16 พฤศจิกายน 2548 17:41 น.

กระทงสื่อรัก(โคลงสี่สุภาพ)

ขาว-กรมท่า

วันเพ็ญเดือนย่างเข้า  สิบสอง
หมายก่อโอกาสทอง          แบบบ้า
ชวนคู่รักหมายจอง           ร่วมงาน
หวังมากไปเปล่าน้า          ที่กล้าชวนนาง
     จัดทำเสริมก่อสร้าง      กระทง
ให้วิจิตรบรรจง                ยั่วฟ้า
บุฟผาชาติมีลง                 ประดับ
ชวนชมมาอย่าช้า             อดแล้วอดเลย
     คราวนี้มีดอกไม้           กุหลาบ
หมายฝ่ายหญิงรู้ทราบ        รักแท้
จึงประดับลงทาบ                ตกแต่ง
เทียนธูปยังไม่แก้             เปลี่ยนทิ้งตามเดิม
     เทศกาลเรื่องนี้            มีตำ-นานนา
ผ่านเรื่องผ่านหลายราย     กล่าวไว้
ขอเล่าไม่หาหาอาย             บังหน้า
ให้ทราบให้รู้ไซร้                จากผู้แต่งเอง
     บ้างเชื่อเพื่อกราบไหว้    ทศพล
พุทธบาทที่ให้ตน                นอบน้อม
บ้างก็เชื่อเพื่อบน                ขอขมา
จากท่านเทวีคงคา              ที่เศร้าโกรธเคือง
      กลับหวนวนเรื่องน้      ดีกว่า
โอ๊ะ!นั่นเจ้าภุมรา               แอบใกล้
หมายเกี้ยวดอกบุฟผา        บนกระทง
เหมือนที่ผมอยากให้         ร่างกลิ้งอิงนาง
      ที่คบนี้คู่แท้                 รึเปล่า
แต่จิตข้าพเจ้า                   รุ่มเร้า
เหมือนเคยคบคราวเก่า    กาลก่อน
ครั้งแรกพบโดยเท้า          ย่ำย้ายจึงเจอ
   หาก ถามโดยพึ่งอ้าง      บานบน
หาก จัดสองกระทง           เสี่ยงไซร้
หาก ลอยติดเป็นผล         คู่กัน-ชั่วกาล
หาก ต่างหน่ายไม่ใกล้      คือแคล้วทิ้งกัน
   หวัง เธอเป็นรักแท้        แม้ตาย
หวัง ทุ่มเทจิตกาย             ยึดมั่น
หวัง แปรเปลี่ยนจากสหาย มาคง-ครองคู่           
หวัง มากถึงกระนั้น           โปรดให้เป็นจริง
   ฝัน ว่ารักกับผู้-            หญิงหนึ่ง
ฝัน นี่สัมผัสถึง                เวิ้งว้าง
ฝัน แล้วสรุปจึง               หญิงนั้น-เป็นนาง
ฝัน นี่รู้สึกกว้าง               จึ่งต้องลองครอง
    ขอเธอให้โปรดได้       เข้าใจ
ผมรักนางกว่าใคร           ที่หล้า
แม้เธอจากผมไกล           ยังยึด-คำมั่น
แม้นเหนื่อยยังคงท้า         ชั่วฟ้าดินสลาย				
15 ตุลาคม 2548 12:35 น.

ราตรีชวนฝัน

ขาว-กรมท่า

หนุนหมอนนอนเพื่อน้อม      นิทรา
หนาวสั่นหวั่นต้องมา                 ห่มผ้า
มีจันทร์หมู่ดารา                       จดจ้อง
นอนไม่หลับเพราะฟ้า               โผล่แย้มดูเรา
    หวังฝนอยู่ทุ่งหญ้า                ไพศาล
มีเปี่ยมบุฟผาชาติ                     เชิดหล้า
โลกจริงไป่ตามวาด                  จากจิต
เห็นแค่ห้องของข้า                   ที่ล้อมดั่งขัง
    คิดไปชวนใคร่คล้าย              จันทรา
นางเปี่ยมดาวมาหา                   ชิดใกล้
แต่อาทิตย์อนาถา                     ไร้มิตร
แผ่เดชทั่วฟ้าไซร้                      เลี่ยงลี้หนีห่าง
   นับ แกะชวนพร่ำเพ้อ              ชวนหลับ
นับ มากจนลืมนับ                      ต่อได้
นับ ดาวที่พิศกลับ                      งงงวย
นับ เลขไปเรื่อยไซร้                  ปวดร้าวยิ่งฉงน
    หวัง หลับชวนเคลิบเคลิ้ม        หลงใหล
หวัง ทุ่มพักจากได้                     เหนื่อยล้า
หวัง ลืมซึ่งสิ่งใด                        เคร่งเครียด
หวัง จิตกายหายบ้า                     สู่ฟ้าวันใหม่
   สุข ใดไป่เทียบคล้าย               สุขนอน
สุข ที่ให้ฝันจร                            เยี่ยมเฝ้า
สุข นี้ที่กายกร                            พักผ่อน
สุข อย่าฝันไป่เศร้า                   ติดตื้อชวนหมอง
   สุด ง่วงในช่วงฟ้า                      มืดมิด
สุด เหนื่อยที่กายชิด                    แนบไว้
สุด ทุกข์เมื่อเปี่ยมกิจ                  ยามเช้า
สุด สุขที่ฝันใกล้                       หลับได้สมปอง
   ทุกข์ ใดให้โศกเศร้า                 จงหาย
ทุกข์ ที่ย่างเข้ากาย                      โปรดสิ้น
ทุกข์ ขอเปลี่ยนกลับกลาย           เป็นสุข
ทุกข์ ที่ใจแดบดิ้น                       จงกลิ้งจากเถิด
   หวาน ใดหาสุขได้                    จากฝัน
หวาน ที่แม้อยู่นั้น                        อยากคว้า
หวาน อื่นที่หมายกัน                    แพ้พ่าย
หวาน-ใจนี่ที่ไซร้                         ใคร่ได้เข้าฝัน
   ทั้งคนสัตว์ต่างต้อง                   หลับใหล
เพื่อพักแม้นน้อยใหญ่                  สยบคล้อย
คลายกายผ่อนหัวใจ                    ชวนชื่น
แม้เก่งหรือแสนด้อย                   ที่ล้าก็สลบ
  ที่ ตื่นต่างต่อโต้                        ดิ้นรน
ที่ หลับก็พักจน                           เพียบพร้อม
ที่ ทำ ทุ่มก็ทน                            บ้ากล้า
ที่ เหนื่อยล้าต่างน้อม                  ที่ล้าลาหลับ
  เฮ้อจบโคลงแต่งไว้                  แก้ฝืน
จะหลับยามค่ำคืน                       สุขล้วน
แม้สุดมั่นก็ตื่น                            ยามเช้า
เสร็จสรรพบริบูรณ์ถ้วน              จึ่งร้องขอหมอน				
13 ตุลาคม 2548 12:45 น.

สู้เพื่อรัก

ขาว-กรมท่า

I want you to be in my heart.
จากเริ่มวาดร่างฝันครั้นนึกคิด
When sleep ชวนเคลิ้มเอิมเพราะจิต
มีเธอนิดฉันก็อุ่นอิ่มใจ
  In Winter หนาวหวั่นครั้นจากเธอ
In Summer ร้อมรุ่มพิสมัย
In Raining ร่ำไห้เพราะเธอไป
In Spring ไป่สุขเพราะไร้เธอ
  Oh seasonผันเปลี่ยนแปลงทุกปี
Oh ราตรีแรมจากชวนพร่ำเพ้อ
Oh กลางวันเผลอฝันลงละเมอ
Oh บ่เจอเธอที่แคล้วเคียงกาย
   จำนรรจาว่าเธอจะครองคู่
พอ look ดูความจริงเธอก็หาย
เธอจะทำให้ฉันตรอมใจตาย
ชวนผม shy อับอายต่อใต้หล้า
   Message ที่เธอยึดคงคำมั่น
เป็นแค่ฝันรึไรที่สัญญา
ครั้นวันนัดเธอหน่ายหนีจากหน้า
คงต้องลาฟ้าดินเพราะสิ้นหวัง
   หมดแรงแล้วแก้วตายอดรักฉัน
เพราะเธอพลั้นทำให้สูญพลัง
ยังคงหมดแม้นมีมากของขลัง
จนกระทั้งพบเธอจักหวนคืน
  Destiny ขอเลือกอย่ามาเกี่ยง
จะไม่รับเสียงขานจากสาวอื่น
ขอทุ่มทนเดินก้าวนับพันหมื่น
จะขอฝืนกายใจเพื่อเธอนาง
  ภาพลวงตาลวงว่าฉันได้เจอ
วาจาเธอคงคำยังคงค้าง
ด้วยศรัทธาที่ทำไม่เว้นว่าง
จากห่างห่างให้ได้เจอจากถวิล
  เธอทำให้กายฉันต้องกลั่นกลุ้ม
ขอจักทุ่มกายใจสุดชีวิน
เธอคนเดียวให้ใจแกร่งดุจหิน
ที่จักดิ้นจนกว่าถึงคราวกาล
  ท่องใต้หล้าตามทางทั่วพิภพ
ได้พานพบสหายทุกท่านผ่าน
แต่คนรักอยู่ไหนขอบนบาน
ให้เทพขานตอบรักสื่อพยัก
  Miracle สำแดงเดชด้วยเถิด
ให้เธอเกิดถูกเห็นเป็นประจักษ์
ให้แก่ชายยึดมั่นในความรัก
ที่โลกทักขานกู"สู้เพื่อรัก"				
14 กันยายน 2548 22:45 น.

love & peace

ขาว-กรมท่า

อย่า ภัยหมายมุ่งร้าย       ท้าแทรก
อยู่ สุขเป็นเป้าแรก            มุ่งไว้
อย่าง ทิ้งทุกข์ที่แจก            อย่างรับ จับจำ
อยาก ก่อสันติสุข                ทั่วแคว้นแดนดิน

    ต่างคนนั้นแสวงแสงแห่งหวัง   เป็นพลังสันติมิเพศภัย
อันตอนนี้กลีมีถมไป                     กาลหน้าไซร้คงใกล้ไม่เกินฝัน
     โป้งเป้งป้างปังเปิงปางบ่เปรม    หาเกษมจากนี้คงต้องขัน
นั้นเป็นศาสตรามายุทธ์กัน            ที่ทุกวันคงเกิดมิเมินหาย
     รุษฏ์เร้าเคล้าเจ้าให้เกิดทะเลาะ อันก่อเพราะเจาะจิตคิดมลาย
ปลุกเปิดปมอาฆาตมากเหลือหลาย   จะบอก Bye ดีดีที่ไหนเล่า
      โลกกาลนี้ทีทุกข์ทั่วที่หล้า           อธรรมกล้าบ้าสิงปลุกตัวเรา
จักสันติมิได้ดูไม่เอา                        จะให้เศร้าเพราะรบจริงฤาไร
      ทแกล้วเล่าท่านทิ้งจากจริงหรือ   ขอร่วมมือสร้างสุขจากหวังไหม
เวลานี้ไม่ใช้ฝันฝังใจ                       โลกจะไปมุมมืดจืดไปเลย
       ขอทิ้งเหงาหวังว้ให้เต็มร้อย       มาเกี่ยวก้อยสัญญาอย่าอยู่เฉย
ก่อสันติในโลกสุขดั่งเคย                   ชาวโลกเอ๋ยละเลยไปทำไม
      คำว่า Peace  กีดกันไปแล้วหรือ  Love ก็คือสิ่งเสื่อมเลือนใช่ไหม
งั้นความสุขสันตืมิสืบไป                     แต่สิ่งใดให้มุ่งคิดตามหา				
2 สิงหาคม 2548 08:37 น.

หายนาน...นะตัวเรา

ขาว-กรมท่า

ขออภัยเหตุที่ติดม.ปลาย              เนื่องจิตกายมั่นใฝ่หาความรู้
จึงขอรับตำหนิที่อดสู                              ให้ตัวกูรุมด่าว่าจัญไร
        ไม่มาได้หลากวันหลายเวลา     แต่ทว่าผมนั้นยังมีใจ
จะว่าผมว่าอู้ไม่เป็นไร                           เพราะผมไซร้ผิดเองที่จากนาน 
                        
         ขอฟังคำด่าไว้                          ฝังจิต
 ผมนั้นทำตัวผิด                                ก่อไว้
 พิพากษาตามจิต                               ได้เลย ตามสบาย
เหตุผมจากนานไซร้                           ไม่ได้หวนเยือน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟขาว-กรมท่า
Lovings  ขาว-กรมท่า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟขาว-กรมท่า
Lovings  ขาว-กรมท่า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟขาว-กรมท่า
Lovings  ขาว-กรมท่า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงขาว-กรมท่า