๏ เกี่ยวกระหวัดฟัดเหวี่ยงเขวี้ยงหางฟาด
นาคราชฟาดฟันจนหวั่นไหว
สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นแทบบรรลัย
เข้าชิงชัยโรมรันกันวุ่นวน
๏ ฝังเขี้ยวพิษฤทธิ์ร้ายหมายเข่นฆ่า
ต่างไม่ยอมลดราโกลาหล
ปะทะกันอุตลุตสุดดิ้นรน
ไม่จำนนยอมแพ้ให้แก่กัน
๏ หนองกระแสสีครามทรามขุ่นข้น
สัตว์เกลื่อนกล่นวายวางต่างอาสัญ
จวบ ๗ ปี ๗ เดือนเลือน ๗ วัน
พญาแถนทรงธรรม์จึ่งบัญชา
๏ "พวกเอ็งจงย้ายฐานจากย่านนี้
ไปอยู่ที่แห่งใหม่ให้ไกลข้า
ยุติความร้าวรอนแต่ก่อนมา
จากธารานทีนี้ให้ไกล"
๏ "ผู้ใดถึงมหาสมุทรสุดล้ำลึก
กูจะยกปลาบึกวิเศษให้"
ต่างรับคำดำผุดขุดดินไป
หมายเส้นชัยชเลชลด้นลำนำ
๏ ๑ มุ่งใต้ , ๑ มุ่งตะวันออก
ต่างขุดลอกสู่เบื้องทะเลต่ำ
หมายชิงชัยไขว่คว้า"ปลาบึกคำ"
ถลำจ้วงทะลวงจ้ำมุ่งดำดิน
๏ ถือกำเนิดเกิดน้ำโขงและน้ำน่าน
๒ สายธารมหาชลาสินธุ์
คือตำนานกาลเก่าเล่ายลยิน
จับร้อยรินจารเจือจากเนื้อใจ
๏ เกี่ยวกระหวัดฟัดเหวี่ยงเขวี้ยงหางฟาด
นาคราชฟาดฟันจนหวั่นไหว๚๛
****************************************************************
จากตำนานคำชะโนดอันลือลั่น แต่ปางบรรพ์ที่สถานย่านหนองแสหรือ
หนองกระแส ในอาณาจักรน่านเจ้าหรือตาลีฟูในอดีต มีพญานาค ๒ ตนเป็น
เพื่อนรักกัน ตนหนึ่งชื่อพญาสุวรรณนาคราช อีกตนหนึ่งชื่อพญาสุทโธนาคราช
ตนหนึ่งปกครองเมืองที่หัวหนอง อีกตนหนึ่งปกครองเมืองที่ท้ายหนอง ทั้ง ๒ ต่าง
สัญญาว่าเมื่อหาอาหารอะไรได้ก็จะแบ่งปันกันเท่า ๆ กัน
มาวันหนึ่งพญาสุทโธนาคจับได้ช้างมาเป็นอาหารจึงได้นำมาแบ่งแก่สหาย ใน
เวลาต่อมาพญาสุวรรณนาค ก็จับได้เม่นมาตัวหนึ่ง จึงได้นำเนื้อเม่นมาแบ่งให้
สหายเช่นกัน แต่พญาสุทโธนาคกลับกินไม่อิ่ม หนำซ้ำยังเหลือบไปเห็นขนเม่นมี
ขนาดใหญ่กว่าขนช้างตั้งเยอะดังนั้นขนาดของเม่นจึงต้องใหญ่กว่าช้างหลายเท่า
แต่อีกฝ่ายกลับแบ่งเนื้อให้ตนเพียงนิดเดียว พญาสุทโธนาคจึงโมโห ร้อนถึงพญา
สุวรรณนาคต้องออกมาชี้แจงแต่ก็ไม่เป็นผล
สงครามระหว่างพญานาคทั้งสองจึงได้เกิดขึ้นและดำเนินมาเป็นเวลา ๗ ปี ๗
เดือน ๗ วัน ส่ำสัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่บริเวณหนองแสต่างได้รับความเดือด
ร้อนล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก เนื่องจากน้ำหนองแสขุ่นข้น ร้อนถึง
พญาแถนหัวหน้าเทวดาทั้งหลายต้องลงมาขับไล่พญานาคทั้งสองและบริวารให้
ย้ายออกจากหนองกระแส โดยสัญญาว่าถ้าใครขุดแม่น้ำลงไปถึงทะเลได้ก่อนก็
จะให้ปลาบึกเป็นรางวัลตอบแทน
พญาสุทโธนาคจึงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของหนองแสและขุดดินโดยใช้
อกขุดให้เป็นร่องลึก ด้วยความที่เป็นพญานาคใจร้อน เมื่อขุดไปเจอภูเขาขวาง
กั้นที่ตรงไหน ก็ขุดดินอ้อมเขานั้น ๆ ไป แม่น้ำที่ขุดนั้นจึงมีชื่อว่า"แม่น้ำโขง" อัน
มีความหมายว่าแม่น้ำที่มีความโค้งนั่นเอง (แม่น้ำโขงมีชื่อภาษาบาลีว่าขรนที หรือ
อุรงคมาลีนทีแปลว่าแม่น้ำสายงู บางตำราว่าอุรงคนทีคือแม่น้ำอู ไม่ใช่แม่น้ำโขง)
ฝ่ายพญาสุวรรณนาคได้มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของหนองแส และลงมือขุดดิน
ความที่เป็นนาคใจเย็นสายน้ำที่ขุดจึงมีลักษณะเป็นเส้นตรง จึงถูกเรียกว่าแม่น้ำ
น่าน
ท้ายที่สุดพญาสุทโธนาคเป็นผู้ชนะจึงได้"ปลาบึกคำ" (หมายถึงปลาบึกที่มีค่าดั่ง
ทอง)ไปอยู่ในแม่น้ำโขงดังนั้นแม่น้ำโขงจึงเป็นแม่น้ำสายเดียวที่มีปลาบึกอาศัย
อยู่ด้วยประการฉะนี้๚๛
19 กันยายน 2553 02:45 น. - comment id 1157059
ขอบคุณที่ให้ความรู้ค่ะ
กลบท..ก็งดงามค่ะ

19 กันยายน 2553 05:07 น. - comment id 1157065
สวัสดีค่ะ จาร์พี่โป้ง.....ไพเราะมากเลยค่ะ... ขอบคุณสำหรับเกร็ดความรู้ด้วยนะคะ...
จารย์ได้ไปตรวจงาน.. "มิติ" ของแซมหรือยัง...(แซมโพสหลายวันแล้วค่ะ...)ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ.. ขอให้วันนี้เป็นวันดีๆด้วยนะ... ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ.. แซม

19 กันยายน 2553 05:32 น. - comment id 1157067
ขอบคุณครับ ที่เล่าถึงตำนานแม่น้ำโขง

19 กันยายน 2553 06:26 น. - comment id 1157084
ขอบคุณนะคะ ได้ความรู้มากมายเลยค่ะ

19 กันยายน 2553 06:50 น. - comment id 1157086
สวัสดีครับ เพราะจังเลยครับ เหนื่อยจากการออกกำลังกายมา ได้อ่านผลงานน้องชื่นใจครับ

19 กันยายน 2553 08:18 น. - comment id 1157103
มีอะไรกะนาคป่ะเนี่ย?

19 กันยายน 2553 09:12 น. - comment id 1157109
ขอบคุณมากมายบนเรื่องราว.. สุขอย่าได้สร่าง

19 กันยายน 2553 10:31 น. - comment id 1157130
สวัสดีครับพี่ สุดยอดเลยครับ ไพเราะมากมาย

19 กันยายน 2553 15:30 น. - comment id 1157177
แวะมาชมงานงามที่แฝงไปด้วยเกล็ดความรู้ดีดี ค่ะ

19 กันยายน 2553 18:41 น. - comment id 1157199
มาศึกษาไว้ก่อนค่ะ .. แบมพยายามหาจุดสำคัญ แต่สังเกตไม่ได้ค่ะ เหมือนกลอนแปดใช่มั้ยคะ แล้วเทียบเคียงคำเอา จะได้หัดเขียนตามถูกค่ะ ขอบคุณที่เขียนให้ชมเป็นตัวอย่างกันค่ะ

19 กันยายน 2553 20:45 น. - comment id 1157219
แวะมาอ่านกลบทครับ ศึกษาไว้..

20 กันยายน 2553 10:43 น. - comment id 1157323
ตำนาน นาคีราชดแท้ ท่านสุริยันต์ รจนาได้ เยี่ยมยุทธ์นักละครับ นาคราชมักถูกจ้องฉก จากราชาแห่งปักษี ในตำนาน....เบื้องสีทันดร แดนดิน เหล่า มัจฉา ฯ

20 กันยายน 2553 13:16 น. - comment id 1157354
แวะมาชื่นชมค่ะ

20 กันยายน 2553 15:00 น. - comment id 1157378
อ่านงานงาม แล้วยังได้ความรู้อีกนะเนี่ย

20 กันยายน 2553 17:38 น. - comment id 1157430
สวัสดีค่ะพี่...มาชื่นชมผลงานค่ะ...

20 กันยายน 2553 22:39 น. - comment id 1157531
เป็นกลบทที่น่าสนใจจังค่ะ...แถบอ่าน ซะเพลินอีกต่างหาก

20 กันยายน 2553 22:43 น. - comment id 1157534
แวะมาศึกษาหาความรู้ครับ ไว้จะลองมั่งครับ อิอิ

21 กันยายน 2553 07:54 น. - comment id 1157563
นายลิเกเขียนดี :)
