ไยหวั่นไหว...ไปกับกลอน

อนงค์นาง

ไม่อยากเชื่อว่าเข้ามาในบ้านกลอนทีไร ต้องหวั่นไหวไปกับกลอนทุกที มีใครเป็นเหมือนกันบ้างมั้ยคะ ชอบแอบรักกลอน แล้วก็ต้องอกหักทุกที ทั้งที่ในชีวิตจริง ค่อนข้างจะต่างกันมาก เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา แต่พอได้เข้ามาบ้านกลอนที่ไร เป็นอีกคนหนึ่งที่มีโลกของตัวเอง เป็นคนช่างฝัน เป็นคนเจ้าน้ำตา สงสัยจะอ่านนวนิยายมากไปตอนวัยรุ่น เลยสร้างวิมานในอากาศ แต่พอตอนเช้าตื่นขึ้นมา ก็เป็นอีกคนที่ต้องทำงาน ทำหน้าที่ตามปกติ ยุ่งทั้งวัน
 อยากรู้จังเลยค่ะว่าเพื่อนๆ เวลาแต่งกลอนนั้น แต่งออกมาจากใจจริงที่คิดในขณะนั้น หรือ ตรงกันข้ามกับกลอนที่แต่ง เป็นคนละคนกับกลอน เป็นมายา หรือเป็นความจริงกันแน่ค่ะ จะได้รู้ว่าใครจริงใจ ใครจิงโจ้ ไม่ไปหลงรักกลอนอีก แหะๆ แต่ตัวเองแล้ว เขียนออกมาจากใจจริงทุกครั้งเลยค่ะ เกิดขึ้นและดับไป ตามกาลเวลา 
ถ้าใครพบรักแท้จากกลอนได้ นับว่าโชคดีมากนะคะ ก็ได้แต่ภาวนาขอให้เป็นเช่นนั้น เพราะเพื่อนในบ้านกลอนนี้ ก็นิสัยดี น่ารักกันทั้งนั้น เลยอดหวั่นไหวไม่ได้ ขอสารภาพ เพราะยังเป็นปุถุชนธรรมดาที่ยังตัดกิเลสไม่ได้จนถึงขั้นนิพพาน แค่รักษาศีลห้า โดยเฉพาะข้อสี่ สำคัญมากๆนะคะ				
comments powered by Disqus
  • มินตรา

    9 มกราคม 2553 20:15 น. - comment id 26602

    ส่วนใหญ่ กลอนจะสะท้อนตัวตนคนเขียน
    ในส่วนที่เป็นอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดนะคะ
    ไม่ใช่ความสวยความหล่อ
    อย่างคนข้างใจ เขาจะอารมณ์ดี ตลก สนุกสนาน
    เขียนกลอนออกมาทีไร ก็จะต๊องๆ
    (แต่ที่ซึ้งๆ ก็มีนะคะ  ขอบอก)
    
    และก็อีกล่ะ  ที่ปรุงแต่งขึ้นตามเหตุการณ์ก็มี
    อ่อนไหวไปกับกลอนได้
    แต่อย่าหวั่นไหวไปกับคนเขียนกลอนดีกว่าเนาะ
    
    คิดถึงนะคะพี่นาง
  • อัลมิตรา

    6 มกราคม 2553 16:12 น. - comment id 26814

    เรื่องของกลอนกับคนอ่อนไหว
    หากไม่ยั้งหัวใจไว้บ้าง ก็อาจจะต้องเข้าข่ายคนหลงอักษร
    ที่จริงแล้ว คนเขียนกลอน กับ กลอนที่เขียน
    อาจจะแตกต่างกันสุดขั้วในแง่ของการทำให้เกิดภาพในความนึกคิด
    
    บางบทกลอน โรแมนติค อ่านแล้วรู้สึกหวิวหวาบ 
    อ่านแล้วก็เข้าใจคิดไปว่า นัยเนื้อกลอนนั้น เขาหมายถึงเรา เขาเขียนให้เรา
    ความสุขใจก็จะเกิดขึ้นทันที รู้สึกปลื้ม รู้สึกดึ่มดำ รู้สึกลุ่มหลง
    นาน ๆ เข้า ก็จะเกิดความรู้สึกผูกพัน และเกิดความรู้สึกที่นึกเป็นเจ้าของกลอน
    หวงแหน และ มีอารมณ์หงุดหงิด เมื่อเห็นคนเขียนกลอนนั้นให้ความสนิทสนมกับคนอื่น
    บางคนถึงกับพร่ำเพ้อ ฟูมฟาย เสมือนโลกทั้งโลกตกอยู่ในม่านหม่นสีเทาทีเดียว
    
    ...................................................................................................................................................
    
    ในโลกจริง ปัจจุบันเราอยู่ เราเป็น เช่นไร ... ต้องพยายามที่จะไม่ลืมตัวตนที่แท้จริง
    การใฝ่หาความสุขในอินเตอร์เน็ต ในการอ่านกลอน ในการเขียนกลอน 
    มันเป็นแค่วิธีหนึ่งในการผ่อนคลายเท่านั้น  แต่ถ้าจะต้องมาหมกมุ่นเกินไป
    จนกระทั่งกลายเป็นบั่นทอนตัวเอง มันก็เป็นเส้นทางที่ไม่ควรจะเป็น ไม่ควรจะเกิด ไม่ควรจะมี
    
    :)  มีความสุขมากมายกับการอ่านกลอน และ เขียนกลอนนะคะ
    เพื่อน ๆ ในนี้ มีมากมาย ทั้งอุปนิสัยใจคอ บางอย่าง เรียนรู้แค่ตัวอักษร ก็ยังพิสูจน์ตัวตนไม่ได้ค่ะ
    
    ว่าแต่ว่า แอบถลำใจให้ใครหรือยังเอ่ย ?
  • (น้ำตาลหวาน)

    6 มกราคม 2553 16:55 น. - comment id 26816

    ตัวอักษรที่เขียนเป็นบทกลอน อาจมาจากใจ
    จากความรู้สึกที่แท้จริง แต่ บางครั้งก็อาจ
    เป็นเพียงจินตนาการเท่านั้น 
    
    กลอนก็คือกลอนค่ะพี่อนงค์นาง...อย่าให้ใจ
    หวั่นไหวไปกับตัวอักษรที่ใครๆก็เข้ามาเขียน
    ได้ เข้ามาอ่านได้...
    จะผิดไหม...ถ้าพิมไม่เชื่อว่า ใครจะเขียน
    กลอนรักเพื่อใครจริงจัง  ถ้าเขียนเพราะว่า
    ใจรัก ใจชอบบทกลอน ก็เป็นอีกเรื่องนึง ...
    แต่..ถ้าใครคิดว่า เขียนเพื่อใครจริงๆก็ต้องขอ
    อภัยไว้ด้วย 
    ที่สำคัญ อาจมีบางใคร เห็นความหวั่นไหวและ
    ความอ่อนไหวของอีกคน เป็นเรื่องลองเล่น
    สนุกๆ ซึ่งก็เป็นไปได้อีกเหมือนกัน
    ในโลกอินเตอร์เน็ต เป็นไปได้ทุกอย่างค่ะ
    
    แต่ยอมรับว่า บ้านกลอนมีมิตรภาพที่ดี และ
    จริงใจ ไม่แบ่งเพศ วัย สถานะ อาชีพ ซึ่ง
    ในโลกอินเตอร์เน็ตมีน้อยมากที่จะเป็นเช่น
    นี้ค่ะ เราเลือกเข้าบ้านกลอนเพราะมิตรภาพ
    ที่ดี สนุกสนาน และมีความสุขน่าจะแฮปปี้
    กว่าไหมค่ะ 
    
    ขอให้พี่สาวมีความสุขกับชีวิตนะค่ะ
    
    36.gif36.gif36.gif
  • โอ้ละหนอ

    6 มกราคม 2553 17:13 น. - comment id 26817

    สำหรับใครอื่นไม่รู้ด้วย แต่สำหรับโอ้ละหนอ
    ขอพูดเฉพาะตัวตนของตนเอง วิเคราะห์ได้ชัดเจนสำหรับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองเท่านั้นว่าใหลหลงในบทกลอนมาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็แต่ง ๆ ไปตามอารมณ์ความรู้สึกของตนเองในขณะนั้น ๆ ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่แต่งได้พื้น ๆ เท่านั้นเอง มีความสามารถแค่นั้นแหละแค่กลอนแปดธรรมด๊าธรรมดา แต่ก็เป็นความธรรมดาในอารมณ์อันอ่อนไหวของคนชอบกลอนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง  ตอนเรียนประถม,มัธยมต้น-ปลาย ก็แต่งตามวาระที่ครูกำหนดให้ในวันสำคัญต่าง ๆ หก็ได้ลงหนังสือของโรงเรียนบ้างก็เป็นปลื้มไปตามประสาเด็ก ๆพอเรียนนิติราม ก็มีแฟนตามประสาวัยรุ่น ตอนรักก็แต่งกลอนรัก พออกหักก็แต่งกลอนอกหักไปตามเรื่องราว  พอเจอเว็บบ้านนี้ก็เข้ามาร่วมด้วยช่วยกันแต่ก็ไม่เกงฉกาจอะไร  คอยอ่านของคนที่เขาเก่ง ๆ กันก็มีความสุขตามประสาคนแก่ไปวันๆ   อ่าน-แต่งเพราะรักและชอบนะคะ
  • กุ้งหนามแดง

    6 มกราคม 2553 17:24 น. - comment id 26818

    พนักงานรับโทรศัพท์รูปร่างท้วมแต่เสียงดีมาก.....รวมถึงอุปนิสัยด้วยล่ะ
    
    คนเขียนกลอน (ขอย้ำว่าบางคน)..ก็คล้ายๆ ยังงั้นแหละ..อิอิ
    
    :)
  • เทียนหยด

    6 มกราคม 2553 19:29 น. - comment id 26820

    เวลาที่เขียนกลอนบอกได้เลยค่ะมีความสุข
    และสนุกกับการเขียนทุกครั้ง..อาจมีบ้างที่
    เขียนไม่ออก..หรือบางครั้งอักษรก็ลื่นไหล
    ก็แล้วแต่ว่าอารมณ์ขณะนั้นเป็นยังไง...
    
    และอีกอย่างก็คือการเขียนกลอน..มันก็เป็นความชอบที่ฝังอยู่ในตัวมานานมากๆ...และอ้อยเองก็ใช้ความชอบเป็นใบเบิกทางเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองรัก..และทุกครั้งที่เขียนมันก็มีที่มาของแต่ละบทกลอน..ไม่ว่าจะอิงจากชีวิตจริงหรือเป็นจินตนาการก็ตาม...
    
    แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่จะเตือนตัวเองเสมอ..คือ
    อ้อยจะไม่เล่นกับความรู้สึกของบุคคลอื่นโดย
    เด็ดขาด...เพราะอ้อยถือว่าเป็นเรื่องที่ละเอียด
    อ่อนและสำคัญมากๆ...
    
    และอีกอย่างเดี๋ยวนี้โลกเรามันถูกย่อลงมาซะ
    เล็กนิดเดียวเองค่ะ..อะไรต่อมิอะไรเราจึงได้
    รับหรือสัมผัสได้ง่ายๆ..ก็คงอยู่ที่ตัวเราเองด้วย
    ว่าจะแยกแยะได้หรือเปล่าเท่านั้น...
    
    อ้อยขอยืนยันตามความคิดของ คุณพิมอีกคน
    ด้วยค่ะในแง่ที่ว่า กลอนก็คือกลอน
    
    ขอให้พี่โชคดีและมีความสุขค่ะ
    
    36.gif11.gif
  • somebody

    6 มกราคม 2553 19:51 น. - comment id 26823

    ความลับมาบอก เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น 
    เคยมีเด็กถูดฆ่าตายที่ห้องน้ำของภารโรง 
    แต่ไม่สามารถหาต้นเหตุคดีได้ 
    จึงได้ปล่อยร่างไร้วิญญาณของเด็กน้อยทิ้งไว้ ณ ที่เดิม 
    ไม่มีการทำพิธีอะไรทั้งสิ้น วิญยาณของเด็กจึงล่องลอยจนเวียนอยู่ในรร.เป็นเวลาหลาย10ปี 
    จนวันหนึ่งได้มีกลุ่มน.ร.หญิงเข้าไปในห้องนำนั้นเพื่อหวังจะแกล้งภารโรง 
    จึงได้พบวิญญาณของเด็กน้อยกำลังไต่ไปตามเพดาล พร้อมแสยะยิ้มให้ 
    พวกเทอกลัวมากรีบวิ่งออกจากห้องน้ำ 
    แต่เพื่อนคนหนึ่งพลันไปเหยียบแอ่งน้ำที่พื้นเข้า 
    จึงได้ล้มแปสะดุดขาของเพื่อนอีกคนหนึ่งเข้า 
    เพื่อนคนนั้นได้จับแขนของอีกคนไว้จึงล้มกันมาเป็นทอดๆและหัวฟาดพื้นตายหมด 
    วิญยาณของเขาจึงวนเวียน ณ ที่แห่งนั้นตลอดไป 
    จงส่งไปอีก20กระทู้ ภายใน 7 ๙ม. 
    ตอนแรกเราก็ไม่เชื่อแต่เพื่อนเราประสบอุบัติเหตุไปแล้ว 5คนตั้งแต่เราอ่าน 
    
    ขอโทษนะ...
  • แมงกุ๊ดจี่

    6 มกราคม 2553 21:14 น. - comment id 26826

    สิ่งที่เห็น  อาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
    สิ่งที่คิด  อาจไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น 
    
    
    การเขียนกลอน...
    สำหรับตัวเอง   จากที่เป็นละทำมันผสมปนเปกัน
    
    จินตนาการ
    ความรู้สึก
    สิ่งสมมติ
    อารมณ์ 
    สถานการณ์
    
    องค์ประกอบเยอะเหมือนกัน...
    ในขณะที่เขียนคือพยายามให้ตัวเองรู้สึก
    เหมือนที่เขียน  ถ้าคนอ่านเชื่อในสิ่งที่เขียน
    มะกรูดคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จ  ....
    
    สำหรับการล้อเล่นกับความรู้สึกของใคร  หรือว่า
    ใครล้อเล่น กับความรู้สึกเรานั้น...
    "เมื่อตีกลองให้จังหวะ  ก็เต้นตามแต่ถ้าเหนื่อยก็ไม่เต้น"
    
    อยู่ในโลกความฝัน  เราก็ดำเนินไปในโลกฝัน
    อย่างควรจะเป็น
    แต่เมื่ออยู่ในโลกความเป็นจริง  ชีวิตเรา
    ยังต้องวุ่นวายกับแวดล้อมรอบตัวอีกเยอะแยะ
    จนไม่มีเวลาคิดถึงโลกความฝันหรอกค่ะ
    
    แค่เพียง ปิดสวิทช์หน้าจอก็มืดดำ....
    ขอคุณอนงค์นางมีความสุขกับการโลดแล่นเที่ยวเล่นบนโลกไซเบอร์  ด้วยความสุขค่ะ
  • = สิ้ น ฝั น =

    7 มกราคม 2553 08:09 น. - comment id 26827

    คุณอนงค์นาง
    ความหวั่นไหวไปกับบทกลอนไม่ใช่เรื่อง
    แปลกสักนิด แต่จะแปลกอย่างมากหาก
    คนเขียนกลอน เขียนหรืออ่านกลอนไปแบบ
    ไร้อารมณ์และความรู้สึก
    สำหรับผมแล้วกลอนย่อมสะท้อนตัวตนของ
    คนเขียน ยกเว้นว่าคนเขียนคนนั้นจะ
    พยายามบิดเบือนหรือสร้างภาพลักษณ์ให้
    ผิดไปจากความเป็นจริง ซึ่งกลอนที่ออกมา
    ก็เหมือนกินข้าวเปล่า จืดชืดไร้ชีวิตชีวา
    ส่วนเรื่องอารมณ์ความรักที่เกิดขึ้นเพราะ
    ความผูกพันธ์กันในบทกลอนหรือตัวหนังสือ
    มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสักนิดของมนุษย์ทั่วไป
    ถามหน่อย คนจะรักกันรักเพราะหน้าตา
    เท่านั้นหรือ งั้นคนขี้เหร่ อ้วนต่ำดำขาวก็
    มีแฟนไม่ได้ อย่างเพลงพรหมลิขิต ยังบอกไว้
    เลยว่า
     " ....เราสองคนต้องเป็นเนื้อคู่  
     เพียงแต่ดูรู้ชื่อโดยพลัน
    ก็รู้สึกนึกรักกัน
    จนฝันใฝ่ให้ผูกพันธ์
    แม้ไม่ทันจะเห็นรูปกาย..... "
    
    คุณนางไม่ต้องกังวลกับความรู้สึกที่เกิดกับตัวเองหรอกครับ ปล่อยให้มีอิสระและโลดแล่น
    ไปตามสภาวะของมัน ไม่ต้องไปบีบไปกดทับ
    เอาไว้ เพียงแต่ให้มีสติรับรู้ได้ว่ากำลังเกิด
    ความรู้สึกแบบนี้ แบบนั้นขึ้นกับเราก็พอ
    ส่วนในโลกของความเป็นจริงเราจะสมหวัง
    ในความรักไหม ก็ช่างหัวมันปะไรเป็นเรื่อง
    บุญทำกรรมแต่ง
    
    ใครๆหลายคนรวมทั้งผมก็เป็นแบบคุณนาง
    แต่จะมีสักกี่คนกล้าพูดความจริง
    
    ผมเริ่มจะชอบคุณเข้าให้แล้ว
    ( โอ๊ะๆๆ ล้อเล่นนะ  แค่อยากให้ยิ้ม
    เพราะรอยยิ้มเป็นเครื่องสำอางที่ดีที่สุด
    ในโลก)
  • ผู้หญิงช่างฝัน

    7 มกราคม 2553 09:22 น. - comment id 26829

    เรื่องธรรมดาค่ะ  ก่อนที่จะสามารถทำความเข้าใจและรู้เท่าทันมัน ร้อยทั้งร้อยผ่านความรู้สึกหวั่นไหวมาแล้วทั้งนั้น  1.gif  
    ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร ไม่แปลกเลยที่เราจะรู้สึกประทับใจ ไหวหวั่นไปตามอารมณ์และจินตนาการของบทกวี    
    โลกแห่งจินตนาการให้ความสุขเราได้เสมอ แต่เมื่อใดที่ก้าวล่วงเข้าไปสู่ความเป็นจริงแล้วพบว่า
    บางสิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่วาดฝัน เราจะรับมือกับมันอย่างไรต่างหาก.. 
    และก็แน่นอนว่าวิธีการของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน 
     
    อย่ากังวลไปเลยค่ะ ไม่ว่าโลกไหน ๆ  เราสามารถพบมิตรแท้มิตรเทียมได้..  ไม่ต่างกัน
  • คนกุลา

    7 มกราคม 2553 10:57 น. - comment id 26831

    มาอ่านเพื่อ ซึมซับ อารมณ์และจิตนาการ
    ของนักกลอน ครับ
    
    36.gif1.gif36.gif
  • อนงค์นาง

    10 มกราคม 2553 15:21 น. - comment id 26843

    ขอขอบคุณทุกๆความเห็นนะคะ 
    คุณอัลมิตรา 
    น้องน้ำตาลหวาน
    คุณโอ้ละหนอ  
    พี่กุ้งหนามแดง 
    น้องเทียนหยด
    คุณแมงกุ้ดจี่ 
    คุณสิ้นฝัน 
    คุณผู้หญิงช่างฝัน 
    คุณคนกุลา 
    คุณหลี่เหม่ยจิน 
    คุณมินตรา 
    คุณธันวันตี 
    ขอบคุณด้วยใจค่ะ
    
    36.gif36.gif36.gif16.gif
  • หลี่เหม่ยจิน

    7 มกราคม 2553 22:01 น. - comment id 26853

    ปกติเป็นคนไม่ค่อยไหวหวั่นไปกลับกลอน...
    แต่ชอยระบายอารมณ์ออกมาเป็นกลอน...
    ถ้าไม่ได้พบบ้านกลอนไทย...ก็คงบันทึกอยู่ในสมุดกลอนของตนเอง...อยู่อย่างนั้น...เข้าบ้านกลอนไปเพราะบังเอิญ...จริงๆ ตอนนั้นเศร้ามากๆ อกหักมาจาก เว็ปต์หนึ่ง...เสียใจ..
    แต่พอเข้ามาบ้านกลอนไปกลับได้พบแต่มิตรภาพเหมือนคนครอบครัวเดียวกัน...กัลยาณมิตรคนแรกคือคุณนิพนธ์...(นามปากกาว่า..บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก) คืนนั้นเขียนกลอนตอนตี 3 ยังไงไม่รู้เวลาไปตรงกับคุณนิพนธ์เขียนกลอนที่ วอชิงตัน เลยได้คุยกัน...แต่พักนี้คุณนิพนธ์หายไปไหนไม่รู้...ไม่ค่อยเขียนกลอนลงเท่าไหร่...อยากสวัสดีปีใหม่เพื่อนต่างแดนค่ะ
  • ธันวันตรี

    10 มกราคม 2553 00:42 น. - comment id 26879

    ถ้าอ่านกลอนคนไหน แล้วหวั่นไหว แสดงว่า คนๆ นั้น น่าจะถ่ายทอดอารมณ์ผ่านบทกลอนออกมาได้ดีครับ
    
    ^ ^
    
    36.gif11.gif36.gif
  • ร้อยฝัน

    14 มกราคม 2553 15:05 น. - comment id 26888

    แสดงว่า  คนเขียนกลอนเก่ง
    คุณถึงคล้อยตามกลของกลอน
    ขอให้อ่านอย่างเข้าถึงเนื้อกลอน
    แต่อย่าหลง ไปกับเนื้อกลอนเลยค่ะ
    เนื้อหากลอนบางครั้งมาจากเรื่องจริงบวกจินตนาการและอารมณ์  ดังนั้นเชื่อไม่ได้ทั้งหมด  คนเขียนกลอนบางคน  อาจจะเขียน   ชดเชย สิ่งที่ขาดหายไปในชีวิต เขียนเพื่อเติมเต็มเป็นความสุขทางใจ 
    ขอให้มีความสุขในการอ่านกลอน และเขียนกลอนค่ะ
  • โคลอน

    20 มกราคม 2553 08:31 น. - comment id 26950

    11.gif11.gif11.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน