30 มกราคม 2548 22:46 น.

Feeling part 9 : รวมก๊วน เพื่อนเก่า

จากความฝันสู่ความจริง

ตอนที่ 9 : รวมก๊วน เพื่อนเก่า
   ห้าว!!! เช้านี้ผมตื่นเช้ามากว่าปกติซะอีก ถ้าวันอื่นๆผมคงจะนอนอยู่บนเตียงจนถึง 10 โมงหรือไม่ก็จนกว่าแม่จะเรียกไปทานข้าว แต่เมื่อคืนผมนอนแต่หัวค่ำทำให้อานิสงส์เลยส่งผลมาให้เช้านี้ ผมอาบน้ำแต่ตัวเพราะนัดเพื่อนไว้ที่สยามวันนี้ตอน 10 โมงผมอยากจะไปก่อนเวลานัดเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดของกรุงเทพ ผมจึงออกจากบ้าน เพื่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าพระโขนง
   อากาศยามเช้าของกรุงเทพก็ดีเหมือนกัน แหะ  ผมพูดกับตัวเองเบาๆแล้วสูดอากาศเข้าไปในปอดลึกๆและมองวิวกรุงเทพ ตอนนี้ผมรอรถไฟฟ้าอยู่บนชานชาลาข้างบนแล้ว สักพักรถไฟฟ้าขบวนแรกของวันนี้ก็มาถึง ผมเข้าไปนั่งในรถไฟฟ้า แล้วรถไฟฟ้าก็เคลื่อนตัวออกไป นั่งไปเรื่อยๆจนถึงสยาม
   สยามตอนเช้านี้ยังไม่ค่อยมีคนมาก ผมเดินเล่นอยู่แถว Center Point เพื่อรอเวลานัดผมเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรู้สึกเหนื่อยจึงนั่งพักที่หน้าร้าน annti ann ไปเรื่อยๆ พระอาทิตย์เริ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ผมมองดูคนที่เริ่มหน้าตาขึ้นก่อนจะเหลือบดูนาฬิกาข้อมือ ใกล้ 9 โมงแล้วผมตัดสินใจ เดินข้ามฝั่งเพื่อไปยัง McDonal ที่เพื่อนๆนัดไว้
   ในร้าน McDonal คนเริ่มเข้ามามากแล้ว บ้างก็เข้ามาเพื่อทานอาหารเช้า หรือไม่ก็รอใครบ้างคนอย่างผมไง ผมเดินไปสั่งน้ำมานั่งดื่มระหว่างรอ
   ไงเอกมานานแล้วหรอว่ะ เอเดินเข้ามาทัก
   อืม... มานานแล้ว ผมตอบกลับไป
   แล้วเพื่อนๆคนอื่นมาหันหรือยังล่ะ เอพูดพร้อมหันไปมองรอบ
   ยังเลย ผมตอบ
แล้วเจ้าเอ ก็ขอไปหาอะไรกินก่อน ผมยังนั่งอยู่ที่เดิม สักพักมือถือของผมก็ดังขึ้น
   ไง เล็กมาถึงยัง ผมถามไปยังปลายสาย
   มาถึงแล้วแต่รอยัยเก๋แล้วเจ้าเฮงอยู่บนสถานี 
   อืม...แล้วรีบมาแล้วกัน ผมวางสาย
   เฮ้ย! เอกใครโทรมาหรอ เอ ถาม
   เจ้าเล็กน่ะ มันบอกว่าเดี๋ยวก็มาถึงแล้วแต่รอเฮงและเก๋อยู่บน... ผมตอบไป
   บนไหนหรอ? เก๋เดินเข้ามาถามพร้อมกับเฮง
   อ้าว!!! ไม่ได้มาพร้อมกับเล็กหรอ ผมอุทาน
   เปล่านิ เฮงตอบ
ยัยเก๋เลยโทรไปบอกเล็กว่ามาถึงแล้ว สักพักเล็กก็เดินเข้ามาในร้าน เดินเข้ามาบ่น
   ไหง ไม่รอเราละ เล็กบ่น
   ก็เรามาแล้วแต่ไม่เจอเธอนิ เก๋ตอบกลับไป
   เฮ้อ!!! รอเก้อเลยเรา เล็กนั่งลงแต่ยังไม่เลิกบ่น
   แล้วเจ้าชิดยังไม่มาหรอ เฮงถามพวกเรา
   แล้วนายเห็นเจ้าชิดหรือไง เล็กตอบไปแบบกวนๆ
   เรานั่งคุยกันสักพักเจ้าชิดก็เข้ามาด้วยท่าทีกระหืดกระหอบ
   โทษที ที่มาสาย เจ้าชิดนั่งและหายใจแรงๆ
   ไม่เป็นไรหรอกชิดแค่ทุกคนรอนายคนเดียวเท่านั้นเอง เฮงบอก
   แล้วนี้เป็นไงกันบ้างละ หืม...??? เก๋เริ่มเปิดประเด็นเลย
   เดี๋ยวซิยัยเก๋ขอเราหายใจก่อน เจ้าชิดยกมือเหมือนจะห้ามและก็หอบต่อไป
   เรานั่งคุยกันไปพลางๆ จนกระทั่งเจ้าชิดหายเหนื่อย ทุกคนต่างก็เล่าเรื่องชีวิตตัวเองที่ผ่านมา เอ ตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาลัยกรุงเทพเพิ่งเริ่มเรียนปี 1 เองเพราะย้ายมาจากที่อื่น ทั้งที่เรียนไม่ไหวแต่ก็ยังยืนยันว่าไม่อยากเรียนที่โน่น 
   ส่วน เฮง ออกมาทำงานช่วยพ่อที่ร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ ซึ่งพ่อเป็นเจ้าของอยู่บางทีงานก็มากจนไม่มีเวลากินข้าวเลย แต่วันนี้หนีงาน พูดไปก็ทำหน้าเสียสงสัยกลัวพ่อว่า
   เล็กเรียนที่มหาลัยศิลปากรเรียนอยู่ปี 3 บ่นว่าเรียนยากมาก เพราะอาจารย์แกเคี่ยวมากเลย จนโดดเรียนบ่อยๆ
   แล้วก็ เก๋ เรียนอยู่มหาลัยเชียงใหม่ เรียนปี 3 เหมือนนกัน มีแฟนแล้วด้วย ยัยเก๋อวดใหญ่เลยว่าแฟนเธอหล่อมาก เจอกันที่เชียงใหม่นะแหละ พูดไม่พูดเปล่ายังเอารูปแฟนในกระเป๋าตังค์มาอวดด้วย
   หน้าหล่อสู้เราก็ไม่ได้ เจ้าชิดบ่นเปรยๆอยู่ด้านหลังกลุ่มพวกเรา
   โห...เจ้าชิดโม้ไม่ดูหน้าตัวเองเลยนะ เล็กแซวกลับ
   ถึงหน้าตาไม่หล่อมากแต่ก็นิสัยดีนะ เก๋พยายามแย้ง
   จ๊ะๆ... เจ้าชิดทำเสียงเลียนแบบผู้หญิง
   เอาแต่แซวคนอื่นเถอะ มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาหรือยัง?
   มีแล้ว น่ารักด้วย พูดไปพร้อมยืด
   จริงหรือเปล่า เอก เก๋ทำหน้าไม่เชื่อ และหันมาถามเอก
   จริง... ผมพยักหน้า
   เฮ้ย....เจ้าเอกก็มีคนที่ชอบแล้วนะเว้ย!! เจ้าชิดแซว
   จริงง่ะ เพื่อนๆทุกคนถามพร้อมกันหมด
   หน้าตาน่ารัก หรือเปล่าว่ะ สวยไหม? เจ้าเล็กถาม
   ก็ใช้ได้ ผมตอบสั้นๆ  ในใจคิดว่าเจ้าชิดตัวแสบไม่น่าพูดเลย
   โห....ร้ายนะเนี่ย เฮงแซวบ้าง
   เออๆ ว่าแต่จะไปไหนกันต่อละ ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง
   ไปดูหนัง เก๋ออกความเห็น
   งั้นไปกันเลยดีกว่า ไป้ ชิดบอกชวนเราไป
   จากนั้นพวกเราก็ขึ้นลิฟต์ไปยังโรงหนังอีจีวี  ไปดูตารางหนังหน้าโรงหนัง พวกเราเถียงกันอยู่สักพักแล้วก็เลือกหนังสยองขวัญ ผมไม่ชอบดูแนวนี้ซักเท่าไหร่ ทั้งๆที่ไม่ได้กลัวผีมากมาย แต่ก็ไม่ชอบที่จะลุ้นในแต่ฉากของหนัง ก่อนเข้าโรงหนังผมเลยไปยืนดูซุ้มตัวอย่างหนังเพื่อทำการบ้านเตรียมตัวเข้าไปดูหนัง เพราะหากผมได้ดูในฉากที่น่ากลัวแล้วจะไม่ค่อยกลัวเมื่อตอนในโรงหนัง
   ได้เวลาเข้าไปดูแล้ว หนังสยองใช้ได้เลย เกี่ยวกับวิญญาณที่ยังวนเวียนอยู่ในบ้านร้าง ซึ่งมีคนหลงเข้าไปและเสียชีวิตทีละคนผมชินแล้วจากการทำการบ้านหน้าโรงหนัง แต่พวกที่เหลือนี้ซิ นั่งเกร็งดูอย่างกล้าๆกลัวๆ ยกเว้นยัยเก๋คนเดียวที่ดูไปหัวเราะไป ผมนั่งดูไปก็ขำไปเหมือนกันที่ขำเพราะดูอาการของเพื่อนที่เหลือ จนหนังจบก็เดินออกมากัน ผมกับยัยเก๋ขำกัน หลังจากดูหนังเสร็จพวกผมก็ไปหาไอติมกินกัน จนบ่ายโมง พวกเราเลยไปหาร้านถ่ายรูป ซึ่งเราเลือกร้านประจำของชิด 
   เฮ้ย! ชิดที่นี่ถ่ายรูปสวยได้สวยหรือว่ะ เฮงถาม
   เปล่า! พนักงานสวย เจ้าชิดตอบอย่างภูมิใจ
   เป็นงั้นไปพวกเรากว่าจะรู้เหตุผลนี้ก็หลวมตัวถ่ายรูปไปแล้ว ตอนถ่ายรูปพี่ๆก็ปวดหัวนิดหน่อย เพราะพวกเรามักจะแกล้งกันเช่นเอาหมอนขว้างกัน แต่จนแล้วจนรอดก็ถ่ายเสร็จ เราเลยไปเดินเล่นที่ Center Point เพื่อรอรับรูป ยัยเก๋เดินดูเสื้อผ้า ส่วนพวกเราก็เดินตามไปเรื่อยๆเหมือนลูกแก๊งยากูซ่ามาเดินและมีบอดี้การ์ดมาคุมข้างหลัง ยกเว้นเจ้าชิดที่เดินไปเหล่สาวไป
   จนบ่าย 3 พวกเราก็กลับไปรับรูป รูปที่ถ่ายออกมาสวยดีเหมือนกัน แต่แพงหายอยากเลย เจ้าชิดก็เลยไม่วายโดนบ่น แล้วพวกเราก็แบ่งรูปกัน เจ้าเฮงขอกลับก่อนเพราะ พ่อโทรมาเรียก เจ้าเล็กขอกลับด้วยเพราะกลับทางเดียวกัน ส่วนเจ้าชิดและเอ ขอเดินต่อ ส่วนผมกับเก๋กลับทางรถไฟฟ้าเหมือนกัน ผมและเก๋เลยแยกตัวจากกลุ่มไปขึ้นรถไฟฟ้า ระหว่างอยู่บนรถไฟฟ้าเก๋บอกว่า
   วันนี้สนุกจังเลยนะ เก๋พูดแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
   อืม... ไม่ได้รวมกลุ่มอย่างนี้นานแล้วเหมือนกัน ผมตอบพร้อมมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกัน
   เออ... เอกแล้วเรียนจบไปจะไปทำอะไรล่ะ เก๋หันมามองหน้า
   เราหรอ.... ไม่รู้ซิ อาจไปเป็นหมอก็ได้มั้ง จิตแพทย์น่ะ  ผมตอบไป
   หมอโรคจิตซิไม่ว่า เก๋หยอกผมเล่น ผมหัวเราะ
   แล้วเธอล่ะ ผมถามกลับ
   เราอาจจะเป็นนักร้องมั้ง เราอยากเป็นนักร้องมากเลย เธอพูดแล้วยิ้ม
   โห... ยังงี้เก๋คงได้เป็นนักร้องแน่ๆเลย เสียงเธอดีมากเลยนะ
   ขอบใจนะ
   พวกเรายืนมองออกไปหน้าตาอีกครั้ง ตอนนี้ก็เย็นแล้วในกรุงเทพมีเสน่ห์จากแสงไฟในตอนเย็นหรือค่ำนี้แหละ เรายืนคุยกันไปเรื่อยๆจนถึงสถานีอโศก
   เราคงต้องไปแล้วละน่ะ ยังไงก็โชคดี เก๋บอก
   อืม...เธอก็เหมือนกันละ แล้วเจอกัน  ผมพูดก่อนที่เก๋จะเดินออกไป แล้วเก๋ก็หันกลับมาหลังจากออกไปแล้วและตะโกนบอกว่า
   นี้! อย่าลืมหาแฟนสวยๆมาอวดเพื่อนๆบ้างนะ 
    ผมกำลังจะตอบกลับแต่ประตูก็ปิดลง ผมเลยพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม จนรถไฟฟ้าวิ่งออกไปจากสถานี
    ในรถไฟฟ้าคนไม่ค่อยเยอะแล้ว ผมเลยนั่งลงและหยิบรูปเพื่อนๆที่พึ่งถ่ายเมื่อกี้มาดู อยากให้มีวันอย่างนี้บ่อยๆเพื่อจะได้มีวันที่สนุกๆอย่างนี้อีกกับเพื่อนเก่าๆ
   มาถึงสถานีพระโขนงผมลงมาต่อรถประจำทางเพื่อให้ถึงบ้าน การจราจรตอนค่ำติดขัดมากเหมือนกัน ผมนั่งหลบไปตลอดทางจนถึงบ้าน ผมเกือบจะลงไม่ทันถ้าไม่ได้พี่กระเป๋ารถประจำทางมาปลุก 
    พอผมลงมาถึงหน้าปากซอยผมก็ต่อรถเข้าไปเพราะเหนื่อยจนไม่อยากจะเดิน มาถึงบ้านพ่อแม่กับน้องนั่งดูโทรทัศน์อยู่ ผมขอขึ้นไปนอนก่อนเพราะเหนื่อยและเพลียจากการเดินทาง
    หลังจากอาบน้ำเสร็จผมเดินไปหยิบอัลบัมรูปในลิ้นชักโต๊ะอ่านหนังสือและก็มานั่งที่เตียงก่อนจะหยิบเอารูปใหม่มาใส่อัลบัม ผมลองเปิดดูหน้าเก่ามีทั้งรูปสมัยมัธยม ตั้งแต่ตอนไปเข้าค่าย หรือ ตอนไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน ผมยิ้มให้กับรูปเหล่านั้น และปิดมันลงพร้อมกับเอื้อมไปปิดไฟที่หัวเตียงแล้วล้มตัวลงนอนและดึงผ้าห่มมาคลุมตัวนอนและหลับไปด้วยความอุ่นสบาย

***********************************************				
13 ตุลาคม 2546 23:28 น.

Feeling part 8 : กลับบ้าน

จากความฝันสู่ความจริง

ตอนที่ 8 กลับบ้าน
   ผมนั่งรถทัวร์กลับมาด้วยเวลาไม่ถึงชั่วโมงเพราะบางแสนก็ไม่ไกลจากกรุงเทพ เท่าไหร แต่กว่าจะนั่งรถเมล์ไปถึงบ้านนี้ซิลำบากเอาการเพราะว่ารถในเมืองจะมีหนาแน่น มาก ผมนั่งไป 2 ชั่วโมงกว่าถึงจะถึงบ้าน เหมือนถึงหน้าหมู่บ้านที่ผมอยู่ ผมคิดว่าน่าเดินเข้าหมู่บ้านดีกว่า ทั้งๆที่ก็มีรถรับส่ง บรรยากาศเดิมๆ แบบนี้ทำให้ผมอยากเดินไปเรื่อยไม่เหนื่อยเลย 
   เอ้า! เจ้าเอกเป็นไงไม่ได้เจอกันตั้งนาน สบายดีหรอ? ป้านิดซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อที่ผมเคยซื้อบ่อยๆทัก
   สบายดีครับป้า ผมพูดพร้อมกับเดินเข้าร้านป้า ว่าจะซื้อน้ำกินซะหน่อย
   แล้วป้าขายดีไหมครับ
   ก็ดีนะ แต่เอ็งจะเอาอะไรละ เอานมถั่วเหลืองไหม ป้าถามเพราะจำได้ว่าผมชอบดื่มนมถั่วเหลือง
  โห.ป้ายังจำได้อีกหรือครับ งั้นผมขอนมถั่วเหลืองกล่องหนึ่งแล้วกันนะป้า
  ได้ๆ.รอเดี๋ยวนะ แล้วป้าก็ไปเปิดตู้หยิบมาให้กล่องหนึ่ง
  แล้วนี้เอ็งเรียนจบแล้วหรือ? ป้าถามผม
  ยังหรอกครับ แค่กลับมาบ้านในช่วงปิดเทอมนะครับ
  อืม..แล้วนี้เอ็งเรียนถึงปีไหนบ้างแล้วละ
  ปี 3 แล้วครับป้า
  หรอ.เร็วจังเลยแหะ จำได้ว่าพึ่งไปเรียนไม่นานเองนะเนี้ย
  ป้าครับ ผมไปก่อนนะครับ
  เออๆ.ไปเถอะเดี๋ยวแม่เอ็งจะรอแย่ ป้าพูดพร้อมยิ้ม
   ผมเดินไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าบ้าน ผมใช้กุญแจสำรองเพื่อเปิดประตูบานเล็ก พอเข้ามาในบ้านผมก็เห็นว่าในสวนของบ้านผมมี ซุ้มนั่งตัวใหม่ สงสัยพ่อคงซื้อมาแน่ๆเลย พ่อผมชอบแต่งบ้านครับและมักคอยดูแลบ้านให้ใหม่อยู่เสมอ  
   อ้าว! เอกเป็นไงสบายดีไหมลูก แม่เดินมาจากหลังบ้านและก็เข้ามากอด
  สบายดีครับแม่ ความอบอุ่นและความห่วงใยยังคงอยู่ในอ้อมแขนของแม่เสมอ
   เข้าบ้านกันก่อนซิลูก แม่บอก
   พอผมเดินจะเข้าบ้านผมก็เห็นพ่อและน้องโอ๋ยืนอยู่หน้าบ้าน
   พี่เอก ยัยโอ๋วิ่งเข้ามากอด
   ไงครับสบายไหมโอ๋ ผมอุ้มน้องโอ๋
   อึบ! โห ตัวหนักเหมือนกันนะเนี้ย ผมพูดแนวๆบ่น
  โหยพี่เอก ยัยโอ๋ทำหน้าย่น
   "สบายดีค่ะพี่เอก ไหนละค่ะของฝาก
   นี้ทวงเลยหรือยัยตัวแสบ นี้ครับสร้อยไข่มุกจากบางแสนเลยนะ
  ขอบคุณค่ะพี่เอก ยัยโอ๋ดีใจจนออกนอกหน้าเลย
   ไง เจ้าเอก พ่อทักบ้าง
   สบายดีครับพ่อ พ่อสบายดีไหมครับ
   ก็ต้องสบายดีซิ พ่อตอบแบบอารมณ์ดีและพวกเราก็เดินกันเข้ามาในบ้าน
   เป็นไงบ้างเอก เรียนเป็นไง แม่ถามถึงเรื่องการเรียน
   ดีครับแม่ผมได้ B ไม่ก็ C ตลอดเลยครับ
   หรือจ๊ะลูก แม่พูดแล้วก็เดินไปหาน้ำมาให้กิน
   เออ..นี้เจ้าเอก แล้วนี้แกจะอยู่กี่วันละ พ่อถาม
   ก็คง 3-4 วันนะพ่อ
   อืม. ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนนะลูก พ่อบอก
   ครับ ผมลุกขึ้นจะเดินไปชั้นบน
   อ้าว! ลูกกินน้ำก่อนซิ แม่ทัก
   ครับ แล้วผมก็รับน้ำแม่มาดื่ม ผมไปอาบน้ำก่อนนะแม่
   จ้ะ แล้วแม่ก็เข้าไปทำครัว
   ผมเข้ามาในห้องนอนของผม ที่ทุกจัดอย่างเรียบร้อย คงเป็นแม่เองแฟละที่ทำความสะอาดให้ก่อนผมมา ผมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า และหาเสื้อผ้าที่พอเหลือเดิม ไปอาบน้ำ

   กลับลงมาแม่ก็เตรียมอาหารไว้แล้ว
   ลูกมากินข้าวซิลูก แม่เห็นผมจึงทัก
   ครับ 
   เจ้าบ๊อก.เจ้าบ๊อกเอ้ย! มากินข้าวเร็ว
   ผมสงสัยกับชื่อ เอใครมาเที่ยวบ้านเราหรือไง เรียกยังกับสุนัขเลย 
แต่ไม่ทันไร คำตอบก็มาทันที เป็นหมาพันธุ์โกลด์ เด้น รีทรีฟเวอร์
   มามะ มากินข้าว แล้วแม่ก็เอาอาหารสำเร็จรูปมาให้
   มันมาตั้งแต่เมื่อไหรหรอครับพ่อ ผมทำหน้างง
   ก็เมื่อ 2 เดือนก่อนมั้ง เพื่อนพ่อเขาเอามาฝากนะ
   หรือครับ ผมลงไปเล่นกับเจ้าบ๊อกมัน
   เจ้าบ๊อกนี้ขนสีเหลืองทองมันเงา แถมนุ่มอีกต่างหากด้วย 
   พี่ค่ะมากินข้าวเร็ว เดี๋ยวจะเย็นหมดนะค่ะพี่เอก ยัยโอ๋เดินมาตาม
   ครับ 
   เอกไปล้างมือก่อนซิลูก แม่พูดแกมบ่น
   ครับ 
   ในช่วงเวลากินอาหารเย็นนั้นรู้สึกว่าเป็นมืออาหารที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมาเลย อาจจะเพราะอาหารของแม่ หรือ คำพูดที่สนุกสนานในระหว่างการกินนั้นก็ไม่แน่ใจ หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ผมก็ขอตัวขึ้นมานอนก่อน เพราะเหนื่อยจากการเดินทาง
   ผมขึ้นมาที่ห้องผม นอนลงที่เตียงเดิมซึ่งที่ผมเคยนอน รู้สึกสบายกว่าอยู่ที่หอซะอีก ผมลองมองไป มีชั้นวางหนังสือมากมาย และก็โต๊ะเขียนหนังสือและคอมพิวเตอร์ของผม ผมลุกขึ้นจากเตียงและไปยังโต๊ะเขียนหนังสือลายไม้ตัวเก่า ผมเอื้อมไปหยิบไดอารี่เล่มช่วงที่ผมเรียนมัธยมปลาย และกลับไปนั่งอ่านที่เตียง จนถึงหน้าสุดท้ายที่ผมทำเป็นเฟรนด์ชิพ ซึ่งมีเพื่อนสนิทของกลุ่มผม 4 คน มีทั้ง เจ้าชิด ซึ่งตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่กับผม และก็มี เอ, เล็ก,เฮง และ ยัยเก๋
   ผมนึกขึ้นได้ ก็รีบไปเปิดเครื่องคอมเพื่อลองเข้าเน็ต โดยใช้เน็ตของมหาลัย โดยเข้าไปยังห้อง chat ที่ผมมักจะนัดเพื่อนๆของผมมาเจอกันเสมอ
   
   ปิ๊บ!!
   พอผมลองเข้า E-mail ก็มีจดหมายเป็นร้อยเลย จากเพื่อนบ้าง หรือจากใครก็ไม่รู้ ซึ่งผมคงไม่กล้าเปิดหรอก เพราะกลัว
ไวรัสนะครับ เลยเปิด ข้อความอื่นๆ และก็เข้าห้อง chat ในโปรแกรม Pirch ห้อง fellow ซึ่งเป็นเหมือนชื่อกลุ่มของพวกเรา
   Pink Ping : อ้าว, เอก! มาได้ไงน่ะ? ยัยเก๋ online อยู่
   Momantum : พึ่งกลับมาถึงบ้านน่ะ ผมตอบกลับไป
   Pink Ping : เจ้าเล็กพึ่งออกไปเลยนะ 
   Momantum : หรอ 
   Pink Ping : ได้รับจดหมายเราหรือยัง 
   Momantum : ได้รับแล้วครับ เจ้าชิดบ่นอุ้บเลย เพราะเขียนถึงมันนิดเดียว
   Pink Ping : หรอ! วันหลังจะเขียนถึงเจ้าชิดมากหน่อยละกัน
   Momantum : แล้วเป็นไงบ้าง เรื่องเรียนนะ ผมถามไปด้วยความห่วงใย
   Pink Ping : ก็ดีนะ เอก เดี๋ยวเราไปก่อนนะ
   Momantum : โหย จะไปนอนแล้วหรอ ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะ
   Pink Ping : อืม ราตรีสวัสดิ์	
   ผมกำลังจะปิดเน็ต แต่ยัยเก๋ก็เข้ามา
   Pink Ping : เออเอก มะรืนว่างไหม?
   Momantum : ว่าง ทำไมหรอ
   Pink Ping : เรากะว่าจะชวนเพื่อนๆกลุ่มเราไปนัดเจอกันนะ
   Momantum : ที่ไหนหรอ
   Pink Ping : คงจะเป็นสยาม ร้านMcdonal ประมาณ 10 โมงน่ะ 
   Momantum : ok! รับทราบครับ
   Pink Ping : ไปจริงๆแล้ว นะ บาย
   Momantum : บาย

   แล้วผมก็ปิดเครื่องคอม มองนาฬิกา โห 3 ทุ่มแล้วหรอเนี้ย ผมเริ่มงั่วเงียเพราะความเหนื่อยจากการเดินทาง จึงเดินไปยังเตียงนอน และทิ้งตัวลงเพราะความง่วง เตียงนอนแสนนุ่มตัวเดิมทำให้ผมหลับไปอย่างง่ายดาย.				
19 พฤศจิกายน 2545 02:13 น.

Feeling part 7 : ความทรงจำในอดีต

จากความฝันสู่ความจริง

ตอนที่ 7 : ความทรงจำในอดีต
     กริ๊ง!!!!!
     ฮืม. ผมงัวเงี่ยขึ้นมามองนาฬิกาข้างๆเตียงพึ่ง 6 โมงเช้าเองหรือเนี้ย ขอนอนต่ออีกหน่อยดีกว่าเพราะวันนี้หยุดเพราะเมื่อคืนนอนดึกด้วย
     ...................
     พอตื่นมาอีกทีก็ 11 โมงซะแล้ว
     ฮ้าว! ไปอาบน้ำดีกว่า ผมตะโกนบอกกับตัวเองเพื่อบังคับให้ความง่วงที่พยายาม ให้ผมนอนต่อให้หายไปซะ
      หลังจากผมอาบน้ำเสร็จผมก็เดินลงมาหาอะไรกินข้างล่าง เลยเดินไปร้านขาย ก๋วยเตี๋ยวของเจ๊เล้ง
      อ้าว! อาตี๋ ลื้อจะกินอะไร
      เอาเส้นเล็กแห้งแล้วกันครับเจ๊
      รอเดี๋ยวนะ แล้วเจ๊เล้งก็ไปลวกบะหมี่
      อาศรีเอ๊ย อาศรี! ลือมาเอาก๋วยเตี๋ยวไปให้แขกที เจ้เล้งเรียกลูกมือชื่อ ศรี ที่เมื่อกี่เห็นเดินไปหลังร้าน
      ของผมหรือครับ เจ๊เล้ง ผมถามทั้งๆทีพึ่งสั่งไปไม่นาน
      เปล่า ของอาหมวยโต๊ะ 8 โน้น แล้วเจ๊เล้งก็ชี้ไปยังโต๊ะไกลสุดโน้น
      ผมมองไปตามที่เจ้เล้งชี้ก็ เห็นมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่
      งั้นผมไปส่งให้เองครับเจ๊ ผมอยากจะไปส่งให้ เพราะอะไรไม่รู้
      ขอบใจมากอาตี๋เอ๊ย อาศรีอีก็ไม่รู้ไปไหนเฮ้อ! เจ้แกบ่นไปและก็เริ่มทำชามของผม
      ผมถือก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่น้ำไปให้สาวที่นั่งอยู่ ซึ่งนั่งอ่านนิยายอย่างไม่วางตา
      ใหญ่น้ำได้แล้วครับ
      ขอบคุณค่ะ หญิงสาวตอบพร้อมเงยน้ำจากหนังสือที่อ่านอยู่
      เอ๊ะ! นี้เอกใช่ไหม? สาวที่นั่งรอก๋วยเตี๋ยวถาม
      ผมได้แต่อึ่ง เพราะว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้คือ ริน ซึ่งเคยเป็นเพื่อนผมตอนมัธยม 
      ริน เป็นเพื่อนหญิงที่สนิทมากที่สุดเลย เรามักจะอยู่กลุ่มเดียวกัน เธอเป็นคนที่ผมแอบรักเลยก็ว่าได้ละครับ แต่ผมก็ได้แต่แอบรักอยู่อย่างนั้น จนกระทั้งใกล้จบ มีอยู่วันหนึ่งเธอก็มาบอกว่าชวนไปเป็นเพื่อนหน่อย เพราะเธอบอกว่าแฟนเธอนัดไปดูหนัง 
      แฟนหรอ ผมถาม
      ใช่! เราเจอกันที่ร้านหนังสือนะ รินบอ
      อืม..แล้วทำไมถึงมาชวนเราละ น่าจะไปกัน 2 ต่อ 2 นะ ผมถามแกมกังวล
      ก็เราพึ่งคบกันได้ไม่นานนะ เลยอยากให้เธอไปด้วยนะนะ รินเริ่มจะใช้ลูกอ้อน
      เอ้า! ก็ได้ ผมตอบไป เพราะอยากจะเจอเหมือนกัน
      แต่วันนั้นแฟนเธอก็ไม่ได้มา เราเลยกลับกันไปอย่างจ๋อยๆ

      ใช่! เอกหรือเปล่า รินถามอีกครั้งทำให้มถึงกับสะดุ้งในขณะที่กำลังนึกถึงความหลัง	
      ใช่! ริน หรอเนี้ย ผมถามกลับ
      นี้ไม่ได้เจอตั้งนาน หันมาเป็นบ๋อยร้านก๋วยเตี๋ยวหรือไง รินคงถามแกมหยอกมั้ง
      ไม่ใช้นี้มาหาอะไรกิน เพราะวันนี้วันหยุดนะ แล้วนี้มาเที่ยวบางแสนหรอ
      ใช่ มากับเพื่อนๆของรินเอง
      แล้วนี้เพื่อนกลังไปแล้วหรือไงผมพูดพร้อมนั่งลงที่โต๊ะของริน
      เปล่า! เพื่อนๆไปเดินแถวชายหาดกันนะ
      หรอ ผมตอบ
      แล้วนี้เรียนอยู่ที่นี้หรือเอก
      อืม..ใช่แล้วรินละ เรียนที่ไหน
      ก็เรียนที่มหาลัย กรุงเทพนั้นแหละ แล้วนี้ เอกเรียนเป็นไงบ้าง
      ก็ดีนะ เพราะที่ผ่านมาก็ได้เกรด A ไม่ก็ B มาตลอดเลย
      อืม ผมมองหน้า ริน รู้สึกเหมือนเธอดูเศร้าๆ ยังไงไม่รู้ เอ...หรือว่าคิดไปเอง
      นี้ริน มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ผมถาม
      ไม่หรอก..ไม่มีอะไรและรินก็กินต่อ
      "อ้าว! อาตี๋ ชามลื้อได้แล้ว" เจ๊แกตะโกนบอก
      "ครับ"
      และผมก็ไปเอามานั่วกินกับริน
      เราก็คุยไปกินไป ได้ซักครู่
      เออ.. เอกที่นี้มีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง อยู่ที่นี้มา 2 ปีกว่าแล้วนี้ 
      อืม..เดี๋ยวนะขอคิดก่อน.........งั้นไปเที่ยวทะเลก่อนแล้วกัน ดีไหม
      ไม่เอาดีกว่า เพราะเพื่อนรินอยู่ที่นั้น ไม่อยากไปซ้ำนะ
      เอ้า! งั้นไปเขาสามมุกก็แล้วกัน ดีไหมละ
      อืม ก็ดี
      ผมกับริน เลยนั่งรถสามล้อเล็กไปเที่ยวเล่นกัน ไปถึงก็ได้ไปไหว้เจ้าแม่เขาสามมุก ที่จริงวันนี้เป็นวันหยุด คนน่าจะเยอะ แต่แปลก คนกลับโหลงเหลงเลยเข้าไปไหว้ถึงศาล ได้ง่าย และเราสองคนก็ไปให้อาหารลิงรินเกือบโดนลิงกัดเพราะไปให้อาหารลิงโดน การปาใส่ ิงมันคงโกรธน่าดู
      จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่อ่างศิลา เพราะรินอยากได้ของที่ระลึก เลยไปซื้อแมวแกะ สลักตัวเล็กๆ ราคา 30 กว่าบาท และก็กลับมาที่ตลาดหนองมน ไปหาอะไรกินกัน ได้ข้าวหลามและ ขนมหม้อแกง มานั่งกินกันที่ร้านอาหารตามสั่งริมทะเล 
รินที่นั่งอยู่ข้างผมตรงนี้ก็ยังเหมือนรินคนเดิมที่มีความน่ารักแต่ต่างไปที่แววตาไม่สดใสดังเดิม ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไม 
      กินกันได้สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอรินมองที่เบอร์โทรเข้าก็ทำหน้าตาตกใจ และก็คุยกับคนในสาย
      ฮัลโหลเออ.นี้มาหาอะไรกิน..อืมมากับเพื่อน.เพื่อนเก่าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ และรินก็วางสายไป
      ใครหรือริน ผมถามดู
      เพื่อนนะ โทรมาตามนะ รินตอบแบบร้อนลนยังไงไม่รู้ซิ
      หรองั้นเดี๋ยวรีบกับกันดีกว่าเดี๋ยวเพื่อนรอ
      ผมก็เลยหาซื้อขนมไปเพื่อนกินที่หอพัก รินก็ซื้อไปฝากเพื่อน และรีบกลับไปที่หาดอีกครั้ง รินออกจะรีบร้อนมองหากลุ่มเพื่อนของเธอ มองไปมองมาก็เห็นกลุ่มเพื่อนยืนรอกันที่หน้าร้านขายโรตี รินเลยวิ่งไปหากลุ่มเพื่อน
      ไปไหนมายัยริน รอเธออยู่คนเดียวเลยนะเนี้ย
      ไปเที่ยวมานะ อ้าวแล้ว เอ็มละไปไหน
      ขอตัวรีบกลับก่อนนะ เห็นว่าเจ้าเอ๋ เรียกตัวกลับก่อน
      หรอ.. แล้วรินก็ทำหน้าเศร้า
      นี้ยัยริน ไปกับนายคนนี้มาหรอ และก็มองมาทางผม      
      อืมเพื่อนเก่านะ ชื่อเอก
      หวัดดีค่ะ เพื่อนๆรินพูด
      หวัดดีครับ ผมตอบไปอย่างเก้ๆกังๆ เพราะปรกติเป็นคนเขินผู้หญิงได้ง่าย
      นี้ เอก มาจีบรินหรือเปล่า เพื่อนรินแซว
      บ้า! นะยัยโอ๋
      เปล่าหรอกครับ ผมตอบไปก็หน้าแดง
      นี้ รินมีแฟนแล้วนะ เจ้าเอ็มไง มิ้งบอก
      ผมได้แต่อึ้ง แล้วก็ได้แต่ตอบว่า หรือครับ
      แต่ก็ดีนะ จะได้ให้รินเลิกกับเอ็มซะที เอ็มมันเจ้าชู้จะตายนะริน
      นี้อย่าไปว่า เอ็มเขาซิ เอ็มเขาไม่ได้เป็นยังงั้นหรอก รินพยายามแย้ง
      จะว่าไม่ใช้อีกหรอ นี้ยัยเอ๋ นะก็มาตอแยเอ็มอยู่ไม่ใช่หรอ
      นี้อย่าเอ็มได้ไหม รินเริ่มจะโกรธ
      ก็มันจริงนิ....
      พอได้แล้ว! รินตะโกนแล้วก็วิ่งไปที่รถ
      เฮ้อ! เจ้าโอ๋บอกแล้วว่าอย่าไปตอกย้ำมันไง แววพูดห้าม
      ทำไมหรือครับ เอ็มเป็นใครหรือครับ
      เอ็มเป็นหลานของเจ้าบ้านเช่าแถวมหาลัย รวยมากเลยนะ แต่ก็มักจะเจ้าชู้ เนี้ย รินไม่รู้ร้องไห้ให้กับความเจ้าชู้ของเอ็มไปกี่รอบแล้วก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ยั้ยรินก็รักเอ็มมากเลย
      หรือครับ ผมได้แต่ตอบไปยังงั้น
      แล้วเพื่อนรินก็ขอตัวกลับแล้ว ผมเลยมาส่งที่รถ ผมโบกมือลา แต่เมื่อมองไปใน รถ รินไม่ยอมโบกมือ ได้แต่หลบหน้าผม คงไม่อยากให้ผมเห็น น้ำตาละมั้ง ผมเลยเดินกลับมาที่หอพัก ระหว่างทางก็ แวะเข้าร้านพี่สิน
       อ้าว! เอก เป็นไงสบายดีไหม
      สบายดีครับพี่
      เออ..นี้เอกมีหนังสือเล่มใหม่มานะ อยากลองเอาไปอ่านไหม
      ไหนหรือครับพี่
      ผมรับหนังสือมา เป็นเรื่องสั้นของคนแอบรักเขาข้างเดี๋ยว ซึ่งมันตรงใจผมพอดีเลยกับตอนนี้ ผมลองอ่านทีละหน้า
      นี้ เอก พี่สินทักผม
      ครับ!!! ผมตกใจกับที่พี่เรียก
      เป็นอะไร เห็นอ่าน ค้างเลย สงสัยพึ่งเป็นทุกข์กับความรักมาหรือไง
      เปล่าหรอกพี่ ผมพยายามตอบเลี่ยง
      ความรักนั้นนะ เอก บางทีมในก็มีสุขบ้าง และก็ทุกข์บ้าง บางทีการที่เรารักใครสักคนมันไม่จำเป็นหรอกที่เขาจะต้องรักเราตอบ เพียงแต่เรามีความรัก มันก็สุขใจพอแล้วกับการมีชีวิตในแต่ละวันนะ พี่พูดไปก็จัดหนังสือไป
      โห พี่คิดได้ไงเนี่ย
      พี่ไม่ได้คิดหรอก แอบอ่านจากหนังสือมาอีกทีนะ แล้วพี่ก็หัวเราะเล็กๆ
      งั้นผมไปแล้วพี่ครับ
      จ้า! มีความสุขกับวันหยุดนะ
      ผมเดินออกมาจากร้านหนังสือของพี่รินแล้ว บางทีพี่รินอาจจะพูดถูก เพราะความรักย่อมไม่ได้หมายถึงความรักของคนสองคน แต่เป็นเพียงคนเดียวก็ได้ 
      ผมเดินกลับมาที่ห้อง นอนเล่นอยู่สักพัก ก็คิดว่าน่าจะกลับบ้านไป เพราะนี้อีกหลายวันกว่ามหาลัยจะเปิด ผมเลยรีบลงมาข้างล่าง โทรไปบอกพ่อแม่ก่อน แม่ดีใจมากที่ลูกชายจะกับบ้าน พอว่างหูเสร็จ โทรเสร็จ ก็รีบขึ้นมาจัดเก็บของที่จำเป็น ลงมาบอกเฮียสุชาติว่าจะไม่อยู่หลายวัน ฝากด้วยแล้วกัน แล้วว่าจะไปหารถทัวร์กลับบ้าน

                              ***********************************************				
4 พฤศจิกายน 2545 17:10 น.

Feeling part 6 : เรื่องตลก ที่ขำไม่ออก

จากความฝันสู่ความจริง

ตอนที่ 6 : เรื่องตลก ที่ขำไม่ออก
       ตอนนี้ผมนั่งนึกถึงเรื่องสอบเก็บคะแนน ที่การสอบดูเป็นเรื่องเล็กไปเลยเมื่อเจอกับเรื่องพวกเด็กเก็บร่มแถวหาดไปดีกับเด็กท้ายตลาด แต่ถ้ามันไม่เกี่ยวกับ มหาวิทยาลัยก็คงไม่เป็นไร แต่นี้คนในมหาวิทยาลัยเราที่เจ็บก็ดันเป็นเจ้าวิทย์ ด้วย เรื่องมันเกิดเมื่อ 3 วันก่อนเอง

     เฮ้ย! เด็กท้ายตลาดตีกันหน้ามหาลัย เจ้าหมง วิ่งกระหือกระหอบมาบอกพวกเรา และไปตามห้องอื่นๆด้วย ผม เจ้าชิด และ เจ้าวิทย์ ลงไปดูกัน ก็เห็นเด็กเก็บร่มเกือบ 10 คน กำลังตีกับพวกเด็กช่างกลอยู่ ผมกำลังยืนดูเพลินๆ ก็เหลือบไปเห็นปิ่น จ๋อมและนก กำลังยืนดูอยู่อีกฝาก ผม เลยเดินไปทักปิ่น
     อ้าว! ลงมาดูด้วยหรอ เอก
     อืม ก็เจ้าหมงชวนลงมานี้แหละ
     ไม่น่าตีกันเลยนะ เราว่าน่าจะอยู่กันอย่างเป็นเพื่อนมากกว่า
     เราก็เห็นด้วย
     แต่เราว่ามันน่าจะโดนจับไปให้หมดเลย นกพูดแทรกขึ้นมา
     มีแต่เด็กมีปัญหาเท่านั้นแหละ ที่คิดอะไรตื้นๆแบบนี้
     ผมก็เห็นด้วย แต่พอผมหันไปดูพวกนักเรียนตีกันเมื่อกี้ มีอยู่คนนึงคงได้ยินที่นก คุยมั่ง เลย มองหน้านกและเดินถือไม้หน้าสามเข้ามาหา
     ทำไมวะ จะตีกีนมันหนักหัวใครวะ
     มันไม่หนักหัวใครหรอก แต่มันนักแผ่นดินวะ นกตอบกลับ ผมแทบจะซ็อคเลย เด็กท้ายตลาดก็เลย ง้างไม้กะจะฟาดนก พวกคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็แตกเป็นทางให้อย่างดีเลย ไม่มีใครสักคนขวางไว้ ส่วนนก ก็ได้แต่กลัวเพราะมันวิ่งเข้ามาเลย
     บึก! เสียงดังลั่นเลย และก็ตามมาด้วยเสียงโอดครวญ แต่มันไม่ใช่เสียงของนก กลับเป็นเสียงของเจ้าวิทย์ซึ่งนอนร้องอยู่ที่ทางเท้า มันวิ่งจากหลังผมไปขวางให้นกเมื่อไหรไม่รู้ เจ้าเด็กช่างกลก็งง ผมเลยรีบเข้าไปผลัก
     เฮ้ย! คู่แกอยู่ทางโน้น ไปตีกันต่อเลยไป๊
     ส่วนนก ก็คุกเขาลงไปดูเจ้าวิทย์ ซึ่งตอนนี้ลงไปนอน บริเวนหัว มีเลือดออกมา
     วิทย์.....วิทย์.....เป็นอะไรหรือเปล่า
     ผมก็เลยเรียกเจ้าชิดรีบพยุงเจ้าวิทย์ไปห้องพยายาบาล อาจารย์บอกว่าต้องพาไปโรงพยายาบาลแล้ว เพราะแผลลึกมาก อาจารย์เลยให้รถตู้หน้ามหาลัยไปส่งที่โรงพยาบาล ผมนั่งไปกับรถตู้ด้วย เจ้าวิทย์เงียบไปแล้วสงสัยหมดสติไป พอไปถึงหมอก็ส่งไปยังห้องฉุกเฉินเพื่อเย็บแผล
      ระหว่างนั้นเราก็รอกันอยู่ข้างนอก รออยู่ได้ซักครึ่งชั่วโมง หมอบอกว่ายังให้เจ้าวิทย์กลับไม่ได้เพราะว่า ต้องรอผลการเอ็กซ์เรย์ คงต้องพักอยู่ที่โรงพยาบาลซักสองสามวัน เราก็เลยไปหาเจ้าวิทย์เพื่อลากลับ แต่เจ้าวิทย์มันยังไม่ได้สติเลย เราก็ได้แต่ไปลาหมอเท่านั้น
     ผมกลับมานอนที่ห้องก็นอนไม่ค่อยหลับหรอกเพราะเป็นห่วงเจ้าวิทย์มัน แต่ก็ทนความง่วงไม่ได้ หลับไปซัก 2-3 ชั่วโมง ก็ตื่นรีบไปเรียน ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร พออาจารย์ปล่อยเลิก ก็แทบจะพุ่งตัวออกจากห้องเลคเชอร์ เลย ผมนั่งรถเมล์ ไปหาเจ้าวิทย์มัน
      เมื่อไปถึงโรงพยาบาลผมถามพยาบาลบดูบอกว่าอยู่ชั้น 3 เลยขึ้นบันไดไป พอไปถึงห้องเจ้าวิทย์ก็เจอกับนก นั่งอยู่ข้างวิทย์ที่นอนหลับอย่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย
     มานานหรือยังนก ผมเอ่ยถามนก
     อืม! ก็มาได้ซักครู่แล้วละ พยาบาลบอกว่า วิทย์อาการดีขึ้นแล้ว สามารถขอออกจากโรงพยาบาลได้วันนี้ละ
     หรอ แล้วนี้มาคนเดียวหรือไง
     เปล่า เรามากับพวกปิ่นนะแหละ แต่ปิ่นไปซื้อขนมกับจ๋อม
     อืม. ผมก็เดินไปดูอาการเจ้าวิทย์ซักหน่อย ซักพักปิ่นกับจ๋อมก็เดินเข้ามาพร้อมกับชิด ผมทำหน้าแปลกใจเพราะไม่เห็นนกบอกผมเลย
     เฮ้ย! นายก็มาด้วยหรือวะ ชิด
     ก็เออดิ เราก็ต้องมาอยู่แล้ว เพื่อนนอนโรงพยาบาลทั้งที ก็ต้องมานะซิ
     แล้วนายมากับปิ่นได้ไงวะ
     ก็เราเดินเข้ามาที่โรงพยาบาล ก็เจอกับจ๋อมที่ข้างล่าง ก็เลยเดินขึ้นมาพร้อมกันเลย
     หรอ! ผมกับเจ้าชิดก็มานั่งข้างเตียงเจ้าวิทย์มัน ผมอดคิดไม่ได้ว่าตอนเจ้าวิทย์เข้าไปขวางนกไว้ นกเขาจะคิดยังไงกับเจ้าวิทย์มัน เพราะเจ้าวิทย์มันอุตสาห์ไปช่วยนกทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มีความกล้าสักเท่าไหรเลย นี้ถ้ามันตื่นขึ้นมาตอนนี้ เจ้าวิทย์คงหน้าแดงและพยายามซ่อนตัวใต้หมอนแน่ๆเลย เฮ้อ! เซ็ง หว่าจะกลับมาที่ที่หอก็ตอนเย็นแล้ว เพราะพยาบาลไล่ให้กลับบ้านแล้ว เกรงว่าอาจจะรบกวนคนไข้
      ก๊อกๆๆ ผมสะดุ้งจากเหตุการ์ณเมื่อ 3 วันก่อน ผมกำลังนั่งนั่งเขียนไดอารี่ เล่มเดิมอยู่ เจ้าชิดก็มาเคาะประตู ขอเข้ามายืมเทปเพลงหน่อย ห้องผมตอนนี้เป็นเหมือนร้านขายเทปเลย เจ้าชิดชอบมายืมประจำ
     อืม.... แล้วคราวนี้นายจะยืม เพลงอะไรบ้างละ
     ผมบอกให้มันเข้ามาก่อนแล้วเดินไปที่ตู้เก็บเทป
     เอาเพลงอะไรก็ได้เกี่ยวกับความรัก
     เอ้า! รอเดี๋ยวนะ
     ผมหันไปหยิบเทปได้ 5-6 เทปแล้วก็หันกลับมาให้
     เอ้า! เอาไปเลย แล้วนี้จะเอาไปฟังหรือเจ้าชิด
     เปล่าหรอกวะ กะว่าจะไปอัดเป็นเพลงรวม ให้จ๋อม
     หรอ
     ไปละ
     เจ้าชิดกลับห้องไปแล้วผมก็คิดว่ามิหน่าเจ้าชิดถึงอยากจะอัดเพลง ความคิดมันก็ดีเหมือนกันแหะ น่าจะอัดไปให้ปิ่นบ้างดีกว่า ผมเลยลองหาเพลงรัก แต่ดันให้เจ้าชิดไปซะหมด ก็เลยไม่มี ต้องรอมันเอามาคืน นอนแล้วดีกว่าง่วงแล้ว				
26 ตุลาคม 2545 08:35 น.

Feeling part 5 : บอกรัก

จากความฝันสู่ความจริง

ตอนที่ 5 : บอกรัก
     ผมตื่นเช้ามากที่สุดก็คือวันที่ที่บ้านผมมีงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ แต่วันนี้ผมกลับตื่นเช้ากว่านั้นคือ ตี 3 ตื่นมาเพราะความฝันที่ผมกับปิ่นแยกทาง ความฝันนั้นทำเอาผมเหงือแตกพลักๆเลยเพียงเพราะผมยังไม่ได้บอกรักปิ่น พอผมตื่น ขึ้นมาก็คิดว่า มันก็จริงที่ผมไม่เคยบอกเลย แต่ทำยังไงดีละครับก็ผมไม่ค่อยจะกล้า บอกเลย แต่แค่ผมกับปิ่นอยู่ใกล้กันก็พอแล้ว แต่ก็นั้นแหละทำให้ผมกังวล แต่ผมก็ พยายามจะสลัดความคิดนี้โดยไปอาบน้ำ หาอะไรทำไปอ่านหนังสือแทนไปเห็นหนังสือ เรื่อง "กลอนสือรัก" ที่ผมซื้อมาจากร้าน พี่สินเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน มาอ่าน มีอยู่ 15 หน้า เป็นกลอนที่เขาเอาไว้ส่ง PAGER มันก็ดีหรอกนะ แต่ว่าปิ่นก็ไม่มี PAGER ซะหน่อย แต่ก็ดี
     ในหนังสือมีเกี่ยวกับนิยามรักมากมาย บางทีสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่เป็นคำตอบที่ต้อง ค้นหากันเอง ผมอ่านไปเรื่อยจนเวลาผ่านไป ชั่วโมงครึ่ง ผมก็ไปปลุกเจ้าชิดมัน เจ้าชิดทำหน้างั้วเงียและมองไปที่นาฬิกาและก็ทำหน้าแปลกใจ
     "ทำไมมึงตื่นเร็วจังวะ"
     "ไม่รู้วะแต่ตื่นได้แล้วเว้ย"
     "เออๆ เดี่ยวเราไปอาบน้ำก่อน"
     และผมก็เดินไปข้างล่างหาอะไรกิน ผ่านหน้าห้องติดต่อที่พัก เฮียสุชาติก็ออกมา พอดี
    "เอ้า อาเอก มีจดหมายถึงลื้อ"
     แล้วเฮียสุชาติก็ไปหยิบจดหมายมาจากโต๊ะทำงานของแก พอผมได้เห็นชื่อผู้ส่ง ผมก็ถึงกับประหลาดใจ เพราะคนที่เขียนจดหมายมาเป็นเพื่อนผมสมัยเรียนมัธยม คือเก๋ เก๋เป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดี๋ยวในกลุ่มผม ซึ่งเก๋เป็นคนที่นิสัยแก่นๆหน่อย ซึ่งเก๋เป็นคนที่ช่วยใน ด้านประสานงานกับอาจารย์ที่ปรึกษา ผมจึงรีบเปิดซองจดหมายอ่านดู

ถึงเอกสิทธิ์
	สวัสดีจ๊ะเอก สบายดีไหมนี้ตอนนี้เรามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่นี้อากาศดี มากเลย  นี้ตอนแรกเราไม่รู้ว่าเธอไปพักหอ แต่พอเราโทรไปที่บ้านถึงได้รู้ที่อยู่นี้แหละ เป็นไงกับการเรียนที่ม.บูรพา สะดวกสบายดีไหม เราว่านะจะสบายดีนะเพราะอยู่ติดกับ ทะเล เจ้าชิดเป็นไงบ้านยังเป็นเสื้อผู้หญิงอยู่หรือเปล่า จากการคาดเดาเราเจ้าชิดยังเป็นอยู่ แน่ๆเลย เอกก็ค่อยห้ามๆมันบ้างแล้วกันนะ แล้วตอนนี้เอกมีคนที่รู้ใจหรือยัง ตอนที่เรียน มัธยมนายก็ดูไม่สนใจใครเลยนิ รีบๆหาเข้าไว้นะ จะได้ไม่เหงาเวลา
     ไม่รู้จะเขียนอะไรแล้ว ก็ขอให้นายโชคดี เรียนได้ตลอดรอดฝั่ง นะ อย่าโดน retry ละ ถ้าโดน retry จะสมน้ำหน้าให้ดูเลย โชคดีนะ
รักเละคิดถึง
วรรณิสา
ป.ล. ว่างๆเอาน้ำทะเลมาฝากด้วยนะ

     ผมปิดจดหมายลง และก็เดินขึ้นไปบอกเจ้าชิด ซึ่งกำลังจะเดินออกจากห้องพอดีพอผมบอกเรื่องจดหมายจากเก๋ มันก็รีบเอามาอ่าน
     " อะไรวะ พูดถึงเราแค่นี้หรอ และยังมาพูดประชดอีก ไม่แฟร์เลยนิหว่า "
     " เก๋ไม่ได้ประชดหรอก เขาเป็นห่วงแกมากกว่าวะ"
     " แต่ก็น่าจะเขียนถึงเรายาวกว่านี้หน่อยแหละหน่า"
     แล้วมันก็ส่งจดหมายคืนมา ผมก็เอาไปเก็บที่ห้อง และก็ไปมหาลัยกัน ผมกับเจ้าเอกเดินไปเรื่อย เพราะวันนี้ไม่ได้รีบอะไร เจ้าชิดแวะที่ร้านขายขนม ซื้อพวกขนมขบเคี้ยว ไป
     "นายจะซื้อไปกินด้วยหรือไง"
     "เปล่า เราซื้อไปฝาก จ๋อม"
     นั้นสินะ ทำไมผมถึงไม่ซื้อไปฝากปิ่นบ้าง ก็คงจะดี แต่กำลังจะไปหาซื้อก็ได้ยิน เสียงเรียกมาจากข้างหลัง
     " เอก ชิด รีบขึ้นรถเร็ว"
     พอผมกับเจ้าชิดหันไป ก็เห็นเจ้าวิทย์ เรียกมาจากในรถของอาประวิทย์ ผมกับเจ้าชิดก็รีบวิ่งขึ้นรถไป
     " สวัสดีครับคุณอา "
     " เออๆ สวัสดี ตื่นแต่เช้าดีนิ ทั้งสองคน"
     "ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะตื่นเช้าหรอกครับ  แต่เจ้าเอกมันดันปลุกตั้งแต่ตี 3"
     "ตี 3 เลยหรอ" ประวิทย์ทำหน้าไม่เชื่อ "ทำไมตื่นเช้าขนาดนั้นเลยละ"
     "ไม่รู้เหมือนกัน คงฝันร้ายมั้ง" ผมพยายามตอบอย่างเลี่ยงๆ
     และพวกเราก็ไปถึงมหาลัยตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง หลังจากคุณอากลับไปแล้ว พวกเราก็เดินไปแถวๆ ตึกนิเทศศาสตร์ ตามคำชวนของเจ้าชิดมัน พอไปถึงเจ้าชิดก็ มองไปรอบหาจ๋อม และมันก็รีบเดินตรงเข้าไปที่กลุ่มของจ๋อม ซึ่งมีปิ่นและ นกนั่งอยู่ด้วย
     "สวัสดีจ๊ะ จ๋อม เรามีขนมมาฝาก"
     "อุ๊ย! ขอบใจมากชิด แต่วันหลังไม่ต้องซื้อมาก็ได้ เกรงใจ"
     และผมก็มองไปยังปิ่นซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรอยู่ก็ไม่รู้
     "สวัสดีนะ ปิ่น ทำอะไรอยู่หรอ"
     "อ้าว! เอก สวัสดี พอดีเรากำลังเขียน รายงานส่งอาจารย์นะ"
     "ส่งวันไหนหรอ"
     "ส่งสิ้นเดือนค่ะ"
     "โอ้โห จะส่งอาจารย์คนแรกเลยหรอ ขยันจัง"
     "อืม.." แล้วปิ่นก็ก้มหน้าก้มตาเขียนรายงานต่อไป
     ผมมองไปยังเจ้าประวิทย์ ซึ่งยังยืนอย่างเก้ๆกังๆ ซึ่งนกก็ดูจะไม่ชอบท่าทางของ ประวิทย์เลย และสุดท้ายก็ทนไม่ได้
     " เราไปก่อนนะปิ่น เดี่ยวเจอกันที่ห้องเรียนนะ"
     และนกก็รีบเดินออกไป เจ้าวิทย์ได้แต่มองตามหลังของนก จนลับสายตาและก็หันมาถอนหายใจ
     เฮ้ย! เป็นอะไรหรอประวิทย์ ผมทัก
     นายชอบนกหรือไง ผมลองแหย่ๆดู
     เปล่า! เราไม่ได้ชอบซะหน่อย แล้วมันก็หันหน้าหลบกลับไป
     ดูเจ้าวิทย์ทำ มันโกหกไม่เก่งเลย พวกผมก็แทบจะรู้ถึงความคิดของเจ้าวิทย์ทุกอย่างแล้ว แต่เจ้าวิทยิ์ยังปฏิเสธเฉยเลย เฮ้อ! แล้วเมื่อไรความรักของเจ้าวิทย์จะสมหวังซักทีละเนี้ย 
     แต่ผมก็คิดถึงเรื่องของผมกับปิ่น เพราะผมยังไม่เคยบอกว่าชอบปิ่นเลยซะจริงๆ ตอนแรกผมก็เคยคิดว่า ไม่จำเป็นเลยกับคำว่ารัก ที่จะบอกใครที่เรารัก แค่ความรู้สึกดีๆก็น่าจะพอแล้ว แต่เมื่อไม่นานมานี้ พี่สินเคยบอกว่า หากเรารักใครก็ควรบอกไปเลย ไม่ควรจะเก็บไว้คนเดียว เพราะหากโอกาสที่เราจะบอกเขานั้น มันไม่ได้ตรงเวลาเหมือนรถไฟลอยฟ้า หรอก หากเราพลาดโอกาสนั้นไปแล้ว เราไม่สามารถจะย้อยเวลาได้อีกเลย ความรักชังลำบากใจจริงหนอ
      เอก........เอก...........เป็นอะไรไปหรอ
     ผมสะดุ้งจากเสียงที่ได้ยิน ปิ่นหยุดเขียนรายงานและมองหน้าผม
     เป็นอะไรไปหรือเอก นั่งมองหน้าเราแล้วหลับในหรือไง
     เปล่า! เราก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยนะ
     อืม......... แล้วปิ่นก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปส่วนผมก็ยัง อดคิดไม่ได้ว่าจะพูดอย่างไรถึงความรู้สึกนี้กับปิ่นดี คิดไปคิดมา ก็มองนาฬิกา แล้วก็ต้องตกใจ เพราะเวลาผ่านไปเร็วมา จน 8.20 แล้ว เหลืออีก 10 นาที ผมต้องรีบไปเข้าเรียนแล้ว ผมก็บอกลาปิ่น และรีบวิ่งไปที่ห้องเรียน โดนอาจารย์ดุเอาชุดใหญ่เลย ว้า! ในที่สุดก็ยังไม่ได้บอกรักปิ่นซะที

                           ***********************************************				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟจากความฝันสู่ความจริง
Lovings  จากความฝันสู่ความจริง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟจากความฝันสู่ความจริง
Lovings  จากความฝันสู่ความจริง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟจากความฝันสู่ความจริง
Lovings  จากความฝันสู่ความจริง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงจากความฝันสู่ความจริง