22 มิถุนายน 2551 13:58 น.

ไม่ใช่นักรบ...ศพอักษร

กวี ซีม่า

เราไม่ใช่นักรบศพอักษร
เราเขียนกลอนไม่ต้องการพ้องพานศพ
เราไม่หาญบรรเลงบทเพลงรบ
เราขอหลบข้างฝามาเขียนกลอน

เราไม่เลือกข้างใครที่ไหนดอก
เราไม่หลอกลวงใครใจปลิ้นปล้อน
เราไม่ชอบขัดแย้งแบ่งตัดตอน
เราวิงวอนอย่า...ฮึกเฮิมเติมเชื้อไฟ

เราชอบความเป็นกลางอย่างสร้างสรรค์
เราวาดฝันถึงความสุขทุกสมัย
เราทุกคนล้วนผองพี่น้องไทย
แล้วทำไมไยแบ่งแยก...จนแตกกัน

เบื่อ เบื่อ เบื่อ เบื่อ เบื่อ เหลือทนรับ
ยังจะสับยังจะเสียบเหยียบสะบั้น
โน่นก็แดกนี่ด่าสารพัน
คอยขย้ำห้ำหั่นกันให้ตาย

คิด คิด คิด คิด คิด อย่าติดบ่วง
หลงกลลวงเราต่างหากจักฉิบหาย
อย่าให้ลูกหลานตราหน้าว่าเยี่ยงควาย
ทั้งสองฝ่ายโปรดพินิจคิดไตร่ตรอง

ศพอักษรนอนตายอยู่ปลายฟ้า
ธารน้ำตาท่วมท้นเมืองหม่นหมอง
ศพนักรบเรียงรายอยู่ก่ายกอง
ล้วนพี่น้องเลือดข้น...ชนชาติไทย
				
22 มิถุนายน 2551 10:52 น.

นิราศกรุงเก่า

กวี ซีม่า

>> นิราศร้างห่างเหจากเคหา
ฉันเดินทางท่องเที่ยวเปลี่ยวอุรา                    
อยุธยาเมืองใหญ่ของไทยเรา

มาพากเพียรเรียนกลอนอักษรศิลป์               
เพื่อประทินการกวีที่กรุงเก่า
มรดกปางบรรพ์โบราณเนา                          
ปลุกใจเร้าสืบสานงานร้อยกรอง

>>ออกจากเมือง กรุงเทพ แดนเสพสุข       
แบกใจทุกข์ท่วมท้นความหม่นหมอง
ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า ฯ เฝ้าแลมอง           
เมืองจะนองเลือดหลั่งหรืออย่างไร ?

ริมถนนตึกใหญ่โตแสนโอ่อ่า                        
พัฒนามาทุกยุคทุกสมัย
รัฐสยามอุปมานาวาไทย                                 
จักพังไปแหลกยับล่มอับปาง

เลียบริม คลองบางกอกน้อย ละห้อยจิต      
ฉันครุ่นคิดถึงคนดีที่เคียงข้าง
ฟ้าวันนี้มืดมิดทุกทิศทาง                                 
ยามเหินห่างจากเธอฉันเพ้อครวญ

>>รถวิ่งถึง บางบัวทอง ต้องช้ำอก              
เหมือนกินน้ำใบบัวบก...อกปั่นป่วน
ยิ่งพลัดพรากจากไกลใจรัญจวน                  
ร้องไห้หวนคิดถึงเธอเพ้อรำพัน

เคยหยอกล้อพ้อพรอดคำออดอ้อน                  
ร่ายบทกลอนคำกรองคล้องรับขวัญ
เคยจับมือร่วมเรียงเดินเคียงกัน                        
วาดหวังฝันเพลงรัก...สามัคคี

วันนี้เธอถือมั่นพันธมิตรฯ                          
แล้วเริ่มกิจก่อกวนป่วนทุกที่
ใช่ฉันรัก ทักษิณ อย่างยินดี                         
แต่ฉันมีใจเป็นกลางเพื่อสร้างไทย

ไม่อยากเห็นบ้านเมืองมีเรื่องยุ่ง                       
กระทบกรุงทุกวันฉันหวั่นไหว
อยากเห็นเธอกลับตัวกลับหัวใจ                       
มารักใคร่ดังพี่น้องปรองดองกัน

>>ถึงเมืองงาม สามโคก เห็นโลกกว้าง         
สองข้างทางทุ่งขจีอวดสีสัน
เมืองกำลังรุ่งโรจน์โชติอนันต์                          
สมานฉันท์กันเถิดเทิดถิ่นไทย

ผ่านหมู่บ้านญี่ปุ่น...อบอุ่นจิต                          
เขาประดิษฐ์สวนงามล้ำสมัย
พฤกษาสวยชื่นบานกิ่งก้านใบ                          
ดูสดใสสมคำเขาร่ำลือ

เธอประท้วงอย่างไรฉันไม่ว่า                            
แต่ไยมาปิดหนทาง..ทำถูกหรือ ?   
คนอย่างเธอคิดดีมีฝีมือ                                     
ทำไมดื้ออย่างนี้...น่าตีจริง

ควรช่วยกันสรรค์สร้างหนทางสุข                     
มิใช่ปลุกความเสียหายไปทุกสิ่ง
อยากให้เธอมีจิตคิดประวิง                                
ฉันท้วงติงด้วยหวังดี...มีต่อเธอ

ต้องรังสรรค์บ้านเมืองนี้เหมือนญี่ปุ่น               
เขาไม่วุ่น...สร้างสวนงามล้ำเสมอ
ที่ฉันพร่ำคำพ้อใช่ออเออ                                   
แค่บ่นเพ้อเพราะสับสนกังวลใจ

>>ชม ศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยา โอ่อ่านัก           
ฉันประจักษ์ประวัติศาสตร์ชาติยิ่งใหญ่
อยุธยาเมืองทองของเผ่าไทย                              
เกียรติเกริกไกรอนรรฆค่าแก่นาคร

พิพิธภัณฑ์ชาติสยามงามสง่า                             
สามพระยาสร้างชื่อลือกระฉ่อน
มรดกเวียงวังยังบวร                                          
ได้สืบย้อนของเก่าแต่เบาราณ

>>แวะ วัดหน้าพระเมรุ ฉันเป็นสุข               
เหมือนปลดทุกข์เลิก,ละ,วางปลงสังขาร
สงบเย็นผ่อนคลายใจเบิกบาน                           
ณ สถานพุทธศาสน์สะอาดทรวง

วอนคุณพระปกปักช่วยรักษา                            
แก้ปัญหาโถมไทยให้ลุล่วง 
ขจัดเหตุที่ประดังไทยทั้งปวง                            
สุขแมนสรวงตามแบบพ่ออย่างพอเพียง

จารนิราศนี้มาเพื่อจารึก                                     
ปลุกสำนึกก่อนไทยแยกแตกเป็นเสี่ยง
อยากเห็นเธอปล่อยวางเดินข้างเคียง                  
มาร่วมเรียงรักษ์สยามงามมั่นคง

>>จบนิราศเลียนแบบกลอนสุนทรภู่                 
หวังเชิดชูความเป็นไทยให้สูงส่ง
เสร็จอบรมจะกลับมาหาโฉมยง                         
กอดบรรจงเธอแนบไว้....กลางใจเอย				
23 เมษายน 2551 10:22 น.

นมดีกว่าเหล้า หรือ เหล้าดีกว่านม

กวี ซีม่า

กินนมข้น หรือนมผง จงรู้ไว้
จะนมเล็ก หรือนมใหญ่ ให้คุณค่า
นมทุกนม มีประโยชน์ โภชนา
คนเกิดมา เติบใหญ่ ได้เพราะนม


มีใครหนอ กินเหล้า ไม่เมาบ้าง
ที่เมาค้าง เพราะพิษเหล้า มันเข้าข่ม
แต่พวกที่ กินเกล้า คลุกเต้ากลม
มันโสมม แสนเจ้าเล่ห์....เนรคุณ				
23 เมษายน 2551 10:06 น.

ชมสาวอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี

กวี ซีม่า

> สาว บางพึ่ง โสภี  มีเสน่ห์
ไม่เจ้าเล่ห์  สาว โป่งแค  มีแต่ให้
สาว ดงพลับ  หากจับจอง จะต้องใจ
สาว สระเตย  สดใส  สมวัยเยาว์


> สาว หนองเมือง  ไม่เรื่องมาก รักเป็นหนึ่ง
สาว ดอนดึง  พึ่งพาได้ ไม่อายเขา
สาว โพนทอง  ยิ้มละไม  ถูกใจเรา
สาว หนองเต่า  รักใคร ไม่พึ่งดวง


> สาว บ้านกล้วย   สวยจริง  หยิ่งและร้าย
สาว บ้านทราย  รักแท้  แต่พ่อหวง
สาว หินปัก  รักใคร ไม่หลอกลวง
ที่น่าควง  สาว เชียงงา  แต่น่ากลัว


> สาว บางขาม  รักทั้งที  แค่มีกิ๊ก
ใจระริก  เห็นสาวสาว  มาเย้ายั่ว
แอบปิ๊งสาว  บ้านหมี่  ตีท้ายครัว
เกือบโดนผัว  สาวบ้านหมี่  ตีกบาล


> ลพบุรี  นครา  เมืองน่าอยู่
สาวทุกผู้  เลิศล้ำ งามนะท่าน
แต่ผมอยู่  บ้านหมี่  ได้มินาน
เมียที่บ้าน...ที่เคารพ จะตบเอา
				
30 มีนาคม 2551 10:21 น.

สุพจนาลัย

กวี ซีม่า

>คำว่า พ่อ เรียกขานกันเรียบง่าย
แต่ความหมายมากค่ามหาศาล
เพราะ พ่อ  คือผู้นำสร้างตำนาน
รังสรรค์บ้านสุขสมดุจร่มไทร
>ยืนอยู่เคียงข้างแม่ดูแลลูก
ร่วมกันปลูกเรือนรังบ้านหลังใหญ่
กว่าจะเสร็จสมบูรณ์อบอุ่นใจ
ก็ถึงวัยพ่อแม่....แก่ชรา
>ชีวิตพ่อเหมือนขอนไม้ลอยใกล้ฝั่ง
ผจญคลื่นทะเลคลั่ง...ยังห่วงหา
ทนตรากตรำกรำเหงื่อเพื่อลูกยา
ไม่เคยล้าลืมเลือนเป็นเหมือนเงา
>ม่านชีวิตปิดกรรมอำลาโลก
เพลงวิโยคกล่อมร่างที่ว่างเปล่า
เสียงนกแสกแทรกฟ้ามาแผ่วเบา
สื่อให้เราแจ้งชัด...สัจธรรม
>ไม้ใกล้ฝั่งถึงจุดโค้งสุดท้าย
มีความตายรุมเร้าทุกเช้าค่ำ
หาดเวิ้งว้างเรียงรายทรายสีดำ
ยิ่งล่วงล้ำยิ่งรู้สึกระทึกทรวง
>สุเมธีศรีสิทธิ์บัณฑิตแก้ว
พจน์เพริศแพร้วแวววับลาลับล่วง
บุญกุศลเคยสร้างไว้ทั้งปวง
หนุนสู่สรวงทิพย์สถาน...พิมานเทอญ
>ด้วยรักและอาลัยยิ่ง<
 ครอบครัว "บุญหนุน"				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวี ซีม่า
Lovings  กวี ซีม่า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวี ซีม่า
Lovings  กวี ซีม่า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวี ซีม่า
Lovings  กวี ซีม่า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกวี ซีม่า