..๏ กวี..ที่แตกต่าง

อัลมิตรา


@ ฉันไม่ใช่กวี    ..เชษฐภัทร   
 
 ฉันไม่ใช่กวี
เพราะไม่มีหัวใจอ่อนไหวหวาน
ไม่อาจสื่อชีวิตจิตวิญญาณ
ถ่ายทอดจินตนาการผ่านถ้อยคำ
ฉันไม่ใช่กวี
ไร้สรรพ์สีของอารมณ์รอบ่มร่ำ
ไม่อาจสื่อวิสัยทัศน์สัจธรรม
สะกดจนคนจำประทับใจ
ไม่อาจเขียนชีวิตด้วยชีวิต
ขาดข้อคิดคำคมสมสมัย
จนผู้อ่านก็แค่อ่านผ่านเลยไป
เพราะยังไร้ประสบการณ์การฝ่าฟัน
มิอาจกล่อมนกน้อยให้คล้อยหลับ
สุดคว้าดาวมาประดับกับความฝัน
ไม่อาจนับเม็ดทรายใต้เงาจันทร์
มาหลอมแก้วแววสวรรค์พรรณราย
และไม่อาจแต้มสีให้ผีเสื้อ
ให้สดใสทุกเมื่อเพื่อฟ้อนส่าย
เคล้ากลิ่นเกสรขจรขจาย
ที่เย้าหยอกดอกไม้ใต้หมอกบาง
ฉันไม่ใช่กวี
ไร้ศักดิ์ศรีสับสนคนถากถาง
ชีวิตจึงอับจนไร้หนทาง
เมื่อเธอหมางเมินค่าคำว่า รัก- 
@..ฉันเป็นเพียงกวีคนหนึ่งเท่านั้น ..ปุถุชน 
 
ในโลกของฉันมีแต่สงครามและความอดอยาก 
มีความอยุติธรรมและการกดขี่ทั่วแผ่นดิน 
เด็กเด็กในโลกของฉันไร้การศึกษาและกำพร้าพ่อแม่ 
ขณะที่ลูกผู้ลากมากดีมีโรงเรียนได้ศึกษากันในโลกของเธอ 
คนหนุ่มสาวในโลกของฉันก็ขาดจิตสำนึก 
ขาดการอุทิศตนเสียสละเพื่อปวงชนผู้ยากไร้ 
พวกเขาศึกษาเล่าเรียนก็เพียงเพื่อเป็นทาสรับใช้นายทุน 
มหาวิทยาลัยในโลกของฉันสอนให้คิดตามตามกันไป 
มีตำรับตำราขีดเส้นแบ่งชัดแจ้งระหว่างปัญญากับความโง่เขลา 
ครูบาอาจารย์ในโลกของฉันสอนให้คิดในกรอบห้ามนอกลู่ 
มีเส้นแบ่งระหว่างการหลบลู่และการไม่ให้เกียรติ 
ปัญญาชนของฉันจึงไร้ความคิดเป็นของตัวเอง 
ในโลกของฉันมีผู้รู้มากมายขวักไขว่เต็มถนน 
แม้กระนั้นผู้รู้ก็คอยแต่จะพิพากษาคนลงนรก 
สาดโคลนโสมมโยนบาปให้แก่กันและกัน 
กวีในโลกของฉันหลงใหลในตัวอักษรมากว่าสารถะ 
เคลิบเคลิ้มไปกับท่วงทำนองจนลืมแก่นสารของมัน 
ในโลกของฉันจึงเต็มไปด้วยท่วงทำนองอันหวานล้ำ 
โลกของฉันกับโลกของเธออาจะต่างกัน 
แต่สายสัมพันธ์ฉันกับเธอยังไม่ห่างกัน 
   
ฉันเป็นเพียงกวีคนหนึ่งเท่านั้น 
ฉันรักเธอทุกคน 
ฉันพเนจรร่อนเร่ไปทั่วโลกที่ฉันรัก 
@ ข้าฯคือเศษกวี .. อัลมิตรา 
..๏ ข้าฯเป็นเพียงเศษกวีที่บังอาจ
ขีดเขียนวาดอักษรตอนเคลิ้มฝัน
เป็นร้อยแก้วร้อยกรองท่องรำพัน
แต่กระนั้นยังมิงามตามที่ควร
ข้าฯเป็นเพียงคนถ่อยด้อยศึกษา
มินำพาบอกใครให้ไต่สวน
ใช้ถ้อยคำสถุลเถื่อนเผื่อนกระบวน
ร้อยเรียงห้วนมิหวานสื่อกานท์ไป
ด้วยเพราะข้าฯห่างชั้นคำบัณฑิต
ท่านจึงคิดตัดสินหมิ่นความใส่
ทีนักปราชญ์บิดเบือนเหมือนตั้งใจ
กลับกราบไหว้พวกเขา...น่าเศร้าจริง
เพราะเราล้วนเป็นกวีที่แตกต่าง
หลากหลายทางดั่งไม้ได้แตกกิ่ง
จะสนใจทำไมใครท้วงติง
ในเมื่อสิ่งที่เราเขียนเจียรจากใจ  ๚ะ๛
 				
comments powered by Disqus
  • ใยไหม

    22 เมษายน 2547 16:28 น. - comment id 252236

    ฉันนั้นคือคนผ่านมา...
    ไม่มีค่าพอจะจดจำ
    แค่คนที่มีจิตใจบอบช้ำ
    เก็บความระกำมาเหยียบย่ำช้ำหัวใจ
    
    ฉันนั้นยังเป็นฉัน
    แม้คืนและวันผ่านนานเท่าใด
    แม้ความรักที่เคยมีจักต้องหมองไหม้
    แต่ยังคงมีหัวใจแม้จักตายด้านไปเพราะลมลวง
    
    ฉันเป็นเช่นเด็กน้อย  น้อย
    ที่เฝ้าคอย... และเจอแต่ความช้ำทรวง
    มอบความรักในใจโดยไม่คิดหวง
    แต่ก็แค่ตกบ่วงเจ็บกรวงเดียวดาย
    
    ฉันก็แค่คนไม่มีใคร
    ลึก ... ลึก ... ในใจไม่ไม่ใครมากมาย
    เพียงบางครั้งใจมันคิดตะกาย
    เพื่อพรุ่งนี้จุดหมายจะได้เป็นจริง
    
    ฉันแค่คนเขียนบทกวี
    และเฝ้าเพียรทำความดีเพื่อทุก...  ทุก... สิ่ง
    ไม่เคยหวังสักวันจักกลายเป็นจริง(ป็นกวี)
    จักทำให้ดียิ่งเพื่อแม้นมิ่งสิ่สวยงาม
    ...
    
  • ตฤณ

    22 เมษายน 2547 17:10 น. - comment id 252257

    ชอบกลอนที่พวกพี่แต่งกันมากเลยค่ะ
    อยากร่วมแต่งด้วยจัง คิดถึงพี่ ๆ ทุกคนเลยค่ะ
  • น้ำตากับท้องฟ้าสีคราม

    22 เมษายน 2547 20:14 น. - comment id 252325

    ข้า..กวีต้อยต่ำไม่ล้ำค่า
    อันบุญญาที่ได้ใช่เลิศหรู
    เขียนกลอนกานท์กลอนกลฝึกฝนดู
    ผิดเป็นครูรู้ล้ำจำใส่ใจ
    
    ข้า..กวีต่ำต้อยด้อยซึ่งศักดิ์
    ฤาจะฝากกลอนเปรียบเทียบคนไหน
    ยังฝึกเขียนเรียนรู้อยู่ร่ำไป
    กวีไร้ซึ่งยศจึ่งหดตัว
    
    ข้า..กวีปลายเท้าเท่าหัวสูง
    จึ่งอาจจูงเหาเห็บมาเหน็บหัว
    สิ่งที่เขียนลงไปพลาดไม่กลัว
    ใจเมามัวกานท์กลอนช่วยผ่อนคลาย
    
    -- ชื่นชมทุกๆท่านจากใจจริงค่ะ --
    
    
    
    
  • ชัยชนะ

    22 เมษายน 2547 20:21 น. - comment id 252327

    ฉัน เรียนร่ำรู้แค่                 หางอึ่ง
    ไม่  อาจชูคอพึง                     อวดอ้าง
    ใช่  ผู้เชี่ยวชาญถึง                ศิลปะ
    กวี  ย่อมก่อสรรค์สร้าง           ส่งสะท้อนงานประพันธ์
  • คนผ่านมา

    22 เมษายน 2547 21:27 น. - comment id 252350

    เต็มอิ่มกับหลากอารมณ์ของเหล่ากวีครับ
    ผมเป็นได้ก็นกกีวี่ยี่ห้อขัดรองเท้า เขียนกับเขาไม่เป็นได้แต่ชื่นชมครับ
  • แม่จิตร

    22 เมษายน 2547 21:42 น. - comment id 252362

    เป็นคนที่อยากเขียน
    แต่ไม่คิดที่จะเป็นกวี
    
    
  • มังกรนิทรา

    22 เมษายน 2547 22:16 น. - comment id 252379

            บทกวีออกจากใจมิใช่หรือ
    ใยต้องถือเอาชนชั้นมากั้นขวาง
    เมื่อเขียนเสร็จก็จบสิ้นทิ้งละวาง
    เดินสายกลางรอผลลัพย์ที่กลับมา ๚ะ๛
    
    
    
  • ก่อพงษ์

    22 เมษายน 2547 23:12 น. - comment id 252426

    ผมเป็นแค่กีวี
  • ม้าลาย

    22 เมษายน 2547 23:58 น. - comment id 252449

    ถ้าฉันไม่ใช่กวี............
    ฉันจะมีเรื่องอะไรให้เขียนเล่า
    ชีวิตคนเรา
    ก็แค่เกิด-แก่-แก่-และแก่
    
    เมื่อไหร่ตายไป.......
    ก็คงจบสิ้นไม่มีใครแล
    ทุกวันนี้
    คนเรารังแกกันพอแล้ว
    
    ถ้าเธอเป็นกวี.........
    บอกฉันทีว่า-ฉันไม่แห้ว
    ดวงตาสะท้อนแวว
    มีฉันอยู่ในนั้นหรือเปล่านะ
    
    บทกวี.....
    สรรค์สร้างแสงสีในสายฝน
    วาดรุ้งให้งามจับตาคน
    บังเกิดดอกผลบนต้นไม้
    แต่งแต้มอารมณ์ให้บรรเจิด
    งามเพริศเท่าที่จะมีได้
    แม้เสียงแผ่วผสมลมหายใจ
    ก็ยังจุดไฟให้อุ่นเอม
    
    
  • ดาวบนพื้นน้ำ

    23 เมษายน 2547 07:53 น. - comment id 252567

    กวีอยู่ที่ใดใจอยากรู้
      วอนทุกผู้ช่วยตอบหน่อยได้ไหม
      ค่ากวีชี้วัดด้วยสิ่งไร
      ผู้อ่านใช่ไหมตัดสินค่าของกวี
    
      กวีคือกวีที่จิตใจ
      มิใช่วัดได้จากการศึกษา
      ผลงานที่อ่านผ่านสายตา
      บอกคุณค่ากวีอยู่ที่ใด
    
      กวีคือผลงานการสร้างสรรค์
      ร้อยรำพันเรียงคำล้ำเลอค่า
      พิชิตความคิดฝันรันเรื่อยมา
      ทรงคุณค่าวินาทีที่ผลงาน
    
      กวีคือกวี..ขอบอกกล่าว
      งานกวี..ร้อยรำพัน..วรรณศิลป์
      รักษ์ภาษา..ถิ่นไทย..ไว้อาจิณ
      คู่เคียงศาสตร์..งานศิลป์..เงากวี...
    
      *..งานเขียนที่ไร้ค่า..*
  • ปุถุซน

    23 เมษายน 2547 10:45 น. - comment id 252651

    ฉันเป็นเพียงกวีคนหนึ่งเท่านั้น 
    ฉันรักเธอทุกคน 
    ฉันพเนจรร่อนเร่ไปทั่วโลกที่ฉันรัก 
    
    
    ป.ล.สาววรรคสุดท้ายผมคัดมาจากคำของ เนรุด้าจากหนังสือเก้ารัตนกวี โดย ทวีปวร(อัลมิตรามิได้ลงหมายเหตุไว้)
    
    Pablo Neruda มหากวีแห่งศตวรรษ ท่านเป็นชาวชีลี ราชบัณฑิตยสถานสวีเดนได้ยกย่องและมอบรางวัลโนเบลสาขาวรรณคดีแด่ท่านมหากวี ในปี ค.ศ. ๑๙๗o
    
    
    ใครเคยอ่านหนังสือเล่มนี้บ้าง? ถ้ายังไม่เคยอ่าน--อยากลองให้อ่านดู--บางทีจะได้รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร?
    
    จ ด ห ม า ย ถึ ง ก วี ห นุ่ ม
     
    LETTERS TO A YOUNG POET 
    
    ไรเนอร์ มารีอา ริลเค เขียน 
    ไกรวรรณ สีดาฟอง แปล 
    สำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง พิมพ์ 
    ราคา ๕o บาท , ๖๑ หน้า 
    พิมพ์ครั้งที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔o 
    พิมพ์ครั้งที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ 
    
    ปกหลังเขียนข้อความจากหนังสือว่า 
    
    การเป็นศิลปินมิได้หมายถึงการนับและคิดคำนวณผล 
    ตอบแทน แต่ทว่างอกงามเช่นต้นไม้ ซึ่งไม่เคยบังคับ 
    เคี่ยวเข็ญน้ำเลี้ยงของตัวเอง และยืนหยัดมั่นคงอยู่ใน 
    พายุแห่งฤดูใบไม้ผลิ โดยไม่หวาดหวั่นว่าหลังจากนั้น 
    ฤดูร้อนจะมาถึงหรือเปล่า ฤดูร้อนจะมาถึง แต่จะมาถึง 
    เฉพาะผู้ที่อดทนราวกับมีความเป็นนิรันดร์ทอดอยู่เบื้อง 
    หน้า สงบและเปิดกว้างโดยไม่พะว้าพะวง 
    
    
    จดหมายเริ่มด้วยการพูดถึงคุณค่าของความโดดเดี่ยวในฐานะที่เป็นภาระและของขวัญ และถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างสรรค์งาน 
    ริลเคเองก็ทั้งรักและกลัวความโดดเดี่ยว บ่อยครั้งท่านก็อยากจะหนีไปจากความโดดเดี่ยวนี้ แต่ความโดดเดี่ยวก็เป็นเงื่อนไขอันจำเป็นสำหรับการทำงานของท่าน คนหนุ่มสาวผู้มีความใฝ่ฝันมักวิตกกังวลเสมอเกี่ยวกับการสร้างสรรค์และความรัก ท่านให้คำแนะนำแก่ทุกคนทั้งหญิงชาย ให้ทำงานด้วยความรักจากหัวใจและรักในฐานะมนุษย์ มิใช่ในฐานะเพศตรงข้าม คำแนะนำของท่านเป็นทองแท้ เป็นประสบการณ์ชีวิตด้านในอันยิ่งใหญ่และลึกซึ้ง แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูดทั้งหมด 
    
  • อัลมิตรา

    23 เมษายน 2547 11:16 น. - comment id 252687

    ..งานเขียน..
    ..มาตรว่าผู้เขียนมีความสุข
    ..อาจจะเชื่อมโยงไปให้ผู้อ่านมีความสุขไปด้วย
    ..และสิ่งที่ผู้เขียนได้พรรณาความในใจ
    ..อาจจะทำให้ผู้อ่านซึมซาบสะท้อนในอารมณ์
    
    ..บางคนเมื่อได้อ่านงานเขียนแล้ว ..
    ..ก็อดไม่ได้ที่จะนำมาเปรียบเทียบกับตนเอง
    ..หลายๆครั้ง ก็ดูเหมือนว่างานเขียนนั้นแทงใจดำเหลือเกิน
    ..และหลายๆครั้งก็สัมผัสได้ถึงอรรถรสที่แท้จริง
    
    ..วินาทีแรกที่หยิบดินสอขึ้นมาร่างโครงคร่าวๆ
    ..และจนถึงวินาทีสุดท้ายที่งานเขียนเสร็จสมบูรณ์
    ..ได้ผ่านกระบวนการมากมาย 
    ..ไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์ เจตนาที่จะสื่อ
    ..และถึงแม้ว่าจะน้อยคนนักที่เข้าใจจุดมุ่งหมายที่แท้จริง
    ..ผู้เขียนก็ตระหนักดีเสมอ ว่า ความพึงพอใจของสุดเป็นย่อมที่สุด
    
    ..สภาวะแตกต่างดังกล่าว ทำให้เกิดชั้นลดหลั่นของระดับงานเขียน
    ..สำหรับผู้เขียนแล้ว มิต้องการเทียบวัดกับผู้ใด
    ..คุณค่าของงานเขียน ย่อมปรากฏต่อผู้ที่เข้าใจกัน รับสัมผัสกันได้
    ..และงานเขียนนั้น จะหาค่ามิได้เลย ถ้าหากมิได้เกิดจากใจตนเอง
    
    ..กวี คือคำที่ผู้อื่นตั้งสมญานามให้ โดยให้คำนามหรู
    ..กวี ผู้ซึ่งต้องรับผิดชอบในตัวอักษรที่เขียนลงไป
    ..หากกวีเป็นเพียงผู้ที่ฝากตัวอักษรให้ปรากฏแด่สายตาสาธารณชน
    ..แต่มิไยดี ต่อความผลสะท้อนกลับมา
    ..คำว่ากวี ก็จะไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
    
    ..ขอเป็นเพียงแค่คนเขียน
    ..คนอยากเจียรความอ่อนไหว
    ..ขอแค่ตีแผ่หัวใจ
    ..กลั่นอารมณ์ให้เป็นบทความ
    ..ขอเป็นเพียงเศษกวี
    ..ซึ่งมากมีคนเหยียดหยาม
    ..ถึงแม้นหลากคำประนาม
    ..ก็มิคร้ามคำของคน
    
    ..๏ เศษแก้วแม้บาดเนื้อ........เพียงใด
    ไม่เท่าคำเสียดใจ...................เจ็บกลั้น
    เผาวอดดุจกองไฟ..................เกินคิด ดับนา
    ลามมอดจนร่างนั้น..................ดับสิ้นวิญญ์สูญ  ๚ 
    
    ..๏ เศษกวีมิเพริศแพร้ว.........อักษร
    เทียมปราชญ์วิทยาธร.............เก่งกล้า
    ประดุจเต่าเขย่งตอน...............เตาะแตะ
    เพียงคืบยังย่างช้า...................แข่งโต้กระต่ายขำ ๚ะ๛
    
    ..
    แด่สหายทุกท่าน .. 
    อัลมิตราขอบคุณในวาทะที่งดงาม  
    
    มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า..
    
    
    
  • |NdEpEndEnT

    23 เมษายน 2547 16:19 น. - comment id 252861

    เขียนจากใจ
    
  • อัลมิตรา

    23 เมษายน 2547 21:47 น. - comment id 253075

    ค่ะ น้องดินสอ เขียนจากใจ .. พี่อัลฯดีใจที่น้องดินสอได้บทสรุปเช่นนี้ ..
  • ผู้หญิงไร้เงา

    28 เมษายน 2547 15:45 น. - comment id 256129

    ฉันอาจเป็นเพียงกวีไม่มีชั้น
    ที่มิอาจขีดขั้นปั้นความหมาย
    ในคุณค่าอักษราซะมากมาย
    แต่ก็ขอทายทักเพื่อนกวี
    
    *-*แต่งได้ดีทุกท่านเลยค่ะ  โดยเฉพาะเรื่องเนื้อหา  สื่อได้ดีมากๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ ชอบค่ะชอบ*-*
  • อัลมิตรา

    28 เมษายน 2547 21:48 น. - comment id 256416

    ขอบคุณมากค่ะ คุณผู้หญิงไร้เงา ไม่เจอกันเสียนาน ระลึกถึงค่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน