8 พฤษภาคม 2549 12:18 น.

ทำไร่ปลายนา

บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก

เหินห่างห้างถางป่าพนาสณฑ์
ลับลู่ลอดตาคนด้นถางไร่
เพียงเพื่อพอยังชีพตีบตันไป
ยามยากแย่เพียรไว้ไม่คร้านเกิน

มิมีมาดบาทใหญ่ต้ดขายส่ง
เพียงเพื่อเพียรดำรงตรงขาดเขิน
เกิดก่อก็จนยากตรากเผชิญ
ด้นดุ่มเดินตามจนคนติดดิน

ตัดตรงต้นตะขบใช่ลบป่า
ทนทำที่ไร่นาใช่กล้าฝิ่น
ฟากฟ้าฟุ้งฝนเหือดหายไป่ริน
หวังไว้ว่าคงไม่สิ้นหมู่พนา

ยังอยากอยู่ปลูกยางแยกส่งขาย
ต้องตัดต้นตะขบรายรอบป้องป่า
ทำที่ทางเป็นแปลงปลูกยางพารา
ต่ำต่อแต่นั้นปลูกข้าวอย่างเก่าเคย

-----------------------
บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
๗  พฤษภาคม  ๒๕๔๙

ชาวนาหัดปรับหัวดอนปลายนาปลูกป่า...อ่ะนะ				
19 เมษายน 2549 11:40 น.

กาลเวลา

บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก

"กาลเวลา" ผ่านพ้นบนวิถี
ทุกชีวีเปลี่ยนผันสำคัญหมาย
แต่ก็มีเหตุผลดลมากมาย
ต่างปีนป่ายบนวิถีที่เป็นไป

"กาลเวลา" ควรภักดิ์รักษ์ถนอม
มิอาจกล่อมเวลาย้อนมาใหม่
ควรรอบคอบกอปรกาลที่ผ่านใจ
อย่าปล่อยให้ผ่านเลยจนเคยตัว

"กาลเวลา" บ่งชี้มีแปรเปลี่ยน
ล้วนหมุนเวียนไปเป็นเห็นกันทั่ว
วันนี้เราเฝ้ามองหรือข้องมัว
แยกดีชั่วฝึกไว้ในเวลา

"กาลเวลา"  เกิดขึ้นยืนหยัดอยู่
เพียงชั่วครู่ผ่านไปให้หวนหา
ดุจจันทร์เพ็ญเด่นกระจ่างพร่างนภา
แล้วบุหงาเปลี่ยนเป็นเช่นวงรี

----------------------
บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
๑๙  เมษายน  ๒๕๔๙

ใครคนหนึ่งถามถึง  "กาลเวลา"  เธอเอ่ยว่ามิได้ยินนานเนิ่น
ด้วยวิถีชีวิตลิขิตเผชิญ.........เราจึงเดินห่างกัน  ณ  กาลเวลา
				
14 เมษายน 2549 17:58 น.

จันทร์ดารา

บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก

จันทร์มิเคยหลับใหลยามใดดอก 
เพียงแต่หมอกเมฆบังครั้งไม่เห็น 
ความจริงจันทร์เจนจบสงบเย็น 
ต่างประเด็นขึ้นแรมแต้มแต่งจันทร์ 

ใครจะพร่ำร่ำร้องจนก้องฟ้า 
ฟายน้ำตารันทดหมดสิ้นฝัน 
บนฟากฟ้ามิร้างห่างสักวัน 
ดวงบุหลันยังอยู่คู่ฟ้าดิน 

ใครจะชื่นรื่นรมย์สุขสมหวัง 
จันทร์ก็ยังคงมีมิสูญสิ้น 
ยังหมุนรอบโลกาน่ายนยิล 
อาจแหว่งวิ่นไปบ้างบางวันคืน 

ยามกลางวันจันทร์ฉายมิพรายแสง 
มิขันแข่งตะวันมิพรั่นฝืน 
ต่างดำรงคงทนบนจุดยืน 
ดาวดาษดื่นรอบจันทร์ทุกวันเวลา 

----------------------- 
บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก 
๑๓ เมษายน ๒๕๔๙ 				
12 เมษายน 2549 10:51 น.

รสคำ-ธรรมรส

บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก

ยุคสมัยผ่านพ้นคนเราเปลี่ยน 
โลกหมุนเวียนวนวกตลกใหญ่ 
นึกแล้วขำย้ำคิดเพ่งพิจไป 
อยู่แสนไกลกลับข้องเหมือนต้องตา 

บ้างทะเลาะเบาะแว้งแย่งกันพูด 
บ้างหน้าบูดทำบึ้งดูขึงท่า 
บ้างหว่านคำพร่ำย้อยร้อยมาลา 
บ้างหาญกล้าบนบานผ่านบทกลอน 

แปลกจริงหนอความรักยุคหนักอก 
ช่างตลกมิเห็นหน้ามาออดอ้อน 
พราวน้ำโหโชว์น้ำตาเหมือนอาวรณ์ 
ด้วยอาทรผ่านถ้อยที่ร้อยคำ 

ยุคโลกาภิวัตน์ตะหวัดถ้อย 
เสกเรียงร้องรังสรรค์ทุกวันพร่ำ 
ใส่อารมณ์คมคายระบายนำ 
ลงตอกย้ำด้วยวาทีที่กินใจ 

นึกถึงคำครูกลอนสุนทรภู่ 
ว่าหวานคำพร่ำโสตสะกดได้ 
เกินกว่าอ้อยร้อยตาลรสหวานใด 
ยังแพ้คำพร่ำไขจากใจคน 

เว้นรสธรรมพระสัมมาค่าสูงนัก 
สามารถหักอวิชชาถ้าฝึกฝน 
มิเพียงบอกหลอกใจให้วกวน 
แต่สร้างคนน่ายลยินดังอินทร์พรหม 

----------------------- 
บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก 
๑๒ เมษายน ๒๕๔๙ 				
10 เมษายน 2549 05:05 น.

คนกับต้นไม้

บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก

มองสีสรรพันธุ์ไม้หลายหลากต้น 
ก็เหมือนคนต่างแกวแนวพงศา 
บ้างสูงต่ำดำขาวดังกล่าวมา 
กิริยาต่างกันนั่นประเด็น 

ตามคำพระพุทธองค์ทรงจำแนก 
กรรมที่แผกแยกให้ได้พบเห็น 
สัตว์ทั้งมวลล้วนมีกรรมนำให้เป็น 
ทรงย้ำเน้นทำดีมีครรลอง 

ส่วนต้นไม้ไร้จิตพนิจต่าง 
จึงแยกข้างจากสีสรรมวลพันธุ์ผอง 
ทั้งอากาศธรรมชาติจัดประคอง 
ดินฟ้าป้องปกแผ่ให้แปรพรรณ 

ต้นเดียวกันแปลกกาลพลันแตกต่าง 
ใบบอบบางเปลี่ยนฉากหลากสีสรร 
ร้อนสีแดง-แซมเหลืองรับหนาวพลัน 
หนาวสะบั้นผลัดใบไว้รับสโนว์ 

ดุจดังคนปรับตนและทนอยู่ 
เรียนและสู้วิถีที่ผลัดโผล่ 
ต่างอากาศภูมิเทศเขตใหญ่โต 
หยิ่งยโสอยู่มิได้ในสังคม 

การเรียนรู้อยู่อย่างคนช่างคิด 
แยกถูกผิดดีชั่ววางตัวสม 
โอนอ่อนตามบางสิ่งหยิ่งอาจจม 
ควรอบรมบ่มเพราะให้เหมาะควร 

---------------------- 
บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก 
๙ เมษายน ๒๕๔๙ 

เมื่อมาอยู่อเมริกา จึงรู้ว่า 
ต้นไม้ต้นเดียว มีตั้งหลากหลายสีสรร นึกถึงไม้หลากพันธุ์ ล้วนแปรผันตามเวลา 				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
Lovings  บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
Lovings  บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
Lovings  บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงบ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก