แม่ดอกผักบุ้งทะเล!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=34**พรานทะเล
คิดถึงบ้าน
คิดถึงแม่
คิดถึง....
น้ำทะเลสีน้ำทะเล
ไล่โทนสีน้ำเงินสดกระจ่าง
เขียวเทอควอยซ์เขียวมรกตเขียวสดเขียวใสเขียวไพลเขียวพร่าง
ไปทางน้ำเงินหลากโทนหลากสีที่ไล่ไล่ลงมาให้งามตาน่าดูน่าชม
.*****..

คิดถึงหาดทรายสะท้อนแดดเป็นสีเงินยวงวะวาววับ
รับกับท้องฟ้าสีเงินจัดจ้ากระจ่างใสในวันที่ฟ้าสีสดใสสดสวย
แกมด้วย..
ลมทะเลพัดไกวไหวกิ่งมะพร้าวโบกโบยสะบัดพัดพลิ้วราว
กวักมือเรียกหาเธอทุกดวงใจ
ให้มานอนในเปลยวนใต้ร่มเงาต้นทองหลางร้างไร้ใบ
ที่มีแต่ดอกแดงพร่างกระจ่างใจเสียไม่มี
********.

คิดถึงลั่นทมไหวกอระทมช่อพราวกิ่ง
บนเชิงชะง่อนผาภูสูง
ที่มีหินลาดชันกว้างไกลให้เห็นท้องทะเลไกลรอบทิศ
กับดงมะพร้าวละลิบอยู่เบื้องล่างนับหมื่นนับแสนต้น
ที่ไพลจะพาดวงใจดวงเล็กเล็กดวงน้อยน้อยหนีความสับสน
ไปนอนอ้อยสร้อย นอนหลับบนผาโดดเดี่ยวเดียวดาย ตั้งแต่ยามเยาว์
เป็นความเหงาที่สร้างสงบสุข ลึกล้ำดำดื่ม
ผิดแผกแตกต่างดวงใจเด็กไหนใครอื่น..

บางครั้งยามสนธยาเย็นย่ำ ไพลจะเฝ้านั่งรอดู
พระอาทิตย์จากบนภูผานี้ 
ที่จะเห็นทะเลไกลตรงหน้าไร้สิ่งใดกีดขวาง
รอแสงงามสายทองจะทอทอดทาบอาบไปทั่วทั้งผืนน้ำทะเล..

และแลราวเกาะมหัศจรรย์รายรอบถูกโอบกอด
ด้วยเงื้อมงามแห่งหัตถาสวรรค์สรรเสกหวานสล้างเสลา..
พร้อมเพราด้วยเมฆสลับสล้างพร่างสีพริ้งพรายพรรณ
เฉิดฉันท์พราวละออง ผ่องชมพูสลับเทาทอง ซ้อนทับสลับเหลืองละออ
ราวสายหมอกสายเหมยสายไหมสายไยฝัน
ที่กวีร้อยพันก็มิอาจสลัดฝีแปรงมาเทียมเทียบแย่งพรสวรรค์
จากจิตรกรแห่งเงื้อมเงาธรรมชาติวาดเวิ้งงามไปได้..

ไพล..จะไม่มีวันลืมคืนฝันวันงามเหล่านั้น 
ไพลหวงแหนพะงันงามในมโนนึกทุกนาที
และยังโชคดี ที่ไพลมีที่ดินผืนงามสล้างไศลเนิน
ให้ฝากฝังร่างยาม  ดาวดวงแห่งชีวีถึงเวลาจำพรากจากลา 
เลยลับดับดวง กลับคืนกลับเป็นหนึ่งเดียวกับผืนดิน 
ยามสนธยาแห่งชีวินสิ้นวันสิ้นไร้ห่วงใดใด
และไม่ว่าเกิดชาติไหนๆ
ดวงใจไพลก็จะสถิตแนบเนานวลนึกกลับ
มานอนนับดาวเดือน
ฟังเสียงคลื่นพ้อล้อพรายฝั่งนะริมฝั่งฝันแห่งนี้..

ฟังเสียงนกไพรละเมอครวญหวนไห้ละห้อยหา
กลางพงไพรพะงันงามนามเพราะ
ที่แวววับจับกลางดวงจิตกลางดวงใจ
กลางวิญญาณใสใสดวงนี้ มีมีเสื่อมสลายลา...
******..

ไพลคิดถึงดงมะพร้าวซ้อบซบไสวที่ยามนี้คงโอนเอนไหว
พ้อพร่างพรายทายท้าลมพายุแรงฤดูเดือนสิบสอง
ที่น้ำทั้งในทะเลและลำธารจะนองเนือง
จากเทือกเขากลางไพรพะงัน ละหลั่งลงมาสู่ท้องธาราทะเลกว้าง..


ดังสายน้ำไม่ไหลกลับลับล่วงควงพลิ้ว
ไปสู่ท้องทะลใหญ่ที่รอรับรักร้างอย่างสงบเงียบงาม...อย่างเข้าใจ
พาสู่มหาสมุทรใหญ่มหาสมุทรใจแห่งโลกมนุษย์นี้
ที่มากมีมากมายอารมร์ถมเท่าไรมิรู้จบรู้สิ้น
ได้แต่ถวิลรองรับอย่างเดียว..

เกลียวเอ๋ยเกลียวแห่งสายชลวนว่อง
ท่องทุกหนห้วยละหาน...
จนกว่าจะท่องฝ่าธารธรรมน้อมนำใจให้หลุดพ้น..
วังวนกรรมรักภักดีพลีมั่นอันโง่งมงาย
มิวายเวียนวนหลุดพ้นยากยิ่งนักแล้ว..นะดวงแก้วดวงใจ
*******..

และคิดถึง
ยามที่เรานุ่งผ้าถุงทำเป็นลูกโป่งลอยประหนึ่งชูชีพน้อยๆ
แบบธรรมชาติๆดิบเดิมของเด็กบ้านนอกคอกนาราคาไม่แพง
 และไม่ต้องแย่งกันเล่นน้ำในสระเทียม
ที่ต้องจ่ายเงินงามๆ
ถึงจะได้ว่ายตามๆกันไป 
กินน้ำลายใครต่อใครที่ลอยฟ่องบางครั้งบางหน..
สำหรับเด็กบ้านนอกคอกนาอย่างเราเรา
ทุกชั่วโมงฟรีพลีตลอดกาลตลอดวัน..

เรามีสไลเดอร์ธรรมชาติ
คือเส้นทางลดเลี้วเคี้ยวคดสองข้างลำธารสายสวยสายใส
มีตอไม้หรือไม่ก็เถาวัลย์
ให้ท้าประลองจนปากช้ำปากเขียว
เพราะเล่นหวาดเสียวนานไป
จนบางทีปากไปกระแทกเข้ากับกอไม้ใหญ่
ที่เราพยายามแสดงอภินิหารย์ใจกล้า
คว้าไวใช้ห้อยโหนโจนทะยานยึดไว้มิให้กระแสน้ำหลาก
ลากตัวเราลอยละล่องละลิ่วลงไปไกล
ถึงทะเลใหญ่ลึกล้ำดำมืดน่ากลัว
ที่รอรับรอร่างอยู่ปลายทาง.....

เมื่อมองย้อนภาพหนหลัง..
ภาพเด็กผุ้หญิงหน้ากางยิ้มหวานกลางผ้าถุงพริ้มเพรา
หัวเราะเบิกบานเริงร่าไร้ทุกข์ร้อนอนาทรสิ่งใดใด
 แม้หัวใจและครอบครัวจะทุกข์ทนยากไร้ร้าง
ห่างจากโลกวัตถุแสงสีศิวิไลซ์ไกลปีนเที่ยง
 กลางเกาะงามเงียบพะงัน.ลำพัง...

และมิเคยที่หัวใจดวงนี้จะหวาดหวั่นหวาดกลัว ต่อสิ่งใด
ราวกับใจดวงงามได้รับการหล่อหลอมกล่อมเกลี้ยง
จากมวลสรรพสิ่งที่นิ่งงามเงียบรายรอบ
ห้น้อมรับวิถีไพรวิถีใจอันร้างไร้
จากดวงดาวยามค่ำพรายพริบฟ้า 
จากเหว่ว้ายามสนธยา
ยามสุริยาลาลับฟ้าอ้อนอำลาไปกับผืนฟ้าผืนน้ำทะเล...ที่ละนิดละน้อย
เป็นยอดสร้อยหอมงามแห่งธรรมชาติมา..ทายทัก
ให้เรียงร้อยเรียงรักถักถ้อยเป็นสร้อยโซ่ฝันรัดรึง
ประดับตรึง.. งามในคะนึง...ล้ำค่า ดั่งสร้อยเพชรพร่างสว่างกลางใจ..
ที่มิมีผู้ใดอาจเอื้อมมาขโมยไปจากใจเราได้เลย..

ขอบคุณ..หาดขาว ดาวสวย 
แดดกล้า  พายุไหว 
ท้องทะเลกว้างไกลลิบหล้า
 พาให้ดวงใจมีจินตนาการไกลตาม
ขอบคุณงามแห่ง ทิวมะพร้าว
ขอบคุณน้ำใจพิสุทธิ์ใสน้องพี่
ที่รู้รักอภัยแบ่งปันทั้งคืนฝันวันดี..มีน้ำใจให้แก่กัน..

ให้เป็นพลังหล่อหลอมย้อมเนื้อดวงใจให้กล้าแกร่ง แฝงอ่อนโยน
สร้างเนื้อใจให้ละมุนละม่อมน้อมรับธรรมชาติ
มาตั้งแต่อ้อนแต่ออกบอกใครในงามดวงใจนี้
ที่ไม่มีใครหยั่งรู้หยั่งเห็นงามตามที่นึกคิดในกมล..
เป็นพลังหวานเรื่อยระริน
ที่มวลพลังธรรมชาติทั้งสิ้นรายรอบ
จากเกาะที่เป็นคำดั่งตำนานค่าล้ำคำไข่มุกงามกลางอ่าวไทย
ที่พระเจ้าเบื้องบนนำมามอบเสกสรร
นำมาแบ่งฝันปันใจมอบให้มวลมนุษยโลก..

หรือจากกุศลกรรมกาลแต่ปางก่อนเก่า
ที่ทำให้เราแสนโชคดี
ได้พบแย้มยิ้มพร้อมพลีดีใจภาคภูมิยิ่งนัก
กับหัวใจดวงรักดวงร้าวดวงเศร้าดวงหวานไหวละไมละมุนนี้ 
ที่มิยอมแลกด้วยน้ำเงินแม้กองนับล้านก็จักมิหาญมิขายให้ใคร..

และภาวนาขอทุกภพทุกชาติไป
จะสุขเศร้าใจจะไหวครวญช้ำกับเพรงกรรมเพลงกาล
เพลงไร้หวานรักร้าวสักเพียงไหน
จากเนื่อใจคนคนมากมายมากมี
ที่ไม่เข้าใจมากระหน่ำซ้ำซัด
ก็จักมิยอมแลกใจดวงนี้ 
ที่พร้อมพลีจะยอมรับเพรงกรรรม มิไหวว้วอนผู้ใดเลย..

หัวใจสาวชาวเกาะหรือสาวบ้านนา
ที่บางคนทายท้าด้วยความไม่เข้าใจว่า..
เกาะมหัศจรรย์นั่นละหรือมี..ท้องนา..
ป่าเขา ลำเนาไพร มีกล้วยไม้ใไพรในดวงใจหนึ่งเดียว..
นามมงกุฎไพรที่หอมงามกระฉ่อนไปทั้วโลก
ขึ้นท่ามกลางป่าดงดิบ..เทือกเขาไพรพะงัน
และ..

โอ้ละหวา อยากร้อง..ดังดัง
แล้วบอกว่าหากยังมีชีวา
จงพาร่างไปพบเกาะสวาทหาดสวรรค์
เกาะแห่งมหัศจรรย์รัก..
ที่คนทั่วโลกพากันกล่าวขวัญแห่กันมาทายทัก
*พระจันทร์ดวงงามที่สุดในโลก*
ตามคำร่ำลือตามคำเขาว่า
จนกว่าจะทอดทัศนาด้วยดวงตาตนเองให้ชื่นฉ่ำใจว่า..

พระจันทร์งามพิลาสพิไลสวยบาดใจสุกปลั่ง
ราวส้มสุกสีทองดวงใหญ่ใบเท่ากระด้งนั้น
ราวสวรรค์บันดาลบันดลให้ได้คอมโพสสิชั่น
ให้ค่อยค่อยโผล่พ้นน้ำทะเลเขียวมรกตขึ้นกลางอ่าวงาม..นามหาดริ้น
ที่ทรายละเอียดราวแป้งนวลนุ่มหยุ่นเท้า
ยามได้ลอยเลื่อนเต้นรำ ราวฟลอร์สวรรค์
ฟลอร์ระยับประดับด้วยกลีบดอกไม้ฟ้าประทาน
ทุกย่างเท้าราวลอยเลื่อนละลิ่วละล่อง
กลางฟองฝอยเมฆหวานม่านหมอกมนตรา
รองรับ นางฟ้านางสวรรค์
ที่พากันมาเฉลิมฉลองแลกสุขหมดทุกข์ใจ
******..

ไพลคิดถึงดงมะพร้าวซ้อนซบไสว
ที่ยามนี้คงโอนเอนไหวไกวกราวกราว
พ้อพร่างพรายทายท้าลมพายุแรงฤดูเดือนสิบสอง
ที่น้ำทั้งในทะเลและลำธารจะนองเนืองๆไหลละล่องลงมา
จากเทือกเขากลางไพรพะงัน ..

ไพลฝันเห็นดอกจิกต้นไม้แห่งความฝันวันเยาว์ยังยืนต้นหวาน
หว่านโปรยปรายสายสวยชมพูพร่างดอกกระจิ๊ดนิดน้อย
ลอยคว้างอย่างอ้างว้างลงกลางสายชล
 ค่อยๆลอยละล่อยหมุนวนควะคว้าง
อย่างดายเดียวราวเกลียวรักเกลียวสวาทที่มิอาจหวนคืน..

ดังสายน้ำไม่ไหลกลับล่วงลับ
ลาร่วงควงพลิ้วไปสู่ท้องทะลใหญ่
ที่รอรับรักร้างอย่างสงบเงียบงามอย่างเข้าใจ
พาสู่มหาสมุทรใจแห่งโลกมนุษย์นี้
ที่มากมีมากมายอารมร์ถมเท่าไรมิรู้จบรู้สิ้นำด้แต่รองรับอย่างเดียว
เกลียวเอ่ยเกลียวแห่งสายชล
จนกว่าจะวนว่องท่องธารธรรมน้อมนำใจให้หลุดพ้น.
.วังวนวนกรรมรักภักดีพลีแล้วที่ไม่ได้ดั่งหวังดั่งใจ....
*******

คิดถึงต้นเต่าร้าง..
เด็กเล็กเด็กน้อยตีนเท่าฝาหอยคงงง 
ต้นอะไรชื่อประหลาดราวกับว่าจะมีเต่ามาวางไข่แล้วราร้างห่างหายไป 
จะเป็นเฉกนั้นหรือไม่ ไพลก็ยังไม่ได้สืบค้นหาตำนาน
เอาเป็นอันว่าเรียกเต่าร้าง ว่างๆไว้ก่อนละกันนะ
ต้นเต่าร้างนี้จะมีลักษณะทางพันธุกรรมไซร้
จากการให้นิยามของ..ไพลนักพนา..สมัครเล่นไว้ดังเช่นเฉกนี้นะคะ..

คือเหมือนกอจันทร์ผา
แต่ทว่าใบจะมีหนามยาวเรียว
 และลูกพร่างสีส้มแสดแดงแรงร้อนเร่าเหลือบล้ำชมพู
ดูสลับสล้างพร่างเฉดสีสดราวสัปปะรดพันธุ์หนึ่งประมาณนั้นค่ะ
และ..

วันดีคืนดีไพลจะไปยิงภาพมาให้ 
หากน้องชายไพลยังมิฟาดฟันทิ้งไปตามคำสั่งของพี่คนนี้
ที่อยากกราบกราน ทุกบังกาโลว์
ให้สงวนพันธุ์ไม้งามใบเรียวหนามแหลม  ลูกดก
ที่งามประหลาดล้ำในคลองตาคลองใจ
ของสาวไพลคนช่างฝันพิลาส   คนนี้นะคะ 
เก็บสงวนพันธุไม้ให้มลังเมลืองประเทืองฝันประเทืองงาม
ประดับเกาะมหัศจรรย์ของสาวไพลพงพะงัน
 มิให้ฝันร้ายโค่นจนตายเหี้ยนคามือคัน..
ให้มันคงมั่นแสนงามไปชั่วกาลคู่เกาะแบบฟอร์เอฟเวอร์..นะ..
********

คิดถึง..ต้นทองหลาง
 สลัดใบควะคว้างกลางพื้นกราวเกลื่อน
เหลือสล้างพร่างพราวด้วยดอกดวงสีแดงแปร๊ดจัดจ้า
ตัดกับฟ้าสีน้ำเงินใสกระจ่างสดชื่นสว่างตา
พาบานเบิกใจเสียไม่มี..

และหากเรานี้นั่งเรือลำน้อย
หรือเรือเเฟอรี่ลำเท่ายักษ์เท่าบ้าน
วิ่งฝ่าทะเลเงินงามน้ำกระจายเข้ามาหาฝั่งฝัน
พลันจะเห็นงามไสวจรัสใจนั้น
ให้โดดเด่นพราว ราวภาพฝันของจิตรกรเอก
เสกสลัดฝีแปรงฝากงามไว้ให้ประจักษ์แก่ตา
อย่างมิมีวันอยากลาอยากลืมเลือนเลยเชียวนะจะขอบอก..
********

คิดถึง..ต้นมะม่วงหิมพานต์ที่ป่านนี้
ทั้งดวงดอกคงหอมพราวพร่าง
เม็ดสล้างคงห้อยย้อยโผล่พร้อยพลอมแพลม
แทงออกมาเป็นเม็ดอ่อนอ่อน
ก่อนกลายเขียวใสไปถึงเขียวแก่ และดำเมื่อแก่จัด
รอเก็บลงมาปลิดตากแดดให้แห้งดี
 แล้วทำตามกรรมวิธีพื้นบ้าน..ใส่กาละมัง
สังกะสี ที่ใช้ทางมะพร้าวมัดจุดไฟคั่ว
จนกว่าไฟจะลุกไหม้ยางทุกเม็ด ให้ดำสนิท
แต่ไม่นานนักอย่าพักให้ไหม้กลายเกรียม
เสียก่อนจะนำมาทุบปอก  ถลอกเปลือกกิน  แล้วขม....
****

คิดถึง..ระฆังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว
ก้องสะท้อนสะท้านหวานแว่วแผ่วเศร้าไปทั่วทั้งราวไพร
กลางไกลหุบเขาที่ราวกับเมืองสวรรค์
บนผาเนินสลับสล้างในดงไม้รำไรเขียวไพลพร่าง
เจดีย์ทองผ่องผุดบนภูสูงที่โผล่พ้นทิวไม้
ในฉากสลัวเรืองราง..
งามท่ามกลาง
ม่านเมฆราวเมืองแมนแดนย่ำสนธยาต่อราตรี.....
****

และสุดท้าย ท้ายสุดของเรื่องประเทืองประทับใจ
คิดถึงแม่ดอกผักบุ้งทะเล.
นางเอกแสนหวานอรชรบอบบางม่วงละมุนละเมียด
ราวเนื้อสาวเนื้อละเอียดละออที่ทอทอดยอดทายทัก
เบียดเลื้อยประดับหาดทรายขาวยาวเหยียด
ให้พร่างสีสวยใสไสวหวาน..
ปานดอกเยาว์แย้มบานรอรุณรุ่งรางน้ำค้างหอมหอม..
********

ไพล..ขอจบเรื่องหวานบานเบิกใจ
ไม่บวกรานร้าวเศร้าใจให้มากมายนะคราวนี้นะคนดี
เพราะมีใครบางคน..
หาว่าไพลเขียนวกวน
เขียนได้แค่ร้อยแก้วคำธรรมดาๆมิได้วิลิศมาหรา
หาคำมลังเมลืองบรรเจิดใจ
เขาบอกว่า..เขียนให้ตายก็ไม่ได้ซึ้งอะไร
 เพราะร้อยแก้วใครๆก็เขียนได้อ่านได้มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก..

ใช่ค่ะ..
ไพลยอมรับ..
จะเอาอะไรกันนักกันหนานะคะ...กับผู้หญิงอย่างไพล
ที่ออกตัวมานานแล้วว่า
เกิดมาก็ขอแค่ใช้คำว่า*นักอยากจะเขียน*เพียงนั้น
 
เพราะไพล..ก็คือผู้หญิงธรรมดา 
มีชีวิตเรียบง่ายธรรมดาๆ
ใช้ชีวาชีวีสงบสุขไปวันวัน
มิได้มีฉากหรูหราจะหวังวาดไปให้ไกล
อย่าได้คาดว่างาน..*สามร้อยเรื่อง*..จะไม่น่าวกวน.
ก็ขอทนอ่านด้วยรักและเข้าใจนะคะ 

และหากมีที่ไหนไหน
ใครมีมือเทวดา..เขียนมามากมาย
ให้แต่ละเรื่องไม่ซ้ำซากกันเลย
ไพลขอน้อมคาระวะรับ..ค่ะ
อย่างคนศรัทธารักงานงามรจนาด้วยกัน
อย่างคนเดินบนถนนสายฝัน
ที่ต้องโอบเอือ้อาทรแบ่งฝันปันน้ำใจ
ด้วยหัวใจด้วยเข้าใจค่ะ.

และ..สิ่ง
สุดท้าย
พุดพัดชา
อาจจะหยุดเลิกเขียนแบบชั่วชีวิต
พร้อมพลีชีวิตหัวใจและจิตวิญญาณรักรจนา
อยู่กับชีวิตธรรมดาๆที่งามเงียบเรียบง่ายดายเดียว..
ด้วยรัก..
				
comments powered by Disqus
  • พุด

    22 พฤศจิกายน 2546 17:50 น. - comment id 184016

    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=34
      พรานทะเล   
    สุนทราภรณ์ : : Key F  
    ชีวิตที่คร่ำ กลางน้ำเวียนวน
    ลอยล่องกลางชลไม่พ้นทนไป
    อยู่กับเรือเบื่อใจ ผองพรานทะเลเร่ไป
    อยู่ห่างไกลกลางสายชล
    มองน้ำตรงหน้า จรดฟ้าไกลไกล
    ว้าเหว่ดวงใจไม่เห็นผู้คน
    คลื่นและลม สู้ ทน ทุกข์ใจปานใดไม่บ่น
    สู้แดดฝนลำบาก กาย
    อยู่หว่างทะเล นาน นาน
    ท้องเรือเป็นบ้าน ท้องธารเรือนตาย
    สิ้นชีพสิ้นชนม์ เคราะห์ร้าย
    ศพฝังโดยง่าย ฝากเอาไว้ใต้ คงคา
    เพียงเห็นริมฝั่ง สักครั้งดีใจ
    มาบกทีไรให้แสนปรีดา
    ใกล้แผ่นดิน เข้า มา
    เหมือนมีวิมานตรงหน้า
    ปลื้มหนักหนา แทบจูบดิน
    อยู่หว่างทะเล นาน นาน
    ท้องเรือเป็นบ้าน ท้องธารเรือนตาย
    สิ้นชีพสิ้นชนม์ เคราะห์ร้าย
    ศพฝังโดยง่าย ฝากเอาไว้ใต้ คงคา
    เพียงเห็นริมฝั่งสักครั้งดีใจ
    มาบกทีไรให้แสนปรีดา
    ใกล้แผ่นดินเข้ามา
    เหมือนมีวิมานตรงหน้า
    ปลื้มหนักหนาแทบจูบดิน... 
    
  • พุด

    22 พฤศจิกายน 2546 18:03 น. - comment id 184018

    ขอไปเต้นระบำ
    ก่อนจะกลับมาแก้สี
    ให้ตรงคำงามล้ำละมุน นะคะ
  • doctorchira

    22 พฤศจิกายน 2546 19:52 น. - comment id 184032

    อย่าน้อยอกน้อยใจไปเลยครับ เขียนได้สละสลวยมากอยู่แล้ว 
        แหมใครนะช่างตาต่ำยิ่งกว่าตาตุ่มมาว่าพุดพัดชาได้ คนทุกคนมีสิทธิเต็มที่ในการควบคุมอารมย์และความคิดของตัวเอง แต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปควบคุมอารมย์และความคิดของคนอื่นได้
         เขียนต่อไปนะครับผมจะค่อยตามอ่าน
          มีเรื่องเรียนถามอีกนิดครับถ้าจะกรุณา พุดพัดชา แปลว่าอะไรครับ ?
  • พุด

    22 พฤศจิกายน 2546 22:18 น. - comment id 184061

    ขอฝากคำอำลาด้วยบทเพลงนี้อย่างจริงจังเสียทีแล้วค่ะ ราตรีสวัสดิ์
    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=418
    
     ไม่มีวัน   
    **************
    อย่าหวัง ว่าฉัน
    จะคุก-เข่าให้
    แม้ จะปวด รวดร้าว เพียงใด
    คราวนี้ คงไม่ มีวัน
    ไม่มี น้ำตา ไม่มี คำลา
    ไม่ขอ ตื้นตัน
    ไม่มี แม้สิ่ง ผูกพัน
    ไม่ มีวัน หวน-กลับ ไปหา
    อย่าหวัง ว่าฉัน ยังฝัน อาลัย
    แม้ จะเกิด มีแผล ดวงใจ
    คงสูญ ไปจาก อุรา
    สิ้นกัน แล้วเรา
    สิ้นความ มัวเมา สิ้น คำบัญชา
    สิ้น ความรัก สิ้น เมตตา
    สิ้น วาสนา กันที
    ยาพิษ ปน น้ำผึ้ง เพียงหยด
    ช่าง รุนแรง เหมือนกรด
    รดราด บนดวง ชีวี
    กว่า จะรู้
    กินใจ เสียกร่อน เต็มที
    เกือบ จะสาย เกือบ สิ้นดี
    เกือบ ไม่มี ชีพ อยู่ เป็นคน
    สาบแล้ว ความรัก ไม่ขอ ปองใจ
    ล้าง กรรมเก่า สิ้นสูญ กันไป
    อย่าหวน มาใกล้ อีกหน
    อุทิศ เคราะห์กรรม
    จากความ ทรงจำ ห่างไกล กมล
    สาบ อุทิศ บาปเวร จงดล
    ให้ แก่คน เป็นมาร หัวใจ
    
    สาบแล้ว ความรัก ไม่ขอ ปองใจ
    ล้าง กรรมเก่า สิ้นสูญ กันไป
    อย่าหวน มาใกล้ อีกหน
    อุทิศ เคราะห์กรรม
    จากความ ทรงจำ ห่างไกล กมล
    สาบ อุทิศ บาปเวร จงดล
    ให้ แก่คน เป็นมาร หัวใจ... 
    
  • |NdEpEndEnT

    22 พฤศจิกายน 2546 22:26 น. - comment id 184065

    คิดถึง
  • ชัยชนะ

    22 พฤศจิกายน 2546 23:05 น. - comment id 184086

    และ..สิ่ง
    สุดท้าย
    พุดพัดชา
    อาจจะหยุดเลิกเขียนแบบชั่วชีวิต
    พร้อมพลีชีวิตหัวใจและจิตวิญญาณรักรจนา
    อยู่กับชีวิตธรรมดาๆที่งามเงียบเรียบง่ายดายเดียว..
    ด้วยรัก.
    
    วันนี้ผมเบลอ ๆ คิดอะไรไม่ค่อยออก ถึงพุดจะหยุดเขียนหรือไม่ 
    (ก็คงมีความหวังเพราะใช้คำว่าอาจจะ)
    
    แต่ชัยชนะก็ขอเขียนแบบหนุ่มอารมณ์ดี  ผมยอมรับครับว่าผู้หญิงที่ประเสริฐ
    เช่นพุดหาไม่ได้อีกแล้ว ผมกระเซ้าเหย้าแหย่อย่างไรก็ไม่โกรธ
    
    พึ่งจะบอกรักสาวนาเป็นคนแรกในไทยโพเอ็มก็คิดมาตีจากกันไปซะแล้ว
    คงเห็นที่ผมขึ้นป้ายไว้อกหักไม่ยักกะตายมั้ง จึงมาทิ้งชัยชนะไป
    เมื่อพบพุดพัดชา คิดอะไรไม่ออก ก็ต้องมอบเพลงให้ฟัง 
    
    หวังว่าคงเปลี่ยนใจนะ นะคนดี
    
    สวรรค์ปิด                ดอน สอนระเบียบ : : Key C  
    
    โอ้ยอดรักอย่าจากพี่ไป
    โปรดอภัยที่ร้ายเธอก่อน
    หากความรักอยู่นิรันดร
    ห่วงอาวรณ์รักเธอไม่คลาย
    
    สุดที่รักโปรดหวลคืนมา
    โปรดคืนมาสร้างชีวิตใหม่
    เรื่องที่แล้วโปรดคิดอภัย
    อย่าห่างไกลคิดไปจากจร
    
    เธอจากไปแสนไกลห่าง
    สุดอ้างว้างและเดียวดาย
    โอ้สวรรค์นั้นคงหน่าย
    ชีวิตวายเมื่อเราจากกัน
    
    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=3216
    
  • ผู้หญิงไร้เงา

    23 พฤศจิกายน 2546 00:22 น. - comment id 184145

    เชื่อนะค่ะว่าคุณพี่พุดคงจะมีผลงานตระการมาให้ได้อ่านอีก  แต่งานนี้ความคิดถึงของพี่ทำให้ผู้หญิงไร้เงาอยากไปเที่ยวทะเลและเจอกับบรรยากาศอย่างนั้นเสียแล้วซิค่ะ
  • 4264

    23 พฤศจิกายน 2546 00:27 น. - comment id 184148

    .. กว่าจะเขียนได้แบบนี้คงต้องสะสมอีกนานแน่ๆเลยค่ะ ตอนนี้ขออ่านไปก่อนนะคะ
  • ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

    23 พฤศจิกายน 2546 13:26 น. - comment id 184337

    อ่านจนหน้ามืด 
    ไปใต้จำต้นมุดได้ขึ้นใจ เพราะทำแสบมา
    ชาวบ้านเขาเรียกต้นมุด เราไม่รูจัก เห็นเป็นต้นมะม่วง มีลูกใหญ่น่ากินคิดว่ามะม่วงหัวช้าง
    ปีนขึ้นต้นไปเก็บมาหลายลูกยางเลอะไปทั้งตัว
    เอามาปอกเปลือกล้างยังไงก็ไม่หมดยาง ทำน้ำปลาหวานกินก็ไม่ได้เปรี้ยวที่สุดในโลก ยางที่เปื้นตัวล้างไม่ค่อยออก
    รุ่งขึ้นรอยที่เปื้อนพองเหมือนถูกไฟ สองวันหนังถลกออกเป็นแผ่นๆ รักษาเป็นนานสองนานแผลเป็นยังไม่จางไปเท่าไรเลยตอนนี้ จำได้ไม่ลืม อิอิ
    ต้นไม้ชนิดนี้ไม่ขอนึกชื่นชมอีก อิอิ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน