some fall..some stand..!

พุด


มองผ่านหน้าต่างกระท่อมน้อย
เครือกล้วยห้อยหวีไหวในสายฝน
ลั่นทมบานหวานเศร้างามเสียจน
ยิ้มกับฝนปลิบปรอยใจปลิดปลิว
การะเวกร่วงคาใจในวันนี้
แก้วผลิพลีร่วงผลอยลอยละลิ่ว
โมกสลัดดอกออดอ้อนลมพรายพลิ้ว
ขวัญนับนิ้วกี่ปีแล้วพุดซ้อนซ่อนรักราน
เดินเดียวดายหมายเก็บลั่นทมร่วง
แหงนดูดวงดาราหลบหน้าหวาน
คงเหมือนเรายามรักแรมชั่วกัปป์กาล
ปีผันผ่านเดือนลาล่วงยังห่วงเธอ
จำปีสูงใหญ่ถึงหมู่เมฆ
การะเวกเสกตราจำย้ำยามเผลอ
เพราะปล่อยใจไปกับฟ้าฝนลมละเมอ
พาฝันเพ้อฟุ้งซ่านถึงปานนี้...!
.......................
				
comments powered by Disqus
  • DaRk_LoRd

    27 พฤษภาคม 2552 21:38 น. - comment id 990957

    กลอนเพราะมากค่ะ
    
    อ่านแล้วเคลิ้มไปเลย
    
    ชอบกลอนชมธรรมชาติแบบนี้จัง
    
    มีแอบเศร้าด้วย  ถูกใจอย่างแรง
    
    รูปภาพสวยดีค่ะ  ให้อารมณ์เข้ากับกลอนมากๆ
    
    ขอประเดิมคนแรกเลยละกัน41.gif41.gif41.gif
  • พุด

    27 พฤษภาคม 2552 23:16 น. - comment id 991031

    Grandma__s_Girl_Flower_by_beautifulwolf.
    รจนางานชิ้นนี้
    เพราะ
    แลเห็นกล้วยห้อยหวีไหวจริงๆค่ะ
    และ
    นาทีนี้..
    ตรงหน้า
    ก็มีลั่นทมที่เก็บร่วงๆมาสักสิบดอกได้
    ให้หอมพลี หอมฟรีอยู่ตรงนี้แล้วค่ะ
    ซึ้งใจนะคะ
    หลับฝัดีนะน้องรัก
    ด้วยรักเข้าใจ
    พี่พุดไปฝากคำไว้ในงานแล้วนะคะ
    จากใจ
    พี่พุดไพร พี่สาวนาค่ะ
    
    36.gif16.gif
  • พุด

    27 พฤษภาคม 2552 23:40 น. - comment id 991038

    Wedding_day_6_by_victorstd8.jpg16.gif36.gif
    ฝากไว้ในงาน*ธาตุแท้*
    แด่...
    ฤกษ์รัก รักฤกษ์
    อิอิ ชื่นใจที่เชื่อฟังนะ
    ไม่งั้นอ่วมอรทัยแน่ๆ
    
    ธาตุแท้เธอก็รู้รักอยู่ไหน
    อยู่กลางใจสายธาราประโลมขวัญ
    รักงามใจงามไพรนิจนิรันดร์
    หากโศกศัลย์จำพรากลาตราบฟ้าดิน
    
    ฤกษ์คนเดียว
    รู้ว่าพุดพัดชารักใครใช่ไหมเอ่ย
    ก็อยู่ร่มรักเรือนไทย
    มานานพอกันนี่นะ
    อิอิ
    
    รักฤกษ์ตลอดปีตลอดชาติตลอดศกสมัย
    
    
    
    9.gif16.gif36.gif
  • Konkula

    28 พฤษภาคม 2552 00:48 น. - comment id 991052

    Some fall
    Some stand
    I stiill fly like a  wild bird.
    With many drops of teared and so tired.
    Dream of the rainbow, so,  I have to fly.
    
    Your poem and pictures are always very beatiful as before.
    
    However, behind drops of tear in my eyes , they may not be clear as ussual.
    
    Have a nice sleeping with a dream of hope on the path of Dhamma as you have much tried, so far.
    
    With care...!!!
    
    36.gif16.gif
  • พุด

    28 พฤษภาคม 2552 02:47 น. - comment id 991054

    Fall_3__The_Horse_by_anubiskitten.jpg
    
    
    กำลังพักครึ่งจากดูบอลค่ะ
    แมนยู..กับ ..บาเซโลน่าค่ะ
    
    
    
    
    There is no need for temples, no need for complicated philosophies. My brain and my heart are my temples; my philosophy is kindness. 
    
    dalai lama
    
    ....................
    พลังแห่งจิตเกษม
    
    คืนนี้แพนรอดูบอล..สอนใจ
    ใครจะชนะจะแพ้..ก็แค่เกมกิฬา
    หากทว่า
    คงมากมายน้ำตารอท่าสำหรับผู้แพ้
    และแน่นอน
    ไม่มีใครร้องไห้ได้นาน
    ต่อให้รานร้าวเศร้าใจอย่างไรสักเพียงไหน
    เมื่อ...
    คืนฝันวันวานผ่านไปกลายเป็นอดึต
    ทุกดวงใจ
    ก็ต้องพยายามค้นพบจบด้วยคำว่า
    ลบลืมเลือนหาทางออกบอกตัวเอง
    และ
    แพน..ค้นพบว่า
    ทุกดวงชีวีที่เรานี้เศร้าดายเดียวเป็นยิ่งนัก
    เพราะเรานั้นมักผูกพันยึดติดกับคำว่า..กาลเวลา
    หากเราไม่มีอดีตไม่มีอนาคต
    ชีวิตเราก็คงหมดจดงดงามใจ
    นะทุกดวงใจ
    และ
    ทุกคนดี
    แพนจะรจนาสดไปเรื่อยๆนะคะ
    
    ฟังเพลงนี้ก่อนดีกว่าค่ะ
    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=290
    
    และวันนี้
    แพนได้ไปแสดงความยินดีไปงานซ้อมใหญ่
    รับปริญญาที่มหาวิทยาลัยกลางกรุงมาค่ะ
    ไปถ่ายรูปกับหนุ่มหล่อล่ำมหาบัณฑิต
    
    
    งานนี้งามมากค่ะ
    เป็นภาพแสนประทับใจอย่างที่สุดเลย
    และ
    แถมวันนี้หนุ่มครีพแลนด์คนดียังมีน้ำใจต่อสายมาหา
    ก็คงจะเหว่ว้าหัวใจแล้วละซีนะจะมีอะไรนะ..
    
    แพน..ขอพาหัวใจสะออน
    ออกไปเดินดายเดียวแอบดูเดือนครึ่งดวงก่อนนะคะ
    เดือนครึ่งดวงแอบซ่อนหน้าหวานหวานอยู่ในม่านเมฆ
    และงามเงาซุ้มการะเวกหอมพร่างเลยค่ะ
    แพนเลยอดใจไม่ได้ค่อยๆเด็ดดอมถนอมกลีบ
    กลัวร่วงพ้อรอลา..มาหลายดอกดวงค่ะ
    
    แพนไม่ง่วงเลยเพราะวันนี้
    ยามตะวันสนธยาที่ฟ้าฉ่ำฉ่ำหลัวๆ
    แพนเปิดโคมไฟอบอุ่นอ่าน*พลังแห่งจิตปัจจุบัน*
    หนึ่งในหนังสือดีที่สุดที่วางแผงในช่วงหลายสิบปีนี้
    เพระทุกประโยคนั้นเต็มไปด้วยพลังและสัจจธรรม
    และพลบค่ำในท่ามกลางความเงียบ
    หัวใจดวงนิ่งงันสงบงาม
    ก็ราวเข้าสู่ภวังค์ไร้มิติลึกเลยค่ะ
    รู้สึกราวได้นิทราไปอย่างอิ่มเต็ม
    
    แพนจะแนะนำหนังสือแสนดีแสนมีค่ามาสักนิดสักหน่อยนะคะ
    
    
    
    บทนำ..ความเป็นมาของหนังสือเล่มนี้..
    
    *ผมแทบไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย
    ผมอยากจะเล่าย่อๆถึงความเป็นมาเป็นครูฝึกพลังแห่งจิตนี้
    ได้อย่างไรและทำไมถึงเขียนหนังสือเล่มนี้ออกมา
    
    ก่อนผมจะอายุสามสิบ 
    ชีวิตผมเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
    หดหู่ และหลายครั้งที่คิดจะฆ่าตัวตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด
    จนถึงวันนี้ผมยังรู้สึกเลยว่า
    นี่ผมกำลังเล่าถึงชีวิตในอดีตของตัวเองหรือของคนอื่นกันแน่..
    
    คืนหนึ่ง
    หลังจากวันครบรอบวันเกิดปีที่ 29 ของผมไม่นานนัก
    ผมตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับความรู้สึกแย่ๆเช่นเคย
    แต่..วันนั้นผมรู้สึกแย่กว่าทุกครั้ง
    ความเงียบสงัดในยามราตรี
    เงาสลัวๆของเฟอร์นิเจอร์ทอดยาวอยู่ในห้องมืด
    ผมได้ยินเสียงรถไฟวิ่งผ่านอยู่ไกลไกล
    อะไรๆมันดูน่าขยะแขยงไร้ค่าไปเสียหมด
    ที่แย่ที่สุดคือชีวิตผม 
    ไม่รู้ผมจะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความทุกข์นี้ไปทำไม?
    ผมจะดิ้นรนต่อสู้ไปเพื่ออะไร?
    ผมรู้สึกอยากจะทำลายทุกสิ่ง
    แม้กระทั่งชีวิตของตัวผมเอง
    
    
    ผมไม่อยากมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว 
    ผมเฝ้าแต่ครุ่นคิดเรื่องความตาย
    แล้วจู่ๆ
    ผมก็ผุดคำถามขึ้นมาในหัวใจว่า
    ในตัวผมเนี่ย มันมีตัวตนมากว่าหนึ่งหรือเปล่า
    เพราะถ้าผมไม่สามารถทนกับตัวผมเองละก้อ 
    แสดงว่าจะต้องมีอีกตัวตนหนึ่งในร่างของผมที่คอยปฏิเสธ
    แต่ที่แน่ๆในตัวตนทั้งสองนั้น
    ตัวตนหนึ่งต้องเป็นตัวจริง
    
    
    ความคิดที่แปลกนี้มันทำให้ผมพิศวง งงงวย
    หัวสมองผมหยุดคิด
    ผมรู้สึกตัวดีอย่างสมบูรณ์
    และในหัวอันว่างเปล่าไม่มีความคิดใดใด
    ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมอยู่ในวังวนของพลังงาน
    
    มันค่อยๆจมลง เร็วขึ้น เร็วขึ้น
    ความกลัวเริ่มเกาะกุมจิตใจผม
    ตัวผมสั่นเทา
    ผมได้ยินเสียงถ้อยคำว่า ไม่ต่อต้านอะไรเลย
    ราวกับว่ามันพูดอยู่ข้างในหน้าอกของผมเอง
    
    
    ผมรู้สึกตัวเองถูกดูดลงไปในที่ว่าง
    ผมรู้สึกว่ามันเป็นที่ว่างข้างในตัวผมมากว่าที่ว่างข้างนอก
    ทันใดนั้น...
    ไม่มีความกลัวเหลืออยู่อีกต่อไป
    ผมปล่อยให้ร่างของตัวเองจมดิ่งลงไปในที่ว่างนั้น
    แล้ว
    ผมก็จำสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น..ไม่ได้เลย!
    
    
    เสียงนกร้องนอกหน้าต่างปลุกผมตื่น
    ผมไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อน
    ผมยังคงหลับตา..
    ผมเห็นภาพของเพชร
    ใช่สิ! 
    ถ้าเพชรเปล่งเสียงได้ เสียงมันคงเป็นอย่างนี้นี่เอง
    ผมลืมตาตื่น
    แสงแดดยามเช้าส่องผ่านผ้าม่านเข้ามา
    ผมไม่ได้คิด แต่...ผมรู้สึก!
    
    ผมรู้ว่ามันต้องมีอะไรมากไปกว่าแสงสว่างที่คุ้นเคย
    แดดอุ่นๆที่ทะลุผ่านผ้าม่านนั้น
    มันพึงพอใจกับสภาพของมันเอง
    ผมรู้สึกว่าตัวเองน้ำตาคลอ
    
    
    ผมลุกขึ้นเดินรอบห้อง 
    มองดูสิ่งต่างๆ
    ผมรู้ดีว่าผมไม่เคยมองมันอย่างจริงจัง
    มาก่อนเลยในชีวิต 
    ทุกสิ่งทุกอย่างดูใหม่
    ทั้งๆที่มันอยู่อย่างนั้นมานานแล้ว
    แต่เหมือนเพิ่งจะมาปรากฏเป็นรูปเป็นร่าง
    ให้เห็นก็วันนี้
    
    ผมหยิบจับสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นดินสอ ขวดเปล่า
    ผมรู้สึกพิศวงกับความงามและความมีชีวิตของพวกมัน
    
    
    
    วันนั้น
    ผมออกเดินไปรอบเมืองด้วยความตื่นตาตื่นใจกับ
    ความมหัศจรรย์แห่งชีวิต
    ราวกับว่าผมเพิ่งจะลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้เป็นวันแรก
    
    ห้าเดือนต่อมา ผมใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
    ไม่มีอะไรมาสะดุดความสุขสำราญใจของผม
    ความรู้สึกแรงกล้าในใจผมค่อยๆลดน้อยลง
    บางทีผมอาจจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติก็เป็นได้
    ผมว่าตัวผมสามารถทำอะไรกับโลกใบนี้ได้
    แม้จะรู้ดีไม่มีอะไรที่ผมทำแล้ว
    มันจะเติมสิ่งที่ผมมีอยู่ให้เต็มไปกว่านี้แล้วก็เถอะ
    
    ผมรู้ดีว่ามีอะไรอบางอย่างเกิดขึ้นกับผม 
    ตอนนั้น ผมไม่เข้าใจเท่าไหร่หรอก
    
    จนกระทั่งหลายปีผ่านมา
    ผมได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ  *จิต*
    และพูดคุยกับปรมาจารย์หลายท่าน
    ผมจึงได้รู้ว่า
    สิ่งที่ทุกคนเสาะแสวงหานั้นได้เกิดขึ้นกับผมแล้ว
    ผมเข้าใจสภาพความกดดัน
    ความทุกข์ทรมานยามดึก
    ที่ต้องคอยบังคับให้จิตหลุดพ้นจากภาวะ
    เศร้าสร้อย หวาดกลัวที่คอยหลอกหลอนไม่มีสิ้นสุด
    
    การที่สามารถถอนตัวเองออกจากห้วงทุกข์นั้น
    เปรียบเสมือนกับการปล่อยลมออกหมดจน
    ความทุกข์ทรมาน..มลายหายไป
    
    สิ่งที่คงเหลืออยู่นั้น..
    คือธรรมชาติ ที่แท้จริงของผม 
    เป็นตัวผมเอง
    จิตบริสุทธิ์ก่อนที่จะผูกติดกับรูปลักษณ์อื่นใด
    
    
    จากนั้น ผมได้เรียนรู้ที่จะเข้าถึงดินแดนไร้มิติ
    อันเป็นนิรันดร์อยู่ภายใน
    ซึ่งตอนแรกผมนึกว่ามันเป็นที่ว่างที่ดึงผมลงไป
    ผมดำรงชีวิตอยู่ในสติตลอดมานับแต่นั้น
    ผมเริ่มมีความสุขกายสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
    มันต่างกันลิบลับกับเมื่อก่อน
    มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่
    ผมเหมือนถูกปล่อยให้อยู่กับตัวเอง
    ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีงาน ไม่มีบ้าน
    ไม่มีฐานะทางสังคมใดใด
    กว่าสองปีที่ผ่านมา
    ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ในสวนสาธารณะ
    ซับความหฤหรรษ์อย่างยากจะหาอะไรเปรียบ
    
    
    ช่วงเวลาที่สวยงามเหล่านั้นผ่านมาแล้วย่อมผ่านไป
    แต่สิ่งที่คงอยู่กับผม
    คือพลังแห่งความสงบที่แฝงอยู่
    บางทีมันแรงกล้าจนสัมผัสได้
    แม้แต่คนอื่นก็รู้สึกได้เช่นกัน
    และบางทีมันแอบอยู่ลึกๆคล้ายกับเสียงดนตรีคลออยู่ไกลๆ
    
    
    ผู้คนมักเข้ามาถามผมว่า
    ฉันอยากได้สิ่งที่คุณมีให้ฉันได้ไหม
    หรือบอกฉันสิฉันจะหามันได้จากที่ไหน?
    
    ผมตอบเขากลับไปว่ามันอยู่ในตัวคุณนั่นแหละ 
    เพียงแต่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง
    เพราะยังมีบางสิ่งรบกวนอยู่ในใจคุณ
    คำตอบนั้นทำให้กลายมาเป็นหนังสือที่อยู่ในมือคุณเล่มนี้
    
    ก่อนที่จะรู้ตัว
    ผมมีรูปลักษณ์ภายนอกอีกครั้ง
    ผมกลายเป็นครูฝึก พลังแห่งจิตเข้าแล้ว!.
    **************
    
    
    หนังสือนี้เป็นหัวใจหลักของงานผม
    พอพอกับการปาฐกถาของผม
    ไม่ว่าจะบุคคลทั่วไปกลุ่มเล็กๆของคนที่ใช้เวลากว่าสิบปีแสวงหา
    *สุขภาวะทางจิต*
    ทั้งในยุโรปและอเมริกาเหนือ
    
    ผมต้องขอบคุณพวกเขาด้วยความจริงใจต่อความกล้า
    ความเต็มใจที่ยอมอ้าแขนรับความเปลี่ยนแปลงภายใน
    คำถามที่เป็นประโยชน์
    การยินดีรับฟัง
    หนังสือเล่มนี้จะเป็นรูปร่างไม่ได้เลย
    ถ้าขาดพวกเขาเหล่านั้น
    แม้ว่าจะเป็นเพียงชนกลุ่มน้อย
    ที่ริเริ่มค้นคว้า
    *เรื่องสุขภาวะทางจิต*
    ที่กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น
    คนที่เข้าถึงจุดที่สามารถฝ่าแนวคิดเดิมๆ
    ที่ทำให้มนุษย์ตกเป็นทาสของความทุกข์
    
    
    ผมเชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยเปิดทาง
    ให้กับผู้ที่พร้อม
    ที่จะรับความเปลี่ยนแปลงภายในอย่างสุดขั้ว
    
    จะเป็นตัวจุดปะทุให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
    ผมหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะถึงมือผู้ที่เห็นค่า
    แม้ว่าเขาจะไม่พร้อมที่จะฝึกฝน
    หรือเปลี่ยนแปลงเต็มตัวในวันนี้
    แต่มันเป็นไปได้เสมอ
    ที่
    เมล็ดพันธุ์ที่หว่านไว้
    จากการอ่านหนังสือเล่มนี้
    จะไปรวมตัวกับเมล็ดพันธุ์แห่งสติปัญญา
    ที่อยู่ในตัวมนุย์ทุกคน
    และมันจะแตกหน่อยืนต้นอยู่ในตัวเขาเองต่อไป..
    
    
    
    *ทั้งหมดนั้นคือ ความในใจของผู้เขียนค่ะ
    เอ็กค์ฮารท์ โกลเลอ
    เกิดในประเทศเยอรมันนี
    ที่ที่เขาอาศัยอยู่จนอายุสิบสาม
    และ
    หลังจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยลอนดอน
    เขาเป็นนักวิชาการด้านวิจัย
    และผู้ควบคุมการสอนที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
    เมื่อเขาอายุ 29 
    การเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง
    ได้สลายภาพลักษณ์เดิมๆ
    และเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเขาอย่างสิ้นเชิง*
    
    ***********
    
    
    แด่ทุกดวงใจ...
    
    จริงๆแล้ว
    แพนอ่านหนังสือเล่มนี้
    อย่างละเมียดละไมอย่างช้าๆ
    และค้นพบว่า
    แนวคำสอนและความคิด
    ก็คล้ายๆกับศาสนาพุทธของเรา..
    จากพระบรมศาสดาเอกของเรา
    
    ให้รู้ธรรมชาติชีวิตจากตัวตนเราเอง
    ให้เราเพียรเพ่งพินิจค้นหาความจริง
    จากภายในใจเราเอง
    ให้
    หยุดคิดให้ได้
    ใช้เพียงสติกำหนดลมหายใจ..
    อยู่กับความจริงเป็นปัจจุบัน
    และ
    สารพันทุกทุกข์ปัญหาจะคลี่คลายบางเบา
    ด้วยหัวใจดวงดายเดียว
    ที่เราจะมิเหงาเปลี่ยว
    
    ให้เราเพียรพยายาม
    สร้างสมาธิมีสติและปัญญาในการใช้ชีวีอย่างงดงาม
    อย่างผู้ถึงพร้อม..ตายก่อนตาย..
    ในท่ามกลางโลกไร้แล้งสับสนร้อนระอุใบนี้
    ที่นับวันจะบิดเบี้ยวขมึงเกลียวให้ทุกดวงใจไหวหวั่น
    ด้วยความกลัวด้วยความเหงา
    และ
    สิ่งงดงามเงียบงันพลังแห่งจิตภายใน
    ก็จะบังเกิดนะกลางดวงใจใสงามของเราเอง
    
    
    คนดี..
    หนังสือเล่มนี้ผู้เขียน
    เพียงนำมาสอดประสานกับความรู้สึก
    เบื้องลึกของมนุษย์ผสมจิตวิทยาและความจริง
    ที่เรามักมองหาและหวังว่า
    สิ่งภายนอก..คน และ..วัตถุภายนอก
    จะมาเติมเต็มจิตวิญญาณเราได้
    
    คงหาใช่ไม่..
    และด้วยดวงใจ
    สักวันหนังสือสามเล่มที่เขียนโดยท่านผู้นี้
    จะได้ไปอยู่ในทุกมือผู้ที่แพนรักและหวังจักบันดาลใจ
    ให้คิดเย็นคิดเป็นเห็นโลกงามแม้จะต้องใช้เวลาแสนนาน
    เพื่อค้นหานิยามแห่งความจริงของชีวีชีวิตค่ะ
    ด้วยรักล้นใจนะคะ
    และ
    แพนจะนำมาเพิ่มเติมใจ
    มาฝากใหม่นะคะ
    เมื่อยพิมพ์แล้วค่ะ
    นะคืนนี้นะวันนี้
    
  • ภาสุรีย์

    28 พฤษภาคม 2552 09:36 น. - comment id 991120

    ๐ A Time For Us ๐ 
    (Love Theme from Romeo and Juliet) 
    
    A time for us someday there'll be
    When chains are torn by courage born of a love that's free
    
    A time when dreams so long denied
    Can flourish as we unveil the love we now must hide
    
    A time for us at last to see
    A life worthwhile for you and me
    
    And with our love through tears and thorns
    We will endure as we pass surely through every storm
    
    A time for us someday there'll be
    A new world, a world of shining hope for you and me
    
    A time for us at last to see
    A life worthwhile for you and me
    
    And with our love through tears and thorns
    We will endure as we pass surely through every storm
    
    A time for us someday there'll be
    A new world, a world of shining hope for you and me
    
    
    .......
    
    น้องเอาเนื้อเพลง A Time For Us เพลงเก่ามากกกกก  สมัยคุณพ่อของน้องยังหนุ่มฮัมเพลงนี้ค่ะ   เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Romeo and Juliet น้องไม่เคยมีโอกาสได้ดู  แต่เพลงไพเราะมากเวลาคุณพ่อเล่นให้ฟัง
    .
  • เฌอมาลย์

    28 พฤษภาคม 2552 10:36 น. - comment id 991135

    41.gif41.gif41.gif
  • somebody

    28 พฤษภาคม 2552 12:31 น. - comment id 991209

    สวัสดีค่ะ11.gif
    แวะมาซึมซับผลงานดีดีมีคุณค่า
    และรู้สึกดีดีค่ะ
    ที่ได้อ่านทุกๆวัน
    ขอให้มีความสุขนะคะ
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif
  • Darkness_Hero

    29 พฤษภาคม 2552 20:56 น. - comment id 992087

    อ่านแล้วหวิวๆแฮะ...
    
    เพราะมากๆครับ ชมธรรมชาติแบบเศร้าๆ หายากนะเนี่ย

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน