สไบนวลสไบนาง!

พุด


url http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=480
(คำมั่นสัญญา)
แสนรักสไบนวลสไบนาง!
**********
ตะวันดวงรอนรอน
ทอแสงทองทอดสวย...ส้มอมชมพูประปราย
คล้ายสาดสีด้วยฝีมือจิตรกรเอกของโลกชื่อธรรมชาติ
กระจายฉายฉานรัศมีสีรุ้ง
เหนือเจดีย์วัดไชยวัฒนาราม
ในยามตะวันชิงพลบ


ที่งามสงบเก่าคร่ำงามล้ำค่ามลังเมลือง
งามราวเมืองสวรรค์ลอยมาเยือนหล้า
ราวปวงเทพยดาเนรมิตรเป็นทิพยวิมานสถานสถิต
ผ่านเงางามแห่งอดีตอันวิจิตรศิลป์
หากทว่าฝากเรื่องราวแสนเศร้ารานร้าวใจ


ถึงมาตรแม้นจะเป็นวัดไร้ร้าง 
สิ่งก่อสร้างที่เหลืออยู่มีก็เพียง 
พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ
และเจดีย์รายตามพระระเบียงคดรอบ พระปรางค์ 


ให้ดวงใจ..*สไบนวล* เหว่ว้าดายเดียว
ราวไร้เสียงสังคีตดีดสีตีเป่าเหงาเงียบ
ช่างสะเทือนสะท้านสะท้อนใจ
วะแว่วแผ่วเพียงเสียงขับเสภางาม
สุดกำสรวลเศร้ามาจากเวียงวังในครั้งบุราณกาล
************


รอนรอนสุริยคล้อย              สายัณห์ 
เรื่อยเรื่อยเรื่อแสงจันทร์     ส่องฟ้า 
รอนรอนจิตกระสัน              เสียวสวาท แม่เอย 
เรื่อยเรี่อยเรียมคอยถ้า       ที่นั้นห่อนเห็น ฯ 
เรื่อยเรื่อยมารอนรอน         สุริยาจรเข้าสายัณห์ 
เรื่อรองส่องสีจันทร์              ส่งแสงกล้าน่าพิศวง 
ลิ่วลิ่วจันทร์แจ่มฟ้า               เหมือนพักตราหน้านวลผจง 
สูงสวยรวยรูปทรง                ส่งสีเจ้าเท่าสีจันทร์ 
เอวอ่อนชอ้อนองค์                โฉมอนงค์ทรงสาวสวรรค์ 
หาไหนไม่เทียมทัน              ขวัญเนตรพี่นี้น่ารัก 
ขาวสุดพุดจีบจีน                    เจ้ามีสีนพี่มีศักดิ์ 
ทั้งวังเขาชังนัก                      แต่พี่รักเจ้าคนเดียว 
นอนนั่งตั้งอาลัย                    สายสุดใจไม่แลเหลียว 
หวังชมสมกลมเกลียว            ควรฤาน้องข้องใจเคือง 
ขาวสุดพุดซ้อนแซม               เนื้อแอร่มอร่ามเหลือง 
โฉมอ่ากว่าทั้งเมือง                หนแห่งใดไม่เหมือนเลย 
ได้น้องทองนพมาศ                มาสังวาสพาดชมเชย 
ร่วมเรือนเพื่อนพิงเขนย        เคยวิงวอนอ่อนหวานคำ 
ฝนตกยกปีกป้อง                   ฟ้าร้องต้องเอาตนงำ 
ชิดเชื้อเนื้อนวลขำ                 อ่อนลมุนอุ่นอกเรียม 
รักนุชสุดสายใจ                     ต้องฤทัยไม่เท่าเทียม 
ขอต้องน้องอายเหนียม           เกรียมจิตเจ้าเฝ้าทุกข์ทน 
ฝนตกฝนหากตก                   แก้วกับอกอย่าโกรธฝน 
ลมพัดรับขวัญบน                   แก้วโกมลมานอนเนา 
ฝนตกไม่ทั่วฟ้า                      เยนแหล่งหล้าในภูเขา 
ไม่เยนในอกเรา                   เพราะเพื่อนเคล้าเจ้าอยู่ไกล 
เรียมร่ำน้ำตาตก                    อกร้อนรุ่มดังสุมไฟ 
แสนคนึงถึงสายใจ                 เจ้าไกลสวาทนิราศเรียม ฯ 

เสียงสรวลระรี่นี้                   เสียงใด 
เสียงนุชพี่ฤาใคร                 ใคร่รู้ 
เสียงสรวลเสียงทรามวัย       นุชพี่ มาแม่ 
เสียงบังอรสมรผู้                   อื่นนั้นฤามี ฯ 
เสียงสรวลระรี่นี้                   เสียงแก้วพี่ฤาเสียงใคร 
เสียงสรวลเสียงทรามวัย       สุดสายใจพี่ตามมา 
ลมชวยรวยกลิ่นน้อง             หอมเรื่อยต้องคลองนาสา 
เคลือบเคล้นเหนคล้ายมา      เหลียวหาเจ้าเปล่าวังเวง 
ยามสองฆ้องยามย่ำ                ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง 
เสียงปี่มีครวญเครง               เหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน 
ล่วงสามยามปลายแล้ว            จนไก่แก้วแว่วขับขาน 
ม่อยหลับกลับบันดาล              ฝันเห็นน้องต้องติดตา 
เพรางายวายเสพย์รส              แสนกำสรดอดโอชา 
อิ่มทุกข์อิ่มชลนา                      อิ่มโศกาหน้านองชล 
เวรามาทันแล้ว                        จึ่งจำแคล้วแก้วโกมล 
ให้แค้นแสนสุดทน                  ทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย 
งามทรงวงดังวาด                      งามมารยาทนาดกรกราย 
งามพริ้มยิ้มแย้มพราย              งามคำหวานลานใจถวิล 
แต่เช้าเท่าถึงเยน                     กล้ำกลืนเขญเปนอาจิณ 
ชายใดในแผ่นดิน                    ไม่เหมือนพี่ที่ตรอมใจ ฯ 
เรียมทนทุกข์แต่เช้า        ถึงเยน 
มาสู่สมคืนเขญ                 หม่นไหม้ 
ชายใดจากสมรเปน          ทุกข์เท่า เรียมเลย 
จากคู่วันเดียวได้              ทุกข์ปิ้มปานปี ฯ
*******************


และพลันพาทำให้สไบนวล
หวนรำลึกนึกคะนึงถึง
บทกวีเอกของเจ้าฟ้ากุ้ง**นิราศธารทองแดง*
ที่ชมไม้ดอกและธรรมชาติอันแสนงดงาม
**********
ชาตบุษ์ปพุทธชาตซาบ    กุหลาบกนาบทั้งสองทาง 
เบงระมาดยี่สุ่นกาง          กลีบบานเพราเหล่าดาวเรือง ฯ 
ชาตบุษ์ปพุทธชาตขึ้น      เคียงกลาง 
กุหลาบกนาบสองทาง       กลิ่นฟุ้ง 
เบงระมาดยี่สุ่นกาง          ตรงกลีบ 
สาวสาวฉวยชิงหยุ้ง          เก็บร้อยรอยกรอง ฯ 
๖๒ เพกาสาเกกุ่ม            ไม้ตาตุ่มทุมราชา 
สุกรมมะยมพวา               ไม้หมากข้าขานางเปล้า ฯ 
เพกาฟักย้อมกุ่ม              ผลหนา 
ตาตุ่มทุมราชา                  เนื่องหน้า 
สุกรมมะยมพวา                ชมพู่ 
สาเกไม้หมากข้า                อิกเปล้าขานาง ฯ 
๖๓ กะจายสยายซร้องนาง  ผ้าสไบบางนางสีดา 
ห่อห้อยย้อยลงมา               แต่ค่าไม้ใหญ่สูงงาม ฯ 
กะจายสยายคลี่ซร้อง          นงพะงา 
สไบบางนางสีดา                 ห่อห้อย 
ยื่นเลื้อยเฟื้อยลงมา            โบยโบก 
แต่ค่าไม้ใหญ่น้อย              แกว่งเยื้องไปมา ฯ 
๖๔ กระเช้าเจ้าบรรจง         ปากแฉกตรงทรงหาบหาม 
แล่งปืนของพระราม             รูปงามดีมีสืบมา ฯ 
กะเช้านางแต่งเจ้า               ผจงงาม 
ปากแฉกทรงหาบหาม          ห่วงห้อย 
แล่งปืนของพระราม              ยังอยู่ 
รูปร่างงามน้อยน้อย              งอนขึ้นสืบมา ฯ 
๖๕ เล็บนางงามแสล้ม           ต้นนางแย้มแกมดองดึง 
สุพรรณิกากากระทึง              ดอกราชพฤกษ์ซึกไทรไตร ฯ 
เล็บนางนวยแน่งน้อย          พอพึง 
นางแย้มแกมดองดึง             อีกอ้อย 
สุพรรณิกากากระทึง              บานแบ่ง 
ราชพฤกษ์ซึกดวงย้อย          พู่เพี้ยงไทรไตร ฯ 
๖๖ ชงโคตะโกตะขบหว้า        ต้นตุมกากาฝากลง 
ชอบกลต้นมหาหงส์               มะเดื่อดูกลูกนมแมว ฯ 
ชงโคตะโกขบหว้า          ดาดดง 
ตุมกากาฝากลง              ติดไม้ 
นมแมวมหาหงส์            เห็นอยู่ 
มะเดื่อดูกลูกงอกได้       แส่ทึ้งสอยกิน ฯ 
*********


สไบนวล..สนใจเมืองเก่านี้
และหลายครา
ที่เธอจะเห็นในภาพฝัน
คืนที่พระจันทร์ผ่องเพ็ญเต็มดวง


ในฝัน....
เธอจะห่มสไบแพรสไบขวัญสีโศกสีเศร้า
และทัดดวงดอกลั่นทมสีขาวพราวริมแก้มแซมผมหอม..ให้หอม


ในฝัน..
จะมีบุรุษหนึ่งร่างล่ำสันผิวสีทองแดง
ราวบุรุษอาชาไนยจะคอยเคียงใกล้


และน่าแปลกนัก
ที่เธอและเขากำลังค่อยๆ
ช่วยกันประคอง*โคมลอย*
แล้วค่อยๆปล่อยขึ้นไปเหนือฟ้าทิศบูรพา
ราวจะช่วยกันพลีบูชาพระอิศวร พระนารายณ์ พระอินทร์
พระบรมสาริริกธาตุเกศแก้วจุฬามณีในดาวดึงส์พิภพ
ที่บรรจุมวยผม.*.เจ้าชายสิทธัตถะ*ที่เชือดด้วยพระขรรค์
ก่อนการดำรงเพศนักบวช
จนได้บรรลุเป็นพระบรมศาสดาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า


และ
บูชาพระพุทธบาทซึ่งปรากฏอยู่
 ณ หาดทรายที่เรียกว่านะมะทานที 
เป็นที่ฝูงนาคทั้งปวงสักการบูชาอยู่..


และ
ในทุกราตรีมิเว้นว่าง
ตั้งแต่เธอย่างเข้าเป็นกุลสตรีสาวสะพรั่ง
เธอจะฝันบ่อยขึ้นบ่อยเข้า
เกี่ยวกับเมืองเก่าของเราแต่ก่อน
จิตใจอาวรณ์อย่างยากที่จะเล่าให้ใครฟัง


อย่างที่อยากจะรู้จักสัมผัสให้ล้ำลึก
เธอ..จึงรู้สึกยิ่งรักผูกพัน
ราวกับว่าชาติปางก่อนมาบันดาลบุญหนุนนำ
และ
ด้วยดวงจิตวิญญาณอันแสนละเอียดอ่อน
ยิ่งทำให้เธอหวนไห้อาวรณ์
อยู่กับสิ่งที่เธอยังมองไม่เห็น
ที่มิอาจจะบอกใครได้


สไบนวล  จึงทำได้เพียงราวรอเวลา
ให้ดวงตาสวรรค์ฟ้าดินเมตตา
เปิดม่านบังตาให้เธอได้รับรู้
สิ่งที่แสนลึ้ลับพิสูจน์ไม่ได้
ราวปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอ


สไบนวล..คนดี
จึงต้องวนเวียนกลับมา
สัมผัสเหว่ว้าดายเดียวแทบทุกอณูนะที่นี่..
ที่อยุธยา
*ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำคนดีศรีอยุธยา*
เมืองที่มี แม่น้ำเจ้าพระยาแม่น้ำป่าสักแม่น้ำลพบุรี แม่น้ำน้อย 
ไหลผ่านให้จิตวิญญาณผู้คนพันผูกกับสายน้ำอย่างมิรู้สิ้นรู้จบ


พบสงบงามเจดีย์เก่าระดะยอด..
พระปรางค์โบราณที่วัดมหาธาตุ
ที่มีผอบศิลา ภายในมีสถูป 7 ชั้น 
มี ชิน เงิน นาก ไม้ดำ ไม้จันทร์แดง
 แก้วโกเมนและทองคำ และชั้นในบรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุและเครื่องประดับอันมีค่า


ไหน..จะยังมีโบราณสถานสถิตใจวังหลัง
เป็นอุทยาน สวนหลวง 
ปรากฏสิ่งสำคัญหลงเหลือคือเจดีย์พระศรีสุริโยทัย 
อนุสรณ์สถานของวีรสตรีไทยพระองค์แรก  
เกียรติแห่งวีรสตรีไทย 
ที่คนไทยมิมีวันลืมยังจำตราตรึง
ถึงความเสียสละอันแสนงดงามยิ่งใหญ่
อย่างยากหาผู้ใดมาเสมอเหมือน


และ
ณ..ที่แห่งนี้ทำให้สไบนวล
ได้รู้จักราชธานีเก่า มากขึ้นว่า
นามว่า กรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์
ที่มีคำขวัญว่า

 ราชธานีเก่าอู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวีคนดีศรีอยุธยา*
ที่มีเมืองอยู่ในที่ราบเป็นดั่งอู่ข้าวอู่น้ำ


เลิศล้ำกานท์กวีคนดีศรีอยุธยา
ก็เพราะ
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มียุคทองของ วรรณคดี
คือ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
และสมัยพระเจ้าอยู่หัว บรมโกศ 
กอรปด้วยกวีเอกที่มีความสามารถล้ำเลิศ 
เช่นสมเด็จพระนารายณ์
 พระมหาราชครูศรีปราชญ์ เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) 
พระโหราธิบดี เป็นต้น
 

วรรณคดีที่สำคัญ เช่น สมุทรโฆษคำฉันท์ 
โครงกำศรวลศรีปราชญ์ 
กาพย์ห่อโคลง ประพาสธารทองแดง 
จินดามณี มหาชาติคำหลวง เป็นต้น  


คนดีศรีอยุธยา 
หมายถึง จังหวัดพระนครศรีอยุธยากอรปด้วยคนดี 
มีความสามารถทุกยุคทุกสมัยตลอดมา
แม้เมื่อกรุงศรีอยุธยาต้อง เสียกรุง ให้แก่พม่าถึง 2 ครั้ง 
แต่ก็ยังสามารถกอบกู้เอกราชกลับคืนมาได้  
ก็ด้วย เหตุเพราะมีคนดีที่มีความสามารถนั่นเอง ...


แล้ว
ไหนจะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย
วัดวาอารามอันงามคร่ำ
วัดพุทไธศวรรย์ 
วัดไชยวัฒนาราม วัดกษัตราธิราช
และเจดีย์พระศรีสุริโยทัยอันสง่างามอีกด้วย 


และที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร 
พระประธานในพระวิหาร
ชื่อพระเจ้าพนัญเชิง (หลวงพ่อโต)
สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1867 นับเป็น 
พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย
ฝีมือปั้นงดงาม เป็นที่เคารพสักการะของชาวจังหวัด 


และตามตำนานกล่าวว่า 
เมื่อคราวพระนครศรี อยุธยาจะเสียแก่ข้าศึกนั้น 
พระพุทธรูปองค์นี้ มีน้ำพระเนตรไหลออกมาทั้งสองข้าง
ราวกับว่าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่นะภายใน

นอกจากนั้น
ยังมากมีมากมายโบราณสถานที่น่าสนใจ


และ
ด้วยเหตุ
เพราะมีใครบางคน..ในฝัน
ที่แสนย์รักเอยแสนรักในกมล
ราวหมุนวน
อดีตลาลอย เลือนเลยลับให้รอเวลาหวนคืนกลับมา..

ให้ผู้หญิงเรียวหน้าละมุนงามเศร้า
รอคอยราวกับมีบางสิ่งคอยร่ำร้องเพรียกหา
มายาวนาน
ในทุกทิวาหวามราตรีขวัญ
ทุกคืนจันทร์เพ็ญเด่นดวง
ด้วยแรงจิตอธิษฐานบนบานกล่าว
และ
ดั่งคำมั่นสัญญา


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=480
คำมั่นสัญญา   
ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร
ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน
แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร
ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา
แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง
มหรรณพ
พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา
แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา
เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง
แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป
แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส
ทุกชาติไป...
**************
 

สไบนวล..ค่อยๆพาตัวเอง
มาทรุดตัวลงนั่งใต้กิ่งลั่นทมหวานสะพรั่ง
ดวงดอกดก...สถานที่ดั่งคำมั่นสัญญา
ไห้โหยหาอดีตรักอันงามงด
ราวปรากฎในกระแสจิตวิญญาณผ่านภพ


เธอหลับตาช้าๆ...
วงหน้านวลละออ
ริมเรียวแก้มขวัญนั้น
มีดวงดอกลั่นทมแซมริมไรผมหอมเศร้า


แล้วไยเล่า..ในความว่างนั้น
พลันราวมีภาพพร้อมพลังเสียง..
จากฟากฟ้าแสนไกลค่อยๆลอยล่องเข้ามา
ราวกับว่าทุกเรื่องราว
กำลังเกิดตรงหน้าเธอนะบัดนี้..
ที่ราวภาพในนิมิตฝัน


ผู้ชายคนเดิมคนดีผิวสีทองแดง..กำลังเอนอิงในอ้อมตัก
ในห้องหับเรือนไทย
ที่ได้กลิ่นเกสรดอกไม้หอมเศร้า
เคล้าอวลมากับสายลมบางเบา..


เขาช้อนสายตาแห่งรัก
ราวพิมพ์พักตร์ผุดผ่องนวลเนื้อทอง
ที่ค่อยๆประคองหน้าลูบไล้อย่างแผ่วเบาอ่อนหวาน
น้ำตานัยน์เรียวตาเศร้าราน
ค่อยๆระรินหยดบนอกอุ่นแข็งแรง


เขาใช้มือสากไล้โลมเรียวแก้มหอมน้อมโน้มหน้านวล
ประคองจูบประทับรับขวัญซับหยาดน้ำตา


เสียงเขาราวลอยมาจากฟ้าแสนไกล
ปลอบประโลมใจหนักแน่น
นุ่มนวลอ่อนหวานอ่อนโยน..
*คนดีอย่าร้องไห้..
ข้าจำพรากไปพลีหยาดเลือดรัก
ทำหน้าที่ยิ่งใหญ่เพื่อผืนดิน
ให้เลือดละหลั่งรินจนหยาดสุดท้ายฝากไว้ทาแผ่นดิน*


ให้ลูกหลานไทยและโลกรู้ว่า
*กรุงศรีอยุธยาจะมิมีวันสิ้นคนดี*
ข้าขอพลีคำมั่นสัญญา
เอาหยาดเลือดชะโลมหล้าชะโลมดิน*ไม่รักตัวกลัวตาย*
*ให้รู้ว่า
ลูกผู้ชายชาติไทยหัวใจไท
หัวใจนั้นดั่งเหล็กกล้า
ให้ไอ้พวกข้าศึก..ได้สำนึกว่า..มันอย่าได้มาหยาม..
และ
ให้มันหลั่งน้ำตารดเท้าสังเวยข้า..ที่มันบังอาจ..นัก!*


*นวล..เจ้าเอย..
เจ้าผู้พิสุทธิ์ผ่องแผ้ว
จงถนอมแก้วถนอมขวัญถนอมใจ
รอวันที่ข้ากลับมา
กลักทองที่เจ้ามอบให้ข้านั้น..*


*ให้เจ้าจงรู้ว่า
คือที่รวมขวัญพลี
ที่รวมจิตวิญญาณข้ามิให้พรากไกล
ถึงร่างเราจำไกล 
แต่หัวใจเราสองดวงนั้น..
ได้พลีคำมั่นสัญญา
ยอมร่วงลงสู่ปวงพื้นพสุธาพร้อมกันแล้วมิใช่ดอกละหรือ.*


*และจะยึดถือคำสัตย์มั่นมิปันแยก
จะกี่ภพกี่ชาติ
ให้พิสวาสดั่งคู่บุญญา 
จะตามติดเป็นพุทธมามกะ
ขออธิษฐานจิต
สถิตทอดคู่กันตลอดไปชั่วกัลปาวสานต์นะนวล*


*เจ้า..ชวนข้าไปจุดเทียนมงคลบนบานในโบสถ์คร่ำ*
เจ้ารู้ไหมยามนั้น
ข้าเห็นเจ้างามตามแสงเทียนทองทอ
งามใดไหนเล่าเจ้าเอย
จะงามเท่าจิตไสว
ที่พร่างสว่างสงบอยู่ภายในกายเจ้านะแม่สไบนวล*


และ
*ข้าแสนรัญจวนใจ
เมื่อยามคิดว่าร่างเจ้านั้นงามเสียยิ่งกว่านางใดในปฐพีนี้*
ที่ข้าจะขอพลีเสน่หามิเสื่อมคลาย


*ใกล้สว่างแล้ว..ดุเหว่าแว่วเรไรร้อง
ไหนเจ้าบอก
จะเก็บดอกไม้หอมหอมมาให้ข้าห่อไว้ชายสไบ
ให้ข้านำติดตัวไปอย่างไรเล่า*


แต่
*ถึงไม่มีไม้หอม
กลิ่นนวลก็ราวพยอมหอมอวลในอกในใจข้าเสมอมา*


*จำเอาไว้นะนวล..
กลักทอง
คือกล่องเก็บนิรันดร์รักแห่งเรานะเจ้ายอดดวงใจ*
และ
*ยามสุดท้ายแห่งลมหายใจข้า
สไบนางของเจ้าผืนนี้
จะคู่ร่างคู่ชีวีคู่จิตวิญญาณข้าไปในทุกหน*


*ข้าจะใช้มันซับหยาดเลือดและน้ำตา.
ที่ข้าจะพลีจนหยาดสุดท้ายเพื่อปกบ้านป้องเมือง
.ที่ข้าจะไม่มีวันเสียดายเสียใจ*
หากทุกหยดเลือดนั้นจะหยาดรินแม้สิ้นสาย
เพื่อเกียรติภูมิแห่งผืนดิน
พื้นพสุธานี้ที่ข้าแสนรักเสียยิ่งนักแล้ว*


*ข้าขอสัญญานะนวล
เจ้าจงอย่าได้กำสรวลหวนไห้หาข้า
อย่าเหว่ว้าดายเดียว
หากดวงชีวิตข้าถูกปลิดปลงลงสังเวยมาตุภูมิแม่*


*ข้าผู้ไม่แพ้
จะรอเจ้า.บนฟากฟ้า
รอเวลาเราสองได้ครองคู่กัน
จะนานสักกี่กัป์ปกัลป์ข้าก็จะรอเจ้านะนวล*


ให้เจ้า..นวลละออจงไปวัดเพียรภาวนา
และอธิษฐานจิตทุกเวลา


*และเจ้ารู้..
ข้าจะสถิตทอดทุกที่
ในผืนดินนี้เพื่อปกป้องคุ้มครองเจ้า
และยามเหงา..เจ้าจงไปนั่งใต้ลั่นทมงาม..*


ที่*เจ้ารู้ดีว่า
ข้านี้ชอบเด็ดดอกหอมๆมาทัดแก้มแซมผมให้เจ้า*
และนะที่แห่งนั้น..
สวรรค์จะเปิดดวงวิญญาญ์เจ้า
ให้รับรู้เรื่องราวแห่งรักอมตะของสองเรา
ดั่งคำอธิษฐานดั่งคำมั่นสัญญา*


*จงจำไว้นะที่แห่งนั้นคือ
สวรรค์ลอยคอยรอรักแห่งภักดีของสองเรา
ที่จะไม่มีวันพรากจากกัน
จะตามมาเตือนเจ้านั้นให้หันมอง..ลูกผู้ชายคนดี
ที่มาหมายปองเจ้าราวแสนรักเอยแสนรักในกมล
มิผิดคนผิดคำ.*.

********
หญิงสาว..สะดุ้งจากภวังค์ราวฝันไป
ที่ทุกเรื่องราวราวได้สัมผัสมิติยิ่งใหญ่ที่ยากอธิบาย
ราวฉากในเรื่องทวิภพ..


เธอค่อยๆหันไป
แล้ว...
หัวใจเธอก็แทบหยุดเต้น..!
นั่นไง..
ผู้ชายคนนั้นคนในฝัน
ที่เธอเห็นในนิมิตประจำ
และกับนาทีที่เพิ่งผ่านไป
ที่เธอเผลอตกในภวังค์ฝัน
ราวกับไปพบเห็นภาพจริง


ที่นะบัดนี้ 
เขาคนดี...
ผิวสีทองแดงดูงามสุกปลั่งรับดวงตะวันสีทอง
กำลังค่อยๆหันหลังไปชื่นชมภาพตะวันลา


หากทว่า...
เมื่อนวลเห็นหน้า
ยิ่งพาให้ใจเต้นสั่นระริกราวจะเป็นลม..
พอกับดวงดอกลั่นทม
ที่นะบัดนี้กำลังปลิดปลิว...ปลิดปลิว.....
ลิ่วลอยควะคว้าง.....
ลงพร่างพรมห่มพื้นพสุธา
และหอมห้วงหัวใจ..สไบนวล  ราวดวงตาสวรรค์พลันรับรู้....!!
***********************


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_60930.php
สไบนาง    แสนย์  
เจียนหมากพลูสู่พี่ชายรออ้ายกลับ
ตั้งตำรับเตรียมข้าวปลากระยาหาร
มะลิน้อยลอยบนขันไว้ประทาน
หลังเสร็จงานออกศึกอ้ายจักคืน
***************************************************************
..ท้องฟ้าเหนือกรุงศรีอยุธยา..ยามนี้ดูมืดมิด ราวกับพายุลูกใหญ่กำลังจะพัดผ่านมาเยือน
เสียงกลองศึก ดังกระหึ่ม...สัญญาณ...เตรียมออกศึกเริ่มขึ้นแล้ว
อีกไม่นาน..เลือดจักหลั่งไหลนองอาบพื้นธราดล..สองเผ่าชนจักห้ำหั่น
ฝ่ายหนึ่ง...เพื่อครอบครองผืนแผ่นดิน
ฝ่ายหนึ่ง....ปกป้องแผ่นดินเกิดแลแผ่นดินตาย
สดับเสียงพละพลแล..กลองศึก
คะนองคึกตีฝ่าข้ามไพรศรี
หมายห้ำหั่นดัสกรหมู่ไพรี
ป้องกรุงศรี..แผ่นดิน..ถิ่นเรือนตาย
กำดาบสู้ใจหวนอยู่คู่นุชนาฏ
อ้ายนิราศใครจักป้องจากเหตุร้าย
แต่ดนัยมีศักดิ์แห่งชาติชาย
มิอาจหมายหนีทัพกลับมาแล
พลันยินเสียงอัสนีฟาดกึกก้อง
สะเทือนร้อง ดวงหทัย ใฝ่หาแม่
สังหรณ์เหตุอาเพศร้ายในดวงแด
เกรงนวลแขถูกลอบกล้ำช้ำเรือนกาย
ยามพะวงดาบหนึ่งถึงอุระ
ใจเจ็บแปลบคล้ายจะแหลกสลาย
สิ้นเรี่ยวแรงแห่งกำลังประคองกาย
เฮือกสุดท้ายน้ำเนตรหลั่งพลั่งสู่ดิน
ผะแผ่วปราณ..มานชิดเจ้าจอมใจ
เพียงสไบแนบทรวงก่อนลมสิ้น
ยกขึ้นดอมยังหอมหวนอวลระริน
ซับน้ำตาจิตโบยบินไปซบนวล
ร่ายโศลกโศกแจ้งแถลงเอื้อน
ชะตาเฟือนเลือนลบภพกำสรวล
สิ้นแล้วหรือวาสนากับเนื้อนวล
ไม่ทันหวน..ก็เลยลับ...ไป่กลับเรือน
ฤา...จุดจบของนักรบ..มิแผกกัน...  


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_60693.php
กลักทอง แสนย์ 
ยามรุ่ง..ก่อนเสียกรุงศรีอโยธยา
เปิดกลักทองรอง ผ้าตาด นาฏมอบให้
กรุ่นละไมกรรณิการ์ มณฑาหอม
อ้าย..ยังจำวันรับกลักจากหัตถ์พะยอม
สร้อยถนอมบรรจงวางตรงกลางกร
..ให้โหยหวนครวญหา..คราอดีต
แว่วจำเรียงเสียงไพเราะเสนาะกรรณ
ถ้อยจำนวรรจ์ฝากความจากสมร
สื่อลำนำเสน่หาก่อนอ้ายจร
ให้ภาดรเก็บไว้แทนใจนาง
สอดกลักน้อยกลอยใจไว้ใต้เกศ
ข่มเทวษโทมนัสก่อนสะสาง
ทวงหนี้เลือดเชือดพม่าแด่นวลนาง
อ้ายจักใช้เลือดมันล้างปฐพี
ก้มกำดาบอาบมนต์ไพรีพินาศ
ยามแกว่งวาดอริราชจุ่งถอยหนี
คม แกร่ง แข็งดั่ง วิเชียรมณี
ใช้สับร่างไพรีให้แหลกราญ
ท่ามพสุธ..อยุธยาธราภพ
เลือดนักรบจักหลั่งลงอย่างกล้าหาญ
จวบร่างแหลกกายดับลับวิญญาณ
อยู่บำราบอริมารผลาญแผ่นดิน
..สิ้นแสงอรุโณทัย...เพลิงเผ่าไหม้ศรีเทพนคร..บัดนั้นอโยธเยศก็สิ้นลง...
กลักทองต้องพื้นพสุธา
พร้อมวิญญาชาตินักรบก็จบสิ้น
ชลนาหยาดสุดท้ายต้องแผ่นดิน
ไฟชีวินมอดมลาย..สลายลง......
..............
				
comments powered by Disqus
  • 123

    22 ธันวาคม 2549 10:19 น. - comment id 194161

    ในนี้มีสัตว์ทั้งหมดกี่ตัว  อะไรบ้าง
  • คนกุลา

    25 เมษายน 2552 02:45 น. - comment id 304733

    สไบนวล เจ้าเอย เก็บเศร้าเก็บฝัน  รอคนรัก
    
    รอคำขวัญ  อยู่ดังเดิมหรือนาง  ชายคนรักแห่ง
    
    แห่งเจ้า เขาไปแล้วเพื่อชาติพลี  เขาพลีแล้ว
    
    เพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
    .
    ยุคกรุงศรีอยุธยา   ยุคแห่งความรุ่งเรื่องเฟื่องฟุ้ง
    
    ฟุ้งและงดงามแบบอย่างแห่งความเป็นไทย  
    
    สไบนวล เจ้าคือสายใยสืบทอดมาจากยามนั้น 
    
    มาสู่ยามนี้  รักษาความงามง่าย  แต่ยิ่งใหญ่นัก
    
    ของความเป็นคนไทย  ขณะที่ลูกหลานไทย 
    
    จำนวนมาก ได้ละทิ้งทรัพย์สมบัติภายในที่
    
    ปวงบรรพบุรุษ  ได้สรรค์สร้างมาด้วยเลือด 
    
    หยาดเหงื่อ แห่งชีวิต  สไบนวลข้ารักในน้ำใจ
    
    แห่งเจ้า  เจ้าซึ่งเป็นตัวแทนที่มีชีวิต  เพื่อยืน
    
    ยันว่าความรุ่งเรืองและงดงามของความเป็น
    
    ไทยในอดีตกาลอันไกลโพ้นนั้นมีอยู่จริง  
    
    เพราะชีวิตของเจ้านั้นเองสไบนวล ที่ยืนยัน
    
    บอกข้าด้วยเลือดเนื้อชีวิต กิรินามารยาท
    
    จิตใจ ความคิด ความฝัน  ของเจ้านั้นได้บอก
    
    ข้าจนทำให้สิ้นสงสัย  เพราะหากไม่มีความ
    
    เจริญรุ่งเรืองในอดีตกาลแห่งอยุธเยศ แล้ว สิ่ง
    
    ดีงามต่างๆในตัว จะมาแต่ใตฤๅ
    
    .
    
    สไบนวล นางน้องเอย  ชีวิตแห่งเจ้ายังได้ย้อน
    
    ฟื้นให้ข้าได้พลิกฟื้นอดีตกาลซึ่งดำรงค์อยู่ใน
    
    ตัวข้า ซึ่งลางเลือนยิ่งนัก  ข้าขอบใจในเจ้า
    
    สไบนวล ที่ได้มอบสิ่งนี้ให้กับชีวิตข้า อดีต
    
    อันแสนงาม อดีตอันรุ่งเรืองแห่งอโยธยา
    
    อดีตอันข้าพบเห็นเป็นบางครั้งคราว  บ้าง
    
    ในความฝัน บ้างในภวังค์  ข้าหวังว่า อดีตนี้
    
    จะแจ่มจ้า เจิดจรัสอยู่ในตัวข้าไปจนวันชีพ
       
     วาย  จงภาวนา  และสวดมนต์ไหว้พระ   และ
    
    อุทิศกุศลแก่ ข้า ให้ข้าได้รักษาอดีตอันงดงาม
    
    นี้ไว้ได้ตลอดไปเป็นนิรันดร์  นะ  สไบนวล
    
    .
    36.gif36.gif36.gif16.gif16.gif16.gif
    
    .................................
    
    ขอบคุณ คุณพุด ที่ชักชวน ให้ผม ได้มาเยือน
    
    เรือนไทย  ได้พบอดีตงดงามของอยุธเยศ 
    
    และสไบนวล หญิงงามที่สืบทอดอดีต ได้อย่าง
    
    เหมาะสมและลงตัว ครับ
    
    .
    
    36.gif36.gif36.gif
  • เพลงกลางป่า

    23 กันยายน 2547 19:43 น. - comment id 336891

    : )
  • ผู้หญิงไร้เงา

    23 กันยายน 2547 21:25 น. - comment id 336997

    เป็นเรื่องเศร้าจังเลยนะค่ะ  ชอบค่ะชอบ
  • แก้วประเสริฐ

    23 กันยายน 2547 22:08 น. - comment id 337034

    ยอดเลยยอดหญิงพุดพัดชา   อ่านมาก็แยะขอเก็บสไบไว้เป็นที่ระลึกสักผืนนะ คงไม่ว่ากันจริงไหมครับ
    
                           แก้วประเสริฐ.
  • อัลมิตรา

    23 กันยายน 2547 22:29 น. - comment id 337055

    อัลมิตราอยากได้กลักทองมากกว่า ไหนๆ สไบ คุณแก้วประเสริฐตัดหน้าขอเสียแล้ว กลักทองจะเอามาใส่ต่างหูค่ะ
    
     .. :)
  • กอกก

    23 กันยายน 2547 23:09 น. - comment id 337075

    รู้สึกเศร้าลึกๆ ค่ะ..ขอชื่นชมนะคะ
    สวัสดีค่ะ
    
  • )))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((

    24 กันยายน 2547 06:49 น. - comment id 337172

    สวัดีครับ.............
    
             ผมเข้ามาอ่านเพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่แสนดี  
    
             หาก ผลิใบ ยังอยู่ก็จะคอยให้ความอบอุ่นเช่นนี้ตลอดไป
    
    กำลังใจจากข้างในส่วนลึก
    ไม่ต้องฝึกต้องหามาให้เห็น
    จะแดดร้อนตอนสายจนบ่ายเย็น
    จะคอยเป็นกำลังใจให้ดนดี
     
    
  • รดา

    24 กันยายน 2547 10:05 น. - comment id 337247

    อ่านซะเหนื่อยเลยพี่พุด.. เอาอีก!! 555
  • แว่นดอย

    24 กันยายน 2547 10:05 น. - comment id 337248

    รัญจวนใจจริงค่ะ
    งดงามในคำถ้อยอันเรียงร้อยเสมอเลย
    ข้าพเจ้ามาทักทายค่ะพี่พุด...คิดถึงเสมอค่ะ
    งามใจงามจริง....
    
  • พายุ สุริยะ

    24 กันยายน 2547 12:17 น. - comment id 337363

    .... คงเหลือแค่เพียงกลิ่นดอกพุด
         ... ได้เพียงกลิ่นก็ยังดีนะ
  • ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

    24 กันยายน 2547 23:45 น. - comment id 337716

    มาชื่นชม...เต็มอิ่ม
  • โอ๋

    21 กุมภาพันธ์ 2548 20:13 น. - comment id 414115

    มีบทเห่สังวาสของเจ้าฟ้ากุ้งไหม  ที่มีกาพย์บทหนึ่งความว่า      พุ่มพวงดวงดอกฟ้า, ในใต้หล้าหาไหนเทียม.
    โฉมงามทรามเสงี่ยม, เรียมรักเจ้าเท่าดวงใจ
  • sithai_nks05@yahoo.com

    9 เมษายน 2548 19:20 น. - comment id 414415

    ขอรบกวนทุกท่านะคะ พอดีว่าน้องสาวกำลังจะทำรายงานเรื่องนิราศหริภุญไชย ไม่ทราบว่าท่านผู้ใดพอจะมีข้อมูล ขอรบกวนส่งเมลล์มาให้ด้วยนะคะขอขอบคุณค่ะ
  • ..............

    31 ธันวาคม 2554 09:56 น. - comment id 414835

    ช่วยแปลกาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงให้หน่อยค่ะ ขอร้องๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ please !15.gif15.gif15.gif15.gif15.gif15.gif15.gif15.gif15.gif15.gif15.gif15.gif15.gif15.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน