วสันต์ลีลา!

พุด


พายุฝนก่อตัวตั้งเค้าทะมึนมาในยามสนธยาฟ้าใกล้ค่ำ
ในขณะที่ไพลกำลังเต้นระบำ เริงร่ายกลางลานกว้าง
กับจังหวะรุมบ้าและบิกินอันแสนหวาน กระหึ่มใจ
กับบทเพลงริมฝั่งน้ำอันแสนซาบซ่านหวานซึ้งตรึงใจเสียไม่มี 
ตามมาด้วยชะชะช่า และเซิ้ง สะบัดรัดรึงใจ ยามทอดแขนตวัดวงซัดส่ายร่ายลีลา
กระแทกกระทั้นรุนแรงแฝงลีลาอันอ่อนช้อยยวนยั่วใจ ให้ไหวยวบละไมละมุน
หัวใจและร่างไพล ราวลอยละล่องราวล่องหนหายตัวไปในแดนสวรรค์สรวง
กับเสียงทิพยดนตรี คีตบรรเลงที่พากันโหมกระหน่ำ   
คิดถึงเมื่อยามได้ลีลาศกับบทเพลง
ที่มีมนต์ขลัง อย่างกับแทงโก้ ที่คงโดนใจแทงใจใครสักคนให้พิสวาทไม่คลาดคลา
ยามได้ทอดทัศนาลีลาการสลัดร่างและหมุนตัว 
ลอยละล่องละลิ่วปลิวลมคว้าง..พากระโปรงบานกว้างพลิ้วหวานบานแฉ่ง
ราวเต้นกลางมวลหมู่เมฆ แสนหวานนวลนิ่มอันพรายพริ้วพรมพร่าง
ด้วยความงามละเมียดในลีลา..ในศิลปน่าเสน่หา ในท่วงท่าที่ต้องได้รับการฝึกฝนนานปี
ที่ต้องใช้อารมณ์ใช้ดวงใจรักในการเต้น ให้อ่อนหวาน ให้พลิ้วไหว
ให้เป็นไปตามบทเพลงอันแสนรัญจวนหวนไห้ไหยหรือเริงร่า..


ไพล..คิดถึงหนังดี..ที่ดีจนต้องดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า   ด้วยซาบซึ้งเศร้าสุขใจเป็นที่สุดแล้ว
 และต้องซื้อหามาเก็บไว้..ดูยามดายเดียวเปลี่ยวเหงากับใจในโลกของผู้คนที่สับสนเสียยิ่งกว่า
เพื่อได้นำมาสอนใจ ให้งามงดหมดจดสู้โลกโศกสุขต่อไปแบบไม่ยึดติด..
หนังเรื่องนี้..
เป็นตำนานชีวิตจริงของนักบัลเล่ต์ ก้องโลกชื่อบิลลี่ เอลเลียต 
เริ่มจากวัยเด็กชายตัวน้อยๆ ที่ต้องคอยช่วยดูแลคุณย่า 
พร้อมกับจะเปิดเพลงและเต้นๆไปในทุกเวลาของชีวิต
เขาเติบโตกับความยากไร้ กับผู้คนในเมืองเล็กๆในชนบทในเหมืองถ่านหิน 
ที่หน้าตามอมแมมแทบไม่เห็นแสงอาทิตย์ เพราะเมืองนั้นมีแต่วันฝนโปรยกับม่านหมอก
พี่ชายและพ่อ เป็นนักต่อสู้สนใจการสไตร์คการประท้วง
เพื่อสิทธิของผู้ยากไร้ที่ฝากชีวีไว้กับเหมืองถ่านหินเพียงประการเดียว
ในขณะที่เด็กน้อยนั้นเฝ้าฝันใฝ่ในฝันอันสล้าง 
แอบไปเรียนการเต้นทางหน้าต่างกับครูสาว
ที่เธอยอมทิ้งเมือง...มาใช้ชีวิตเรียบง่ายสอนบัลเล่ต์ให้กับเด็กๆผู้หญิง
ในเมืองอันเหว่ว้า ไร้แสงสี
เธอคนดี..คือไฟฝัน คือพลังผลักดัน คือก้าวฝันให้เขาสู้ เรียนรู้
และแผ้วถางทางให้กล้าเอื้อมมือคว้าดาวพรายพร่างสว่างใสมาไว้ในอุ้งมือ
ไว้ประดับใจ ประดับหล้าโลกนี้...
ที่ทุกก้าวย่างของการเต้นคือพลังฝัน...
ที่ใช้หัวใจซาบซึ้งในความเป็นศิลปินศิลปะผ่านร่างงามที่ได้รับการฝึกฝน 
มาอย่างช่ำชองอย่างหนักนับแรมปี
ที่เขาและครอบครัวต้องทุ่มเทเสียสละฟันฝ่าความยากไร้
เพื่อก้าวไปเรียนในสถาบันบัลเล่ต์แห่งมหานครลอนดอน
อย่างผู้ไม่ยอมพ่ายต่อโชคชะตาฟ้าดิน
และภาพสุดท้ายที่ทิ้งทวนไว้ให้ตราตรึงในความทรงจำคือ
ภาพคืนฝันบนเวทีอันแสนตระการตาที่แสนจะยิ่งใหญ่อลังการ
ภาพงามของพญาหงส์ ที่กำลังเหินหาวทุกก้าวย่าง 
ในมลังเมลืองของม่านหมอกในแดนสรวง
ที่งดงามราวป่าพิมพานต์ 
ทิ้งให้คนดูปรบมือกราวด้วยน้ำตาที่หลั่งริน 
มิรู้สิ้น ด้วยความชื่นชม ด้วยความประทับใจ


...........
และ..นาทีนี้ไพล อยากฝากกระซิบถึงดวงใจถึงทุกดวงใจนะคะว่า
ยามไพลเหว่ว้า หาทางออกไม่พบเจอ..ไพลจะฟังเพลงของEnya 
ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเฉกเช่นกัน และสร้างพลังไฟฝันด้วยหนังแสนดีซ้ำซ้ำสักเรื่องนึง
บางครานอนดูหนังสลับกับในเรียวตามีระบัดใบของเขียวไพลจำปี
ที่แสนเงียบงาม สงบงาม ให้หลอมละลายดวงวิญญาณ ดวงใจให้นิ่งงัน
แม้นดวงตาจะแสนบอบช้ำ เพราะปล่อยให้สายวสันต์พร่างสายละหลั่งรินนะกลางใจ
ไร้ผู้ใดรับรู้และเหลียวแล..แลเหลียว..
ไพล..จึงได้คิด..เหตุใด เราถึงปล่อยให้ใครบางคน 
มาลิขิตชะตา มาพังทะลายความรักความฝัน ให้มอดมลายหายวับดับดวงใจ
ดับไฟฝัน จนมอดสิ้น ทั้งๆที่เขามิได้มีหัวใจถวิลมาแลเหลียวมอง
และ...ไยเล่า..เราต้องเฝ้าโศกตรมเพียงลำพังกับความหวังไร้สิ้น..สิ้นหวัง
ที่เขานั้นก้าวเดินเข้ามาฝากรอยแผลใจมาเหยียบย่ำเย้ยไยไพ แล้วพรากไป
ด้วยรอยยิ้มสาสะใจอย่างผู้กำชัยชนะ อย่างผู้ชนะ..
อย่าทรุดร่างลงตรงหน้า กราบไหว้วอนอ้อนขอความเมตตาปรานี 
เพราะหากหัวใจมีไว้เพียงเฉพาะให้คนจำเพาะพิเศษพิสุทธิ์ใจ 
ที่ดวงใจเขาสร้างบุญ สร้างกุสลให้หมุนวนมาได้พบได้รักกัน
 ใจใครก็ใจคนนั้น
ใครละ ที่เขาจะจ่ายแจก
แบ่งแหลก..แลกได้..ให้ให้ทานไป..
มันมิใช่! ของซื้อขาย..มันคือเนื้อใจ..มีหนึ่งเดียว!
ที่รอคนพร้อมเกี่ยวเหนี่ยวจิตวิญญาณที่พร้อมพลีที่ถึงกัน
และ..จำไว้..ใครคนนั้น..มิใช่เรา!

..............

ลุกขึ้นมาสิดวงใจ..อย่ามัวไหวอ่อนล้า
ค่อยๆหาหลักจับยึด 
นั่นไง..
ต้นไม้แห่งชีวิตต้นไม้แห่งชีวี แห่งดวงใจนี้ที่จะสถิตครอง
นั่นไง..แมกไม้ สายธาร สายลมหวานระริน ที่ยินดีมอบให้
มิใช่พายุร้ายที่หมายก้าวมาโบกโบยทำร้าย ให้ตายแตกดับดิ้นสิ้นดวงวิญญาณฝันวิญญาณรัก
หาฝั่งที่พักใจมิพบเจอไปชั่วกัปป์กัลป์
ให้โอกาส ตัวเองนะดวงใจ เลิกมองหาสิ่งแสนไกล เกินเอื้อม คว้าไขว่
 เหมือนเรียวรุ้ง เหมือนสายฝัน อันสิ้นไร้ไยพันผูกรัดร้อย
ได้แต่แหงนคอรอคอย  คอยแล้วคอยเล่า  คอยเศร้า 
วันแล้ววันเล่า อย่างเยียบเย็น อย่างปวดร้าวใจ

..................

สายฝน..เริ่มกระหน่ำหนัก
ไพลพักใจพักความคิด 
แหงนเงยหน้าเรียวละมุนให้รับซัดสาดจากสายฝนพลันให้ตื่นจากฝัน 
ให้หัวใจอันอ่อนไหว อ่อนหวาน ยอมรับความจริง...
ไพลก้าวช้าช้า....ผลักบานประตูกระท่อมไม้สนเข้าไป 
ภายใน ในความหวานสลัวของแสงไฟ 
ที่โต๊ะประจำใจของไพล..ริมหน้าต่างกระจกบานกว้าง ที่ไพลชอบทอดร่าง
ใช้ใจดวงนิ่งงัน มองแมกไม้ไทยรายรอบ
บัดนี้..มีร่างสูงเพรียว ผิวคล้ำของใครบางคนนั่งแทนที่..
เขา..มองไพล..เพียงแวบเดียวกับร่างเปียกโชกที่มีหยดฝนพราว
ใบหน้าซีดราวกระดาษด้วยหนาวเย็น
เสื้อยืดสีขาว รัดร่างแนบเนื้อยิ่งหนาวสั่น
แล้ว..เขาก็ก้มลงอ่านวารสารการเงินตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ
ที่ไพลพอมองผ่านแวบเดียวและสังเกตเห็น
ไพล..ขอโทษ..เจ้าของร้าน ที่กุลีกุจอชงชาเขียวอุ่นๆให้ 
ไพลรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนโตซับหยาดฝนด้วยเกรงใจจะเปียกพื้น..เปื้อนพื้น
แล้วทรุดตัวลงนั่งช้าช้า..
เหลียวแลหา โมกดอกพราวที่บานหวานเศร้าละออล้อดวงใจปลอบดวงใจในทุกยามเย็น
กล้วยไม้ยังชูช่อพวงชันฝันเคียงกันบนคาคบ  ให้ไพลแอบซุกซบใจยามอ่อนล้า และรจนา
งานฝันบรรเจิดใจ นะตรงนี้ นะที่นี่ สถานที่แสนสุขในดวงใจ ..

..........

ไพล..ดึงซีดี ออกจากเครื่องเล่นพกพา
ที่ชอบนำมาเสียบหูฟังลำพังยามเสียงภายนอกนั้นวายวุ่นใจจนไร้สมาธิ
ยามที่ต้องการพลังฝันพลังใจ ในงามเงียบดายเดียวให้เปลี่ยวเหงาล้ำลึก
สุขแบบไร้ผู้คน..รบกวน 
..
ในบรรยากาศยามค่ำ ที่สายฝนกำลังพรมสาย พร่างพรายภายนอก 
กับมวลหมู่ดอกไม้ไทยที่กำลังคลี่กลีบหวาน..บ้างราน..บ้างรับ..กับสายฝนเริงร่า

เสียงครวญคร่ำของบทเพลง จากแผ่นซีดีที่ชื่อ  Paint the Sky with Star ..The BEST OF  ENYA
หวานวิโยค..ให้โลกโศก..คนเศร้าได้หยุดฟัง..
กับเครื่องเล่นประจำร้าน ที่หวานเศร้าอวลไปทุกอณูกลบขมกาแฟ..
คิดถึงฟ้าเต็มผืนงามเข้ม  สีน้ำเงินสะท้อนแดดจากทะเลคาริบเบี่ยน..
บทเพลง.. Storms in Africa
คิดถึง
ภูเขาเสียดยอดทายทักฟ้า
เงาเมฆลอยมา แย้มยิ้ม..
 ใบไม้ร่วงกล่นควะคว้างลอยละลิ่วพัดปลิวไสวไปตามแรงลม


ดวงดอกไม้ป่าห่มหวานพร่างไพร
หยาดละอองฝนค้างใสอยู่กลางกลีบละออ
ของใบอ่อนเขียวไพลเพิ่งผลัดใบผลิดอก
คิดถึงป่าอวดดวงดอก ไม้ใบสีสัน แดง ส้ม เหลืองทองละออละอองน้ำตาล
คงงามสล้างไปทั้งราวป่าแบบไม่กลัวเปลืองทุกเฉดสีแสงแข่งแรงร้อน 
ภูเขาสูงตระหง่านแม้นเข็งแรงปานใด
ก็อดอ่อนไหวอ้อนคลอสายหมอกสายเหมยสายไหมเสียมิได้
เพื่อรอให้หยาดสายพระพิรุณพร่างพรม ให้ร้อนคลายให้ห่มใจ..
และในผืนทุ่งหญ้ากว้าง สัตว์ป่ามากมายคงหมายออกล่าเหยื่อ
เสือ สิงห์ กระทิง แรด   เก้งกวาง บ่างชะนีคงร้องโหยหวน.
ดงดอกหญ้าก็ไหวเอนระบัด สะบัดพลิ้วลิ่วเอนอ่อน ไปกับรอนรอนแสงสนธยา

เสียงหวานหวานของนางไพรยังไม่หยุด..ยั้ง
ฝากบทเพลง..
กำลังออดอ้อนซอนเซาะหวาน..
ผ่านขุนเขา เงา ดาว สายธาร ม่านเมฆ ดวงดอกไม้ พรายพระจันทร์
ผ่านกำแพงฝันทะลุทะลวงจักรวาล เวิ้งฟ้า เวิ้งฝัน 
ผ่านมหาสมุทร ทะเล ฝัน ฝ่าดวงตะวันสู่ป่าดงดิบ ในไพรกว้าง
 สู่ทุ่งหญ้าอันโอนไหวอ้างว้าง ดายเดียว ยามตะวันชิงพลบ 
หลบลับลา ในเงื้อมผา โตรกธาร ในเงื้อมเงางามสลับซับซ้อนอ้อนม่านเมฆ  
รอนรอนแสงตะวันลาลับเหลี่ยมโลก จับไพรโศก นภาพร่าง ห่างไกลโลกวุ่นวาย
ร่ำลา ดงไม้กระจายแสงสีทอง อาบหล้า ห่มป่า  ผืนไพร และสรรพสัตว์ ให้หยุดหากิน ผ่อนพัก..
โอ้ละหนอ ฤดูกาล เหมือนเมื่อวาน เหมือนวันนี้ เหมือนเดือนปี ที่หมุนวนที่หมุนเวียน
ที่เปลี่ยนผันมาแตะแต้มผืนหล้า โอบนภา ปลอบประโลมดวงใจ..
โฉนเลยใจจะท้อจะแท้จะยอมแพ้จะยอมพ่าย!

............

เพลง Paint the Sky With Star กำลังพาให้หัวใจอยากร้องไห้
ใครบางคน เคยกระซิบ บอกไพลยามเหงาใจคลอเคลียฟังเพลงนี้ด้วยกันว่า
ไพลนั้นหนาก็คงเหมือนภาพวาดในปกอัลบั้ม 
ที่เป็นภาพผู้หญิงเดียวดายในมือซ้ายถือกระป๋อง
ที่เลอะเลือนด้วยนวลพราวขาวสีหยาดย้อยลงมาข้างกระป๋อง
 และมือขวาเธอนี้..มีพู่กันที่ผ่านการแตะแต้มท้องฟ้ากำมะหยี่สีหม่นดำตรงหน้า
ให้ดวงดาราพรายพร่างระดะดวง เต็มผืนฟ้า 
ปลายพู่กันที่ถือค้างคานั้น สบัดพลันก็พริบพราวพร่างพรึบราวเพชรพร่าง..
...ไพลนะหรือหากคือสาวเหว่ว้านางนั้น 
ก็คงแค่ฝันๆจะแต้มดาวพรายให้ทุกดวงใจไทยโพเอม 
ได้มองฟ้าหาสิ่งอันงามตาอย่างดวงดารา
มาประดับอ้อมใจอ้อมฝันสถิตหวานหวังกลางใจไปนานเนานิรันดร์ 
เพื่อมีไฟฝันสร้างฝันเป็นดั่งพลังใจไม่รู้จบรู้สิ้นนะคะ


และแล้ว..On my way Home ..ก็นำพาจินตนาการ
เสียงล้อเกวียนเคลื่อนช้าช้า ผ่านเงาดาว เคล้าม่านหมอก 
ผ่านดงดอกไม้ป่าหวานหอมระริน..
ผ่านพรายพระจันทร์หยาดหวานที่ถวิลรินพร่างกลางร่างมลังเมลืองของ
หญิงสาวผู้นอนดายเดียวฝากใจฝากจันทร์อยู่บนลอมฟางกลางเกวียน
 ที่กำลังย่างเหยียบสู่ทุ่งหญ้า
ที่กำลังสุกปลั่งเมื่ออาบทาบทาด้วยสายน้ำผึ้งพระจันทร์กลางป่าใหญ่กลางไพรพฤกษ์
เสียงกระดิ่ง ผ่านละเมาะใส บึงบัวหลากสีสวยใส  บานพราว 
และราว ดวงตาสวรรค์รับรู้ ..
โปรยพรขวัญพร่างพรมห่มร่างงามของเธอในยามราตรีนี้
ให้หอมอวลหวานราวเกสรกลางกลีบบัวพร่างพิสุทธิ์ใสในอณูนึกลึกล้ำด่ำดื่ม

........

เสียงเพลงหวานล้ำลึก โหยหา พาใจ โศก สุข ซึ้งเศร้า ร้าวลึก และคึกคักในบางบท
กำลังค่อยๆทิ้งหวานผ่านม่านกาลเวลา
ลาเลือนหายไปกับสายลมยามค่ำ ที่สายวสันต์ยังพร่างสายพรายพรม
ภายนอกกระท่อมไม้สน...
ราววสันต์กำลังใกล้ร่ำลา วสันต์ลีลา 
ที่แค่ผ่านมาร่ายมนตรามากบทตอนเอื้ออ่อนหวานอ้อนใจ
ให้หัวใจไหวอ่อนได้ละไมละมุน
ในม่านหมอกเมฆฝนเทาทึมครึ้มพยับโพยมบน
ที่คงจะถึงที่ถึงครา  จะวกวน หมุนเวียนเปลี่ยนผันมิแน่มินอน
รอให้ฤดูร้อน พาพวงดวงดอกไม้มาเริงร่ารับลมร้อนอ้อนหวานบานเบิกใจ
ทิ้งให้หัวใจ คนรักสายวสันต์ พลันหมองหม่น 
ทนเฝ้ารอฤดูกาลใหม่ หากฤดีไม่แปรไปเป็นรักอื่นเสียก่อน น่ะนะ
เป็นบทเรียนธรรมชาติมาฝากฝังใจ
ให้ไหวคิดครวญ ว่าโลกนี้หนา หาใช่มีเพียงด้านเดียวฤดูเดียวไม่
เหมือนต้องข้องเกี่ยวพึ่งพิงพึ่งพากันไป
ตราบโลกยังสร้างสมดุลย์ หมุนวนมาให้เรารวมกัน
ในโลกนี้ที่แสนสวยงามยิ่งใหญ่
ให้ทุกดวงใจยังมีไฟรักมีไฟฝันให้หัวใจสรรสร้างฝันสรรสร้างงานงาม
ให้ได้พบรัก...
ให้สมหวัง..
 ให้อกหัก...
ให้ไม่ยักตายง่ายๆ ..
ก่อนจะได้ฝากสิ่งแสนดีไว้ในเบื้องบรรณพิภพนี้


เป็นธรรมชาติไพร ธรรมดาใจที่ต้องพึ่งพิง พึ่งพามีฟ้าดิน 
มีฝนให้ต้นไม้ผลิใบมีเขียวใสแตกช่อ
มีฤดูร้อนให้มีละออของดวงดอกไม้เริงร่าหวานบานแข่งแตะแต้มสีโลกให้คลายหมอง..
มิมีอะไรครองพสุธาและร่างใจนี้ได้ยาวยืน 
คงเหมือนกลางคืน
คงเหมือนกลางวัน
คงเหมือนฉันเธอ
ที่สวรรค์ส่งมาเพื่อพบเพื่อพรากเพื่อจากลา
จงทำใจอย่าคิดมากหากหวั่นไหวนะดวงใจนะดวงตานะคนดี 
จงรอท่าวันฟ้าใส ให้ดวงใจสวยสดพบยอดรักที่รอคอยมาแสนนานนะ จะขอเอาใจช่วย
..........


กลับมาที่ร้านนะ 
หนุ่มร่างเพรียว..เหลียวมาสบตาไพล นิ่งนาน
เลิกอ่านวารสารการเงิน ตั้งแต่เมื่อไรก็มิอาจรู้ได้ 
เพราะไพลมัวหลงอยู่ในภวังค์ฝัน  เพลงฝันอันบรรเจิดใจ
อันพรายพริ้ง อันพริ้งพราวใจ  จนไม่อยากสนใจไยดีใครเอาเสียเลย..
เขา..ก้าวมาช้าช้า และหยุดตรงหน้าก่อนจะขอคุยนั่งคุยด้วย
และบอกไพลว่าบทเพลงคืนนี้ไพเราะมาก
อยากหาฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า..
บทสนทนา ระหว่างเรานั้น พลันคงผ่านบันทึกฉบับนี้นะคะ
เขาคนนั้น..แค่จบลงด้วยความประทับใจและสัญญาว่า
จะพยายามเขียนถึงความงดงามในค่ำคืนนี้ที่ได้ผ่านมาพบและรู้จักกัน
และจะฝากงานนั้นให้ไพลในอีกสัปดาห์..ให้รอท่าอ่านงานนักการเงินผู้มีหัวใจละมุน
เขาฝากขอให้ไพลนั้นช่วยเขียนงานอันเป็นธรรมชาติ
ลงในวารสารประจำบริษัทเพื่อลดระดับ
ความหนัก ความเครียด ให้ผ่อนคลาย 
ให้โลกที่แล้งไร้ ที่มีแต่ใบไม้ดอกไม้แตกกอเป็นช่อเงิน...
ที่พวกเขาต้องใช้สายโลหิต ใช้สมอง แทบโป่งพอง แทนสายน้ำหวานระรินรินรด
ให้งามงดหมดจดสวยใสเหมือนโลกแห่งเรานี้..ที่มีเรือนไทยริมบึงบัวไว้พักใจไว้พักพิง พึ่งพา
ยามดวงใจอ่อนล้าจากโลกภายนอกที่เร่าร้อนแข่งขันกันไม่มีวันสิ้นสุดหยุดได้เลย
....
เป็นคืนค่ำที่เขาบอกว่า จะประทับในความทรงจำ ให้ชีวิตได้สร้างพลังสมดุลย์ใหม่
ให้ชีวีได้ฝันไกล ไปถึงดวงดาวบนฟากฟ้ากว้าง มองหวานของหยาดน้ำผึ้งพระจันทร์ในยามราตรี
ที่ลืมแหงนเงยมาช้านาน..
โอ้..ดวงชีวีคนกรุงกรงหลงเมือง..
ไพลสะเทือนสะท้อนสะท้านใจเสียไม่มี..ปนกับความปลื้มและยินดี 
ที่ได้ทำให้หัวใจใครคนหนึ่งหยุดกับที่ มีเวลาเงียบงามดิ่งด่ำ
กับบทเพลงกับอารมณ์ฝันอารมณ์ใจที่งามพิสุทธิ์ใสล้ำลึก เป็นยิ่งนัก


และ..
เขาจะรู้มั้ยนะว่า..บางเวลาฟ้าดินก็ส่งให้ใครพบใครแค่ชั่วครู่ชั่วครั้ง
แล้วก็หันหลังลามิพาพบกันอีกเลยแล้ว..
....................
ไพล..
เดินกลับบ้าน ในคืนค่ำกับลมหอมร่ำรำเพยหลังฝนตก
กลางสะพานริมลำประโดง 
ไพลยืนมองฟ้ากว้าง 
ใต้ฟ้าหม่น 
ใต้ต้นชมพูพันธ์ทิพย์ที่ดวงดอกดก
ชมพูพริ้งพราว ที่หวานเศร้า 
ที่กำลังปลิดปลิวละลิ่วร่วงควะคว้างลงกลางร่างไพล 
ที่บัดนี้..
น้ำตาในหัวใจก็ยังพร่างสายราวสายฝนพรำ
กับยามนี้ ที่สายวสันต์กำลังลาเลือนลาลับ ลาลืม!
				
comments powered by Disqus
  • พุด

    18 กันยายน 2546 22:24 น. - comment id 168900

    ฟังเพลงได้แล้วนะคะ ที่URL อาจจะขาดหายๆก็พยายามหน่อยนะคะ เพราะไพเราะมากเหลือเกินค่ะ.
    เพลง : May It Be 
    >> ศิลปิน : Enya 
    >> Sound Track : The Lord of the Rings 
    May it be an evening star 
    Shines down upon you 
    May it be when darkness falls 
    Your hart will be true 
    You walk a lonely road 
    Oh! How far you are from home 
    
    Mornie utúlië (darkness has come) 
    Believe and you will find your way 
    Mornie alantië (darkness has fallen) 
    A promise lives within you now 
    
    May it be the shadows call 
    Will fly away 
    May it be your journey on 
    To light the day 
    When the night is overcome 
    You may rise to find the sun 
    
    Mornie utúlië (darkness has come) 
    Believe and you will find your way 
    Mornie alantië (darkness has fallen) 
    A promise lives within you now 
    
    A promise lives within you... now... 
     
    
  • somebody

    18 กันยายน 2546 22:54 น. - comment id 168910

    เรื่องนี้คุณสามารถเรียกน้ำตาจากคนอ่านได้ เหมาะสมแล้วที่คุณคือพุด พัดชา 
    ที่เอกลักษณ์ของคุณ คือ การเห็นใจคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความเศร้า  
    ก็สมกับการที่ตั้งตารออ่านผลงานของคุณ ( คงจะไม่ใส่ยาเสพติดด้วยนะครับ) 
    ถ้าเคยอ่าน ไม่ได้อ่านก็ดูโหวงเหวงยังไงชอบกลครับ ผมว่าคุณเขียนมากไปครับ 
    น่าจะลงสองเรื่องสำหรับผู้อื่น   แต่ผมสั้นหรือยาวอ่านทุกตัวอักษรเสมอครับ 
    คราวนี้มีหนังแถมมาให้ดูอีกด้วย ก็คงจะเป็นแบบ ทรีอินวัน มีทั้งหนัง เพลงมาเสริม
    งานประพันธ์ของคุณ ดอกไม้คู่กับหญิงงาม ดูเหมือนว่าจินตนาการครั้งใด 
    คุณจะไม่ละเลยข้อนี้นะครับ เอาดอกไม้มาประดับให้ความชื่นใจด้วยเป็นประจำ  
    คนเราเมื่อมีชัยชนะแล้วย่อมต้องมีพ่ายแพ้ ถ้าคิดได้อย่างนี้ ถ้าพลาดพลั้งขึ้นมาก็จะไม่ต้องเสียใจอย่างนางเอกของคุณ 
    ไพล (ตัวจริงเธออาจหัวเราะอยู่ก็ได้)
    บางทีคุณบทจะมา มาซ้อนกันหลายเรื่อง บทจะไม่มาก็เงียบราวกับเป่าสาก 
    ยังเดาใจคุณตรงนี้ไม่ออก ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะผมก็ยังไม่อยากรู้  
    เขียนตอบมาค่อนข้างยาวคิดว่าดอกทบต้นก็แล้วกัน ที่หายหน้าไปนาน
    ปล่อยให้คนหลายคนที่นี่คิดถึงคุณมากครับ
    
    
    
    
  • พุด

    18 กันยายน 2546 23:11 น. - comment id 168915

    ชัยชนะ..
    พุดพัดชาจะร้องไห้เองเสียมากกว่าค่ะ
    กับกำลังใจกับคำที่แสนดีแสนงดงามจากใจ
     นะนาทีนี้
    คิดถึงและซึ้งสุดใจเลยนะคะ..
  • พุด

    18 กันยายน 2546 23:35 น. - comment id 168919

    มาลัยดอกพุดพุทธบูชาราตรีนี้
    ร้อยความดีร้อยด้วยรักภักดิ์เพียงขวัญ
    หวังชาติหน้าได้พบพานไม่พรากกัน
    เป็นนิรันดร์เคียงคู่ใจไม่โศกรอ...
    
    กราบนิ่งนานพร่างน้ำตาพรายเรียวแก้ม
    ดอกพุดแย้มหอมดวงใจเลิกไหวพ้อ
    ยอมรับกรรมย้ำกระหน่ำนานเกินรอ
    และลูกขอชดใช้กรรมยอมนิ่งงันยอมดายเดียว!
    
    .......................
    ฉันตื่นขึ้นมามองฟ้า
    ในเวลาเงียบงามตอนตีสาม
    เมฆน้อยลอยเลื่อนเกลื่อนงาม
    เป็นยามสอนใจสอนชีวิต...
    
    ...................
    จำปีที่รักทักว่า
    ไยเหว่ว้าปล่อยใจลอยลิบ
    อย่าเสียใจใครเลยไม่มีสิทธิ์
    หยุดคิดหยุดฝันเท่านั้นพอ..
    
    เงาฝันมันมากับเงาฝน
    เงาคนเงาใจแค่ไหวพ้อ
    เงารักเงาร้างกำลังรอ
    เงาท้อเงาพ่ายใกล้มา...
    
    
    ..........
    รังสีสว่างกลางใจในวันนี้
    กระซิบที่ริมแก้มแกล้มหวามไหว
    รักของเราแม้นมหัศจรรย์เกินเข้าใจ
    ไม่เป็นไรถนอมไว้กลางสายธาร..
    
    เป็นน้ำเย็นคอยดับร้อนผ่อนโลกแล้ง
    พระพรหมแกล้งแค่ไหนใจกล้าหาญ
    ไม่มีวันดับน้ำผึ้งฝันนิรันดร์กาล
    หวังพบพาน..ในชาติหน้า..รอท่ามี..!
  • พุดพัดชา..

    19 กันยายน 2546 00:15 น. - comment id 168921

    ที่บ้านพุดพัดชา..วสันต์ลีลากำลังพรมพรำค่ะ
    ขอลาไปนอนก่อนนะคะ เพราะว่าวันนี้เดินตากฝนหาเรื่องโรแมนติก
    แต่ปวดศรีษะแล้วค่ะ ค่อยมาพบกันวันพรุ่งนี้
    
    นะที่เก่าเวลาเดิมเติมใจให้กันและกันที่เรือนไทยริมบึงบัวนะคะ
    พุดพัดชาจะนอนดูสายฝนพร่างค่ะ ตามประสาคนหาเรื่องอยูให้สุข
    และพุดพัดชาเด็ดดอกพุดมาวางไว้ใกล้หมอนให้ทุกดวงใจหอมอวลให้นิทราฝันดีนะคะ
    ก่อนนอนฟังเพลงนี้นะ
    ด้วยรักและคิดถึงอย่างเหลือเกินแล้วค่ะ
    
    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2380
      เติมใจให้กัน   
    มัม ลาโคนิค : : Key G  
    ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้
    อยากให้เธอลองตรองดู
    ในความทรงจำ เก็บไว้
    ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล
    หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น
    อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
    จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา
    ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ
    แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น
    ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม
    ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้
    อยากให้เธอลองตรองดู
    ในความทรงจำ เก็บไว้
    ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล
    หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น
    อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
    จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา
    ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ
    แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น
    ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม
    
    อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
    จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา
    ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ 
    แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น
    ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม... 
    
    
  • tiki

    19 กันยายน 2546 01:25 น. - comment id 168956

    พุด ก่าจะมาอ่านได้และใช้งานได้อีกครั้งกับเครื่องคอมพ์ ได้สะกัดกั้นพลังฝันของเราให้หาไปกับพพลังงานไฟฟ้าอันมะลึกกี๊กกิ๋นี้
              แต่ไม่เป็นไรนะคนดี
             ดาดงริบหรี่ใกล้รุ่งจะแจ้งเกิดนอนหลับนี้
            มาอ่านงานพุดแล้...แสนซึ้งใจเหมือนเค และ มากก่าเค ด้ ลีนุกส์กะโพรแกรม เคดีอี ที่ไม่มีใดเหมือน ดีใจกะเราด้บ้างนะ ก่อนที่จะโดนใครบางคน ทะลงเครื่องเราอีกอ่างโหดร้า
  • ผู้หญิงไร้เงา

    19 กันยายน 2546 02:01 น. - comment id 168975

    ผู้หญิงไร้เงาเวลาเศร้าไม่ชอบฟังเพลงเลยค่ะ  ชอบอยู่กับความเงียบและธรรมชาติเท่านั้นเอง  แปลกไหมค่ะ
  • Completely

    28 มิถุนายน 2547 01:00 น. - comment id 283031

    อยากจะบอกว่า นิยายเรื่องนี้ ... วสันต์ลีลา ... อ่านสนุกจนวางไม่ลงค่ะ
    
    เขียนดีจัง โรแมนติกใช้คำสวยมากเลย
    
    ชอบฟังเพลงค่ะ มันถอนความเศร้าได้ดี ... ร้องไห้จนบ้าไปเลยครั้งเดียว หนามยอกเอาหนามบ่งค่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน