~~~เปิดกรุงวรรณกรรม~~~

แทนคุณแทนไท

ย่ำค่ำนี้ นั่งอ่านหนังสือเพลินเพลิน
เคยคิดขึ้นว่า ผู้รักอักษราทุกท่าน ถ้ากำลังนั่งอ่านบทกวีอยู่ กำลังรู้สึกสุขใจกับกวีบทใดหนอ
ได้ดั่งนี้ จึ่งแวะชวนเพื่อนๆ นำบทกวีอันเป็นแรงบันดาลใจ เป็นวรรคทอง หรือวรรคที่ติดอยู่ในความรู้สึก มาแลกเปลี่ยนกันครับ....
หวังว่ากระทู้นี้ จะนำความสุขมายังหัวใจรักบทกวีทุกท่าน
ขอเปิดด้วยบทกวีอันคมความรู้สึกบทนี้ครับ
~~~~~~
ถึงสุดรักสุดหมายสายสมร
ก็มิกล้าเอื้อมอรอัปสรสวรรค์
ระหว่าง "รักสูงค่า" กับ "ฐานันดร์"
เจ้าเท่านั้นชี้ชัดตัดสินใจ
โดย ท่านชุมพล ปิตุทิพย์
~~~~~~
เด็ดขาดจริงๆ				
comments powered by Disqus
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 18:26 น. - comment id 15312

    ระหว่างรอ ต่อด้วยงานที่คุณอัลมิตรประทับใจ และได้ฝากไว้ในกระทู้วรรคทองครับ
    
    ร่วมกลอนรัก  (เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์)
    
    หัวใจรักเจ้าเอยช่างเอ่ยเอื้อน                       
    แว่วแว่วเหมือนมาตามมาถามข่าว
    มีน้ำอย่างหยาดแก้วกลบแววดาว๑             
    เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง๒
    อารมณ์รักมักให้เห็นเป็นกวี                        
    ถ้อยคำรักคือวลีที่เริงรุ่ง
    ถึงไม่จำแต่ไม่ลืมยังปลื้มปรุง                       
    หอมแห่งทุ่งดอกไม้รักรายรอง
    อ้อมกอดพี่จะสงวนไม่ด่วนเสนอ                
    อ้อมตักเธอจงถนอมก่อนยอมสนอง๓
    ทั้งคมคำคมความให้ตามตรอง                     
    กระเทือนห้องหัวใจกันหลายชั้น
    ดอกรักบานในใจใครทั้งโลก                     
    แต่ดอกโศกบานอยู่ในหัวใจฉัน๔
    คนเคยรักเคยร้างเคยห่างกัน                      
    ยังหวั่นหวั่นหวามหวามอยู่รำไร
    โอ้นกเขาเจ้าขันกระชั้นแจ้ว                     
    เราโตแล้วหาตักอุ่นหนุนไม่ได้๕
    ถ้าไม่ไปหาเขาเราเสียใจ                        
    แต่ถ้าไปหาเขาเราเสียตัว๖
    ทั้งเสียวสะแสบไส้กระไรเลย                       
    อุแม่เอ๋ยเอาหัวใจออกไขทั่ว
    กล้าก็กล้าใจหนอกลัวก็กลัว                       
    เหมือนมายั่วมาย้ำมานำชัก
    ขณะที่ปากมีไว้เพื่อให้พูด                       
    เธอก็ใช้ลิ้นการฑูตพูดเสียหนัก
    ส่วนหัวใจมีไว้เพื่อให้รัก                        
    เธอไม่ยักใช้มัน...ฉันเสียดาย๗
    เหมือนระย้าผกาแก้วแววระยับ                
    กระทั่งกับภูผาน่าใจหาย๘
    คือดวงแก้วแห่งรักมักวับวาย                     
    มีแต่จะตกกระจายไม่วายเว้น
    หนึ่งจะมีรักใหม่อย่าให้รู้                        
    สองจะอยู่กับใครอย่าให้เห็น
    ให้ฉันเถิดขอร้องสองประเด็น                 
    แล้วจะเป็นผู้แพ้ที่แท้จริง๙
    สารพันสารพัดจะสัตย์ซื่อ                          
    ความรักคือความทุกข์ถูกทุกสิ่ง
    ประเดี๋ยวสุขสมหมายก็พรายพริ้ง                 
    ประเดี๋ยวยิ่งปวดร้าวก็เศร้าทรุด
    ถ้ารักใครไม่ได้ก็ไม่รัก                           
    แต่กุจักชักดาบเข้าฉาบฉุด
    ดั่งโคถึกคึกคะนองลำพองรุด                  
    ใครจะยื้อใครจะยุดจะฉุดใจ๑๐
    เมื่อรักกันไม่ได้ก็ไม่รัก                          
    ไม่เห็นจักเกรงการสถานไหน
    ไม่รักกุกุก็จักไม่รักใคร                          
    เอ๊ะ  น้ำตากูไหลทำไมฤๅ๑๑
    ข้อยฉวยช้อนกลอนรักมาถักร้อย                  
    เป็นสายสร้อยดอกไม้สร้อยลายสือ
    มอบไว้เป็นของขวัญมั่นกับมือ                     
    เสมอสื่อสารรู้...ใจสู่ใจ 
    
    รายนามนักเขียนที่ประพันธ์วรรคทองจากบทกลอนชุดดังกล่าว มีดังต่อไปนี้
    
    ๑  ตุลย์เทพ     สุวรรณจินดา
    ๒  อังคาร     กัลยาณพงศ์     
    ๓  สวัสดิ์     ธงศรีเจริญ
    ๔  เฉลิมศักดิ์     ศิลาพร
    ๕ นิภา     บางยี่ขัน
    ๖  กรรณิการ์     เฮงรัศมี
    ๗  รังษี     บางยี่ขัน
    ๘  อุชเชนี
    ๙  สนธิกาญจน์     กาญจนาสน์
    ๑๐  ขรรค์ชัย     บุญปาน
    ๑๑  สุจิตต์     วงษ์เทศ
    
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 18:34 น. - comment id 15313

    คือน้ำผึ้งคือน้ำตาคือยาพิษ
    คือหยาดน้ำอมฤตอันชื่นชุ่ม
    คือเกสรดอกไม้คือไฟรุม
    คือความกลุ้มคือความฝัน...นั่นแหละรัก
    
    \"ไฟรัก ไฟลา ไฟชัง\" - รยงค์ เวนุรักษ์
    
    ไหมเส้นน้อยร้อยรัดเป็นมัดหมี่
    เครื่องปันสีสดแซมแต่งแต้มศิลป์
    ทอ เย็บ ปัก จัก สาน งานแผ่นดิน
    สร้างสรรค์จินตนาการกังวานไกล
    
    \"ศิลป์แห่งจินตนาการ\" - สันติ ชนะเลิศ
    
    หลงชอบชมลมปากลำบากแล้ว
    พอรู้กรวดรู้แก้ว ก็ขื่นขม
    คนปากหวานก้นเปรี้ยวซ่อนเคียวคม
    ใครนิยมก็ตกต่ำจงจำไว้
    
    \"อย่าหลง\" - สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล
    
    อันแผลกายง่ายนักเมื่อรักษา
    หมั่นทายาเช้าเย็นก็เห็นผล
    แต่แผลใจเจ็บหนักยากทานทน
    ขาดสติก็เสียคนไปจนตาย
    
    \"แผลกาย แผลใจ\" - กวี นิรนาม
    
    เปลวควันเทียนริบหรี่กลับมีแสง
    เกิดจากแรงตั้งจิตอธิษฐาน
    ดวงตาจึงเห็นธรรมสืบตำนาน
    ดวงใจจึงเบิกบานแต่นั้นมา
    
    \"แสงเทียนแสงธรรม\" - เสมอ กลิ่นหอม
    
    เราผ่านหนาวผ่านร้อนค่อนชีวิต
    ไฟความคิดอ่อนล้าจวนล้าแสง
    ไฟความรักความใคร่เคยไฟแรง
    วัยเริ่มแหนงหน่ายในไฟอารมณ์
    
    \"เถ้าชีวิต\" - ธัญญา ธัญญามาศ
    
    สุขหรือทุกข์อยู่ที่ใจไม่ใช่หรือ
    ถ้าใจถือก็เป็นทุกข์ไม่สุขใส
    ถ้าไม่ถือก็ไม่ทุกข์พบสุขใจ
    ใครอยากได้สุขหรือทุกข์ฉุกคิดกัน...
    
    \"สุขหรือทุกข์\" - กวี นิรนาม
    
    หลังคาโบสถ์โอดครวญเมื่อจวนผุ
    ระแนงลุล่วงหล่นบนพื้นหญ้า
    เสาอิฐปูนทรุดเซตามเวลา
    พระประธานสั่นหน้าระอาใจ
    
    \"แสงธรรม\" - สุธน พันธุเมฆ
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 18:43 น. - comment id 15314

    ลมหนาวเริ่มล่องมาจากฟ้าแล้ว
    พรมจูบแผ่วเจ้าพระยาโรยฝ้าฝัน
    คลื่นคลี่เกลียวแก้วม้วนกับนวลจันทร์
    กระซิบสั่นซ่านกระเซ็นเป็นสำนวน
    
    \"ลมหนาวและเจ้าพระยา\" - เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
    
    เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่
    ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่
    เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ
    ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
    
    \"ฟ้าสีทอง\" -วิสา คัญทัพ
    
    เอกลักษณ์ศักดิ์ศรีนกพิราบ
    นำมาซึ่งสันติภาพตราบโลกสิ้น
    ใครสืบทอดเจตนารมณ์สุขสมจินต์
    จารึกไว้แก่แผ่นดินเพื่อยินยล ..
    
    \"สงครามกับสันติภาพ\" - จำเนียร อุลิต
    
    รุ้งเจ็ดสี สวยสดงดงามมาก
    เป็นเวลาตกฟากรักใหญ่หลวง
    เสียง อุแว้! กำซาบนักซึ้งปักทรวง
    หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งรวงร่วงจากดอย
    
    \"ตกฟาก\" - บันลือ จินดาศรี
    
    แสงเพชรก่องส่องกล้าปัญญาฉาย
    เป็นประกายแจ่มหล้าปัญญาฉาน
    นับเป็นหนึ่งนำหน้าปัญญาชาญ
    ผู้นำการกิจจาปัญญาชน
    
    \"รำลึกถึงคึกฤทธิ์\" - เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
    
    ยามลูกขื่นแม่ขมตรมหลายเท่า
    ยามลูกเศร้าแม่โศกวิโยคกว่า
    ยามลูกหายแม่ห่วงแก้วดวงตา
    ยามลูกมาแม่ชื่นตื้นตันใจ
    
    \"ความรักของแม่\" - กวี นิรนาม
    
    แล้วสอยดาวสาวเดือนที่เกลื่อนฟ้า
    มาทำอาหารให้คนไร้สิ้น
    ฟันนภาที่เห็นออกเป็นชิ้น
    เอามาสินเย็บเป็นเสื้อเผื่อคนจน
  • แทนคุณแทนไท

    24 สิงหาคม 2549 18:45 น. - comment id 15315

    ตกหล่นชื่อผู้แต่งครับ แก้เป็น
    
    แล้วสอยดาวสาวเดือนที่เกลื่อนฟ้า
    มาทำอาหารให้คนไร้สิ้น
    ฟันนภาที่เห็นออกเป็นชิ้น
    เอามาสินเย็บเป็นเสื้อเผื่อคนจน
    
    \"ความเพ้อฝันที่ชนบท\" - วิทยากร เชียงกูล
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    24 สิงหาคม 2549 22:14 น. - comment id 15318

    36.gifเดียวค่อยมาใหม่ค่ะ
  • ศรีวิจิตรา

    25 สิงหาคม 2549 09:12 น. - comment id 15320

    หยาดน้ำค้างหยดแต้มบนแก้มหญ้า 
    หยาดน้ำตาหยดแต้มบนแก้มสาว 
    หยาดน้ำทิพย์หยดแต้มบนแก้มดาว 
    เป็นเรื่องราวรักหรือใคร่ก็ไม่รู้ 
    
    \"บทเรียนราคาแพง\" - สมบัติ ตั้งก่อเกียรติ
  • ศรีวิจิตรา

    25 สิงหาคม 2549 09:14 น. - comment id 15321

    พูดถึงรักหลายคนว่าเร็วกว่าเสียง 
    หลายคนเถียงก็มักว่าเร็วกว่าแสง 
    หลายคนบอกรักนี้เป็นสีแดง 
    หลายคนแย้งรักนี้เป็นสีดำ 
    
    \"รัก\" - ชมพร จือเหลียง 
    
    ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอมาแล้ว 
    ก้าวล้ำแนวแนวนั้นที่กั้นขวาง 
    แต่ที่เห็นเห็นเหมือนความเลือนราง 
    ไหวจางจางระหว่างใจในความจำ 
    ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอมาถึง 
    ในวันซึ่งพึ่งวัยจะใกล้ค่ำ 
    ใบสีขาวขาวหม่นเพราะปนดำ 
    จึงเหลื่อมล้ำเวลาที่มาเยือน 
    
    \"นางฟ้าใจร้าย\" - สุรินทร์ ประสพพฤกษ์
  • แทนคุณแทนไท

    25 สิงหาคม 2549 09:25 น. - comment id 15322

    เชิญวางตามสบายเลยครับคุณศรีวิตรา
    
    เช้านี้ ขอเริ่มด้วยงานท่านิภา บางยี่ขันครับ
    
    เพื่อน
    
    ทุกทุกแห่งที่เราเคยก้าวย่าง
    ทุกทุกทางที่เราเศร้าและสุข
    ทุกทุกหนเราซานซมล้มแล้วลุก
    ทุกทุกครั้งที่เราปลุกปลอบแก่กัน 
    
    แม้ทั้งหมดจดจำไว้ล้ำลึก
    นึกและนึกในใจยังไหวหวั่น
    หวานวันที่จะมาถึงเข้าหนึ่งวัน
    วันที่ผันเราพรากกันจากไกล
    
    นิภา บางยี่ขัน
  • ศรีวิจิตรา

    25 สิงหาคม 2549 09:25 น. - comment id 15323

    ไฟนั้นร้อนเท่าใดใครก็รู้ 
    เมื่อสุมอยู่กลางกมลฤๅทนได้ 
    ฉันพร้อมแล้ว .. สำหรับจะดับไฟ 
    เพื่ออิ่มกระไอ ความรักของนักบุญ 
    
    \"ไฟนักบุญ\" - พเยาว์ ปั้นแดง 
    
    ขอพบเธอในนามของความรัก 
    และเอ่ยทักในนามความคิดถึง 
    อ้างพยานมิตรภาพอันซาบซึ้ง 
    เพื่อตามหึงห่วงหวงทวงไมตรี 
    
    \"ในนามของความรัก\" - ประทีป พฤกษากิจ 
    
    โอ้หนาวเย็นเป็นไข้ทั้งในนอก 
    คมรักยอกใจรอหมอสมาน 
    แม้หมอไม่เมตตาพยาบาล 
    โปรดให้ทานยาพิษอีกนิดเอย 
    
    \"เพลงยาวสำนวนชาย\" - สันทนา ทองบุญส่ง 
    
    แม้ไม่เอื้ออาถรรพ์สมานแผล 
    โปรดลงแส้ซ้ำใจเสียให้สม 
    หวดตรงขั้วหัวใจให้สิ้นลม 
    อย่าใช้คมตาเฉือนแล้วเบือนเลย 
    
    \"คมตา\" - สวัสดิ์ ธงศรีเจริญ 
    
    เขาสามารถปราดเปรื่องในเรื่องรัก 
    เราโง่นักในเล่ห์เสน่หา 
    เมื่อเขาเก่งในการสร้างมารยา 
    เราก็หน้าด้านเป็น ... เล่นละคร 
    
    \"เขาเป็น..เราก็เป็น\" - รัศมี ปฐมพรวิวัฒน์ 
    
    อรุณสวัสดิ์ค่ะ 
    36.gif แวะมาฝากกลอนก่อนไปทำงานค่ะ
  • แทนคุณแทนไท

    25 สิงหาคม 2549 09:28 น. - comment id 15324

    และอีกอันหนึ่งในชื่อบทกวี
    
    พบกันใหม่
    
    เพื่อนคนดี.....
    เหมือนวันที่ชื่นหวังเราทั้งผอง
    ต้องสิ้นแยกแตกกันตามคัลลอง
    แล้วจะหมองหม่นเทวษเพื่อเหตุไร
    
    
    จะหวาดหวั่นอันใดในการจาก
    เพราะเราพรากเพียงเพื่อวันพบกันใหม่
    เมื่อหมดแดดแผดแสงที่แรงไกล
    จันทร์อำไพก็จะผ่องครองฟ้าเดิม
  • แทนคุณแทนไท

    25 สิงหาคม 2549 09:31 น. - comment id 15325

    ตามมาด้วยบทกวีชื่อ
    
    จากสวนสวรรค์
    
    โอ้ว่าวันเก่าเก่าของเราเอ๋ย
    เมื่อล่วงเลยแล้วก็ลับไม่กลับเหมือน
    ยิ่งนานเนิ่นเหินห่างยิ่งร้างเลือน
    ความเป็นเพื่อนก็คงถูกหลงลืม
    
    ยิ่งใกล้รุ่งดาวจะร่วงจากห้วงฟ้า
    โอ้น้ำตาน้องจะรินจากจินต์หมอง
    น้ำค้างหยัดหยดเผาะลงเกาะนอง
    ดวงใจน้องค้างอยู่คอยดูใจ....
  • แทนคุณแทนไท

    25 สิงหาคม 2549 09:33 น. - comment id 15326

    คุณศรีวิจิตราครับ วรรคทองวรรคนี้
    
    แม้ไม่เอื้ออาถรรพ์สมานแผล 
    โปรดลงแส้ซ้ำใจเสียให้สม 
    หวดตรงขั้วหัวใจให้สิ้นลม 
    อย่าใช้คมตาเฉือนแล้วเบือนเลย 
    
    \"คมตา\" - สวัสดิ์ ธงศรีเจริญ 
    
    เป็นอีกวรรคทองหนึ่งที่ผมหลงรักนักครับ
  • แทนคุณแทนไท

    25 สิงหาคม 2549 09:58 น. - comment id 15327

    ขอลัดคิว เอาใจเพื่อนคนหนึ่งหน่อย เธอว่า เธอหลงรักในอารมณ์กวีขอกวีหนุ่มใหญ่วัย40 กลางๆ คนนั้น
    
    เขาคือ กาน ติ ณ ศรัทธา กวีจากนครศรีธรรมราช กับบทกวีบทนี้
    
    \"กวีซื้อทอง\"
    
    กวีซื้อทองให้น้องหญิง
    สายสร้อยสวยจริงวิเศษสี
    คล้องคอเจ้าเข้ารูปกันพอดี
    งามเหมือนทิพย์เทวีที่ชั้นฟ้า
    
    (กวีเศร้าจังเลย
    มนุษย์เอยหลงอะไร ณ ใต้หล้า
    เพชรกับขี้มองให้ดีมีราคา-
    เท่ากัน ณ พสุธาค่าสมมุติ)
    
    กวีถามราคาค่าสายสร้อย
    งามหยดย้อยเจ้ามองซิบริสุทธิ์
    เงินกระเป๋าเทเกลี้ยงก้มเอียงงุด
    ก่อนจะผุดใบหน้าเริงร่ายิ้ม
    
    (กวีคิดถึงราคาค่าบทกวี
    ชิ้นละสี่ห้าร้อยมิค่อยอิ่ม
    อุตส่าห์ออมถนอมไว้ให้เจ้าพิมพ์
    นี่ก็ปิ่มใจขาดอนาถจัง)
    
    กวีออกจากร้านเดินผ่านถนน
    จับมือเจ้าสุขล้นบนความหวัง
    ความรักคือดวงไฟหวานไหวพลัง
    สุขเปล่งปลั่งเหมือนใจได้เพชรทอง
    
    (ความรักคืออะไรก็ไม่รู้
    ทำไมหนอต้องมาคู่กับข้าวของ
    รักคือลมได้ไหมในครรลอง
    เพื่อป่าวฟ้องถึงคุณค่าที่แท้จริง)
    
    กวีหมั้นสาวน้อยด้วยสร้อยสวย
    มอบหัวใจไว้ด้วยนะยอดหญิง
    กวีเล่นคำหวานตระการพริ้ง
    แถมจะทิ้งคำท้ายให้เธอเพ้อ
    
    (โอ้กวีควรจะหมั้นด้วยบทกวี
    หมั้นด้วยสร้อยสวยสีนี่เพ้อเจ้อ
    แต่ทำไงในโลกหวังยังละเมอ
    กวีเซ่อซมซานสะท้านทรวง)
    
    กวีส่งน้องลับ-เดินกลับหลัง
    โลกเหมือนดั่งสร้อยสีที่แสนหวง
    วันแต่งงานคงหวานไกลในโลกปวง
    เราจะล่วงคืนวันสู่ชั้นฟ้า
    
    (แต่กวีร้องไห้ใครจะรู้
    นั่นใบไม้ร่วงพรูอยู่ข้างหน้า
    โอ้ความรักหนักแล้วคงโรยรา
    เมื่อใดหลงคุณค่าอันจอมปลอม)
    
    เฮ้อ กว่าจะพิมพ์จบ จากฉบับรวมบทกวี ที่ซึ่งขุนเขาทะลุเมฆ
    
    ปล. เขาเคยกล่าวกับใครๆว่าเขาหาใช่กวีไม่ แต่สำหรับผมทุกครั้งที่อ่านงานเขา นึกคำอื่นไม่ออกว่าจะเรียกคนอย่างเขา อารมณ์อย่างที่แสดงออกว่าอะไร เขาคือกวี
    
    
  • ผู้หญิงช่างฝัน

    25 สิงหาคม 2549 12:17 น. - comment id 15328

    
    ไม่ผิดแผก
    ประกายแรก และท้ายปรายตานั่น
    งดงาม บริสุทธิ์ ดุจเดียวกัน
    แผกกาลอันเกาะเกี่ยว ดุจเดียวกาล
    
    เหมือนอย่างยิ่ง, แย้มยิ้มพริ้มรอยภาพ
    ในรอยยิ้มหอมซาบกุหลาบหวาน
    ในสดหอม ว่ายอมหลอมวิญญาณ
    เนานานผ่านพันธสัญญา
    
    ที่แตกต่าง
    โอบอ้อมอยู่รางราง  บางคุณค่า
    อ้อยอิ่งอยู่จางจางกลางอำลา
    หาจากแรกพบใดไม่อาจพบ
    
    ร้าวหนาวราวหนาม.. ใช่... ความเศร้า
    เร้น ฉาย และคืนเข้า ซ่อนเงาสงบ
    วูบวับจับใจไหวกระทบ
    ผ่านยิ้มบรรจบ  สบแววตา
    
    เธอรักงามเศร้านั้น ฉันก็รัก
    พิเศษเฉพาะนัก ตระหนักว่า
    ยิ่งปีติยินดีกว่ามีมา
    เมื่อถึงกาลพบหน้า อีกคราครั้ง
    
    เรารักท้ายสุดแห่งการจากลายิ่งกว่าแรกพานพบ
    ป ร ะ ก า ย   ป รั ช ญ า
    
    36.gif
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    25 สิงหาคม 2549 13:10 น. - comment id 15331

    ขณะเราเริงลำนำหนึ่ง
    ซ่านซึ้ง  สุขโศรก  โศลกฝัน
    ดำรู้สึก     ลึกดิ่ง     เรานิ่งงัน
    ขณะนั้นความเงียบได้เรียบเรียง
    แจ่มกระจ่างกลางใจ....เมื่อเพลงจบ
    และแล้วความสงบก็เปล่งเสียง
    นิ่งตระหนักในสำนึก  ตรึงสำเนียง
    วางใจเพียงความงามและความจริง
    
    ดอกม่วงขาวพราวพรายหยุดร่ายรำ
    ขณะหนึ่งลำนำ  ชั่วลมนิ่ง
    ฝนเปาะแปะแตะต้องเจ้าไหวติง
    เมล็ดน้อยต้อยติ่งก็ดีดตัว
                        ศักดิ์สิริ    มีสมสืบ
  • คนผ่านมา

    25 สิงหาคม 2549 20:27 น. - comment id 15337

    เรียน จขกท
    เอามาจากเว็บไหนให้เกียรติเขาด้วยสิ
  • ลียอง

    26 สิงหาคม 2549 09:52 น. - comment id 15339

    46.gif46.gif
  • แทนคุณแทนไท

    26 สิงหาคม 2549 11:55 น. - comment id 15342

    สวัสดีครับคนผ่านมา
    
    บทกวีหลายบท เป็นหลายความประทับใจของหลายคนครับ  เก็บมาจากพบเจอจากที่ต่างๆ จำไม่ไหวจริงๆครับ ว่ามาจากที่แห่งไหน
    
    ขออภัยถ้าทำให้ขุ่นเคืองใจ...
    
    สวัสดีครับ
  • แทนคุณแทนไท

    26 สิงหาคม 2549 11:58 น. - comment id 15343

    คุณผู้หญิงช่างฝัน
    
    ป ร ะ ก า ย   ป รั ช ญ า  เขียนงานได้อิสระจริงๆ แหละที่คุณนำมาวางผมน่าจะเคยอ่านนะครับ แต่คงไม่ได้พิศจึ่งไม่รู้สึกถึงอารมณ์กวีเมื่อได้อ่านอีกครั้งในวันนี้1.gif
  • แทนคุณแทนไท

    26 สิงหาคม 2549 12:01 น. - comment id 15344

    คุณกระต่ายใต้เงาจันทร์
    
    มีอีกไม๊ครับ บทกวีของคุณศักดิ์สิริ    มีสมสืบ
  • แทนคุณแทนไท

    26 สิงหาคม 2549 12:14 น. - comment id 15346

    วันนี้ มาด้วยงานของท่านสนธิกาญจน์ กาญจนาสน์ บ้างดีกว่า
    
    ในการรวมเล่มงานครั้งหนึ่งของท่านกับอีก 9 นักกลอนจากดินแดนด้ามขวาน 
    
    การจัดพิมพ์ครั้งนั้นได้เขียนบทนิยมถึงท่านไว้ว่า
    
    ...เขาเป็นนักวรรณศิลป์ผู้หนึ่งที่นักวรรณคดีวิจารณ์ท่านหนึ่งได้กล่าวถึงเขาไว้ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่า เขาคือ\"นักกลอนผู้จีโลงชีวิตและความหวัง... จากจังหวัดตรัง
    
    เริ่มด้วย \"มิเคย\" ครับ
    
    มิเคยบ้าอุดมการระรานมิตร
    มิเคยคิดฝันฟุ้งจนยุ้งเหยิง
    มิเคยปล่อยใจตนจนกระเจิง
    มิเคยเริงสุขล้นจนเกินพอ
    
    มิเคยหมดไมตรีที่โอบเอื้อ
    มิเคยเบื่อความดีที่ใครขอ
    มิเคยอ้อนวอนใครให้เขารอ
    มิเคยท้อหนามหนั่นกั้นทางเดิน
    
    มิเคยเห่อเหิมใจเมื่อได้สุข
    มิเคยทุกข์เมื่อมิตรคิดห่างเหิน
    มิเคยเศร้าเสียใจเมื่อใครเมิน
    มิเคยเยินยอใครให้เกินเลย
    
    ฉันจึงเขียนกลอนไว้...เพื่อใครอื่น
    ฉันชมชื่นคำที่อ้างอย่างเปิดเผย
    จากใจจริงสุดซึ้งจึงชมเชย
    ความไม่เคยที่กล่าวนั้น...\"ฉันรักเธอ\"
    
    ...ท่านสนธิกาญจน์ กาญจนาสน์...
    
    โดยเฉพาะวรรคจบนี้ เพื่อนคนหนึ่งเคยบอกว่า ฟังแล้วอึ้ง... คงเป็นเช่นนั้นจริงๆ
  • อัลมิตรา

    26 สิงหาคม 2549 12:23 น. - comment id 15347

    เมื่อคืนคุยกับรมย์ บุริน
    
    คุยถึงเรื่องหนังสือแสนรักที่จะนำไปประมูลในวันที่ ๙ เดือนหน้า
    คุยถึงเรื่องแวดวงหนังสือวรรณกรรม คุยถึงเรื่องวรรคทอง
    รมย์ บุริน ถามว่า .. ชอบหนังสือใครเป็นพิเศษหรือเปล่า ..
    อัลมิตราหยุดคิดนิดหนึ่งแล้วก็ตอบว่า .. ไม่รู้เหมือนกันแฮะ ..
    .. แล้ววรรคทองล่ะ มีมั๊ยในใจ .. 
    .. ความหมายของ วรรคทอง คือยังไงกันนะ ..
    
    สำหรับอัลมิตราเอง บางทีไปเจอประโยคเด็ด ๆ ที่ริมกำแพง บนถุงกล้วยแขก
    ซึ่งประโยคดังกล่าว อาจทำให้อัลมิตรารู้สึกแตกแขยงได้มากกว่าถ้อยคำเพียงไม่กี่คำ
    อัลมิตราไม่แน่ใจว่า แบบนี้ใช่ไหมที่เรียกว่า โดนใจ .. 
    แต่อัลมิตราก็ความจำเหมือนปลาทอง  เพียงไม่นาน อัลมิตราก็ลืม 
    จนต้องถูกกระตุ้นเตือน บางทีก็หวนนึกได้บ้าง บางที่ก็หวนนึกไม่ได้บ้าง
    บางที จู่ ๆ ก็แว๊ปเข้ามาในสมองเอง .. บอกไม่ถูกแฮะ
    
    อัลมิตราเป็นคนที่ดูแล้วไม่ค่อยเอาไหนนัก ตำรับตำราที่ได้รับมา
    หนังสือเกี่ยวกับร้อยกรองก็มีอยู่แยะ .. คนนั้นให้บ้าง คนนี้ให้บ้าง
    อัลมิตราอ่านแค่รอบเดียว แล้วก็เก็บใส่ตู้หนังสือ บางเล่มยังติดค้าง ไม่ได้เปิดอ่านเลย
    แต่ถ้าเป็นหนังสือการ์ตูน อัลมิตราอ่านแล้วอ่านอีก วนหลายรอบ .. หวงเสียด้วย
    
    อัลมิตราตอบรมย์ บุริน ไม่ได้ว่า .. อัลมิตราชื่นชอบผลงานของใครเป็นพิเศษ
    แต่ถ้ารมย์ บุริน ถามว่า ชอบหนังสืออะไร ? อัลมิตราก็พอจะตอบได้ เพชรพระอุมา
    ตกลงว่าอัลมิตราชอบแนวเขียนคนประพันธ์ หรือว่า ชอบเรื่องราวในการประพันธ์กันนะ
    อัลมิตราคงต้องทบทวน ตั้งคำถามสำหรับตนเองบ้างแล้ว .. 
    
    เหมือนเพลง .. อัลมิตราชื่นชอบศิลปินคนไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า ?
    เอ !! มันก็ตอบยากอยู่เหมือน
    เพราะว่าชอบเป็นเพลง ๆ ไป ไม่ค่อยได้ยึดถือว่าใครร้อง ใครแต่ง ค่ายไหน
    แต่อัลมิตราจะรู้สึกดีเป็นพิเศษ สำหรับ น้าหมู และ น้าหง่า .. ที่ร้องเพลงเพื่อชีวิต
    แล้วน้าหมูกับน้าหง่า .. จะคือคำตอบที่ถูกต้องคร๊าบ สำหรับอัลมิตราหรือเปล่า อัลมิตราก็ไม่รู้
    เนื่องจากว่า อัลมิตราไม่รู้ลึก ๆ ถึงความเป็นศิลปินของทั้งสองนั่น บางเพลงของเขา ก็ไม่เคยฟัง
    
    คุยกันไปคุยกันมาอยู่นาน .. แล้วก็วกมาถึงเรื่องงานครบรอบ ๕ ปี อาศรมชาวโคลง
    รมย์ บุริน จะฝากหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับโคลงนั้น ซึ่งเป็นหนังสือแสนรักของเขา ฝากวางประมูล
    อัลมิตราก็บอกรมย์ บุรินว่า .. หนังสือแสนรักของอัลมิตราเป็นการ์ตูน .. โอ .. คงฮากันทั้งวัดแน่เลย..
    
    ในขณะที่คุยกับรมย์ บุริน นั้น .. อัลมิตราก็นึกถึงกระทู้นี้ ซึ่งก็ผ่านตาตั้งแต่วันแรกที่คุณลงกระทู้แล้วล่ะ
    อัลมิตราคิดว่า จะเขียนอะไรดีนะ ในคอมเมนท์ .. คราวก่อนก็ลงบทกลอนที่ประทับใจไปแล้ว
    ซึ่งก็ปรากฏอยู่ในคอมเมนท์ที่ ๑ ข้างบน ..
    ที่ประทับใจ .. ประทับใจตรงที่ว่า อ.เนาว์ เขาสามารถเก็บวรรคทองของแต่ละคนมาเรียงร้อยใหม่
    ทีนี้ อัลมิตราก็มานึก ๆ .. วรรคทองของทุกคน ต้องเหมือนกันไหมนะ ?
    อย่างวันก่อน อัลมิตราถามคุณหนูอาริตา นักเขียนชื่อดังว่า .. 
    .. ถ้าเผื่อว่าอัลมิตราอ่านหนังสือของกวีดังแล้วไม่รู้เรื่อง ..
    .. อัลมิตราจะถูกจัดให้อยู่ในหมวดคนประหลาดหรือเปล่า ?..
    และแล้วอัลมิตาก็ได้คำอธิบายที่ดีกลับมา
    
    อืมม เนอะ .. พอจะเข้าใจอยู่หน่อย ๆ 
    ในความหมายที่ว่า ..วรรคทอง กลอนที่โดนใจ กลอนที่สัมผัสใจ คืออะไรแล้วล่ะ
    
    โอ้โห .. เมื่อเช้ากินแมงโม้ไปแปดตัว ดูสิ โม้ซะยาวเลยค่ะ
  • แทนคุณแทนไท

    26 สิงหาคม 2549 12:23 น. - comment id 15348

    และถ้าใครกำลังหาพลังใจที่จะข้ามผ่านเจ็บปวดไป เมื่อได้อ่านบทกวี แบบให้กำลังใจตัวเองของท่านสนธิกาญจน์ น้อยคนนักที่บอกว่าไม่รู้สึกอะไร  
    
    บทนี้ครับ
    
    \"แต่สักวัน.
    
    ...
    ต้องซมซานให้หมอช่วยเมื่อป่วยหนัก
    แม้หมอจักมีคุณธรรม์น่าสรรเสริญ
    แต่แผลนี้ถูกสับเสียยับเยิน
    หมอจำเมินที่จะมาพยาบาล...
    
    แล้วก็จบว่า
    
    แม้ฉากเขียนของชีวิตจะบิดพลิ้ว
    ชีพหมุนติ้วด้วยสิ่งร้ายทำลายขวัญ
    หมอจำเมินต่อคำครวญรำพัน
    แต่สักวัน...ขอทำดีใช้หนี้กรรม.
    
    ท่านสนธิกาญจน์ กาญจนาสน์
  • แทนคุณแทนไท

    26 สิงหาคม 2549 12:57 น. - comment id 15352

    ลัดคิวมาคุยกับคุณอัลมิตราก่อนแล้วกัน
    
    จำได้เลยครับว่าตอนเด็กๆ ไม่ชอบบทกวีเอามากๆ จนวันหนึ่งได้พบแรงบันดาลใจที่ดี กอรปกับได้พบกับกวีซีไรต์ แห่งยุคสมัย2ท่าน  ยังจำวรรคเริ่มที่เขียนให้ได้ดีครับ  ทำให้รักบทกวีมาจนถึงทุกวันนี้...
    
    จำได้ว่าครั้งนั้นมีบทกวีที่ถ้าจำไม่ผิดท่านบอกว่า นี่ไง \"กวีใช้ปลอบกวี\"
    
    \"อยากให้เงยหน้าพริ้มยิ้มอย่างเก่า
    อย่าซึมเซาเพียงหายเสน่หา
    อย่าร้องไห้ตาจะช้ำเปลืองน้ำตา
    อย่าเหว่ว้าวุ่นวายให้อายคน\"
    
    ผมเคยถามหนึ่งในสองท่านนั้นว่า จะเขียนกลอนรักได้ดีต้องทำอย่างไร
    
    ท่านไม่อธิบายสิ่งใด นอกจากฝากไว้ว่า \"ถ้าเขียนคำรักได้เต็มผืนฟ้า โดยไม่มีคำว่ารักเลยสักคำ เมื่อนั่นแหละความรักได้เบ่างบานในหัวใจคุณแล้ว\"  ท่านกล่าวตอบ
    
    จนบัดนี้ครับ แม้ผมยังไม่เคยเข้าใกล้อารมณ์รักอันเป็นธรรมดาของชีวิตแบบที่ท่านว่า สักครั้งก็ตาม
    
    แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผมยังหลงและปักใจในบทกวีเป็นนักหนา
    
    และในทุกวันนี้ เมื่อมีโอกาศ ต้องไปเยือนท่านที่กล่าวถึงเสมอๆ  แปลกนะเมื่อพบต้นตอของแรงบันดาลใจ ความตื้นตันใจมักมาสวัสดีเอาดื้อๆ...
    
    แท้แล้วบางครั้ง ไม่ได้ทักทายกันเลยสักคำ
    
    ที่ขำและหน้าอายสำหรับผู้ชายคือ บางคืนในฝันของผมกลับฝันถึงผู้ชายเอาดื้อๆ  ก็จะให้ทำอย่างไรเล่า กวีที่ผมกล่าวมา เป็นชายเต็มชายซะด้วยซิ
    
    จนถึงทุกวันนี้ครับคุณอัลมิตรา ความรักในบทกวี ยังคงสม่ำเสมออยู่เช่นนั้น 
    
    เมื่อวันไหนได้พบบทกวีที่สะกดความรู้สึก จึงมักอดไม่ได้ที่จะดื่มด่ำอยู่นานสองนาน
    
    ถ้าจะตอบใครๆว่าทำไมถึงรักบทกวี คงไม่สามารถอธิบายความรู้สึกผมให้ใครไหนเข้าใจได้  รู้แต่ \"มันเกินตัดใจ\"
    
    และเช่นกัน ถ้าถามว่าหนังสือเล่มไหนที่แสนรัก คงตอบไม่ได้เช่นกัน คงเพราะมีหลายเล่ม
    
    คงตอบได้เพียงตัวอย่างหนังสือเล่มแรกๆที่หวงนัก
    
    ได้มาตอนหนึ่งในสมัย อายุ 16
    เกลอเก่าไปโขมยจากคุณพ่อมาให้(ซึ่งความจริงข้อนี้ผมมารู้ภายหลังครับ)  คงเป็นเพราะว่า ในตอนนั้นเขารู้ว่าผมหลง ย้ำนะครับว่าหลงบทกวีเข้าให้แล้ว
    
    หนังสือเล่มนั้นคือ \"เสียงใจ ๑๐ นักกลอน\" ครับ
    
    พูดมาซะยาว คุณอัลมิตราคงคอแห้งแล้ว ไปหาน้ำดื่มเถอะ สวัสดีครับคุณ
  • อัลมิตรา

    26 สิงหาคม 2549 14:09 น. - comment id 15355

    ฉันนั้นไร้ศักดิ์ศรีกวีแก้ว
    แค่ลอกแนวลักเรียนหัดเขียนอ่าน
    ส่วนร้อยกรองทั้งหมดที่จดจาร
    มีคนอ่านบ้างไหมฉันไม่รู้ ?
    
    หนังสือเกี่ยวกับบทกวีเล่มแรกที่ได้รับมอบมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนนั้น
    น่าจะเป็น นิราศนรินทร์ ที่จอมยุทธเมรัยให้มา ..
    ส่วนก่อนหน้านั้น อัลมิตราแค่ไปยืนอ่าน,นั่งอ่าน ในร้านหนังสือ 
    เด็กในร้านคงเซ็งอัลมิตราเต็มที ซื้อก็ไม่ซื้อ ไปอ่านฟรีอยู่ได้ .. ก็ไม่มีตังค์นี่นา
    จากนั้น หนังสือเกี่ยวกับบทกวีก็เริ่มหลั่งไหลมาเรื่อย ๆ โดยมาก สหายจากอาศรมมอบให้
    
     \"เพียงความเคลื่อนไหว\" .. ของ อ.เนาว์ อัลมิตราได้รางวัลมาจากการเขียนโคลง
    มีลายเซ็นของผู้ประพันธ์ด้วย.. แต่อัลมิตราก็มอบให้อดีตสมาชิกบ้านกลอนไทยไปอีกทอด
    
    ให้อัลมิตรานึกก่อนนะ ว่าเริ่มต้นมีใจกับร้อยกรองเมื่อไหร่
    ตอน ม.๑ ครูที่สอนวิชาภาษาไทยใจดี อัลมิตราท่องอาขยานสลับบรรทัดกัน ก็ไม่โดนดุ แต่ไม่ให้ผ่าน
    กว่าอัลมิตราจะท่องอาขยานได้โดยไม่สลับวรรค สลับบรรทัดได้ ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันทั้งคนฟังและคนท่อง
    ตอนนั้นอัลมิตราก็แปลกใจเหมือนกัน ทำไม เหลือแต่เราที่สอบท่องเอาการไม่ผ่านซักที สลับไปมาอยู่เรื่อย
    ตอนนี้ไม่แปลกใจแล้วล่ะ ในความแหกคอกของอัลมิตรา คนที่สอนกลอนก็บ่นว่า อัลมิตราดื้อที่สุด สอนยากที่สุด
    
    ตอน ม.๓ ซึ่งต้องแยกย้ายกันไปเรียนต่อ อัลมิตราไม่มีสมุดเฟรนชิป แต่อัลมิตราได้เขียนกลอนสั้น ๆ ให้เพื่อนบ้าง
    ต้องบอกอีกไหมว่าทำไม จึงไม่มีสมุดเฟรนชิป .. ก็เพราะไม่มีตังค์ (คำตอบเดิม)
    นั่นเป็นการฝากความถึงเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย บนสมุดของเพื่อน .. 
    ซึ่งอัลมิตราก็ไม่รู้ว่า เฟรนชิปเล่มนั้นจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีหรือเปล่า
    แต่ก็รู้สึกเท่ห์ ที่เขียนเป็นกลอนให้เพื่อนทุกคน ที่นำเฟรนชิปมาให้อัลมิตราเขียน 
    
    คุณเขียนกลอนรักได้ดีนะ .. อัลมิตราอ่านแล้วรู้สึกเช่นนั้น ไม่ได้ป้อยอเพื่อชวนคุยหวังผล
    สำหรับอัลมิตราเอง บางทีก็เขียนในแบบที่สมมุติตัวเองเป็นผู้ชาย 
    แต่อัลมิตราจะหงุดหงิด หากใครคิดว่า อัลมิตราเป็นทอม .. ฮา ..
    ทั้งที่อัลมิตราไม่ใช่ผู้หญิงที่ละมุนนุ่มนวล แต่อัลมิตราก็ไม่อยาก ไม่ใช่ผู้หญิง .. 
    นึก ๆ แล้วก็ตลกดีเหมือนกัน พรางตัวเองเป็นผู้ชาย เพื่อเขียนอะไรบางอย่างถึงตัวเอง ..
    
    อัลมิตราไม่เคยเอากลอนรักของอัลมิตราไปเพ้อฝัน โดยเฉพาะฝันถึงผู้หญิงนะ ฮา ..
    ไม่งั้น คงเข้าข่ายเดียวกับคุณแล้วล่ะ 
    
    เห็นคุณเขียนกลอนรัก กลอนหวาน .. บ่อย ๆ จนทำให้อัลมิตรานึกคาแร็คเตอร์ของคุณว่าเป็นคนโรแมนติค
    เอ !! ถ้ากลับกันล่ะ อัลมิตราเขียนติงต๊องก็บ่อย ใคร ๆ จะคิดว่า อัลมิตราเอ๋อ ออทิสติค หรือเปล่าเนี่ย
    
    .. ย่องไปนอนรอบบ่ายก่อนนะคะ ค่ำนี้มีนัดกับเพื่อนสมัยเรียน รร.พระแม่มารี
    แล้วจะแอบถามบรรดาคุณเธอทั้งหลายว่า ยังเก็บเฟรนชิปไว้อยู่หรือเปล่า ได้การล่ะ หาเรื่องคุยกับเพื่อนเก่าได้
    
    ย่องมาอีกได้ไหมเนี่ย .. ? อาการของแมงโม้ริสซึ่มยังไม่หมดเลย
    
    ปล.กลอนที่เห็นในคอมเม้นท์นี้ไม่ใช่วรรคทองนะคะ เป็นแค่วรรคดินของอัลมิตราเองค่ะ
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    26 สิงหาคม 2549 18:22 น. - comment id 15362

    ที่รักกันสรรเสริญเจริญสิ้น
    ที่ชังนินทาแถลงทุกแห่งหน
    การทั้งหลายร้ายดีหนีไม่พ้น
    จะกลัวคนครหาว่ากระไร
                                   สุภาษิตสำหรับสตรี
    
    ประเพณีตีงูให้หลังหัก
    มันก็มักทำร้ายเมื่อภายหลัง
    จระเข้ใหญ่ไปถึงน้ำมีกำลัง
    เหมือนเสือขังเข้าถึงดงก็คงร้าย
                                       พระอภัยมณี
    
    อันที่จริงหญิงกับชายย่อมหมายรัก
    มิใช่จักตัดทางที่สร้างสม
    แม้นจะรักรักไว้ในอารมณ์
    อย่ารักชมนอกหน้าเป็นราคี
                                        สุภาษิตสอนหญิง
    
    หนาวน้ำค้างพร่างพรมจะห่มผ้า
    พออุ่นอารมณ์ระงับได้หลับไหล
    ถึงลมว่าวหนาวยิ่งจะผิงไฟ
    แต่หนาวใจจากเจ้าให้เศร้าซึม
                                        นิราศพระประธม
    
    เป็นสาวแส่แร่รวยสวยสะอาด
    ก็หมายหมาดเหมือนมณีอันมีค่า
    แม้นแตกร้าวรานรอนถอนราคา
    ก็จะพาหอมหายจากกายนาง
                                       เพลงยาวถวายโอวาท
    อันคดอื่นหมื่นคดกำหนดแน่
    เว้นเสียแต่ใจมนุษย์สุดกำหนด
    ทั้งลวงล่องอเงี้ยวทั้งเลี้ยวลด
    ถึงคลองคตก็ยังไม่เหมือนใจคน
                                          นิราศเมืองเพชร
    
    อนึ่งเล่าเข้าที่ศรีไสยาสน์
    อย่าประมาทหมั่นคำนับลงกับหมอน
    เป็ยนิรันดร์สรรเสริญเจริญพร
    คุณบิดรมารดาครูอาจารย์
                                           สวัสดิรักษา
                 (รัตนกวีสี่แผ่นดิน)
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    26 สิงหาคม 2549 18:50 น. - comment id 15363

    ว่าวดุ๊ยดุ่ยลอยลมนิ่งอาบนวลจันทร์
    พลิ้วสั่นสะท้านคันธนู.....หนาว
    ร่วงโรยทิ้งร่างลงพร่างพราว
    ดอกทองกราวพรูพรำ....ในค่ำคืน
    
    เพลงดุ๊ยดุ่ยดลดาลฤดีรู้
    ให้เราดูฤดีตนปลุกใจตื่น
    ฤดุกาลผ่านระกำ...เรากล้ำกลืน
    ดวงดอกดื่นร่วงเกลื่อนฤดีกาล
     
     .....................................................
    ลมพัดกวัดไกว
    ฉันแขวนห้อยลูกยางไว้ริมหน้าต่าง
    ข้างนอก....โครมครืนสะอื้นคราง
    ต้นยางใหญ่ล้มระงมครวญ
    ฉันมองกรอบหน้าต่างลูกยางไกว
    สายลมแห่งยุคสมัยช่างผันผวน
    หมื่นแสนลูกยางลิ่วปลิวแปรปวน
    ยังเรรวนเร่ร่อนว่อนเวิ้งฟ้า
    
                                  ศักดิ์สิริ      มีสมสืบ
  • ห้วงคำนึง

    27 สิงหาคม 2549 21:55 น. - comment id 15373

    สักวาหน้าหนาวหนาวสุดหนาว
    น้ำค้างพราวหนาวเย็นทุกเส้นขน
    หนาวจนสั่นซึมซาบดั่งอาบชล
    หนาวสกนธ์ยังไม่เท่าหนาวฤทัย
    
    หนาวสะท้านหนาวสะท้อนนอนไม่หลับ
    ความหนาวจับแทบจนทนไม่ไหว
    หนาวอย่างนี้ได้สมหมายก็คลายไป
    หนาวอะไรไม่ต้องบอก ทายออกเอย..
    
    ท่านชิต บุรทัต
  • แทนคุณแทนไท

    13 มกราคม 2554 16:09 น. - comment id 33066

    http://www.artgazine.com/shoutouts/viewtopic.php?t=2747
    
    http://www.artgazine.com/shoutouts/viewtopic.php?t=41

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน