25 มกราคม 2553 10:44 น.

~ เสียงโคลง ~ ลิลิตพระลอ ~ นิราศนรินทร์ ~

พจน์รำพัน

Hen7.jpg
.

      สวัสดีครับ  ครั้งที่แล้ว ~ ญาณรัก ~ มีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับผังเสียงโคลงลิลิตพระลอที่ลงไว้นั้น ที่ถูกเป็นของนิราศนรินทร์ครับ เนื่องจากทำเป็นไฟล์ตัวเลขล้วนๆไว้หลายปีแล้ว จำสลับกัน ต้องขออภัยด้วยครับ และได้แก้ไขให้ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว

      คราวนี้จึงจะขอพูดถึงเสียงโคลงของลิลิตพระลอซึ่งมีจำนวน ๒๙๔ บท และนิราศนรินทร์ ซึ่งมี ๑๔๓ บท ในเชิงเปรียบเทียบกัน  มีอยู่ข้อหนึ่งที่เห็นชัด คือทั้งสองเรื่องนี้มีสร้อยโคลงจำนวนมาก  ในสิบบท บาทหนึ่งจะมีสร้อยถึงกว่าสี่บท บาทสามมากเป็นเท่าตัว  นิราศนรินทร์มีแปดบท ลิลิตพระลอมีถึงเก้าบททีเดียว

      ทั้งสองเรื่องนี้ประพันธ์ขึ้นในช่วงเวลาที่ห่างกันประมาณสามศตวรรษ   เมื่อรวมจำนวนเสียงคำแต่ละเสียง โดยไม่นับพยางค์เสียงที่เป็นลูกเก็บและสร้อยโคลง พบว่าสัดส่วนเสียงคำเทียบกันเสียงต่อเสียง ทั้งสองเรื่องมีความใกล้เคียงกันทุกเสียง แตกต่างกันไม่เกินหนึ่งในสิบ  ลิลิตพระลอมีสัดส่วนเสียงจัตวามากกว่า ส่วนนิราศนรินทร์มีสัดส่วนเสียงสามัญมากกว่า

      เมื่อลองเขียนเสียงโคลงหลัก ( ใช้ 0 1 2 3 4 แทนเสียง สามัญ เอก โท ตรี และ จัตวา ตามลำดับ ) โดยถือตามเสียงที่มากที่สุดในแต่ละตำแหน่งคำ ได้ออกมาดังนี้ 

ลิลิตพระลอ
00022 ..... 00  20
01000 ..... 13
00100 ..... 02  00
01032 ..... 1200

นิราศนรินทร์
00023 ..... 00  00
01000 ..... 13
00200 ..... 02  00
01002 ..... 2300

      คราวนี้ลองดูผังเสียงรอง ซึ่งเขียนตามเสียงที่มีมากเป็นอันดับสองในตำแหน่งคำ เสียงรองในแต่ละตำแหน่งมีจำนวนต่างกับเสียงหลักมากบ้างน้อยบ้าง แต่ถือตามลำดับว่าเป็นอันดับรอง  และโดยที่ตำแหน่ง "คำสุภาพ" สี่แห่งนั้นเสียงรองเป็นเสียงจัตวาทั้งสิ้น จึงใส่ X แทนเสียบ้าง

ลิลิตพระลอ
43413 ..... 4X
4244X ..... 22
4421X ..... 41
42303 ..... 234X

นิราศนรินทร์
44112 ..... 4X
1214X ..... 22
1411X ..... 41
12433 ..... 124X

      จะเห็นว่าลิลิตพระลอมีเสียงจัตวาเป็นเสียงรองมากกว่าเสียงอื่น  ส่วนนิราศนรินทร์เสียงเอกเป็นเสียงรองมากกว่า จากนี้จะเปลี่ยน _ เข้าไปแทนในจุดที่ทั้งสองเรื่องมีเสียงรองเหมือนกัน เพื่อให้เห็นภาพเสียงรองที่ต่างกันได้ง่ายขึ้น

ลิลิตพระลอ
_34_ 3 ..... _ _
4_4_ _ ..... _ _
4_2_ _ ..... _ _
4_30 _ ..... 23 _ _

นิราศนรินทร์
_41_ 2 ..... _ _
1_1_ _ ..... _ _
1_1_ _ ..... _ _
1_43 _ ..... 12 _ _

      มองความแตกต่างของเสียงรองนี้แล้วก็นึกเดาไปต่างๆนาๆ ว่าจะเป็นด้วยพื้นสำเนียงของภาษาตามยุคสมัย หรือเพราะลิลิตพระลอเป็นเรื่องเกี่ยวข้องทางล้านนา ซึ่งเสียงจัตวามีอิทธิพลอยู่มาก เช่น กิน ก็ว่า กิ๋น จะมีเหตุแห่งความแตกต่างนี้หรือไม่  ถ้าเป็นนักวิชาการคงต้องค้นคว้าอีกมากมาย

      หากจะพิจารณาให้ละเอียดลงไปอีก ก็ต้องคำนึงถึงถึงบังคับในฉันทลักษณ์ของโคลงสี่สุภาพ ซึ่งจะมีคำอยู่สี่ประเภท

      ๑ ) คำสุภาพ มีอยู่สี่ตำแหน่ง คือคำที่ไม่ประวรรณยุกต์ ดังนั้นจะมีอยู่สองเสียงเป็นหลักใหญ่ คือ เสียงสามัญ และเสียงจัตวา แต่มีการประพันธ์ที่ลงท้ายบาทแรกด้วยคำตายอยู่ประมาณหนึ่งในสิบ ในจำนวนนี้ก็จะเป็นเสียงเอก โท และ ตรี สำหรับเสียงสามัญในตำแหน่งคำสุภาพ ทั้งสองเรื่องใกล้เคียงกันมากทั้งสี่ตำแหน่ง มีจำนวนสองในสาม

      ๒ ) คำโท มีสี่ตำแหน่ง ถือตามรูปโท คือต้องประวรรณยุกต์โทเท่านั้น ดังนั้นก็จะมีเพียงสองเสียง คือ เสียงโท กับเสียงตรี

      ๓ ) คำเอก มีเจ็ดตำแหน่ง ถือตามรูปเอก หรือคำตายก็ได้ คำตายคือคำที่ผสมสระเสียงสั้น และคำที่สะกดด้วยแม่ กก กด กบ รวมแล้วจะมีสามเสียงเป็นหลัก คือ เสียงเอก เสียงโท และ เสียงตรี มีเสียงกลางและเสียงจัตวาอยู่น้อยมากตามรูปคำ ซึ่งใช้ อำ เป็นคำเอก เช่น ถวายบำเรอท้าวไท้


      ๔ ) คำอื่นๆที่มิได้มีบังคับกำหนดไว้
 มีจำนวนสิบห้าคำเท่ากับกึ่งหนึ่งของบทโคลงพอดี ( ไม่นับสร้อยโคลง ) คำเหล่านี้ก็จะมีได้ครบทั้งห้าเสียง

ค่าเฉลี่ยในสิบห้าคำ       ลิลิตพระลอ        นิราศนรินทร์
      เสียงสามัญ         ๔๕ %           ๕๐ %
      เสียงเอก           ๑๓ %           ๑๗ %
      เสียงโท             ๗ %            ๗ %
      เสียงตรี            ๑๖ %           ๑๐ %
      เสียงจัตวา          ๑๙ %           ๑๖ %

      จากตารางค่าเฉลี่ยนี้ มีข้อน่าสังเกตว่า ทางฝ่ายเสียงต่ำ คือเสียงสามัญและเสียงเอก นิราศนรินทร์ มีสัดส่วนที่สูงกว่า  แต่ทางฝ่ายเสียงสูง คือเสียงตรีและเสียงจัตวานั้น ลิลิตพระลอมีสัดส่วนสูงกว่า

      ในตอนนี้จะขอพูดถึงเสียงต่างๆเฉพาะในขอบเขตของ "คำอื่นๆ" ตามหัวข้อ ๔ เท่านั้น เพื่อเพิ่มความชัดเจนในภาพรวมของเสียงโคลงของทั้งสองเรื่องมากขึ้นอีกนิดหนึ่ง


      เสียงสามัญ - จากค่าเฉลี่ยจะเห็นว่าเสียงสามัญมีน้ำหนักประมาณครึ่งหนึ่งทีเดียว แทบทั้งหมดมีน้ำหนักมากกว่าเสียงอื่นๆทั้งสิ้น มีเพียงตำแหน่งเดียวในลิลิตพระลอ ตรงบาท ๔ คำที่ ๔ ที่เสียงสามัญต่ำมาก  จนน้อยกว่าเสียงตรี และใกล้เคียงกับเสียงโท   ที่มากที่สุดอยู่ตรงบาท ๓ คำที่ ๔    ส่วนนิราศนรินทร์เสียงสามัญมากที่สุดตรงบาท ๔ คำที่ ๘ ซึ่งมากอย่างโดดเด่นกว่าทุกตำแหน่งในบทโคลงทั้งสองเรื่องทีเดียวต้ำแหน่งที่น้อยสุดอยู่ตรง บาท ๔ คำที่ ๓ แต่ก็ยังสูงกว่าเสียงอื่นๆ

      เสียงเอก - ลิลิตพระลอสูงตรงบาท ๑ คำที่ ๑ และ ๓  คำที่ ๑ บาท ๒ ละ ๓  นิราศนรินทร์สูงตรงคำที่ ๓ บาท ๑ และ ๔   คำที่ ๑ บาท ๒ และ ๓

      เสียงโท - เป็นเสียงที่มีน้ำหนักน้อยที่สุดในกลุ่มคำนี้  ลิลิตพระลอมีตำแหน่งเสียงโทสูงมากในบาท ๔ คำที่ ๔ ซึ่งมากเท่ากับอีกสองแห่งรองลงมาคือตรงบาท ๑ คำที่ ๒ และ ๑ รวมกันทีเดียว  ส่วนในนิราศนรินทร์ เสียงโทมากตรงบาท ๔ คำที่ ๓ และ ๔

      สำหรับตำแหน่งที่แทบจะไม่ใช้เสียงโทเลย ในลิลิตพระลอ ได้แก่  บาท ๑ คำที่ ๖   บาท ๒ คำที่ ๓ และ ๔   บาท ๓ คำที่ ๑ ๒ ๔ และ ๖   บาท ๔ คำที่ ๘  ส่วนนิราศนรินทร์ บาท ๑ คำที่ ๓ และ ๖   บาท ๒ คำที่ ๑ และ ๔   บาท ๓ คำที่ ๑ ๔ และ ๖   บาท ๔ คำที่ ๘  น่าคิดว่าการจะให้โคลงฟังรื่นหู ควรระวังเสียงโทในตำแหน่งคำเหล่านี้   

      เสียงตรี - ลิลิตพระลอสูงในบาท ๔ คำที่ ๓ และ ๔  ส่วนนิราศนรินทร์ตรงบาท ๑ คำที่ ๓  และบาท ๔ คำที่ ๔

      เสียงจัตวา - ลิลิตพระลอใช้มากไล่เรียงกันในหลายตำแหน่ง  ที่มากหน่อยคือคำต้นบาท ๓ ๒ ๔ และ ๑ ตามลำดับ  ในนิราศนรินทร์ก็ไล่เรียงกันหลายตำแหน่ง มากตรงบาท ๔ คำที่ ๓   บาท ๓ คำที่ ๒ และ ๖   บาท ๑ คำที่ ๒

      เพื่อให้เห็นภาพเปรียบเทียบของเสียงคำในกลุ่มคำอื่นๆของทั้งสองเรื่อง  จึงสรุปมาเขียนตามผังข้างล่างในแต่ละตำแหน่งคำ โดย 0 - 4 แทนเสียงสามัญ - จัตวา  ล แทน ลิลิตพระลอ  น แทนนิราศนรินทร์  โดยเลือกเอาเสียงที่มีนำหนักมากอันดับต้นๆของแต่ละเสียง เขียนเรียงตามลำดับมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลีย  อย่างเช่น บาท ๑ คำที่ ๑  ที่เขียนว่า ( 2ล1ล3น4ล ) จริงๆแล้วทั้งสองเรื่อง เสียงสามัญมีจำนวนมากกว่าเสียงอื่นๆ แต่ว่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของแต่ละเสียงแล้ว เสียงเหล่านี้ที่ในวงเล็บมีน้ำหนักสูงกว่า


( 2ล1ล3น4ล )( 2ล4น )( 3น1น1ล3ล )( อ )( ท ) ..... ( 0ล0น ) ( ส )
( 4ล1น3น1ล )( อ )( 0ล0น )( 0น0ล1ล  )( ส ) ........ ( อ )( ท )
( 4ล1ล1น )( 4น3น0ล )( อ )( 0ล0น )( ส ) .............. ( 4น1น4ล0ล )( อ )
( 2ล4ล )( อ )( 2น3ล4น1น )( 2ล3น3ล2น )( ท ) ..... ( อ )( ท )( 0น0ล )( ส )

อ คือ คำเอก  ท คือ คำโท  ส คือ คำสุภาพ  และในบาท ๑ ตำแหน่ง เอก - โท สลับที่กันได้


      ท้ายนี้เป็นเสียงโคลงในวรรคหน้าที่ซ้ำกันมากที่สุดในสองอันดับแรก

           ลิลิตพระลอ             นิราศนรินทร์

บาท ๑      00022 . . . .          00023 . . . .
            40012 . . . .          30012 . . . .
            30023 . . . .

บาท ๒      01000 . . . .          01000 . . . .
            41000 . . . .          11000 . . . .
                                  01100 . . . .

บาท ๓      00100 . . . .          00100 . . . .
            00200 . . . .          04200 . . . .

บาท ๔      02002 . . . .          01033 . . . .
            02012 . . . .          01102 . . . .
                                  03002 . . . .

ขอจบเพียงเท่านี้  หวังว่าท่านผู้สนใจเรื่องเสียงโคลงจะทำความเข้าใจได้พอสมควร ขอบคุณครับ
.				
4 มกราคม 2553 16:41 น.

~ โคลงกลบท พจน์บรรเลง ~ ญาณรัก ~

พจน์รำพัน

newyearz.jpg


~ โคลงกลบท พจน์บรรเลง ~ ญาณรัก ~
( โคลงกลบท ๙ )

      เปิดศักราชปีใหม่นี้ขอชวนท่านลองเขียนโคลงโดยการบังคับด้วยเสียงโคลงดูบ้าง  เหมือนแต่งทำนองเอาไว้  แล้วค่อยใส่เนื้อร้องตามทีหลัง  ซึ่งปกติผมก็ไม่เคยทำเช่นนี้นะครับ  ในคราวนี้จึงลองแต่งเสียงโคลงขึ้นมาสองบท ให้ชื่อว่า "พจน์บรรเลง"  เพื่อความเก๋ไก๋ และใช้เป็นบังคับในการเขียนโคลงตัวอย่าง
      
      จากการศึกษาเสียงโคลง โดยเลือกเอาโคลงจากลิลิตพระลอมาเป็นต้นแบบ  เนื่องจากเห็นว่ามีความไพเราะ  ก็ได้ความรู้มาในระดับหนึ่งที่เป็นประโยชน์  จะนำมาถ่ายทอดสู่ท่าน  เพื่อทดลองเรียบเรียงทำนองโคลงกันดูบ้าง

      ก่อนอื่นขอพูดถึงสร้อยโคลงว่า  ลิลิตพระลอมีการใช้สร้อยโคลงอยู่เป็นจำนวนมากทีเดียว  โดยเฉลี่ยในสิบบท บาทที่ ๑ มีสร้อยโคลงกว่าสี่บท  และบาทที่ ๓ มีมากถึงแปดบท  จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า เนื่องจากโคลงในลิลิตพระลอเป็นเรื่องเล่าและการสนทนา  จะแตกต่างจากโคลงโลกนิติซึ่งมีสร้อยโคลงน้อยกว่ากันมาก

      มาถึงเรื่องเสียงโคลง  ต้องขออธิบายก่อน ว่าจะใช้ตัวเลข  0 - 1 - 2 - 3 - 4  เขียนแทนเสียง  สามัญ - เอก -โท - ตรี - จัตวา    กา - ก่า - ก้า - ก๊า - ก๋า

เสียงสามัญ ... 0 ... กา คา ใจ ความ ดี
เสียงเอก ...... 1 ... ก่า ข่า กับ กาบ ขับ ขาบ
เสียงโท ....... 2 ... ค่า ก้า ข้า คาบ ค่าง ก้าง ข้าง
เสียงตรี ........ 3 ... ค้า ก๊า คับ ค้าง
เสียงจัตวา .... 4 ... ขา ก๋า ขาว หนาว

      จากนี้ก็จะใช้ตัวเลขเขียนเพื่อแสดงภาพของเสียงโคลงในลิลิตพระลอ ว่าคำในตำแหน่งต่างๆลงเสียงไหนมากหรือน้อยเพียงใด  โดยใช้เคื่องหมาย *  '  /  และลำดับก่อนหลัง  ช่วยในการสื่อถึงปริมาณมากน้อย ดังตัวอย่างต่อไปนี้

0**   ....  เป็นเสียงสามัญส่วนมาก
3*2'  ....  เป็นเสียงตรีกว่าครึ่ง เป็นเสียงโทเกือบครึ่ง
2*1  ....  เป็นเสียงโทกว่าครึ่ง เสียงเอกน้อยกว่า
0'13  ....  เป็นเสียงสามัญเกือบครึ่งเสียงเอกและตรีลดหลั่นลงไป
0413 ....  เป็นเสียงสามัญ จัตวา เอก ตรี ลดหลั่นตามลำดับ
0*//4 ... เป็นเสียงสามัญเกินครึ่ง เสียงจัตวาไม่ถึงหนึ่งในสามของเสียงสามัญ
0'/41 ..... เป็นเสียงสามัญเกือบครึ่ง เสียงจัตวาไม่ถึงกึ่งหนึ่งของเสียงสามัญ เสียงเอกน้อยลงอีก

จากนี้มาดูผังเสียงโคลงลิลิตพระลอกันครับ ในวงเล็บคือสร้อยโคลง

0413   0'/342   0431  2*1   2*3 ............ 0*//4   0*/4  ( 2*1  0** )
0413   1*2   0*//4   0*/41   0*/4 .......... 1*2   3*2'
0431   0*/43   1*2/3   0*//1   0*//4 ........... 0*/41   2*1  ( 0*/3  0** )
0431   1*2   0'3   3021   2*3 ............. 1*2   2*3'   0*//4   0*4

      เสียงบางเสียงที่ไม่มีตัวเลขแสดงอาจหมายถึงไม่มีเสียงนั้น หรือมีอยู่เป็นจำนวนค่อนข้างน้อย  แต่ใช่ว่าจะไม่สำคัญนะครับ  ลองดูเสียงโคลงบทเสียงลือเสียงเล่าอ้าง  ที่ถือกันว่ามีความไพเราะมากบทหนึ่ง

4 0 4 2 2 ...... 0 0  2 0
4 2 0 3 0 ...... 2 2
4 4 2 1 4 ...... 0 1  0 2
4 2 3 0 2 ...... 1 2 4 4

      จะเห็นว่ามีเสียงส่วนน้อยอยู่ถึงสี่ตำแหน่งคำ (สีแดง)  และเสียงโคลงบทนี้ก็ไพเราะยิ่งนัก  การที่ยกมาให้พิจารณานี้ก็เพื่อว่า  เมื่อท่านจะเรียบเรียงเสียงโคลงให้เป็นที่พึงพอใจสำหรับตนเอง จะได้ไม่ละเลยเสียงที่เป็นส่วนน้อย  ซึ่งหากแทรกอยู่ในบางตำแหน่งคำอย่างถูกที่ถูกเสียงแล้ว จะช่วยเพิ่มความไพเราะได้เป็นอันมาก  มาดูตัวอย่างกันครับ

พจน์บรรเลง

00012 ...... 14	
02140 ...... 23	
10314 ...... 01  00	
02403 ...... 2200	

00123 ...... 00	
11004 ...... 12	
14200 ...... 42	
41012 ...... 1304	

ญาณรัก

~ ครวญโคลงโยงจิตอ้อน ..... ออดขวัญ
กำซาบโสตสมพรรณ ........... พาทย์พ้อง
หยั่งญาณรักฝ่าฝัน .............. เฟือสู่  ใจเอย
ปองมั่นหมายเคียงคล้อง ....... คู่ก้อยเกลียวกลม

~ จมใจจึ่งใคร่รู้ .............. เรียนเคียง
ฝักใฝ่จารแจงเสียง ............ สรรพแจ้ว
สู่สารเลขรายเพียง ............. ผังพากย์
ผายเผื่อกานท์ก่องแก้ว ....... เกี่ยวร้อยเรียงผสาน


คุณเพียงพลิ้ว

เพียงรำพันกลั่นถ้อย ..... ถิ่นฝัน
เพียรพร่ำผูกสัมพันธ์ ..... พร่างฟ้า    
ฝ่ายดีที่ปักขวัญ ........... คงอยู่ เคียงเอย
ใจมั่นสรรคลายล้า ........ เร่งสร้างคำคลอ

ทอโคลงส่งยื่นไว้ ......... แวมวอม
ไออุ่นไมตรีหอม ......... ห่มเอื้อ
ส่งสาส์นชื่นใจจอม ...... จ๋อยซ่าน
หวานด่ำคลอก่อเกื้อ ..... กวาดช้ำคลายสูญ


คุณโอเลี้ยง(ญามี่)
ตรมใจตอนจากด้วย .......... โศกเผา
นัยซ่อนขับขมเลา ............. ร่ำท้อ
ตอกทรวงภักดิ์เกาะเขลา ..... เมาขื่น
ญาณร่วงสุมในพ้อ ............. ช่ำไห้เนาคุม

รุมทอเจาะชอกช้ำ ............. เนานาน
ขับปล่อยรอยรวมหาญ ....... จากสิ้น
ฝากขมเนิ่นนองลาน ......... ไหวเร่า
สอยข่มในจิตดิ้น ............... แต่คล้ายเมียงโหย


     น่าสนุกครับ  ขอเชิญท่านทดลองดู  แต่งทำนองโปรดของตนเองแล้วใส่โคลงมาดูกันหน่อยนะครับ  ดีไม่ดี ต่อไปจะมีโคลงลูกกรุง ลูกทุ่ง โคลงร็อค ก็ได้นาครับ
.

คุณปรางทิพย์

พรพจน์มอบฝากไว้ ........ สำคัญ
โคลงท่านเปรยรำพัน ..... พรั่งพร้อม
อธิษฐานดั่งจำนรรจ์ ....... นาพี่
ขวัญมุ่งหมายใจน้อม ..... ไขว่คว้าโคลงกลอน...ฯ

0 3 2 1 3 ..... 4 0
0 2 0 0 0 ..... 2 3
3 4 1 0 0 ..... 0 2
4 2 4 0 3 ..... 1 3 0 0


คุณก้าวที่...กล้า

สวัสดีปีใหม่น้อม ......... เนืองผล
ทวยเทพบันดาลดล ..... เดชคล้อง
สุขศรีสุขสันต์กมล ....... หมายมั่น มุ่งพี่
สุขภาพแข็งแรงพ้อง ..... ผูกให้เกษมศานต์

1 0 0 1 3 ..... 0 4
0 2 0 0 0 ..... 1 3
1 4 1 4 0 ..... 4 2  2 2
1 2 4 0 3 ..... 1 2 4 4

เสียงโคลงโยงส่องเค้า .......... ส่งคำ  หลันรา
สรรค์โจทย์โสตงามขำ ......... ง่วนครื้น
เสียงใจใส่โคลงนำ .............. ความเนื่อง
สานเสนาะเพราะพริ้งฟื้น ..... พึ่งฟ้าพลอยฝน

4 0 0 1 3 ..... 1 0  4 0
4 1 1 0 4 ..... 2 3
4 0 1 0 0 ..... 0 2
4 1 3 3 3 ..... 2 3 0 4


คุณเพียงพลิ้ว

อยากมีรักสักครั้ง .......... สักหน
สรรเสาะเพาะรักจน ...... เหนื่อยล้า
ทำการสืบสานผล ......... ว่างเปล่า
พลั้งต่อหมายใจท้า ....... ยิ่งเร่งหวังเคียง

1 0 3 1 3 ..... 1 4
4 1 3 3 0 ..... 1 3
0 0 1 4 4 ..... 2 1
3 1 4 0 3 ..... 2 2 4 0

เสียงสารกานท์กล่อมถ้อย ...... ผายใน อกเอย
ปีนป่ายหมายการณ์ไกล ....... ออดอ้อน
ห่วงหาอย่าผลักไส ............... ชวนคู่
ฝันใฝ่ใครขานป้อน .............. นิ่มน้องนวลขอ

4 4 0 1 2 ..... 4 0  1 0
0 1 4 0 0 ..... 1 2
1 4 1 1 4 .....  0 2
4 1 0 4 2 .....  2 3 0 4


คุณโอเลี้ยง(ญามี่)

4 0 4 2 2 ...... 0 0  
4 2 0 3 0 ...... 2 2
4 4 2 1 4 ...... 0 1  
4 2 3 0 2 ...... 1 2 4 4

เหมือนญาณขานเร่าต้อน ... อารมณ์
ขุมรื่นมาพิศชม ................ ล่อข้าง
สวนศรีร่ำผสม .................. ราวเอ่ย
ไหวครุ่นรักนัยอ้าง ............ ส่งป้อนหวานสรรค์

ผันรอยเสริมเพิ่มด้วย ........ อาทร
สุมซ่อนใยรักตอน ............ เนิ่นเฝ้า
หวงหาเยี่ยมขับหลอน ....... ในจิต
ไหนค่ำวักวายเศร้า ........... อยากใกล้หอฝัน

"ผวนลีลาบรรเลง"

หมองปานหลงคู่ข้าง .............. มารปอง
ผล็อยท่ามเมาเคราะห์นอง ...... พล่ามถ้อย
หนาวผลาญยื่นสนอง ............. นานผ่าว
สอยซุ่มระบมห้อย ................. สุ่มสร้อยเหมือนเหลา

เหงาลมผายแพร่ด้วย ............ งมเลา
ไหลมากในทุกข์เงา ................ ลากไหม้
ถูแขนช่วงโศกเหมา ............... แทนขู่
ผายซ่อนชะลอไข้ .................. ผ่อนใส้เผาถม

ขมลวงฝืนชื่นแก้ ................... ควงลม
เฉาท่องไยมิพรม .................. ช่องเถ้า
สางหาวยากผลักถม .............. เซาห่าง
หวังแทรกทุกข์ยืนเฝ้า ........... แหวกสร้างฝอยฝน


คุณเพชรปรี

พจน์รำพันเก่งกล้า ....... กลโคลง ยิ่งนา
ชอบมุ่งหลักจรรโลง ..... เล่าล้วน
เป็นคุณแก่การโยง ....... เยี่ยง เพื่อ
สานต่อสืบหลักถ้วน ...... ถ่องแท้เชิงโคลง

3 0 0 1 2 ..... 0 0  2 0
2 2 1 0 0 ..... 2 3
0 0 1 0 0 ..... 2 2
4 1 1 1 2 ..... 1 3 0 0

เป็นคุณนักแก่พ้อง ........... พวกรัก   โคลงแฮ
เพราะต่อสืบเชิงชัก .......... ช่วยให้
เยาว์ชนรุ่นหลังจัก ........... แจ่มเรื่อง    
โคลงรุ่งกลอนโรจน์ได้ ...... ด้วยผู้รักกวี

0 0 3 1 3 ..... 2 3  0 0
3 1 1 0 3 ..... 2 2
0 0 2 4 1 ..... 1 2
0 2 0 2 2 ..... 2 2 3 0


คุณดอกบัว

เกลาพจน์พลิ้วลิ่วล้ำ ..... เรืองนาม
เรื่อยเรื่อยรับซับยาม ..... จ่อมไว้
มุ่งหมายยิ่งคำงาม ....... หมายชื่น โสตนา
ยิ่งมั่นไพเราะให้ .......... เพื่อนพ้องเคียงผสม

0 3 3 2 3 ..... 0 0
2 2 3 3 0 ..... 1 3
2 4 2 0 0 ..... 4 2  1 0
2 2 0 3 2 ..... 2 3 0 4

ฝึกฝนโคลงเพ่งถ้อย ........ ทวนถวิล
เพียรใฝ่สัมผัสจินต์ .......... เร่งรู้
เผยพจน์ผ่านเรืองศิลป์ ..... ศาสตร์ท่อง จำแล
มาร่วมเรียงเร่งรู้ ............. รื่นเร้าสำราญ

1 4 0 2 2 ..... 0 4
0 1 4 1 0 ..... 2 3
4 3 1 0 4 ..... 1 2  0 0
0 2 0 2 3 ..... 2 3 4 0

จักเพียรโคลงสี่ดั้น ..... ขานขับ
ควักไขว่หมายขยับ ..... ร่ำร้อง
ขณะแต่งบังคับ .......... เคียงคอร์ด
มิห่อนคิดผิดข้อง ........ แน่แท้เพี้ยนคำ

1 0 0 1 2 ..... 4 1
3 1 4 1 1 ..... 2 3
1 1 1 0 3 ..... 0 1
3 1 3 1 2 ..... 2 3 3 0

วิชาโคลงยากแท้ .......... ไขขาน
เสียงย่อมวกวนกานท์ ..... บ่งพร้อง
ใฝ่เพียรร่ำชำนาญ .......... ยากอยู่ จริงนา
จำพึ่งไขว่คว้าคล้อง ....... คู่ก้องเคียงผสาน

3 0 0 2 3 ..... 4 4
4 2 3 0 0 ..... 1 3
1 0 2 0 0 ..... 2 1  0 0
0 2 1 3 3 ..... 2 2 0 4
.				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพจน์รำพัน
Lovings  พจน์รำพัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพจน์รำพัน
Lovings  พจน์รำพัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพจน์รำพัน
Lovings  พจน์รำพัน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพจน์รำพัน