19 พฤษภาคม 2548 01:14 น.

วิสาขบูชา มหา โลกนารถ

คุณภูมิ

กาพย์ยานี ๑๑

                          วิสาขบูชา  มหา  โลกนารถ
     
     ประณมหัตถ์เหนือเศียร          ต่างธูปเทียนน้อมบูชา
สมเด็จพระสัมมา                            สัมพุทธแจ้งสัจธรรม

     เดือนเพ็ญวิสาขะ                       ชาวพุทธะต่างจดจำ
วันที่พระองค์นำ                             ชำนะโศกโอฆสงสาร

     ประสูติ ตรัสรู้                           และเข้าสู่พระนิพพาน
ประมวลอยู่ในกาล                         วิสาขปุณณมี

      ตรัสรู้ปรมัตถ์                         ประเสริฐสัจธรรมสี่
คือ "ทุกข์" เบียนฤดี                     "สมุทัย นิโรธ มรรค"

     พระธรรมจึงผ่องใส                   ประเทศไทยได้ประจักษ์
อโศกนรินทร์รักษ์                        แพร่มาสู่บูรพา

     แต่นั้นสืบนุสนธิ์                      ฤทัยชนแนบศาสนา
หมายมุ่งสู่มรรคา                         เพื่อวิมุตอนุสัย

     ชาวพุทธอนุสรณ์                    คุณบวรพระจอมไตร
สอนธรรมแก่เวไนย                      ประจักแจ้งแห่งมรรคผล

     บุกป่าฝ่าวิถี                          พระสรีระทุกข์ทน
เพื่อโปรดประโยชน์ดล                 ขนสัตว์ข้ามวัฏฏ์สงสาร

     แปดสิบชนมายุ                     ทรงบรรลุปัจฉิมกาล
เสด็จเข้านิพพาน                        ณ วิสาขราตรี

     คงแต่ "ธรรม" ไพจิตร            แทนสถิตพระชินสีห์
สรรเสริญ..."การทำดี-                        ด้วยปฏิบัติบูชา"

     เวียนเทียนร่วมทำวัตร              น้อมมนัสฟังเทศนา
เป็นบุญกิริยา                             มหามงคลดลสุขเอย


                                                    คุณภูมิ
                                                   บ้านไม้ ริมเขตภูดู่
                                                   ๑๒ พ.ค. ๔๘				
8 ธันวาคม 2547 01:05 น.

วิถี แห่ง ใจ

คุณภูมิ

วิถี  แห่ง  ใจ

ภุชงประยาตรฉันท์ ๑๒

   
      ระลึกถึง  ณ  หนึ่งสาว
เพราะเคยก้าวตระกองยาม
วิโยคร่ำและคำถาม
ก็ไหลหลั่งประดังล้อม

     ระลึกที่วิถีทัศน์
จะยืนหยัดมิจำยอม
มิย่อท้อจะหล่อหลอม
เพราะเธอรู้และอยู่เคียง

     ประโลมปลอบเพราะมอบมือ
กระชับถือและทอดเรียง
จะฝ่าฟ้าจะฝ่าเสียง
อุโฆษครึ้มกระหึ่มคราง

     เสมือนใจจะให้จิต
เสมือนทิศจะบอกทาง
อะไรไขว่อะไรขวาง
ก็กุมมั่นมิหวั่นมวล

     ระลึกคราอุษาคลี่
ณ  ชีวีสว่างนวล
ลดาห้อมแหละหอมหวน
จรุงร่ายสยายริน

     แมลงว่อนฉะอ้อนเวียน
เฉวียรเดียรดาษบิน
ตะวันแซมแตะแต้มศิลป์
มิรู้สร่าง  ณ  ทางเดิน


อิทิสังฉันท์ ๒๐

       
       ถึงจะฝ่ามหาสมุทร,เผชิญ-
มหานรก,ระหกระเหิน                              ณ  หุบเหว

       
       พายุร้ายระร่ายกระหน่ำกเฬว-
-ะรากจะมากปละแปลบปละเปลว               ประลัยสรร

       
       โพ้นนภาผิว์ดาริกาจะอัน-
-ตระธานเพราะเมฆอเนกอนันต์                และทึบหนา

       
       เธอเสมอตะวันก็ผันทิวา
จะส่องสว่างมิสร่างมิซา                               ณ  แสงปราย

       
       เธอสิหลอมพลังและหวังก็พราย
และเพราพิลาศมิขาดมิหาย                       ประจักษ์เห็น

       
       เห็นประจักษ์  ณ  รักมิเคยจะเย็น
ระย่อหรือท้อเพราะรักน่ะเป็น                    วิถีปอง

      
       ปองวิถีจะมีสหายประคอง
อุดม(ะ)การณ์จะผลาญ  ณ  ผอง                   ทุพันธุ์พงศ์

      
       ปัจจุบันก็ฝันแหละฝันก็คง
ทว่าสหายมลายเพราะหลง                          สบายแล้ว

      
       เธอเสมอ  ณ  มิตรมิคิดละแนว
จะนานจะเนิ่นก็เดิน  ณ  แถว                     วิถี เรา

      
       เธอเสมอ  ณ  มิตรมิคิดจะเอา
สรีระซบสยบ  ณ  เท้า                                  อธรรมทูน ฯ





                                                               คุณภูมิ
                                                               ศาลาพระเกี้ยว,๒๕๔๖				
7 ธันวาคม 2547 17:19 น.

ผองเผ้า เผ่าพงศ์ ดุรงค์ไทย

คุณภูมิ

กลอนหก 

    ไตรรงค์ธงพลิ้วปลิวไหว
เหนือถิ่นแดนไทยใช่หมอง
โลกเพรียกเรียกขานขวานทอง
กึกก้องกลบกรรณก่อนกาล


    ทรัพย์สินถิ่นฐานบ้านช่อง
ชนครองไร้ทุกข์สุขศานติ์
ทวยราษฎร์กาจกล้ามานาน
ฮึกหาญผลาญพล่าไพรี 


    ยึดมั่นในชาติศาสน์กษัตริย์
ป้องปัดจรัดเมืองเรืองศรี
ล้านศพทบทับทวี
ชาติมี เสรี ชี้ดู


    ใครมาพร่าผลาญขวานบิ่น
จะรินเลือดไทยไหลสู้
พิทักษ์แผ่นดินถิ่นกู
ให้รู้ว่าเรา เผ่าไทย


    แผ่นดินมีชาติศาสน์กษัตริย์
เป็นฉัตรร่มหล้าฟ้าใส
สุขครองผ่องล้ำอำไพ
ร่วมใจใฝ่รักสมัคคี


    วันใดไตรรงค์ธงหมอง
ศัตรูจู่จองครองที่
ขวานทองของไทยถ้ามี
พร้อมพลีชีพป้องผองไทย ฯ


 
                  คุณภูมิ
                  ยอดเขาหลวง สุโขทัย,๒๕๔๗				
7 ธันวาคม 2547 17:12 น.

ใจกู ใจมึง ใจธรรม ใจกระจ่าง ใจกวี

คุณภูมิ

กาพย์ฉบัง ๑๖ ห่อ โคลงโบราณวิชชุมาลี


ใจกู  ใจมึง  ใจธรรม  ใจกระจ่าง  ใจกวี  : หนึ่ง


       ใจสุมาลย์นั้นกรุ่นด้วย        เรณู
ฉมแห่งใจกวี                            กว่านั้น
โดยดาวแต่งฟ้าดู                      จึงเด่น
ฤเทียบพากย์กวิคั้น                   แต่งคำ ฯ


       เรณูขับ-สุมาลย์กรุ่น            ฟ้าค่ำดาวดุน
จึ่งพรายจึ่งเพริศเฉิดฉันท์

      งามฉมพากย์ที่กวีปัน            ถักถ้อยร้อยวรรณ
งามฉมกว่านั้น-บันลือ ฯ



ใจกู  ใจมึง  ใจธรรม  ใจกระจ่าง  ใจกวี  : สอง


       คือใจแห่งเด็กจ้อย               ไป่ลวง
ไป่ราดกิเลสดำ                           แต่งแต้ม
คือใจกู่ขานทวง                           อิสระ
อิสระดั่งหญ้าแย้ม                        ดอกใบ ฯ


       คือใจเยี่ยงใจเด็กจ้อย           มืดมากดำน้อย
ไป่ทาบไป่ทามลามลง

       ใจกวีคือใจเจาะจง                สร้างเจตจำนง
ให้อิสระได้โรจน์เรืองรอง ฯ



ใจกู  ใจมึง  ใจธรรม  ใจกระจ่าง  ใจกวี  : สาม


        คือใจแน่นหนักได้                 ดั่งดิน
แลเคลื่อนอยู่ดุษณี                         ดั่งน้ำ
ดั่งลมวูบว่องยิน                             สรรพสิ่ง
แลไล่ปฏิกูลให้คร้าม                      ดั่งไฟ ฯ


         คือดินคือน้ำลมไฟ                ควั่นเกลียวอยู่ใน
จิตแจ้งจิตหนึ่งนิ่งนาน
 
         คือจิตมุ่งม้างปฏิการ              ต่ำช้าสาธารณ์
ให้ร่อยให้ปลาตลงลาญ ฯ



ใจกู  ใจมึง  ใจธรรม  ใจกระจ่าง  ใจกวี  : สี่


          คือใจดาวแห่งฟ้า                ปักษ์แรม
เพียงส่องประกายใส                     แก่พื้น
คือใจแห่งสุมาลย์แซม                    สีสด
เพียงแต่งโลกให้ชื้น                      แก่ตา ฯ


         คือใจแห่งดวงดารา              อุทิศแต้มทา
แก่ทุ่งฟ้าค่ำคืนแรม

         คือใจดั่งกลีบสุมาลย์แซม-สีสดปนแปม
แก่พื้น, แก่ค่า ตาคน ฯ



ใจกู  ใจมึง  ใจธรรม  ใจกระจ่าง  ใจกวี  : ห้า


          คือใจอยู่เพื่อสร้าง              สุนทรีย์
เบอกอักขรทิพย์เยียวยา               โลกแล้ง
คือใจเปี่ยมปรีตี                           ในศักดิ์
คือศักดิ์อันรู้แจ้ง                          แก่นธรรม ฯ


         คือใจอิ่มคุณสุนทรีย์             เบอกอักขระปรีตี
เพื่อกล่อมโลกแล้งให้ละมุน
 
         คือใจเปี่ยมเต็มธรรมคุณ       เมตตาการุณย์
แก่ผองสัตว์โลกร่วมเวร ฯ



ใจกู  ใจมึง  ใจธรรม  ใจกระจ่าง  ใจกวี  : หก


         คือใจดั่งนกฟ้า                    เริงตะวัน
หลุดล่วงจากกฎกรรม                   บ่วงแร้ว
เสพย์ภพทิพยญาณอัน                  อิสระ
ถ้วนสรรพสิ่งล้วนแล้ว                   ไป่ครอง ฯ


         คือใจดั่งนกฟ้า                    หลุดพ้นขื่อคา
เสพย์ในทิพยรูปเสรี
         
         คือใจหลุดว่างวิธี                 ไป่ติด ชั่ว-ดี
จึงไป่แย่งยื้อถือครอง ฯ



ใจกู  ใจมึง  ใจธรรม  ใจกระจ่าง  ใจกวี  : เจ็ด


         คือใจพรหมวิหารสี่ตั้ง           เต็มธรรม
แลแจ่มใจครรลอง                        หลุดพ้น
ว่างสงบอยู่ในธรรม                       อันก่อ
อันก่อเพียงเพื่อค้น                       ก่นทาง ฯ


         คือใจแต่งใจในพรหม-          วิหารสี่ประนม
ประนังไว้แจ้งแห่งใจ

         คือใจว่างนิ่งอยู่ใน                กรรมใกล้กรรมไกล
อันก่อเพื่อค้นก่นทาง ฯ



ใจกู  ใจมึง  ใจธรรม  ใจกระจ่าง  ใจกวี  : จบ


         ใจ-จักรวาลวาดไว้               ดั่งใด
กวี-ก็วาดใจวาง                            ดั่งนั้น
คือ-ใจว่างใจใส                            ใจสด
ธรรม-จึ่งแต่งเค้นคั้น                    ก่องใจ ฯ


         คือใจผนึกภาพจักรพาล       มาก่อในกานท์
อันก่อมุ่งเกื้อเอื้อคน

         คือใจใสผ่องส่องผล             ไร้ห่วงทำงน
จึงไป่สูง-ต่ำ, ลำเอียง ฯ




                                  คุณภูมิ
                                  เขตรอยต่อชายแดนไทย-ลาว ด่านภูดู่,๒๕๔๗				
28 พฤศจิกายน 2547 07:10 น.

ภูมิพลมหาราชาเศียรวาท

คุณภูมิ

สัททุลวิกกีฬิกฉันท์ ๑๖


น้อมบังคมอธิภูมิพลนฤบดินทร์
เอกองค์สยามมินทร์                                                   ธเรศ

ปกป้องปวงนรทั่วทิศานครเขต
มุ่งมิตรสมานเทศ                                                       ณ  ไกล

เสรีภาพรฐธรรมนูญอธิปไตย
เกริกเกียรติประทานไทย                                           สถิต

เอกองค์อัครราชินีสิริกิติ์
เฉิดโฉมเฉลานิตย์                                                    นิรันดร์

ชาวไทยคารวะสองพระจอมคุณอนันต์
ครองราชย์เฉลิมขวัญ                                                  ประชา

ทรงกอปรกิจกรณีย์ประจักษ์พระกรุณา
ธำรงพระเมตตา                                                                 อภัย

ขออัญเชิญคุณพระเดชพระศรีรตนตรัย
ปวงเทพ  ณ  แดนไตร                                                  พิภพ

จรรโลงเดชะพระบารมีอริสยบ
ปกเกศประชาสบ                                                          สราญ

ขอจงทรงวรพรพลังจตุประการ
สุขทุกทิวาวาร                                                               ชไม

ปวงเหล่าข้าสดุดีพระภัทรภิไธย
น้อมเกล้าถวายชัย                                                        ชโยฯ



                                      ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
                                  
                              ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะข้าพุทธเจ้า



                                                                            คุณภูมิ
                                                                            ศาลาพระเกี้ยว,๒๕๔๗				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคุณภูมิ
Lovings  คุณภูมิ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคุณภูมิ
Lovings  คุณภูมิ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคุณภูมิ
Lovings  คุณภูมิ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคุณภูมิ