หอมดินเคล้ากลิ่นไอฝน

สาวบ้านนา


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1504
(บัวตูมบัวบาน)
*********


ตะวันดวงใสดวงงามดวงแดงปลั่ง
ที่สุกชัดราวไข่ดาวแขวนฟ้า
มาคลี่ยิ้มหวานหวานรับสาวนาอย่างใจดี
ในยามอุษาฟ้าสางอีกคราแล้ว


นกเขาไพรก็ยังคงไม่ไปไหน
ยังมาเป็นเพื่อนใจเป็นนาฬิกาไพร
มาร้องขันคู
คู่กับกิ่งจำปีริมกระท่อม
ในทุกๆเช้า


ให้สาวนายิ้มหวานรับเช่นกัน
ให้สาวนานอนแอบอ้อนดู
ม่านใบไม้ไม้ลายดอกแก้วไหวระริก
กระซิกกระซี้ชูงามสลอนริมหน้าต่างกระท่อม


ที่ยามได้หยาดฝนพร่าง
เลยบานแตกช่อสะพรั่งพรึบ
ราวกับนัดกันไว้.
มารับขวัญให้สาวนาเชยชมดอมดมหอมทั้งคืนยันรุ่ง


ทุกคืนระยะนี้
สาวนาชอบนอนเปิดหน้าต่างและม่านมุ้ง
เพราะสาวนาชอบให้ละอองฝนพรายเข้ามานิดๆ
สาวนาชอบละไอฝน
ที่ช่างให้ความรู้สึกแสนหวานแสนดี
และแสนที่จะเย็นสดฉ่ำชุ่ม..ชื่นเย็น


บางคราสาวนา
ยังได้นอนแอบอ้อนนอนฝันฝัน
รอหยาดสายหวานจากธารน้ำผึ้งพระจันทร์
และ
คิดฝันคิดถึงอ้าย..ว่ามานอนเคล้าคลึง
คลอร่างใจชี้ชวนให้ชมไปด้วยกัน
ที่คงจะให้ความรู้สึกแสนดีแสนวิเศษในมหัศจรรย์รัก
ที่แสนสุขแสนเป็นธรรมชาติ


สาวนา..
ผู้มีชีวิตจิตวิญญาณ
มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก
เลยหนีไม่พ้นที่จะรักและชื่นชมธรรมชาติ
แถม
เชื่อมั่นว่าชีวิตมนุษย์เรานั้น
จริงๆแล้วต้องเกิดมาคู่กันทั้งสองอย่าง
คือมีทั้งธรรมชาติและธรรมะ
ธรรมชาติคู่ร่าง
ให้ดวงตาใสสวยได้เห็นในเย็นในงาม
ที่พาดวงใจให้ไหวหวามได้พบกับความสุขสงบใจ


ดูอย่างพระพุทธองค์
ที่ทรงเพียรค้นหาทางหลุดพ้น
จากทุกทุกข์รัก...ทุกทุกข์บ่วงกรรม
ที่รัดร้อย
ที่ในที่สุดทรงบำเพ็ญเพียรภาวนา
ถึงทรงพบทางแห่งอริยสัจสี่
ทางที่จะทรงรู้แจ้งเห็นแจ้งจนตรัสรู้


และ
มหาบุรุษ..ผู้แสนยิ่งใหญ่นั้นยัง
ทรงมาค้นพบธรรม
ใต้ต้นสาละริมแม่น้ำเนรัญชรา
ที่สาวนาเคยอ่านจากหนังสือของหลวงพ่อ
ที่มีกวีคนหนึ่งได้รับรางวัล
และ
ฝากอุทิศผลงานงามนั้นออกตีพิมพ์เป็นธรรมทาน
ยังจำแม่นยำว่า..
กวีนั้นชื่อแสนแปลกมาก
*ลำน้ำน่าน*


สาวนาเลยท่องจนจำขึ้นใจในบทนั้น
ที่ทุกวันวิสาขะที่วัดจะมีการอ่านออกอากาศ
ให้ญาติโยมได้อิ่มงามใจ
ซึ้งในบุญญาบารมีทานธรรมของพระพุทธองค์
************


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_53369.php
พรมธารายามอรุณด้วยกรุ่นกลิ่น
อบผืนดินด้วยเกสรละอองป่า
จากดื่นดึกลึกหลับกับดารา
ภาวนาอยู่ท่ามกลางวิมานพฤกษ์
ณ ริมฝั่งสายธารนิมานรดี
ดารณีสว่างสรวงจากห้วงดึก
ร่วมบรรเลงมนต์ธรรมอันล้ำลึก
ผลผลึกอภิญญาณ ณ ลานโพธิ์
เมื่ออาทิตย์อุทัยแรกแตกดอกวับ
พร้อมบทเพลงวิหคขับจับกิ่งโผ
บัลลังก์อาสน์ใต้ร่มบรมโพธิ์
เพียงพุทธโทแว่วผ่านวิมานไพร
ทิวาวันวิสาขปุณณมี
มะลุลีผลิรับจากหลับใหล
หยดน้ำค้างหยดเย็นค่อยเป็นไป
เทพยดาภาคไตรร่ายรำพร
ณ ริมธารสายน้ำต้นยามเช้า
ใต้ร่มเงาพนาวัลย์บรรจถรณ์
โพธิสัตว์ประทับแรงแสงจีวร
พนันดรก็บรรสารทุกธารพราย
มธุปายาสข้าวทิพย์วิจิตรสรร
อวลสุคันธ์สุชาดาน้อมถวาย
เครื่องพลีกรรมหอมกลิ่นมิสิ้นวาย
โลกบาลพร้อมเรียงรายรับพิธี
รัตนบัลลังก์นั่งภาวนา
อาทิตย์ทองส่องหล้าพระโพธิ์ศรี
ทินกรร่อนเริงเวิ้งนที
บารมีคลี่อาบทาบไพรวัลย์
สัตยาอธิษฐานลงธารน้ำ
อรุณยามฤกษ์ดวงสรวงสวรรค์
ถาดทองทวนไหลทบอรรณพนันต์
ณ ห้วงน้ำเนรัญฯ แห่งมรรคา
ปฐมยามราตรีค่อยหรี่ล่วง
ยามโสมสรวงเสวยแสงแพร่งเวหา
สมาบัติสำเร็จแจ้งแห่งวิญญาญ์
ซึ่งปุพเพนิวาสา-นุสสติญาณ
มัชฌิมกาลล่วงผ่านทวารสอง
องค์สัมมาลุครรลองจักษุสาส์น
ล่วงจักษุทิพย-จักขุญาณ
สรรพสัตว์ก่อนกาลเหตุจุติ
ปัจฉิมยามกาลสมัยใกล้รุ่งฤทธิ์
หยั่งพินิจปัจจยาการนานสติ
อริยสัจรู้แจ้งแรงสมาธิ
ในปฏิจจสมุปบาทอวิชชา
เมื่อแสงทองทอรับจับระบัด
โพธิสัตว์สดับแจ้งแรงตัญหา
ตรัสรู้ลุพระสัพพัญญุตา
ดับสูญสิ้นกิเลสาธรรมาญาณ
มหัศจรรย์อุบัติซ้องมรรคผล
หมื่นปฐพีดลลั่นธาตุปราชญ์สถาน
ทศพลเปล่งสีหนาทปฐมทาน
ใต้ร่มโพธิญาณอุรุเวฬาฯ
ทิพย์ดนตรีบรรเลงเพลงอภิวาท
เอนกชาติสังสารังองค์คาถา
สัปบุรุษเพี้ยงพ้นองค์สัมมา
พุทธธาดาโลกนาถทุกชาติภพ
----------------------------------


ยามเช้าที่ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง 
ณ ริมฝั่งน้ำเนรัญชราฯ อุรุเวฬาเสนานิคม
ไม่มีสรรพสิ่งไหน
จะเงียบงามเท่ากับภิกษุนั่งบำเพ็ญภาวนา
สงบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติภายในและภายนอก
ในยามที่จิตประภัสสรนั้นย่อมได้มาซึ่งปัญญาญาณ
พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวไม่แจ่มฟ้า 
วิสาขาบูชากำลังจะมาถึง
ทำให้ข้าพเจ้านึกประหวัดไปถึง
บรรยากาศริมฝั่งน้ำเนรัญชรา
ณ ตำบลอุรุเวฬาเสนานิคม 
ดินแดนพุทธคยา 
ครั้งสมัยพุทธกาล
พร้อมกับบทเพลงบรรเลง
ดนตรีสายธารธรรม อุรุเวฬาเสนานิคม
มหาอุบาสิกานามสุชาดา 
และเพลงบรรเลงพระโพธ์แก้ว
กำลังบรรเลงในยามนี้อย่างเงียบลึกในห้วงใจ
สิ่งสุดท้าย
ที่หาใช่วัตถุภายนอกแล้ว 
เราจะยึดสิ่งไหนเป็นสรณะได้
เว้นเสียแต่ธรรมขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
ที่เป็นแก่นแท้ให้ชีวิต
ใกล้วันวิสาขปุณณมีแล้ว 
วันที่พระจันทร์เสวยฤกษ์เต็มดวง
หวังให้ทุกดวงใจน้อมดวงใจสู่ความงดงามภายใน 
สงบงามตามแบบพุทธ
เจริญสติ ภาวนาไปในทุกๆ การกระทำ.
สงบอยู่ในการกระทำ..ทำอยู่ในการปล่อย
แสงเทียนในโบสถ์คร่ำ
จะสะท้อนภาพลักษณ์อันงดงามของเหล่าเรา
พุทธศาสนิกชน 
ดั่งพระเจ้าอยู่หัวของเราได้เพียรกระทำเป็นแนวทาง
อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแล้วนั้น..
การเดินทางของใจที่เที่ยงแท้
เยี่ยงดวงหทัยขององค์พระสัมมาฯ 
ตั้งแต่บำเพ็ญเพียรภาวนา 
ณ รัตนบัลลังก์ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ 
จวบจนลุวิสาขปุณณมีกาล
มหาอุบาสิกานามสุชา
ได้นำข้าวมธุปายาสถวาย 
ทรงอธิฐานลอยถอดทอง
ลงห้วงน้ำเนรัญชรา ผจญหมู่มาร 
ตลอดจนตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์ 
ความตอนหนึ่งในพุทธประวัติบรรยาย 
ณ ห้องเวลาตรัสรู้ในยามรุ่งอรุณไว้ว่า
ในขณะนั้น 
ก็พอเป็นเวลา
ที่แสงทองแห่งอรุณทอแสงขึ้นจับขอบฟ้า 
พระบรมโพธิสัตว์ก็ตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ 
ดับสูญสิ้นกิเลสาสวะ
เป็นสมุจเฉทปหาน 
พร้อมด้วยความมหัศจรรย์ หมื่นโลกธาตุบันลือลั่น
ด้วยการหวั่นไหวแห่งปฐพีดล 
พระทศพลจึงเปล่งสีหนาทเป็นปฐมอุทาน
เยาะเย้ยตัณหาด้วยพระคาถาว่า อเนกชาติสํสารํ
การตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์
บ่งนำถึงการตั้งมั่นของดวงหทัยที่เที่ยงแท้
ตลอดการบำเพ็ญเพียรภาวนา
**********


ฉะนั้นสำหรับสาวนาสาวบ้านป่าบ่านไพร
จึงมีหัวใจรักทั้งสองอย่าง
ที่พร้อมจะพลีห่มหอมหวาน
ในหอมห้วงแห่งดวงใจให้ใสงาม
เพราะสาวนาคิดแบบสาวนาง่ายๆนะว่า


หากโลกแล้งไร้ราวทะเลทรายแล้วไซร้
เรามนุษย์ทั้งหลายจะได้อาศัยร่าง
และจิตมาเกิดมาสถิตเรียนรู้ธรรมะ
จากธรรมชาติที่เกิดดับๆ
ของพระพุทธองค์ได้อย่างไรกันเล่า
เราคงต้องตะเกียกตะกายร้อนรนทุรนร่าง
และดวงใจแสนหวานก็คงสิ้นงาม


หาก
ไร้แล้งซึ่ง
น้ำ..จากสายธาราใส 
 ที่แทบเป็นปัจจัยให้เราดำรงร่างอยู่ได้
เป็นสามในสี่ของโลกนี้
อย่างที่ได้ยินมา


ดิน.. 
ที่ให้พืชพรรณร่มไม้ธัญญาหาร
ให้สรรพสิ่งได้หยัดยืน
ที่ต้องพึ่งพาพึ่งพิงผืนน้ำให้หล่อเลี้ยง
สร้างเสบียงคลังอาหาร
เลี้ยงผู้คนบนผืนโลกนี้
ให้มีกินมิอดอยากได้เพียรภาวนาธรรมทางจิตวิญญาณ
สืบสานสร้างสิ่งงดงามสิ่งดี
คืนกลับสู่โลกราววัฎจักร..วน


ลม
คืออากาศหากไร้สิ้นแล้วไม่กี่นาทีก็ตาย
ช่างคล้ายธรรมชาติมาสอนความยิ่งใหญ่
ให้เราค้นพบธรรม
ว่า..คนเรานั้น..ทุกสิ่งนั้นอยู่แค่ปลายจมูก
คือธรรมชาติ
ที่พึงสอนแค่ลมหายใจเข้าออก
ก็บอกใบ้ให้ระลึกรู้รักษาไว้อย่าได้เพียรทำลาย
ให้อากาศเสียมีแต่มลพิษ
แล้วชีวิตเราผู้อยากเพียรพบธรรมทางจิตจะรอดชีวิต
ได้ค้นพบอย่างไรกันเล่า


ไฟ.. จากดวงตะวันที่มาพร่างพรม
ให้อบอุ่นที่วี่วัน
แค่ขาดดวงตะวันพลันโลกก็จะมืดมิด
มาสะกิดสอนเตือนใจว่า
สิ่งยิ่งใหญ่ที่เหนือกว่าผู้ใดคืออะไรกันเล่า
ลองเฝ้าถามใจตัวเองดู..
หากจะเรียนรู้ธรรมจริงเข้าถึงธรรมได้จริง


สาวนา..ยังจะมารจนาสดต่อจ๊ะ
มีภาคพายเรืออีแปะ
ไปเก็บสายบัวจ้ารอติดตาม


ตอนนี้ยังพายไปไม่ได้ต้องทำงานจิปาถะให้เสร็จก่อนจ้า
ทั้งๆที่สาวนาตื่นตั้งแต่ย่ำรุ่งแล้ว
ที่ยังเห็นดาวพระศุกร์แววแสงจรัสเรืองรุ่ง
บนโค้งคุ้งฟ้าอยู่เลยจ้าทุกคนดีที่รักนะจ๊ะ
รอสาวนานะ นะ นะจ๊ะจะกลับมาไปเก็บสายบัวจ้ารอติดตาม


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1504
บัวตูมบัวบาน   
ไก่แจ้ โต้ง อนุศักดิ์ : : Key Em  
ลงเรือน้อยลอยวน
ในสายชลห้วยละหาน
มีทั้งบัวตูมบัวบาน
ดอกใบไหวก้านงามตา
เมื่อลมพัดมาชื่นใจ
ผึ้งตอมหอมบินดมกลิ่นบัว
ซ่อนตัวรำพันฝันใฝ่
เหมือนดนตรีชะโลมกล่อมใจ
ฟังยิ่งฟังไป รุมเร้าฤทัยลำพอง
ปองจะเด็ดบัวบาน
ครวญคิดนานหวั่นเจ้าของ
ใจหมายดึงโน้มโลมรอง
หากบัวไม่มีเจ้าของ
จะชมทั้งสองปทุม
เอื้อมมือหมายดึงเพียงดอกบาน
ก็เกรงสะท้านถึงก้านดอกตูม
แสนเสียดายเหมือนชายหมดภูมิ
จะเด็ดดอกตูม
ยังนึกเสียดายดอกบาน
เรือเร็วไปหน่อยค่อยค่อยทวน
บัวหอมชวนอกสะท้าน
งามทั้งบัวตูมบัวบาน
เทพไททุกแดนพิมาน
ประทานสมดังตั้งใจ
เอื้อมมือหมายดึงดอกตูมก่อน
ดอกบานก็ค้อนแสนงอนไปใย
จะเด็ดดอกบาน
ดอกตูมก็สั่นแกว่งไกว
จะเด็ดดอกไหน
กันหนอบัวตูมบัวบาน
จะเด็ดทีเดียวเสียทั้งคู่
ครวญคิดดูอยู่ไม่นาน
พอดอกตูมแย้มตระการ
ดอกบานก็คงแห้งโหย
กลีบราร่วงโรยน่าชัง
ต้องลาแล้วหนอบัวช่องาม
บาปเคราะห์และกรรมประดัง
แล้วจ้ำเรือน้อยค่อยเข้าฝั่ง
ไม่ยอมกลับหลัง
หมดหวังทั้งตูมทั้งบาน
จะเด็ดทีเดียวเสียทั้งคู่
ครวญคิดดูอยู่ไม่นาน
พอดอกตูมแย้มตระการ
ดอกบานก็คงแห้งโหย
กลีบราร่วงโรยน่าชัง
ต้องลาแล้วหนอบัวช่องาม
บาปเคราะห์และกรรมประดัง
แล้วจ้ำเรือน้อยค่อยเข้าฝั่ง
ไม่ยอมกลับหลัง
หมดหวังทั้งตูมทั้งบาน...
 
  
				
comments powered by Disqus
  • สาวบ้านนา

    12 ตุลาคม 2547 10:10 น. - comment id 349271

    
    อุบลชาติ..สาวบ้านนา
    
    อุบลชาติมากมีกว่าสี่ร้อยชนิด
    ต่างกันนิดผิดตรงสีกลีบกลิ่นหอม
    บัวกินสายรายเรียงเคียงนาโอบรายล้อม
    สีชมพูหอมเจือสีขาวพราวตาพาหอมไกล..
    
    รัตนอุบลหรือสัตตบรรณนั้นสีแดง
    บานยามแสงสนธยามาเยือนเคลื่อนหลับไหล
    เวลาเช้าเจ้าหุบดอกกลัวแดดไกว
    ดอกบานใหญ่ใครเห็นหอมอยากดอมดม...
    
    สัตตบุษย์ภาษากวีเรียกเศวตอุบล
    หอมหวาน(กมล)จนหลงละไม(ลบเลือน)ไม่ขื่นขม
    บัวสีขาวพราวพุทธหยุดระทม
    เหนือโคลนตมโผล่พ้นน้ำยามรู้ธรรม...
    
    ดอกบัวผันนั้นมีขนาดเล็ก
    งามอยากเด็ดสีครามอ่อนวอนถลำ
    กลายเป็นม่วงพวงชมพูคู่ใจไกลระกำ
    บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นหมุนพรากใจ...
    
    บัววิตตอเรียระเรี่ยน้ำขอบกระด้ง
    ถิ่นลุ่มหลงลุ่มแม่น้ำอะเมซอนอเมริกาใต้
    มีเมล็ดชาวพื้นเมืองปรุงอาหารใช้
    เป็นบัวไว้รับประทานบานเบิกใจ...
    
    ดอกบัวคือดอกไม้ชาวพุทธใช้บูชาพระ
    แต่ใช่จะประโยชน์เพียงนั้นฉันขานไข
    กลีบดอกบัวหลวงใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ
    เป็นยาไทยแก้ไข้และโรคตับจับมามวน(ตากแห้งแล้วนำมามวนเป็นบุหรี่ไทย)
    
    กลีบบัวสดนำมาห่อเมี่ยงเคียงอาหาร
    ทอดให้หวานกรอบอร่อยทานในสวน
    เกสรตัวผู้คู่บำรุงใจไม่เรรวน
    ใบอ่อนล้วนชวนจิ้มน้ำพริกขลุกขลิกใจ..
    
    ใบบัวหลวงห้ามเลือดแก้ท้องเดิน
    โลกฝรั่งสรรเสริญใช่ห่อข้าวให้อิ่มหนำ
    มีกลิ่นหมอหลอมข้าวชาวไทยทำ
    ประจงทำประจำชาติสวยขาดใจ..
    
    แม่สายบัวครัวไทยใช้ก้านสายอุบลชาติ
    ปรุงหลายหลากไม่มีหนามตำเลือดไหล
    ต้มกะทิกับปลาทูปลาสลิดแซ่บถึงใจ
    ยำสายบัวไซร้ก็อร่อยคล้อยเคียงจาน...
    
    ไหลบัวคือบัวงอกออกจากเหง้าราวสองฟุต
    กลิ่นหอมสุดนำมาต้มน้ำตาลกรวดเป็นของหวาน
    แก้ร้อนในใจเคยช้ำอย่าร้าวราน
    นำมาทานเลิกท้อแท้แพ้พ่ายใจ..
    
    เม็ดบัวมีรสชาติก็คล้ายถั่ว
    คนจีนทั่วทำไส้ขนมไหว้พระจันทร์ไหว
    ต้มแล้วทำหวานเย็นทานก็ชื่นใจ
    แก้ช้ำในระงับประสาทพลาดทำไปใจ..
    
    ดีบัวหรือต้นอ่อนในเม็ดบัว
    มีดีทั่วทางยารักษาหลอดเลือดใส
    ไม่นิยมทานกันมันขมไป
    ชอบหวานไซร้ทั้งรู้ขมตรมเป็นยา..
    
    รากบัวนำมาต้มแก้ร้อนใน
    ชูกำลังใจแก้กระหายน้ำยามยากหนา
    ใช้ห้ามเลือดแก้อาเจียนบางเวลา
    รู้คุณค่าเข้าครัวทำนำสุขภาพดี..
    
    ทำข้าวผัดอร่อยล้ำนำกลีบบัวห่อข้าวสวย
    งามล้ำด้วยเค๊กเม็ดบัวกลั้วชาเขียวเกสรสี
    บ่มใบชาไว่ในดอกบัวค้างคืนซี.นี้
    ปาร์ตี้นี้วิถีไทยสุขทั้งใจอิ่มทั้งปาก
    
    มาฝากท้องน้องสายบัว มัว ช้าอยู่ไย ดีไหมเธอ! 
    
    
  • อาภาภัส

    12 ตุลาคม 2547 10:28 น. - comment id 349284

    เก่งจริงๆ อ่านแล้วหลากหลาย แมฟังเพลงสบายๆ   ยามเกือบสาย ใครหนอขอสายบัว
    
    ประดุจดังบัวงามตามบ่อบึง 
    หากเอื้อมถึงแล้วลี้ฤาล่าถอย
    บัวงดงามเลยกลายเป็นบัวลอย
    ต้องตาลอยถามพี่แอ็ด sad บัวโรย  .. ตอบสนุกๆนะคะ
  • กัลลดา..

    12 ตุลาคม 2547 11:18 น. - comment id 349345

    รูปสวยจังค่ะพี่พุด...ลำนำก้อเยี่ยมมากค่ะ...
    
    ดาคิดถึงพี่พุดเสมอนะค่ะ....ดาเข้ามาอ่านแต่ไม่ค่อยได้ตอบค่ะ...ใจยังไม่ค่อยสบายยังไว้ทุกข์อยู่ค่ะ...พี่พุดสบายดีนะค่ะ...ดาขอให้พี่พุดพบรักที่รอคอยในเร็ววันนะค่ะ...พี่พุดที่แสนดี...
  • idaho

    12 ตุลาคม 2547 17:39 น. - comment id 349598

    romance romance romance romance romance romance romance romance 
    และน่ารักค่ะ
  • ชัยชนะ

    12 ตุลาคม 2547 20:41 น. - comment id 349729

    จะเป็นแม่สายบัวแต่งตัวรอเก้อหรือเปล่า
    
    ว่าจะพายเรือไปเด็ดดอกบัวมาบูชาพระ
    
    ป่านนี้ยังไม่ได้โผล่หน้ามาเลย
    
    ว่าจะมาขอบัวบานซักดอกจะมีไหมเนี่ย
    
  • แสนย์

    22 มกราคม 2548 12:41 น. - comment id 410974

    งามจริงๆเลยครับ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน