30 พฤษภาคม 2548 18:45 น.

ค่ำคืนนี้..ฉันหลับ

ปากกาดอกไม้(2)

 ค่ำคืนนี้ฉันหลับใช่เหนื่อย  อ่อนล้า
เพียงแต่รอเวลา  วันใหม่
เอนตัวพิงกายพัก   หัวใจ
ปลดพันธนาการไปบ้าง  สักครา
ภาระหนักหนากองก่ายไว้   ข้างหลัง
หัวใจได้มีพลังไป   ข้างหน้า
ทุกข์โหมระทมมาทุก   เวลา
ทุกวันสู้ฟันฝ่า 
เธอรู้สึกอ่อนล้า   หรือยัง
สายลมโอบกอด   รัดกาย
ฉันสัมผัสได้ถึง   ความหวัง
ความเศร้าความสุข
ความทุกข์ความรัก
ความเกลียดความชัง
ขอหยุดมันสักครั้ง ท่ามกลาง   ราตรี
อดีตร่ำรำลึก  มากมาย
เพื่อนฝูงพี่น้องประจักษ์ได้   คืนนี้
ผ้าห่มหลับฝัน  ชั้นดี
คือห่มรักจากอดีต   วันวาน
ปัจจุบันอาจไม่  สวยหรู
อนาคตอาจดูไม่  แสนหวาน
แต่ค่ำคืนนี้คงอีก   ยาวนาน
ขอฉันดื่มด่ำความสุขล้ำท่ามกลาง  ราตรี
ฉันหลับใช่ฉันเหนื่อย   อ่อนล้า
เพียงแต่รอเวลาให้   ทุกคนตื่น
ในม่านหมอกความทรงจำยาม  ค่ำคืน
ความทรงจำที่ไม่มี  วันจาง

ฉันหลับเพื่อที่จะระลึกถึงความทรงจำต่างๆ
หรืออาจสรรสร้างความทรงจำใหม่ๆ
ให้ประทับตราตรึงทุกครั้งไป
แม้นตื่นมาความทรงจำนั้นอาจจะลบเลือน
ฉันหลับเพื่อจะก้าวไปในวันใหม่
หลับเพื่อจะพักใจที่อ่อนล้า
หลับเพื่อจะหลบเลี่ยงสายตา
หลับเพื่อจะไขว่คว้ากำลังใจ				
24 พฤษภาคม 2548 21:38 น.

ร้อยแก้ว ปรัชญา : ละครชีวิต

ปากกาดอกไม้(2)

ชีวิตก็เหมือนความตาย
มันเคียงข้างเราเสมอ
จะหัวเราะ  ร้องไห้
ก็ไม่มีอะไรแตกต่าง
นอกจากการเสแสร้งคนละอารมณ์
ทะเลสงบ  คลื่นหยุดกระทบฝั่งเมื่อใด
จงดูไว้เถิด 
หายนะกำลังคืบคลาน
คนสงบ  ไม่มีการเสแสร้งเมื่อใด
ก็จงดูไว้เถิด
ละครฉากใหม่ของชีวิต กำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง
คนนับร้อยเดินบนเส้นทางแห่งชีวิต
ทุกๆที่ประดับไปด้วยหน้ากากมากมาย
เพื่อให้เขาเหล่านั้น  ได้เล่นละครบทใหม่กับทุกๆคน
ปลายสุดของเส้นทางสายนี้
มีไว้กำหนด  ฉากจบของละครเท่านั้น
เห็นไหม 
ชีวิต  และ  ความตาย  เคียงข้างเราเสมอ
มันมองดูเราเล่น ละคร
จาก 2 ฟาก
ของ  
"ชีวิต"				
12 พฤษภาคม 2548 08:38 น.

หยดน้ำ....บนรอยไม้

ปากกาดอกไม้(2)


  ณ หยดย้อย ชะรอยยิ่ง ระกิ่งก้าน      วะแว่วเพียงระเสียงสานจะะขานขับ
ระพิศพรรณ ละพฤกษ์ผาย สยายยับ   ระริกเร่าระเริงรับประดับดาร
  ณ หยาดยวง ชะร่วงร้อย ระลงแล้ว    ระรื่นเรียงวะเวียงแว่วจะขับขาน
ประโลมเลง ระเมียรไม้ มาเนานาน    จะรอยโรยละโบยบานสู่ธารทอง



หยดย้อย  บนรอยไม้           ยังยินได้  ทำนองเพลง
พฤกษ์ไหว มาบรรเลง         ระริกทั่ว ประดับประดา
หยดย้อย  รอยร่วงแล้ว        สดับแผ้ว  ริวริวมา
หยดหยาด  สู่ธารา               จากผืนฟ้า  สู่ธารทอง



หยดหยาดยอหยอกเย้า       ยวนเพลง
หยาดหยดโลมบรรเลง        แหล่งหล้า
หยดหยาดยั่ววังเวง            ยามหยาด  หยดนา
หยาดหยดหยุดหยอกฟ้า     ห่อนได้ยลยิน				
8 พฤษภาคม 2548 21:27 น.

"คำสัญญาของลูกน้อย"

ปากกาดอกไม้(2)

เอามาให้เพื่อนๆให้อ่านได้ชมกันนะครับ 
เพราะในการเรียนแบบหลักสูตรใหม่  เรื่องนี้ได้ถูกตัดออกไปจากโครงสร้าง
ทักษะสัมพันธ์เรียบร้อยแล้ว  ซึ่งเป็นกาพย์ฉบัง 16 ที่นับวันคนก็ยิ่งลืมไป
เป็นอันมาก  ที่ยกของบทนี้มาเพื่อแสดงให้เห็นว่า  การแต่งกาพย์กลอน
ไม่จำเป็นต้องใช้คำสวยหรูเสมอไป  ดั่งในเรื่อง คำสัญญาของลูกน้อย
(คัดมาทั้งเรื่อง คงไม่ว่ากันนะฮะ  ถ้ามากไปวันหลังจะตัดมาเพียงบางบท)

ผู้แต่ง   :  ฐ. ณ ถลาง.  
ประพันธ์   :  กาพย์ฉบัง  16

คำสัญญาของลูกน้อย   

แม่จ๋าแม่อย่าเสียใจ                    แม้ลูกจากไป

ลูกนี้จักหมั่นมาเยือน
   
    ลูกจักมากับแสงเดือน                      มาอยู่เป็นเพื่อน

ยามแม่นั่งชมจันทร์เพ็ญ
   
    กายลูกแม่คงไม่เห็น                        แต่จิตลูกเร้น

อยู่ใกล้กายแม่ตลอดกาล

    ลูกแอบในน้ำลำธาร                        ยามแม่ลงสนาน

ลูกเข้าสัมผัสรัดกาย

    เมื่อแม่ร้อนรนกระวนกระวาย            อาศัยพระพาย

ลูกพลิ้วมาช่วยพัดวี

    หากแม่มีทุกข์ทับฤดี                       เงี่ยฟังดนตรี

เถิดลูกแฝงในสำเนียง    

    ฟังเถิดแม่นั่นคือเสียง                    ซึ่งลูกรักเพียง

ดวงใจของแม่ปลอบประโลม

    ให้แม่คลายทุกข์คลายโท-                 มนัสนำใจโน้ม

เคลิบเคลิ้มไปตามเสียงเพลง

     ยามแม่รู้สึกวังเวง                         ลูกจักบรรเลง

เคล้าเสียงจักจั่นเรไร

     ฟังเถิดมิใช่เสียงใคร                     เพราะลูกอาลัย

รักแม่จึ่งร้องเรียกหา     

     ยามแม่คิดถึงลูกยา                      จงมองท้องฟ้า

แม่จักเห็นดาวไกลลิบ               

     นั่นแหละคือตาลูกกะพริบ               อยู่ในแดนทิพย์

เพ่งจ้องมองแม่ไม่วาย

     ยามแม่หลับนอนผ่อนคลาย            จงหลับให้สบาย

ลูกรักมาอยู่ด้วยเสมอ
  
     แม่คิดถึงลูกแม่เพ้อ                    ลูกสดับเสียงละเมอ

ได้ยินชัดถ้อยชัดคำ

     เพื่อให้แม่สุขลูกนำ                       จิตเข้าไทำ

ให้แม่บังเกิดความฝัน

     ว่าลูกอยู่ในสรวงสวรรค์                  เป็นสุขชั่วนิรันดร์

ทุกข์ร้อนห่อนได้แผ้วพาน

     ลูกจักให้แม่ฝันนาน                   เพราะความฝันหวาน

นั้นทำให้แม่สุขใจ

      โอษฐ์แม่แย้มเผยอยิ้มละไม          ก่อนลูกจากไป

ลูกจุมพิตแม่แล้วลา

      แม่คงสะดุ้งฟื้นตื่นผวา                  เหลียวมองไขว่คว้า

ด้วยคิดว่าลูกนอนเคียง

      ลูกมิได้อยู่บนเตียง                     เพราะว่าเป็นเพียง

ความฝันที่แม่ฝันเพลิน

      แม่คงเรียกขวัญอัญเชิญ               เทพเจ้าเขาเขิน 

ให้ช่วยอำรุงลูกรัก

      อ้า ! เทพผู้ทรงสิทธิศักดิ์               เมื่อได้ปกปัก

ลูกแล้วจุ่งคุ้มมารดา

      โรคภัยอย่าได้บีฑา                      แม่ยอดบูชา

ของลูกน้อยแต่ผู้เดียว				
6 พฤษภาคม 2548 21:49 น.

หัวใจ..ไม่ลืมเธอ

ปากกาดอกไม้(2)

ยินเพลงวังเวงไกล  - ในป่า
เสนาะเมื่อครา - ใจเหงา
ลมกระซิบเพียง - แผ่วเบา
ยังพาใจเศร้า - เจ็บช้ำอาวรณ์

ครืนครืนใช่ฟ้าครื้น - เครงดอก
หริ่งหริ่งใช่หรีดหลอก - ล้อเจ้า
หึ่งหึ่งใช่ลมหวน  -  หาเรา
นั่งฟังเสียงเศร้าเศร้า - เคล้าน้ำตาคลอ 

 โอ้ไฉนใจเอ๋ย - ใจหนอ
จึ่งได้มัวรอ  -  ใครเล่า
จบกันนานแล้ว  - สองเรา
เวลาจะบรรเทา - แผลใจ

แม้นมิอาจอยู่กัน  - เคียงใกล้
ขอเพียงสบตาให้  - หวานหวาน
จะเก็บเป็นรอยยิ้ม - นานนาน
จะฝากดวงดาว  - ขับขาน 
    "ฉัน..ยังรักเธอ"				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปากกาดอกไม้(2)
Lovings  ปากกาดอกไม้(2) เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปากกาดอกไม้(2)
Lovings  ปากกาดอกไม้(2) เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปากกาดอกไม้(2)
Lovings  ปากกาดอกไม้(2) เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงปากกาดอกไม้(2)