อัญมณีไพรสู่ท่าทองล่องธารธรรม!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=420
(รางวัลชีวิต)
..........


ในเส้นทางป่าเบญจพรรณ
ที่เป็นป่าโปร่งเต็มไปด้วยหินปูนตะปุ่มตะป่ำโผล่อยู่ทั่วไป
มองรายรอบออกไปจะเห็นพันธุ์ไม้นานา


มีไผ่รวกใบรวงเรียวระยิบ
อ้อยช้าง มะเกลือ กระท้อน งิ้ว ขันทองพยาบาท
แจง ตะขบป่า ตะโก สลัดได
ขึ้นซ้อนสลับกับป่า*ดิบแล้ง*ที่ดินค่อนข้างสมบูรณ์กว่า


มีห้วยหุบหนองคลองบึงที่ยังมีดินอุดมสีดำ
ให้ต้นไม้งามวันงามคืน 
ต้นไม้ที่นับวันจะหาคนรู้จักยาก
ราวสาวไพร..ไม้ไพรซ่อนตัวในแดนดงอย่างพราวพิสุทธิ์
ใช่!ไม้ประดับเมือง..ประดับใจใคร
หากคือไม้ไพรประดับหล้า....
และ..ไหนจะยังมี..
ไผ่ป่า แก้วป่า ข่อย ไทร กร่าง ปีบ ถ่านไฟผี 
หมากเล็กหมากน้อย  แสมสาร 
และ..
ที่งามกว่างาม คือต้นไม้ในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์
*ต้นสังกรณี*
ซึ่งเพียรแทรกขึ้นหยัดยืนอย่างทรนงคงมั่นตามหน้าผาสูง..ชัน.


เธอ..คนดี..
ค่อยๆขับประคองรถ...
ลัดเลาะเส้นทางลูกรังเข้ามาอย่างช้าช้า
ที่...
สองฟากฝั่งคือนาข้าวและห้วยหนองคลองบึง 
ที่มีดงตาลหวานเคียงแซมผสม...
ในเรียวตาโศกราน..พยายามมองทัศนียภาพภายนอก
ที่งามแล้งไร้..ทว่า..ให้ความรู้สึกเงียบสงบอย่างซึมซึ้งใจ...


ผ่านเปลวแดดทอไหวระยิบตา
ที่ณ..บัดนี้กำลังพร่างแสงสีเงินยวง
ลงกระทบใบไม้..ให้พราวพร่างไหว..
รับสายลมที่พร่างพรมลูบไล้
ให้ใบไม้ในราวป่าพลิกพลิ้วโบกสะบัดเริงร่า
จนเกิดประกายแพรวพรายพรรณราย
ราวเพชรกระพริบวะวิบวับระยับงามไปเสียหมด..
งามจนเกินหาคำมาบรรยาย..ในอัศจรรย์ธรรม ธรรมชาติ..


เธอ..จอดรถอีกครา
และคว้ากล้องขึ้นกดชัตเตอร์..ไปเรื่อยๆ
นั่น...
หางนกยูงที่สูงเด่นและดอกพราวสะพรั่งแดงระย้าย้อย
ทั้งห้อยทั้งชูชันไสวไปทั้งต้น..ตัดกับฟ้าสีคราม..ฟ้างามเข้มเต็มผืน


ลมร้อนพัดมาวูบหนึ่ง...
ให้ผมเธอหลุดรุ่ย ปลิวสยายไปตามสายลมเบื่องหลัง
ปิ่นปักผมหล่นร่วงลงไปกับพื้นหญ้า
ที่พร่างไปด้วยกลีบดวงดอกไม้ละมุน
และ...
ก่อนที่เธอจะหันหลังไปเอื้อมมือหยิบของรักของหวง...


พลัน..!!!!!
ก็มีมือเล็กๆผอมบาง...หยิบยื่นคืนกลับส่งมาให้เสียก่อน..
เธอ..แสนประหลาดใจ
ที่มัวแต่หันไปสนใจสิ่งแวดล้อมแสนงาม
จนไม่ทันได้ยินเสียงฝืเท้าสองแม่ลูก..หญิงชาวบ้าน
ที่เดินผ่านมาทางเบื้องหลัง..


และ..
ที่ทำให้หัวใจเธอแทบละลายด้วยความสงสารเมตตา
คือ..
ภาพเสื้อผ้าที่บ่งบอกให้เธอทราบว่า..
ทั้งคู่คือตัวแทนแห่งความยากไร้แห่งผืนดินไทยแผ่นดินธรรมนี้ 
ที่ยังคงมีอีกมากมายนัก..


เธอ..กลืนกล้ำความรู้สึกเบื้องลึกไว้
นะภายในใจดวงอ่อนโยนนี้
และ..
ถามถึงบ้านของทั้งสอง..
แม่ลูก..ชี้มือ ไปที่
กระท่อมหลังคาจากโย้เย้ ไม่ไกลตานักในท่ามดงไผ่กอ
ที่...
มองเห็นคอกวัว..
ทำด้วยไม้สาระพัดที่พอหาได้อยู่เคียงข้าง


ในนั้นมีแม่วัวและลูกวัวตัวเล็กๆที่ยังอ่อนเดียงสานัก
และ
ถึงเธอไม่เห็นชิดใกล้
เธอก็พอเดาได้ว่า
ลูกวัวน้อยตัวน้อยๆคงมีแววนัยน์ตาใสซื่อบริสุทธิ์
แสนน่าเวทนาสงสาร
ราวกับเด็กผู้หญิงน้อยเฉกเช่นกัน


เธอ..
กล่าวคำขอบคุณเด็กหญิงน้อย
ที่มีหัวใจอันอ่อนโยนรู้คิดมีน้ำใจใสสวยเย็นพร่าง
รู้เมตตามาเก็บของรักให้กับเธอ...


และ..
แทนที่เธอ..จะเก็บมันไว้..
ในนาทีนั้น
เธอกลับยื่นให้กับเด็กน้อยดื้อๆ
พร้อมกับคำถามปรานี..ตามมา
.*หนูชอบมั้ยจ๊ะ..เก็บไว้นะเอาไว้ให้แม่นะหรือหนูนะ


แล้ว..
น้าจะไป...*สำนักวิปัสสนาวัดป่าวิสุทธิคุณ*
ที่ติดกับเขานางพันธุรัตจ๊ะ
หนูพอจะบอกทางน้าได้ไหมจ๊ะ


เธอ..ชี้มือไปข้างหน้า
ที่แลเห็นภูเขาทอดตัวยาว
ราวร่างนางพันธุรัตจริงๆหากสังเกตให้ดี
และ
แม่ของหนูน้อยคนดีรีบช่วยบอกเส้นทาง..
ที่ไม่ไกลห่างสักเท่าไรแล้ว...


เธอ..
ขอบคุณน้ำใจเด็กน้อยด้วยสินน้ำใจเล็กๆน้อย
และก่อนที่จะคลี่ยิ้มหวานๆให้
แถมโบกมือบ๊ายบายก่อนจะออกรถจากมา..
.............


ไม่ช้า
เธอ..ก็ถึงสำนักวิปัสสนา..วัดป่าวิสุทธิคุณ..
ที่กำลังเริ่มพัฒนาด้วยท่านเจ้าอาวาส
ที่ท่านดำรงสมณเป็นพระใหม่ไฟแรง
และ..
ช่างเหมาะกับ
โลกที่แล้งไร้
ที่ท่านเททุ่ม..หวังเพียงได้ทวนสวนกระแส
ให้ผู้คนที่กำลังเวียนว่ายวนวงวิบาก
ได้เข้าถึงธรรมอย่างเรียบง่ายลึกล้ำที่สุด..


เพราะ..
ท่านเน้นสร้างพิสุทธิ์ใสภายในจิตวิญญาณ
แทนการสร้างถาวรวัตถุมากมี
และ..
ที่น่ายินดีคือวัดนี้แสนสงบร่มเย็น
เต็มไปด้วยพรรณไม้อิงธรรมชาตินานาพรรณ
ที่นับวันจะหายากยิ่งนักแล้ว


เนื่องจากเขตวัดเชื่อมต่อกับ
*โครงการอนุรักษ์
และ
ฟื้นฟูสภาพพื้นที่เขานางพันธุรัตอันเนื่องมาจากพระราชดำริ*
ที่เธอ..ได้ทราบความเป็นมา
ของเทือกเขาแห่งนี้จากเจ้าหน้าที่ในโครงการ..ว่า


*เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2537..
แท่งหินซึ่งเรียกว่า โกศนางพันธุรัต
ได้เกิดพังทลายลงมารวมเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่
เนื่องจากในช่วงเวลานั้นได้เกิดฝนตกหนักเป็นเวลาต่อเนื่อง


เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2539
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้เสด็จพระราชดำเนิน
โดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งผ่านเทือกเขาเจ้าลายใหญ่
(เขานางพันธุรัต)
ทรงมีพระราชดำรัสถามถึงรายละเอียดการระเบิดหิน
และพระองค์ท่านได้ทรงรับสั่งว่า


*ใครเป็นเจ้าของการระเบิดภูเขา 
จะขอให้ยกเลิกการระเบิดได้ไหม
อยากรักษาโกศนางพันธุรัตไว้*

เดิมเขาเจ้าลายใหญ่นี้เป็นเทือกเขา
ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวรรณคดีไทย
*เรื่องสังข์ทอง...*
เชื่อกันว่า.
.เทือกเขานี้เป็นร่างนางพันธุรัตนอนตาย
หลังจากพระสังข์ได้ล่วงรู้ว่านางเป็นยักษ์จึงได้แอบหนีไป


นางพันธุรัตได้อ้อนวอนพระสังข์อย่างไรก็ไม่เป็นผล
สุดท้ายด้วยความเสียใจนางจึงตรอมใจตาย
จึงจัดการทำศพที่นี่ 
ชาวบ้านจึงเรียกเขาลูกนี้ว่า*เขานางพันธุรัต*
ตราบต่อมาจนถึงทุกวันนี้
และ
กรมป่าไม้ได้ประกาศ
จัดตั้งพื้นที่ป่าไม้บริเวณเขาเจ้าลายใหญ่เป็นวนอุทยาน
เขานางพันธุรัตเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2542 มีเนื้อที่ประมาณ 1562 ไร่


และ..ณ..
สถานที่แห่งนี้ยังมี
แหล่งโบราณคดีทางประวัติศาสตร์
*โบราณสถานทุ่งเศรษฐี *
ตั้งอยู่เชิงเขาจอมปราสาทด้านทิศตะวันออก
กรมศิลปากรได้ทำการขุดแต่งและบูรณะ
ทำให้ทราบรูปแบบของโบราณสถานทุ่งเศรษฐี


ว่า..
เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ก่ออิฐสอดินฉาบปูน
เหลือเพียงส่วนฐาน
และ..
ค้นพบโบราณวัตถุจำพวกปูนปั้น
และ
โบราณวัตถุอื่นๆอีกมาก


จากหลักฐานที่พบสันนิษฐานได้ว่า
โบราณทุ่งเศรษฐีสร้างขึ้น
*ในสมัย  ทวาราวดี(พุทธศตวรรษที่12-16)
และ..
ณ..ที่แห่งงามงดทางประติศาสตร์นี้
ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย 


มียอดเมรุนางพันธุรัต จุดดูนก ลานเกือกแก้ว
บ่อชุบตัวพระสังข์ หุบวังเรือ ถ้ำมะยม คอกช้าง
และมีสัตว์ป่าที่ยังสามารถพบได้ในพื้นที่เช่น
เนื้อทราย เพศเมีย
ค่างแว่นถิ่นใต้(ที่จะมีขนสีทองในอาทิตย์แรกเกิดต่อมาผลัดสีเป็นดำ)


มี ลิง  กระรอก กระแต 
และมีนกชนิดต่างๆ
นกยูง นกปรอดสวน
นกกางเขนดง นกกระรางหัวขวาน นกออก
ไก่ฟ้าหลังเทา ไก่ป่า 
ค้างคาวหน้ายักษ์
กิ้งก่า เต่าภูเขาสีทอง..
.............


เธอ..อึ้งอั้นกับทุกสิ่งแสนดี..ที่ได้รู้เห็น
และ..
ยิ่งแสนลึกล้ำปลาบปลื้มภาคภูมิใจ
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ในน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
ที่ได้เสด็จฯแปรพระราชฐาน
มาประทับที่วังไกลกังวล  อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบฯ


ได้มีพระราชกระแสรับสั่งให้แม่ทัพภาคที่1
ดำเนินการฟื้นฟูบริเวณ
ที่เกิดการถล่มของเขานางพันธุรัต(เขาเจ้าลายใหญ่)
พื้นที่บริเวณใกล้เคียง


และ..
อนุรักษ์พื้นที่เขานางพันธุรัตไว้
*เป็นมรดกของชาติ*
เพื่อ.
ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา
ถึงตำนานที่ได้เล่าลือสืบต่อกันมา
เกี่ยวกับนางพันธุรัตในวรรณคดีไทยเรื่อง*สังข์ทอง*
ซึ่งเป็นวรรณกรรมอันทรงคุณค่ายิ่งต่อประเทศไทย


และ..
ยังเป็นการอนุรักษ์แหล่งศึกษาธรรมชาติ..
พื้นที่ลุ่มน้ำ..สัตว์ป่า..
และ..
พันธุ์พืชต่างๆที่เกื้อหนุนระบบนิเวศน์
รวมทั้งให้มีสถานที่ท่องเที่ยว
ที่...
ประชาชนมีส่วนร่วมในการไปใช้ประโยชน์และ
อย่างเท่าเทียมกันในรูปแบบวนอุทยาน
สุดท้ายคือผลพลอยได้เป็นการสร้างงาน 
และรายได้แก่ราษฎรในชุมชนบริเวณพื้นที่โครงการฯ


และ
นี่คือความรู้สึกแสนดี
ที่ทำให้น้ำตาเธอ..ยิ่งซึมซึ้งดื่มด่ำด้วยไร้คำอธิบายใด..ใจ
ไม่เสียแรง..
ที่เธอเพียรพยายามเข้ามาในเส้นทางที่รกเรื้อแล้งไร้
ดีกว่าการใช้ชีวิตในวันหยุด
กับสิ่งบันเทิงเริงรมย์..สุขชั่วยามนิยามเทียม..เทียม


หากทว่า..ที่นี่..
ได้ฝากงามในจิตวิญญาณอย่างแท้เที่ยง
ไม่รวมถึง..
ภาพกระท่อมโย้เย้ริมบึงน้ำ
ที่พระในวัดสำนักวิปัสสนากรรมฐาน
*วัดป่าวิสุทธิคุณ*ได้ใช้ปลีกวิเวก
เรียนรู้ธรรม ..ธรรมชาติชีวิต


ที่ผู้ทรงคุณธรรมล้ำเลิศ
*ท่านพระมหาศักดา เปรียญ9*
ที่จบจากมหาวิทยาลัยโลกย์..รามคำแหง
หากทว่าคงยังมิอาจลบโศกราน
ให้จิตใส..พราว..สว่างสะอาดสงบ
พบเพชรพร่างนิรพานพรายฉายโชติช่วงนะดวงจิตภายใน ณ..บ้านภายใน


ท่านจึงแสวงหาสิ่งยิ่งใหญ่ทางธรรม
นำรอยทางทองแห่งพระบรมศาสดา
เพื่อมาทอดวาง..ไว้ณ..กลางป่ายากไร้ 
ราวบททดสอบจิตใจ ให้ผู้เพียรมิว่าจะดีร้ายได้
แสวงแสงบุญเท่าเทียมกัน..


ได้พากันบุกป่าฝ่าดงพงไพร
ที่ราวซ่อนแสงวะวับไสว..สว่าง
ให้นำทางใจกระจ่าง
มิหลงทางมืดมน..อีกต่อไป


ภายใต้เส้นทางแห่งความเล้งไร้ยากลำบาก
ที่มีมนุษย์น้อยคนนักอยากย่างเหยียบเข้ามา
ทั้งๆที่มีท่าพระพุทธองค์
มีเรือธรรมเรือทอง
รอเทียบท่าพาข้ามส่งสู่ฝั่งฝันสู่ดินแดนเรืองรองผ่องผุด
อันคือนิรันดร์ว่าง
คือความพิสุทธิ์ใสตราบชั่วกาลนิรันดร..
..........


เธอ...
ค่อยๆปีนขึ้นผาหิน..ที่สูงชัน
ราวสวรรค์รอทอทอดรับร่างจิตดั่งทิพยนิรมิตรำลึกรู้


บันไดหินที่ทอดยาว......
ราวกับจะเพียรกระซิบบอก
*ให้สร้างพลังกับตัวเอง*
ให้ฝึกเพียรพา..


แม้นจะอ่อนล้าแรงกายแรงใจ
สักประมาณไหนและยากเย็นราวปีนเขาสูง
ก็จักต้องจูงจิตร่าง
ให้ค่อยค่อยก้าวย่างอย่างระมัดระวัง
ฟ่าฟัน..ดั้นด้นไปให้ถึงยอด..พระรัตนตรัย..
อันคือปัญญาน ปัญญาฌาน


ด้วยดวงใจ ที่คิดดี พูดดี ทำดีรักษาศีล สมาธิให้ถึงพร้อม
และมีพลังแห่งความเชื่อมั่นศรัทธาเต็มเปี่ยมบริบรูณ์
เพื่อพลีบูชาตามรอยบาทพระพุทธองค์...
................

เธอ..
ก้าวเท้าซ้ายขวาช้าช้า
ราวกำลังวิปัสสนาด้วยวิธีจงกรมรำลึกรู้
และ..
ไม่ว่าอุปาทานใด
ในทุกผัสสะกระทบ
ก็จักไม่สามารถเข้ามาเบียดรุกล้ำให้
จิตใสใจดวงงาม


ที่ใสพราวราวบัววิมุตติที่กำลังหลุดพ้นราวบัวพ้นน้ำ
ได้หยัดยืนชูช่อต่อสายขวัญ
รับแสงธรรมแสงทอง แสงธรรมชาติ..
..........


หากเพียรรู้จับจิตหยุดคิด อยู่ณ..นาทีปัจจุบัน
ที่รู้ทันตามเท่าทุกรู้สึกทุกอิริยาบถความเคลื่อนไหว
และ..
ทุกข์วูบไหวก็จะราวกระแสลมพัดผ่านมาทดสอบจิต
ให้กลับมา..
กล้าแกร่งโชติช่วงจรัสชัชวาลดั่งเพชรพราว
หยุดหนาวร้อนรอนราน..ดั่งเดิม..


และ
เธอ..กำลัง..ใช้คำสอนของ*หลวงพ่อเทียน*
ผู้ราวแสงเทียนงามล้ำนำทางไสวบุญได้เพียรฝากไว้
ให้เธอนั้นหนา..
เพียรพาร่างจิตวิญญาณเดินตามมาในเส้นทางสีขาว..แม้ลำพัง
แล..
มาตรแม้นว่าบางครั้งจะมีมารมาขวางกางกั้น
ให้เธอจะหยุดยั้งล้มลุกและเซซุน..ชมชานตามวิบากกรรมวิบากเก่า


หากทว่ากุศลจิตดวงละมุนหอมกรุ่นดั่งบัวบาน
ก็จักมิรานราโรย
ก่อนรู้ซึ้ง
ก่อนที่จะรับแสงแห่งพระนิพพานพุทธา..ดั่งจิตปวารณามาแสนนาน
ราวชั่วกาลกัปป์กัลป์
และ..
ดำรงจิตมั่นตามคำสอนท่านพุทธทาส
หวังจะ*นิพพานที่นี้และเดี่ยวนี้*ให้ได้
อย่างมิเสียชาติเกิด..


ให้สมค่าคนที่มีโชคได้เกิดมาใต้ร่มฟ้าพุทธภูมิและ
ใต้เบื้องบาทกษัตราธิราช
ผู้ดั่งร่มฉัตรร่มธรรม
งามเลอล้ำค่างามกว่าอัญมณีเพชรพราวใดในโลกหล้า
ที่คู่ชาติและทุกเลือดเนื้อชีวิตไทย..ไท..


เพื่อให้หัวใจได้พบอิสรา..พ้นพันธนารักอย่างจริงแท้อย่างแท้จริง
ตราบจนกว่า...พสุธาจะกลบหน้า.
อย่างที่ดวงใจเธอหวังเพียร..อย่างมิท้อระย่อใจ..เลยแม้สักนาที
ตราบชีวียังคงมีลมหายใจ..!!!!
.....................


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=420
รางวัลชีวิต   
ชัชฎาพร ลักษณาเวช : : Key B  
พระพุทธองค์ ท่านทรงสอนเรื่องเวรกรรม
คนไหนใครทำ กรรมเคยก่อเอาไว้อย่างไร
ก่อน นั้น เคยทำกรรมไว้ชาติใด
ชาตินี้ต้องได้ รับกรรมที่ทำก่อนนั้น
ตัวฉันคงทำ แต่กรรมซ้ำอยู่เสมอ
ชาตินี้จึงเจอ เวรกรรมเก่าเข้าย้อนผูกพัน
ปวด ร้าว ตรอมตรมขื่นขมอนันต์
ทำดี สารพันรางวัลที่ได้ก็คือเคราะห์กรรม
โธ่ เอ๋ย พระเจ้าไม่เคยปราณี
ในชาตินี้ ทำดีไม่เคยก่อกรรม
หวัง ให้ ผลบุญได้น้อมนำ
ล้างเวรที่เคยทำ แต่ชาติ ปาง ก่อน
สิบนิ้วประนม สวดมนต์พร่ำบ่นบูชา
กุศลนำมา จงนำข้าสิ้นเวรดั่งวรณ์
หากแม้ ชีวีสิ้นลับดับมรณ์
เวรกรรม ทุกชาติก่อน
บรรเทาผันผ่อน อย่าตามซ้ำเลย...
 
  
				
comments powered by Disqus
  • พุด

    20 เมษายน 2548 13:15 น. - comment id 456634

    
    http://www.chula.ac.th/research/award/taw2252.html
    http://www.thaitv3.com/sangtong/sang1.html
    เรื่องย่อ สังข์ทอง
    
    ณ เมืองยศวิมลนคร อันมีท้าวยศวิมลเป็นเจ้าเมือง พระมเหสีจันเทวีได้คลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์ จึงถูกพระนางจันทา มเหสีรอง ใส่ร้ายว่าเป็นกาลีบ้านเมือง จนถูกขับออกจากเมืองไปอยู่กระท่อมตายายที่ชายป่า จนกระทั่งพระสังข์ที่ซ่อนอยู่ในหอย ได้ออกมาพบแม่ สร้างความยินดีกับพระนางจันเทวีมาก
    
    ข่าวล่วงรู้ไปถึงนางจันทา จึงได้ส่งคนมาจับพระสังข์ไปถ่วงน้ำ แต่ท้าวภุชงค์พญานาคราชช่วยเอาไว้ และส่งให้ไปอยู่กับ นางพันธุรัต พระสังข์รู้ว่านางพันธุรัตเป็นยักษ์จึงขโมยรูปเงาะ ไม้เท้า เกือกแก้ว เหาะหนีมาอยู่บนเขา นางพันธุรัตตามมาทันแต่ ไม่สามารถขึ้นไปหาพระสังข์ได้ จึงได้มอบมนต์มหาจินดา เรียกเนื้อเรียกปลาให้แก่พระสังข์ก่อนที่จะอกแตกสิ้นใจตายที่เชิงเขา นั่นเอง
    
    พระสังข์เหาะมาจนถึงเมืองสามล ท้าวสามลและนางมณฑากำลังจัดพิธีเลือกคู่ให้ธิดาทั้งเจ็ด แต่รจนาพระธิดาองค์สุดท้อง ไม่ยอมเลือกใครเป็นคู่ ท้าวสามลจึงให้คนไปตามเจ้าเงาะมาให้เลือก รจนาเห็นรูปทองที่ซ่อนอยู่ในรูปเงาะจึงเสี่ยงมาลัยไปให้ สร้างความพิโรธให้ท้าวสามาลจึงถึงกับขับไล่รจนาให้ไปอยู่กระท่อมปลายนากับเจ้าเงาะ
    
    ท้าวสามลหาทางแกล้งเจ้าเงาะ โดยการให้ไปหาเนื้อหาปลาแข่งกับเขยทั้งหก เจ้าเงาะให้มนต์ที่นางพันธุรัตให้ไว้เรียกเนื้อ เรียกปลามารวมกันทำให้หกเขยหาปลาไม่ได้ จึงต้องยอมตัดปลายหูและปลายจมูกแลกกับเนื้อและปลา
    
    ท้าวสามลพิโรธมากจนถึงกับคิดหาทางประหารเจ้าเงาะ ร้อนถึงพระอินทร์ต้องหาทางช่วยโดยการลงมาท้าตีคลีชิงเมือง กับท้าวสามล ท้าวสามลส่งหกเขยไปสู้ก็สู้ไม่ได้ จึงต้องยอมให้เจ้าเงาะไปสู้แทน เจ้าเงาะถอดรูปเป็นพระสังข์และสู้กับพระอินทร์ จนชนะ ท้าวสามลจึงยอมรับพระสังข์กลับเข้าเมืองและจัดพิธีอภิเษกให้
    
    พระอินทร์ไปเข้าฝันท้าวยศวิมล เพื่อบอกเรื่องราวทั้งหมด ท้าวยศวิมลจึงออกตามหาพระนางจันเทวีจนพบ และได้เดินทาน ไปเมืองสามลนครเพื่อพบพระสังข์ โดยพระนางจันเทวีได้ปลอมเป็นแม่ครัวในวังและได้แกะสลักเรื่องราวทั้งหมดบนชิ้นฟัก ให้พระสังข์เสวย ทำให้พระสังข์รู้ว่าแม่ครัวคือพระมารดานั่นเอง พระสังข์และรจนาจึงได้เสด็จตามท้าวยศวิมลและพระนาง จันเทวีกลับไปครองเมืองยศวิมลสืบไป
    
    
    
    
  • พุดไพร

    20 เมษายน 2548 13:21 น. - comment id 456636

    
    กำนัลด้วยรัก
    ถึงจิตใสใจดวงงามของพี่สาวคนดี
    ที่ได้เลือกพลีชีวิตในร่มธรรมวิปัสสนามานานวัน
    และ
    ถึงพี่เขยแสนดีท่านนายพล..
    ที่เกิดมาในท้องนาท้องไร่ราวอัญมณีไพร
    หากทว่ามีหัวใจดวงทอง
    ถึงได้ก้าวไปรับพระราชทานดาวบนบ่าเป็นมิ่งมงคลแห่งวงศ์ตระกูล
    อันหมายถึงเกียรติยศแห่งคุณธรรมให้นำทางสุกใสไปตราบชั่วกาลนานนิรันดร์
    ทั้งสองท่านคือแบบอย่าง
    ให้แม่ดวงดอกพุดไพรไม่ไกลเข้าสู่เส้นทางธรรม
    และทางทางที่คอยรอรับแล้วค่ะ..
    .................
    
    
  • ChorChongKoh

    20 เมษายน 2548 13:22 น. - comment id 456637

    คุณพุด คะ
    
            ผลงานสร้างสรรค์เชิงอนุรักษ์ 
    
    สนุกมากค่ะ....จะมาติดตามอีกนะคะ
  • แก้วนีดา ไม่ได้ล๊อกอินค่ะ..

    20 เมษายน 2548 14:23 น. - comment id 456654

    เข้ามาติดตามอ่านอีกแล้วค่ะพี่พุด.........ชื่นชมการเขียนเรื่องค่ะ......
    
    
  • ดอกข้าว

    20 เมษายน 2548 15:11 น. - comment id 456679

    เมื่อวานผมนั่งฟังผลบอล..
    
    ดีเจ.. เขาอ้างคำกล่าวของพุทธองค์ข้องหนึ่งคือ
    
    กรรมในวาระเดียวกันมักมีสภาพที่เหมือนกัน
    
    สงกรานต์ผมนั่งดู 2 คน 2คม
    
    ก็มีความพูดที่ว่า กรรมใดใครก่อกรรมนั้นจะคืนสนอง
    
    หลายคนเข้าวัดเพื่อที่จะไปทำบุญ
    
    พวกเขาอยากได้บุญ
    
    หลายวัดสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเอง
    
    เพราะอยากให้คนมาทำบุญ
    
    หลายคนต้องอดตายเพราะเกิดมาไม่มีบุญ
    
    ..........
    
  • แก้วประเสริฐ

    20 เมษายน 2548 16:36 น. - comment id 456752

    อ่านเรื่องนี้เรื่องเดียวได้ประโยชน์สาระอันมากมายทั้งเก่าและใหม่ประกอบกัน  ช่างละเอียดพิจารณาสร้างคุณค่าแห่งสังคมจริงแม่ยอดพุดคนงามแห่งป่าบ้านดอน   ซูฮกจ้า  อ้อขอเก็บไว้ด้วยนะครับ 
    
                         แก้วประเสริฐ
  • ผู้หญิงไร้เงา

    20 เมษายน 2548 20:18 น. - comment id 456851

    มาด้วยความคิดถึงค่ะ  ผลงานคุณภาพเสมอ
  • )))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((

    21 เมษายน 2548 06:33 น. - comment id 457102

    อ่านไปเพลินไปเลย
    
    แวะมาเป็นกำลังใจให้นะ
    
    
  • พี่พุด..ไพร

    21 เมษายน 2548 09:11 น. - comment id 457177

    ขอตอบดอกข้าวเจ้าจอมใจ..จอมสงสัยก่อนเลยค่ะ
    รับอรุณแสนงามนี้
    
    พี่พุด..รจนาบทกลอน
    เรื่องบุญเหนือบุญ..บุญเหนือโลกย์ลบโศกราน*
    เพราะคำถามขี้สงสัยของดอกข้าวนี่แหละ
    
    ดอกข้าว..
    อย่ามัวสงสัยสิ่งนั้นสิ่งนี้
    ทั้งในอนันกาลจักรวาลเวิ้งเลยค่ะ
    
    จงหาคำตอบ..ทุกเรื่องราวที่ตัวเองค่ะ 
    หากอยากพบนิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้
    
    ตราบใด..ที่ดอกข้าวไม่ทดลองศึกษาและ
    ฝึกปฎิบัติด้วยตัวเอง
    ก็ยังคงไปไม่ถึงไหน
    และ..
    รวมทั้ง..นักปราชญ์ผู้ฉลาดสามารถรจนา
    อ้างดินฟ้ามหาสมุทร ยกเวิ้งฝันสวรรค์มาทั้งสิ้นทั้งปวง..
    
    ก็คือแค่ภาพมายาให้ยิ่งหลงวนค้นหาสัจจธรรมคือคำสอนแท้แท้ในพระพุทธศาสนาไม่พบ
    
    เพราะแม้นแต่พระพุทธองค์
    ท่านยังต้องแสวงหาเพื่อค้นพบด้วยตัวเอง
    
    หากทว่าเราโชคดีนักแล้ว
    ที่มีทางลัดตัดสั้น
    ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแผ้วถางไว้แล้ว
    เพียงเพียรค้นหาภายในตัวตนเราเอง
    
    หยุดคิดให้ได้
    หยุดอุปาทานที่มากระทบทุกทางไม่ว่า
    ทางไหน  จมูกลิ้นกายใจก็จะไม่เสียเวลา
    
    จง..ใช้เวลานาทีกับตัวเอง..มองตัวเอง พิจารณาตัวเอง ใช้ตัวเองให้เป็น
    ในทางให้จิตวางว่างกระจ่างจากกิเลสที่มากที่สุดเป็นพอ
    
    ส่วนบุญ วัด ที่ไหนจะมีแนวทางผิดอย่างไร
    เราไปแก้ไขที่คนอื่นสิ่งอื่นไม่ได้
    
    เพราะ..มนุษย์มากมีมากมายต่างความเชื่อ
    ต่างความคิดเห็น
    
    วัดสำนักถึงผุดพร่างราวดอกเห็ด
    
    เอาว่า..
    อย่ามัวเสียเวลาไปสร้างภาพรกเรื้อ
    อ้างดินฟ้ามหาสมุทรโกฎิอสงไขยกัลป์
    อดีตอัน
    ลาเลยล่วงลับแล้ว..
    
    จงทำปัจจุบันเกษมทุกลมหายใจ
    ให้สร้างสรร
    ไร้โหยไห้หวนหา
    ไม่คิดถึงกาลภายหน้านอกจากทำตัวเราให้ดีที่สุด
    ในทุกนาทีแห่งลมหายใจที่มีอยู่
    แล้วอนาคตก็จะดีเองทั้งต่อโลกและผองชน
    
    
    จงศึกษาแนวธรรมใดของพระอริยสงฆ์องค์
    ใดก็ได้ที่เหมาะกับจริตตัวเอง
    ที่คิดว่าดี
    ก็ลองนำมาปฎิบัติทันที 
    หากจิตใสสว่างสงบสยบกิเลสได้
    ก็ใช่เลย..นั่นเหมาะกับเราที่สุดแล้ว
    
    กลับไปอ่านเรื่องบุญนะอีกที..
    บุญคือทุกนาทีที่เรามีจิตว่างใส
    ไม่..คิดไกลไปนอกโลกมากจนไกลตัวไง
    
    พี่พุด
    ไม่ยกทุกคำของพระธรรมหลวงพ่อเทียน
    ที่พี่พุดคิดว่าแสนล้ำค่าที่ไมม่วกวนเสียเวลา
    มาทั้งดุ้นมาสอนดอกข้าวนะ
    เอาตามเข้าใจนะ
    
    หากสนใจก็ไขว่คว้าหามาศึกษาและสำคัญสุด
    ต้องฝึกปฎิบัติพิสูจน์ทดสอบด้วยตัวเอง..
    
    เคยได้ยินคำนี้ไม้ยคะ
    ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด พาตัวไม่รอด
    
    พี่พุด..เองก็ยังต้องเตือนตนทุกวี่วันเลยค่ะ
    
    รักนะนายดอกข้าวเจ้าจอมขี้สงสัย
    เสมือนแม้นพระอานนท์เลย
    
    รักนะ
    
  • พุด

    21 เมษายน 2548 09:26 น. - comment id 457185

    ขอบคุณนะคะคุณช่อ..
    
    พุดซึ้งใจค่ะ ที่มีน้ำใจมาให้กำลังใจนะคะ
    ด้วยรักศรัทธางานงามเกินงามของคุณค่ะ
    
  • พุดไพร

    21 เมษายน 2548 09:42 น. - comment id 457195

    คุณแก้วคะ
    พุดซึ้งใจมาก
    ที่งานพุดยังมีค่ากับใครสักคนพอที่จะนำไปเก็บไว้ค่ะ
    สำหรับพุดแค่
    ขอแค่ได้รจนารักเป็นพอค่ะ
    และ
    คอมพุดระยะนี้วูบไปบ่อยๆ
    ราวกับจะมาสอนใจบางสิ่งค่ะ
    ว่าไม่ว่าเรื่องราวใดจะผ่านมาและผ่านไป
    ในโลกมายานี้
    พุด..ขอบคุณนะคะ
  • พี่พุด

    21 เมษายน 2548 09:45 น. - comment id 457198

    น้องผู้หญิงไร้เงา
    
    ไร้เงาน้องมานานวัน
    ทำให้งานพี่พุดขาดกำลังใจสำคัญเลยค่ะ
    พีพุดรักน้ำใจใสงามสม่ำเสมอของน้องค่ะนะคะ
    
    โลกเรานี้คำเมตตาอภัยชักมีน้อยลงค่ะจงรักษาจิตใสใจดวงงามไว้นะคะ
  • พี่พุด

    21 เมษายน 2548 09:48 น. - comment id 457202

    ผลิใบคะ
    อ่านเพลินดีกว่าอ่านตะกุกตะกักค่ะอิอิ
    พีพุดดีใจที่มาอ่านนะคะ
    นักเขียนควรอ่านให้มากค่ะ
    อ่านให้หมดด้วย..
  • คนเมืองลิง

    21 เมษายน 2548 14:40 น. - comment id 457484

    ขอบคุณค่ะสำหรับงานงามวันนี้ โดยเฉพาะเพลงรางวัลชีวิตค่ะ ชอบมากๆค่ะเคยได้ฟังสมัยเด็กๆแต่ไม่รู้ชื่อเพลงอะไร เพิ่งได้รู้ก็วันนี้แหละค่ะ
    
    ฟังเพลงนี้ทีไรน้ำตาไหลทุกครั้งค่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน