จากดวงจันทร์ถึงดวงใจ!

พุด


จากดวงจันทร์ถึงดวงใจ!    
กวีหรือนักเขียน ศิลปินหรือผู้สร้างงานศิลปะ
ประชาชนคนเดินดินธรรมดาๆทุกๆคน 
ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นอาร์ติสก็ได้
ขอเพียงแค่ให้ มีใจดวงละมุน..
มักจะใช้จันทร์ฉาย จันทราจากฟากฟ้า เป็นแรงฝัน แรงบันดาลใจ
ทั้งดาว เดือน ดาริกา ผีเสื้อ
และมวลหมู่ดอกไม้ ท้องฟ้า ผืนดิน 
ธรรมชาติรายรอบ ที่งามสิ้นในโลกหล้าจักรวาล 
คือสิ่งที่หล่อหลอมให้บรรดาศิลปิน 
และผู้อยากจะเป็นได้ฝันใฝ่ไม่รู้สิ้น 
มีจินตนาการอันบรรเจิด..เพริศแพร้วมลังเมลือง..เกินธรรมดาๆ
ถ้าเอาแต่มองน้ำครำ 
หรือมีชีวิตลำเค็ญท้องกิ่ว ไม่มีจะกิน
ก็คงคิดอะไรไม่ออก 
ถ่ายทอดออกมาเป็นจินตนาการได้ยากยิ่ง
เพราะคงได้ยินแต่เสียงท้องร้องจ้อกๆ 
แทน ท้องทุ่งนา ป่าเขา ลำเนาไพร
ข้าวรวงเรียว ที่เห็นก็อยากแค่เอามาเคี้ยว 
แทนการเขียนบรรยายให้เห็นแค่งามนะซี....
มีเหมือนกัน ศิลปินไส้แห้ง 
ที่มีอุดมคติ ที่ทำงานด้วยใจรัก แต่มักจะอยู่สร้างฝัน
ไม่ได้นานรีบ ตายเสียก็เยอะ 
เพราะโรครุมเร้า เล่นงาน จนทุกข์ทน..
เหมือนดั่งพระพุทธองค์ 
ที่ทรงแสวงหาทางสู่นิพพาน ความว่าง
ความตรัสรู้ ด้วยการบำเพ็ญทุกกริยา 
เพียรทรมานทรกรรมร่างกายจนผ่ายผอม
จนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ก็หาได้บรรลุไม่..
เพราะเป็นทุกข์ใจกับสังขารจนไม่มีสมาธิ...
พระองค์จึงหันกลับมาเดินทางสายกลาง 
ทางสายที่พอดีๆไง ไม่หลงใหลในรูปรสกลิ่นเสียง ตู้เตียงฟูกหนา 
หรือแม้แต่กามโลกีย์ เพียงแต่ปล่อยวางเพื่อพบความว่าง
จากทุกสิ่งที่จะทำให้ไม่ยึดติด และไม่ทำร้ายตัวเองอีกต่อไป..
อดหยากมากไป 
ใจของเราก็จะกระวนกระวาย สับสน 
คิดแต่เรื่องหาใส่ปากใส่ท้อง
ที่ร้องจนน่าตกใจ พาให้รบกวนสมาธิ และพลังงาน การสร้างฝัน 
ใช้ชีวิตสุดหรู เกินไป 
ไม่ ติดดินเอาเสียเลย ก็เป็นศิลปินยาก
เพราะต้องอาศัย ความโดดเดี่ยว 
ให้มีสมาธิ ที่ต้องนำมาใช้เขียน
ใช้คิด ใช้จินตนาการ ให้งานออกมาจากกระพี้ 
แห่งความจริงแท้แน่นอนของชีวิต
ที่มีความคิด คิด คิด เป็นเครื่องมือ
ตอนสมองว่างๆ อย่างผู้ที่หวังผลิตงาน 
คือการเขียน เป็นเป้าหมายและผลผลิต.....
ถ้าร่างกาย ทรุดโทรมมากเกินไป
ด้วยโรคภัย สมองที่ไหนจะมาสร้างฝันแสนสวย แสนดีอยู่ได้
เพราะฉะนั้น สัจจธรรมที่แท้ 
ไม่ว่าจะเป็นนักเขียน หรือนักอะไร
ต้องมีความเป็นกลาง ความรู้จักคำว่าว่าง รู้จักคำว่าพอดีๆ..
ถ้ายอมทรมานตัวเอง เพื่อค้นหา 
ยอมทิ้งความสุขทุกสิ่งอย่าง
มันก็ดี แต่ต้องมีขันติ และอดทนเป็นเลิศ 
กว่าจะไปถึงดวงดาว 
อาจจะยอม ท้อแท้ แพ้พ่ายเสียก่อน..
กว่าจะไปถึงคำว่าศิลปินใหญ่
น่าจะมีสองสิ่ง คู่กัน คือพรสวรรค์ พรแสวง...
สำหรับดวง มาจับปากกาเอาตอนนี้ 
และที่เขียนด้วยความรัก
ความสุข สบายใจ จะดีหรือไม่ ก็คิดว่านั่นคือผลพลอยได้
เหนือสิ่งใด คือเราต้องทำด้วยใจ ด้วยความรัก ความสุข
ฝากบอกทุกดวงใจวัยอลวน ลองเริ่มต้น 
ตั้งใจเขียนนะ แสวงหาแนวทาง
และค้นคว้าอย่างตั้งใจซี 
ทำมันให้ดีด้วยชีวิตด้วยดวงใจทุ่มทั้งดวง
เพื่อเก็บดาว.....พราวพรายฟ้า มากมี 
ที่ทอแสงรอท่า นำมาประดับใจ
ประดับเกียรติ ให้ภาคภูมิ
อ่านให้มาก คิดให้มาก 
และเปิดใจกว้าง กับทุกเรื่องราว ให้เข้ามาเป็น
ประสบการณ์ชีวิต ไม่ว่าร้ายหรือดีก็มีคุณค่า 
ถ้านำมาเป็นบทเรียนสอนใจ
ให้มองโลกเป็น เห็นงาม เห็นความว่าง ความพอดี....
บางที เวลาดวงเข้าร้านหนังสือ 
จะได้สัจจธรรม นำมาสอนใจนะ
ว่าโลกนี้มีหลายเส้นทาง 
เพราะหนังสือยังมีหลากหลายรูปแบบ
และแนวทาง ของใครของมัน..
ทั้งวรรณกรรมเพื่อชีวิต ทั้งข้อเขียนขำขัน 
ให้ความบันเทิงใจ ทั้งศาสนา ปรัชญา 
นวนิยาย งานแปล งานประดิษฐ์ มากมายรายเรียง
และสุดแท้แต่นักเขียนจะถนัดแนวไหน 
ให้เลือกหามาอ่านตามรสนิยม.... 
ดูแต่งานเขียนของ คุณอุดม แต้ สิ 
ที่เขียนจนสนั่นเมือง เพราะสามารถถ่ายทอดเรื่องราว 
สนุกสนานใกล้ตัว มาปรุงรสชาติ
ให้มันส์ ให้ถูกใจวัยรุ่น ในวันนี้ 
จนขายดีต้องพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
ดวง....อ่านงานหลากหลาย 
และแม้แต่นิยายประโลมโลกย์ ประโลมใจ
ในวัยวันหนึ่ง ของชีวิต 
เพราะเวลานั้นอ่านแล้วมันแสนจะโดนใจ
ในเวลานี้ 
หันมาอ่านหนังสือศาสนา ปรัชญา 
และวรรณกรรมเพื่อชีวิต
และค้นพบว่า จริงๆ งานที่ดี 
ที่ชอบคืองานที่เรียบง่าย ใช้ภาษาบริสุทธิ์ใสใส 
ทั้งที่ตัวเองแสนจะยอกย้อน เวลาพรรณณา....ในงานเขียน
แม้ใจอยากเขียนแบบนั้น 
แต่ก็เขียนไม่ได้ ไม่ถนัด 
และพยายามไม่ฝืนใจ
แปลกดีไหม ที่เขียนได้แค่นี้ 
และยอมรับคำว่า นักเขียนเรื่องน้ำเน่า....
ที่เป็นทัศนะของท่านผู้อ่านบางคน....
ถ้าเป็นน้ำเน่า 
ก็ขอแค่ ให้ข้อคิด ในงานเป็นดั่งสะพาน ดั่งบันไดไม้ที่มากมีรัก
เพื่อให้ผู้อ่าน ข้ามผ่าน ไปสู่สิ่งที่ดี 
ที่สร้างสรรกว่า..ของชีวิต และให้ปีนขึ้นไป
พบความสวยงาม ที่รอท่าต้อนรับ 
ผู้ที่รักงานเขียน และมีความเพียรพยายาม
กับงานที่ต้องขับเคี่ยวกับตัวเอง 
บนความว่างเปล่า ของหน้ากระดาษ ที่รอให้รจนา
ออกมายังประโยชน์แก่โลกใบนี้ ที่บิดเบี้ยวขึ้นทุกๆวัน....
ขอให้พบกับโชคดี ที่ฝัน ที่ต้องการนะคะ 
จากดวงจันทร์ ถึงดวงใจ และจากผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อดวง..
ที่พร้อมจะเคียงข้างเป็นกำลังใจ 
ด้วยรักและปรารถนาดีนะคะ 
				
comments powered by Disqus
  • ผู้หญิงไร้เงา

    15 ธันวาคม 2546 00:48 น. - comment id 191309

    สวัสดีค่ะคุณพี่พุด  บรรยายได้ดีอีกตามเคยนะค่ะ  เห็นด้วยค่ะ  การที่เราจะทำอะไรต้องใช้องค์ประกอบหลายอย่างประกอบกัน  ถ้าเราไม่มีเงินอยู่กับความรักในงานอย่างเดียวคงแย่ค่ะ  แต่เราก็ต้องทำอะไรที่ใจรัก ก็ถูกอีกนั่นหละค่ะ  ก็คงจะเหมือนผู้หญิงไร้เงา  ที่รักในการแต่งกลอน  ถึงแม้จะไม่ค่อยเก่งก็ตามที  แต่ก็รักแล้วก็อยากจะเป็นกำลังใจให้เพื่อนหละค่ะ  ก็เลยใช้เวลาช่วงที่พอมีเวลาดูแลเพื่อนสมาชิกหละนะ เอาเป็นว่าคืนนี้ราตรีสวัสดิ์ก่อนนะค่ะ  หลับฝันดีนะค่ะ  รักและคิดถึงเสมอค่ะ
  • พุด

    15 ธันวาคม 2546 01:37 น. - comment id 191327

    งานพี่พุดสับสนมากค่ะ..
    
    นักอยากจะเขียน
    นักฝัน..ค้างเติ่งต่องแต่งก็ยังงี้แหละนะคะ
    เฮ้อ..
    อ่านๆไปแก้เซ้งแล้วกันนะคะ
    ไม่รุซ้ำมั้ย..
    ราตรีสวัสดิ์ค่ะเหนื่อยจัง..
  • ชัยชนะ

    15 ธันวาคม 2546 05:42 น. - comment id 191345

    ให้ข้อคิดเป็นกำลังใจอย่างดี สำหรับผู้ที่คิดอยากจะเป็นนักเขียน
    
    ขอเป็นผู้อ่านดีกว่าครับ
    ยังไงนักอยากเขียนก็ต้องคู่กับนักอยากอ่าน
    
    อย่างน้อยสุดการอ่านก็อาจจะได้ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ต่าง ๆ ของเราได้
    และแต่ละเรื่องที่เขียน ก็มีคุณค่าภายในตัว
    ถ้าเราอ่านมความสังเกตุพิจารณา
    ผมไม่ค่อยมีเวลาได้อ่านหนังสือ 
    แต่มาอ่านงานเขียนที่นี้ ทำให้ได้ประโยชน์มากมาย
    เป็นกำลังใจให้นักเขียนทุกคน ที่ยังมีไฟกำลังแรง
    ได้สร้างแต่งแปลงผลงานออกมา
    ถ้าใครได้ออกหนังสืออะไรมาก็ข่าวบอกกันด้วย จะได้ช่วยสนับสนุน
    
  • น้ำตากับท้องฟ้าสีคราม

    15 ธันวาคม 2546 07:57 น. - comment id 191357

    (***^_____^****)...ดีมากๆๆเลยล่ะค่ะ
  • kanoongkaning

    15 ธันวาคม 2546 14:16 น. - comment id 191414

    ให้ข้อคิดดีมากเลยค่ะ แวะมาทักทายค่ะ
  • Maimao

    15 ธันวาคม 2546 20:33 น. - comment id 191532

    เหมือนดั่งพระพุทธองค์ 
    ที่ทรงแสวงหาทางสู่นิพพาน ความว่าง
    ความตรัสรู้ ด้วยการบำเพ็ญทุกกริยา 
    เพียรทรมานทรกรรมร่างกายจนผ่ายผอม
    จนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ก็หาได้บรรลุไม่..
    เพราะเป็นทุกข์ใจกับสังขารจนไม่มีสมาธิ...
    
    พระองค์จึงหันกลับมาเดินทางสายกลาง 
    ทางสายที่พอดีๆไง ไม่หลงใหลในรูปรสกลิ่นเสียง ตู้เตียงฟูกหนา 
    หรือแม้แต่กามโลกีย์ เพียงแต่ปล่อยวางเพื่อพบความว่าง
    จากทุกสิ่งที่จะทำให้ไม่ยึดติด และไม่ทำร้ายตัวเองอีกต่อไป..
    
     ชอบท่อนนี้อ่ะ ชอบๆๆๆๆๆๆ >_
  • แม่จิตร

    15 ธันวาคม 2546 21:24 น. - comment id 191554

    คุณ บรรยายได้ ดี สุด ๆ 
    อยากจะคุยกับคุณ แล้วสินะ คุณ พุด 
    ไม่ทราบว่าคุณ เล่น MSN หรือเปล่านะ 
    ถ้าเล่น นี้ ก็ เบอร์ อีเมล์ ผม นะ modern_bin@hotmail.com ยินดีที่ได้รู้จักนะ ไว้ค่อยคุยกันนะครับ จาก คนรักกลอนนะ
    **อย่าลืม add มาหล่ะ **
  • ๐ไอฝนดนใจ๐

    16 ธันวาคม 2546 21:50 น. - comment id 191901

    คำคมโดนใจใครคนหนึ่ง
    กำกลื้นตื้นตันกันก่อนกล่าว
    ว่าวี้เเววว่างวางทางวับแวว
    ใยไม่พราวนำไปดังใจเรา
    
  • กวีบ้านไร่

    27 พฤษภาคม 2547 12:55 น. - comment id 275263

    ชอบมากครับ ชอบมากเลยครับ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน