัญเสีย
ราวตรึงโศกวิโยคสะเทือน
ไปทั่วถิ่นทุ่งคุ้งโค้งทุกลำประโดงท้องน้ำ

ภาพปริมหาได้ห่มสไบไม่
หากตัดผมเกรียนและซ่อนร่างเนียนงาม
ภายใต้ภาพผู้ชายชาตินักรบ


และ
กับอีกภาพในนิมิต
เธอ..กำลังไล่ล่าฟาดฟันทหารพม่า
ราวกับบุรุษอาชาไนยด้วยดวงจิตเกินร้อย
ราววิญญาณบรรพบุรุษร่วมรัดร้อยพร้อมพลีรบ


และ
อีกทีอีกภาพ
ที่หลังเธอชนหลังกับใครบางคน
เคียงไหล่เคียงบ่าประจัญ
ในพรายพร่าแห่งแสงตะวันกล้า
อันดุเดือดเลือดพล่าน
ตราบจนเกือบสิ้นแสงตะวันลาตะวันรอน
กับภาพทหารนอนก่ายกองมากมาย
เหม็นคาวเลือดคละคลุ้งในทุ่งนาไร้ร้าง..อ้างว้างเงียบงัน!!!!!


กับภาพไฟ... ไฟ...  ไฟ..!!!!!
ไฟไหม้โหมไปทุกที่...
ที่แสนสยองขวัญสลดใจนัก
ภาพซากปรักหักพัง...
พระพุทธรูปถูกบั่นเศียร..
ภาพเจดีย์งาม
ที่กำลังลามไหม้ลุกโพลงล้มระเนนระนาด
โอ้..แสนจะน่าอเนจอนาถใจ..
ว่าแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง
อันแสนร่มเย็นจะสิ้นแล้วหรือไร..โอ้อยุธยา..
ไยฟ้าดิน..เมินหน้าหนีมิปรานีปล่อยให้อัปราชัยไฉนหนอ!*
...........

และ
ในพรายแสงแห่งตะวันโศกนั้น
ปริมหันเห็น
เขาคนนั้น
คือลูกผู้ชายในโบสถ์คร่ำ
ที่เธอร่ำรินหยาดน้ำตาซุกอกอุ่นนั่นเอง


เธอกับเขาเคียงบ่าเคียงไหล่เคียงจิตวิญญาณ
อย่างหาญกล้า 
พร้อมด้วยประกายตาลุกโชนช่วง
ด้วยดวงแสงจำรัสอันมิพรั่น
อันคือพลังแสนยิ่งใหญ่
ที่จิตภายในตรงกัน
รวมหลอมละลายทูนเทิดไว้เหนือเกล้าเหนือดวงใจ
ด้วยแรงแห่งหวัง
แห่งรักษ์จักพลีชีพสิ้นขอยอมด่าวดิ้นแดดับ
เพื่อปกปักบ้านป้องเมือง
รักษาผืนดินไว้ตราบสิ้นเลือดหยาดสุดท้ายรดพลี


ตาสบตา..คลี่ยิ้มเย้ยชะตา..พร้อมกัน
พร้อมทายท้าข้าศึก
*เข้ามาสิ! มารับคมดาบข้า..*
เข้ามาเลย..มา..เข้ามาสังเวยเลือด
ให้หยาดริน..รดเท้าข้า..!
ที่หวังฟ้าแลดินอินทร์พรหมยมพญา
จะมาเป็นสักขีโปรยพร..!
ให้แด่ดวงวิญญาณแห่งสองเรานะเจ้ายอดดวงใจอย่าพลั่นตาย
หากหมายมาดให้ผืนดินยังอยู่ให้ลูกหลานไทได้หยัดยืนยง*


และ
ราวมีพลังแห่งปาฎิหารย์รักมาร่วมรับรู้
ทุกครา..
ที่ฟาดฟันบั่นคอศัตรู
จะเกิดแสงพร่างฉายฉานวาบวับรับกับทุกคมดาบ
กระจายรายรอบเป็นรัศมีออกไป..,มิสิ้นสุด .!!!


ก่อน
ที่ทุกสิ่งจะค่อยๆหยุดลง..และ
พลันพร่าลางเลือน..ลางเลือน...ๆๆ......
เหลือ..
ให้เห็นเพียงสีแดงสีแดงและสีแดง
ท่วมท่ามบนผืนหญ้าผืนพสุธา
และ
บนตักงาม
ที่พลันนะบัดนี้มีร่างเขาซุกซบ
ในอ้อมตักอ้อมใจ
พร้อมกับอกอุ่นๆ
ที่หยาดเลือดรักยังระรินไหลมิหยุดยั้ง
ราวสายธารโศกให้โลกหยุดหมุนชั่วครู่
ดาวรุบหรู่มืดมิด ...
ลมหยุดพัดนิ่งงัน..
สวรรค์แลฟ้าดิน
กำลังครวญคร่ำร่ำไห้
ราว
กำลังพร่างน้ำตาสรรเสริญรักนิรันดร์อันแสนยิ่งใหญ่นี้
ที่ฝากพลีเทิดผืนปฐพี
ชะโลมหล้าชะโลมดิน
ให้ไทยยังคงเป็นไท..มิรู้สิ้นยังคงภาคภูมินาม


และ
ก่อนที่
ดวงใจที่เหลือเพียงน้อยนิด
ระริกๆริบหรี่ไหว
ของงามใจแห่งนางแก้วจะพรากลา
เธอคนดี
ค่อยๆจูบแก้มที่เริ่มชืดชาเฉียบเย็นในอ้อมตัก
เพียรพยายามโลมไล้ลูบใบหน้าอย่างละมุน
พร้อมปิดเปลือกตาให้ยอดรักยอดดวงใจ
ผู้อันเป็นที่รัก
ที่ราวกับยังแย้มยิ้มยินดี
กับชีพนี้ที่ได้พลีเลือกแล้ว
และ
ราวกับปลอบประโลมเธอ
ด้วยดวงตาหนักแน่นคงมั่นแทนคำมั่นสัญญา
แทนคำลาตราบชั่วนิจนิรันดร....

เธอ..
ปวดร้าวนักทั้งร่างใจ
หากหัวใจแสนปิติอิ่มเอม
ที่ได้ทำหน้าที่สุดท้ายอย่างสมภาคภูมิ
เธอค่อยๆทอดร่างลงเคียงข้างเขาอย่างช้าๆ
มือกุมมือมั่นกันแนบแน่น
แล้ว..แย้มยิ้ม..อิ่มเอม..รอ..และรอ..เวลา...
ใบไม้ไพร...ในราวป่า
พลันร่วงควงพลิ้วปลิดปลิวโปรย....ลงมาอย่างช้าๆช้าๆ..
ไปกับอวลอบอันแสนหวานเศร้ารานร้าวระทม
ของดวงดอกลั่นทม
กับสายลมเย็นในยามค่ำ...ราวร่ำไห้
...........
..............


ในยามนั้น
ที่มีเพียงดวงตาสวรรค์เบื้องบนพลันรับรู้
เห็นร่างคู่คลี่คลุมด้วยสไบแพรผืนเดียวกัน
ที่นะบัดนี้นั้นหยาดเลือดรักภักดิ์พลีได้หลั่งรินหมดสิ้นสายลงแล้ว
*ในเวิ้งฝันพสุธารักอันแสนเงียบงันเงียบงามไปตราบชั่วนิจนิรันดร...*
......................................................................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6192.html
ความฝันอันสูงสุด   
ขอฝันใฝ่ ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึก ทุกเมื่อ ไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์ รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟัน ผองภัย ด้วยใจทะนง
จะแน่วแน่แก้ไข ในสิ่งผิด
จะรักชาติ จนชีวิต เป็นผุยผง
จะยอมตาย หมายให้ เกียรติดำรง
จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา
ไม่ท้อถอย คอยสร้าง สิ่งที่ควร
ไม่เรรวน พะว้าพะวัง คิดกังขา
ไม่เคืองแค้น น้อยใจ ในโชคชะตา
ไม่เสียดาย ชีวา ถ้าสิ้นไป
นี่คือ ปณิธาน ที่หาญมุ่ง
หมายผดุง ยุติธรรม อันสดใส
ถึงทนทุกข์ ทรมาน นานเท่าใด
ยังมั่นใจ รักชาติ องอาจครัน
โลกมนุษย์ ย่อมจะดี กว่านี้แน่
เพราะมีผู้ ไม่ยอมแพ้ แม้ถูกหยัน
ยังคงหยัด สู้ไป ใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญ ก็เพราะปอง เทิดผองไทย...
.................................
 
  
SB_17.jpg				
comments powered by Disqus
  • เพียงพลิ้ว

    19 มิถุนายน 2551 23:09 น. - comment id 863949

    กานต์ชอบชื่อ ปริมจังค่ะพี่พุด
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • นรศิริ

    19 มิถุนายน 2551 23:51 น. - comment id 863960

    สาธุสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจให้สายเลือดรู้รักสามัคคีเถิด ก่อนจะไม่มีแผ่นดินไทยให้อยู่  เหนื่อยใจเ
    ใจกับเหตุการณ์บ้านเมืองเหลือเกินค่ะคุณพุด
  • ไหมแก้วสีฟ้าคราม

    21 มิถุนายน 2551 15:39 น. - comment id 864415

    แด่ พี่พุด
          ขอให้บ้านเมืองสงบ ร่มเย็นเช่นกันค่ะ
          เอ..แต่พี่ชายปริมนี่...อยากเห็นรูปจัง
          เธอคงหล่อมากนะคะ29.gif36.gif36.gif36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน