5 สิงหาคม 2548 18:59 น.

เรื่องสั้นชุด บ้านทุ่งของผม ตอนที่ 2

พหุวัฒ

มโหรสพแห่งบึงหนองเหรียง
พี่เท่งมาจากบางกอกตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วไม่บอกกันมั่ง  เสียงตะโกนจากเขียวซึ่งบัดนี้กลับกลายเป็นชายหนุ่มร่างกายกำยำแต่ก็ยังแฝงด้วนรูปคงใบหน้าเหมือนเดิม จนได้ฉายาเมื่อตอนวัยเด็กว่า แพะตาหลุน  ซึ่งเป็นความหมายที่เพื่อนๆ ตั้งให้เขียว เพราะลักษณะของใบหน้าเขาเหมือนกับแพะตาโปน  พี่กลับมาถึงเมื่อเช้าแล้วพันพรื่อมั่งบ่าวเขียวบายดีไหม  เสียงเท่งตอบกลับด้วยสำเนียงภาษาปักษ์ใต้สงขลา 
                  ยามบ่ายตะวันคล้อยหลังเหมือนกับบอกว่าวันเวลาได้เปลี่ยนไปอีกแล้วแต่ชีวิตของคนที่นี่ก็กำลังจะเปลี่ยนไปเช่นกัน นกเขาฝูงใหญ่บินวนอยู่เหนือต้นตาลที่ยืนต้นตาย หลังจากที่ นากุ้งเข้ามาแทนที่นาข้าว มันเริ่มเข้ามาตั้งแต่การปฏิวัติทางเศรษฐกิจเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของชาวผู้เป็นนายทุนเท่านั้น ชาวนายากจนไม่มีโอกาสแม้จะคิด และแล้วเรื่องราวแห่งการลงทุนเพื่อการอยู่ดีมีสุขก็หยุดชะงัก เมื่อโรคระบาดของกุ้ง และราคากุ้งตกต่ำเริ่มเข้ามาแทนที่ หลายรายติดหนี้ก้อนโต หลายรายเอาชีวิตมาทิ้งเพราะคำว่า อยากรวย และคนทั่วไปที่พวกเขาว่า นายหัว ซึ่งเป็นคำที่ยิ่งใหญ่และเป็นศักดิ์ศรีของ ชาวบ้านที่ทำอาชีพนากุ้ง นาที่เคยสะพรั่งไปด้วยรวงทองที่เมื่อต้องแสงตะวันระยิบระยับเต็มท้องนา แต่บัดนี้กลับกลายเป็นแอ่งกะทะขนาดใหญ่ไร้ซึ่งอดีตแห่งความอุดมสมบูรณ์ มีแต่ความแห้งแล้งเข้ามาปกคลุมแทนที่และไม่สามารถที่จะใช้ประโยชน์ได้อีกต่อไป
      สายลมกระทบกับใบหน้ากลิ่นโคลนริมบึงโชยเข้ามาในจมูก ผมสูดกลิ่นเข้าไปอย่างเต็มปอด เพราะว่ากลิ่นอย่างนี้ผมไม่เคยได้สัมผัสมากว่า20 ปี ผมเอนตัวลงพิงกับต้นไทรใหญ่ที่มีอายุผ่านร้อนผ่านหนาวไม่ต่ำกว่าร้อยปี เห็ดโคนขึ้นเต็มสะพรั่งที่จอมปลวกหลังต้นไทร อีไม่นานพวกเจ้าก็ต้องตกเป็นอาหารของมนุษย์ เพราะมนุษย์นั้นไม่ว่าสมัยไหนก็ตามย่อมพึ่งพากับธรรมชาติ แต่เดี๊ยวนี้หาเป็นเช่นนั้นไม่กลับกลายเป็นว่ามนุษย์กลับเอาเปรียบธรรมชาติเพื่อความอยู่รอดของวิถีตัวเอง ในแต่ละปีเราจะเห็นข่าว การสร้างเขื่อน การปิดเขื่อน การสร้างโรงไฟฟ้า การวางท่อก๊าซ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ทำลายธรรมชาติที่สร้างด้วยตัวของมันเอง เริ่มหมดไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว แล้วสักวันหนึ่งเราก็จะไม่เหลือความคงที่ของธรรมชาติที่ช่วยเกื้อกูลในวถีชีวิตของมนุษย์ชาติอีกต่อไป
               ตูม ตูม ตูม เสียงกระแทกน้ำของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ อันประกอบไปด้วย เขียว เอียด จุ้ง ซึ่งเป็นเหล่าเพิ่อนพ้องที่ผมรวมหัวกันอยู่ในขณะนี้
                ไอ้หย่า พวกสูมาแลต้า ปลาช่อนเท่าข้อมือมีหลายตัวเราเอาแหมาวางดีหวา เสียงจุ้งบุรุษย์ร่างเล็กที่สุดในกลุ่มหมู่ผองเพื่อนตะโกนมาจากบึงเหรียง บึงเหรียงนี้ครั้งหนึ่งเคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชนานาพันธ์ เป็นที่อยู่ของนกนานาชนิด แต่บัดนี้เหมือนต้องแสงไร้เงา ทุกอย่างนิ่งสนิทไร้การตอบรับ การรุกรานของมนุษย์เป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของบึงแห่ง
                   ฟ๊าว เสียงของแหแหวกม่านอากาศถลาลงในบึงสายน้ำนิ่งแตกกระจายแผ่กว้างมาถึงฝั่งด้วยน้ำมือของพรานปลามือฉมังนามว่าจุ้ง สักครู่หนึ่งไอ้ช่อนขนาดข้อมือเด็กเป็นผลงานชิ้นแรกในวินาทีนี้ เอาข้องมาเร็ว เสียงจุ้งบอกให้ผมเอาข้องที่ตั้งอยู่บนริมบึง มาจับปลาใส่ ผมถลาลงบึงด้วยความสนุก หัวใจผมพองโตกลับเป็นเด็กอีกครั้ง หวนนึกถึงเรื่องในสมัยเก่า ที่วิถีแห่งคนบ้านนอกปฏิบัติกิจกันเป็นประจำในฤดูฝน
                 กลิ่นหอมของเครื่องแกงส้มที่ผสมด้วยสมุนไพรพื้นถิ่นด้วยสูตรตำหรับของชาวใต้ส่งกลิ่นหอมหวลยั่วน้ำลายด้วกุ๊กอดีตพ่อครัวสวนอาหารซึ่งบัดนี้ล้มสลายไปกับนากุ้งเสียแล้วนามว่า เอียด กุ๊กฟ้าประทาน  เสื่อผืนเก่าซึ่งบัดนี้ยังรับใช้เจ้านายของมัน อย่างไม่เสื่อมคลาย

               แกงส้มปลาช่อนดอกแคถ้วยแล้วถ้วยเล่าถูกยกมาวางกลางวงล้อมหมู่เพื่อนฝูง มันช่างอร่อยลิ้นเสียจริง ๆ ปลาที่เป็นบ่อเกิดจากธรรมชาติ ไม่ใช่ปลาที่ถูกบ่มเพาะมาด้วยน้ำมือมนุษย์ ดอกแคหวานกลมกล่อมปราศจากสารพิษเพราะเกิดมาจากธรรมชาติ ช่างเป็นการต้อนรับที่แสนอิ่มท้อมหลังจากที่หลีกลี้หนีหายจากภูมิถิ่นอันเป็นที่เกิดและจะเป็นที่ตายกาลเวลาข้างหน้า				
5 สิงหาคม 2548 18:58 น.

เรื่องสั้นชุด บ้านทุ่งของผม

พหุวัฒ

สราญรมชมชายทุ่ง
เรื่องราวแห่งความทรงจำเมื่อวัยเยาว์ผุดขึ้นท่ามกลางเมืองหลวงแห่งความสับสนวุ่นวาย เสียงครวญของเครื่องยนต์ดังผสมผสานท่ามกลางกลุ่มควันที่พวยพุ่งกันออกมาอย่างไม่กำหนดเรื่องราวของกาลเวลา ตึกสูงใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแข่งกันผุดเหมือนกับดอกเห็ด ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างสาระวนกับวิถีของตัวเองโดยไม่คิดถึงคำว่า เอื้อเฟื้อ เมตตา การุณา สังคมมีแต่งการแก่งแย่งแข่งขัน
ฉันมองฉันคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ในอดีตอันเป็นเสมือนกับรากที่ทำให้ฉันแผ่กิ่งก้านสาขาและดำรงอยู่ได้ในแนวทางของสังคมที่เหมือนกับกรอบที่วางไว้ให้ชีวิตเราต้องเดินตามไปกับมัน แล้วทำไม่เราไม่หนีไปจากกรอบนี้ละ ฉันคิด ฉันคิด พรุ่งนี้ ฉันต้องกลับไปสู่ที่เดิม ที่ฉันถือกำเนิดแห่งเรื่องราวของความเป็นจริง ชีวิตที่ติดดิน ชีวิตที่มีแต่ความเอื้อเฟื้อ ชีวิตที่มีแต่ความสุข นี้คือเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น ณ. บัดนี้
                 ฉึกฉัก ฉึกฉัก ฉึกฉัก เสียงของล้อรถไฟที่นำฉันมาสู่ดินแดนทักษิณ ถิ่นสะตอ กำลังเทียบชานชลา ซึ่งบัดนี้ไม่เหมือนเก่า จากเมื่อครั้งอดีตชานชลาแห่งนี้พลุกพล่านไปด้วยแม่ค้าขายอ้อยควั่น กาแฟกระป๋องที่เมื่อถือกันเป็นพวงและแม่ค้ากำลังจะส่งให้ผู้โดยสารเสียงของมันกระทบกันดัง กริ๊งกรั้ง เสียงแม่ค้าขายข้าวเหนียวไก่ทอด รสเด็ดอันเป็นสูตรที่มีเฉพาะถิ่นนี้ส่งกลิ่นหอมหวลชวนกิน สิ่งเหล่าได้กลายเป็นฝันไปแล้ว บัดนี้สถานีแห่งนี้มีซุปเปอร์มาเก็ตที่ทันสมัยตั้งขึ้นมาแทนที่ แม่ค้าและเสียงโหวกแหวกในการขายของไม่มีแล้ว ตราบใด ณ. สถานที่ใดก็ตามเมื่อมีความเจริญเข้ามาแทนที่ ณ. ท้องถิ่นนั้น ๆ เรื่องราวแห่งอัตลักษณ์ที่เคยมีอยู่ก็จะกลมกลืนกับปัจจัยที่นำเข้ามา ใช่ซิแล้วใครเล่าจะอยู่ในรูปแบบเก่าๆ ใช่ซิก็เพราะเงินที่ได้มากขึ้นจากการปรับเปลี่ยนในการค้าขายใครละจะไม่ต้องการ นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วซึ่งมันเป็นแค่อนูแต่ไม่แน่ต่อไปมันจะกลายเป็นมหัพภาคก็ได้ใครจะไปรู้ละนอกจากคนถิ่นนั่นเอง				
5 สิงหาคม 2548 18:44 น.

นาฎกรรมแห่งลุ่มเลสาบสงขลา

พหุวัฒ

สายลมเวลาเย็นพัดโชยมาเป็นระลอกทำให้ใบมะพร้าวที่ต้านทนแห่งลำต้นต้องพริ้วไหวเป็นระยะตามแรงโต้นลม หมู่นกกระยางสีขาวนวลบินตัดลมแห่งท้องทะเลมาเป็นกลุ่ม นี่คือวิถีแห่งการดำรงอยู่ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์จำต้องมีปัจจัยในการดำรงชีพ ห้วงเวลาแห่งการลาลับของลูกไฟดวงใหญ่กำลังสิ้นสุดลงที่ปลายชายขอบแห่งปฎิวิถีโลก กลับกลายเป็นว่าในวินาทีนี้เวลานี้ การเคลื่อนกำลังจะเกิดชึ้น ภายใต้ท้องฟ้าสีครามที่บัดนี้กลับกลายเป็นความมืดเข้ามาแทนที่หิ่งห้อยแห่งอวกาศเริ่มกระพริบแสงนำทางสู่เรื่องว่ากำลังเริ่มมา ดอกไม้แห่งห้วงหาวบัดนี้บานสะพรั่งเต็มท้องฟ้ากลมขาวนวลเหมือนกับบอกว่าเราหมู่มิตรกลับมาทำหน้าที่กันอีกครั้ง  
อับดุลเลาะห์ อับดุลเลาห์ เขาไปตลาด เสียงแว่วมาจากวิทยุทรานสิตเตอรืเครื่องเก่าที่ผ่านการใช้งานมาเนินนาน ถ้ามันพูดได้ก็คงจะบอกว่า ปล่อยฉันพักเสียทีเถอะ ซึ่งดังแว่วผสมกับเสียงคลื่นผสมผสานแห่งดนตรีวิถีชีวิตดังมาจากบ้านไม้ที่ปลูกขึ้นตามแบบชาวเลมุสลิม ซึ่งข้างล่างติดผืนน้ำที่ตรงนี้คือเรื่องราวที่กำลังจะเริ่มต้นนับแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป
  ทึก ทึก ทึก ทึก เสียงเครื่องยนต์ขนาดเล็กซึ่งบัดนี้ได้กลับกลายเป็นเครื่องผ่อนแรงของชาวแถบลุ่มเลสาบแห่งนี้  เสียงสายน้ำแหวกตรงหัวเรือพร้อมกับความหวังของชายคนหนึ่งกำลังจะเกิดขึ้น บังเลาะห์ เป็นชื่อเรียกที่ติดปากของชาวปากบาง รูปร่างเล็กแกร็งแต่สีหน้ามาดมุ่งด้วยความพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกคนในหมู่บ้าน ไม่ว่ามีงานที่ไหนจะพบเห็นบังเลาะห์ได้ตลอด 
    ป๊ะ ป๊ะ ต่อเช้าครูเขาอีเอาเบี้ยค่าเทอมแล้ว ป๊เอาเบี้ยมาให้กันนั้น สิ้นเสียงซอรีเยาะ ลูกสาวคนเดียวซึ่งบัดนี้ได้ย่างเข้า11ขวบแล้ว ซึ่งเป็นวัยที่กำลังกินกำลังนอน บังเลาะมองหน้าลูกสาว พร้อมกับเบือนหน้าไปทางท้องทะเล น้ำตาแห่งลูกผู้ชายไหลโดยไม่ได้กำหนดว่ามันจะก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ปลาที่เมื่อก่อนเคยชุมยังกับยุงบัดนี้เลือนไปเต็มที โรงงานที่ครอบครองด้วยคนมีอันจะกินปล่อยน้ำเสียลงสู่ท้องทะเลอันเป็นที่ซึ่งบังเลาะห์เอาชีวิตไปฝากไว้ตั้งแต่เล็กจนอายุย่างเข้า50ปี ฟ้าเป็นมุ้งน้ำเป็นบ้านมีเพียงแสงแห่งดอกไม้แห่งจักวาลและหิ่งห้อยแห่งห้วงฟ้าเป็นเพื่อนบังเลาะยามเหงา 
             ตูม เสียงโยนไซลงเล เสียงเพลงจากระติการอันผสมผสานกับธรรมชาติบรรเลงเป็นเพลงแห่งความหวังและกำลังที่จะสู้ต่อไปในโลกาวิถีแห่งความวกวนวุ่นวายของสังคมแห่งการเอาเปรียบ มนุษย์กับมนุษย์ มนุษย์กับธรรม เป็นเรื่องราวที่ต้องเกื้อกูลในวตะวิถินาแห่งการอยู่รอด 
             เกียงป๋องซึ่งอยุ่ในสอบนั่งที่ฟาติมะเมียรักได้ทำไว้ให้ก่อนสิ้นใจได้จุดขึ้นด้วยไม้ขีดตราพญานาคกลิ่นควันไฟจากเกียงป๋องผสมกับน้ำมันก๊าดซึ่งกลับกลายเป็นกลิ่นที่เคยชินซึ่งบังเลาะห์ต้องรับรสอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ป๊ะ ป๊ะ ฝากซอรีเยาะด้วยนะ ฉันคงอยู่ได้ไม่นานแล้ว อย่าทิ้งลูกนะ เสียงนี้ยังสั่นโสตแห่งความผูกพันธ์ยังติดตรึงไม่รู้คลาย
          อัลเลาะห์ อัลเลาะห์ ขอให้คราวนี้ได้ปลาเยอะนะซอรีเจะได้เรียนซึ่งนี้คืออัญมณีชิ้นสุดท้ายที่ฟาติมะได้ฝากไว้ 
           สายตาที่แน่วแน่เนื้อตัวที่หยาบกร้านจากกาลเวลาได้พาเรือลำน้อยที่บัดนี้ถึงเวลาที่จะต้องซ่อมแล้วกลับเข้าฝั่งภายใต้ความหวังที่ฝากไว้ในค่ำคืนนี้

 นาฬิกาปลุกแห่งชีวิตได้ทำให้บังเลาะห์ต้องรีบแต่ตัวเพื่อจะไปยกไซที่วางไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เสียงย่องเบนพื้นดานแห่งกาลเวลาซึ่งบัดนี้กำลังจะสลายไปกับธรรมชาติ บังเลาห์ก้มลงกระซิบที่ข้างหูซอริเยาะลอดผ่านเสียงอันแผ่วเบาอันซึ่งนำมาศุ่ฝันของเธอที่กำลังจะเป็นจริงในเช้านี้
  เสียงเคลื่อนเรือลำเก่าแหวกผ่านสายน้ำ มืออันกำยังได้กระตุกเครื่องเรือเสียง เครื่องเรือดัง ทึก ท฿ก แหวกคลื่นน้อยมุ่งตรงไปยังไซ หิ่งห้อยแห่งความหวังดอกไม้แห่งห้วงหาวยิ้มรับถึงเหตุกาณ์ที่จะมาถึง โอ้พระเจ้า โอ้พระเจ้า เสียงบังเลาะแผดเหนือท้องเลสาบแห่งนี้ ปิติแห่งความดีใจเกิดขึ้นกับเขา ปลาน้อยใหญ่เหมือนกับพร้อมเพรียงกันมาเขาไซเพื่อให้เรื่องราวที่คาดหวังของบังเลาะห์ซึ่งมันเป็นจริงไปแล้ว สายลมแห่งท้องทะเลโบกมือลาคลื่นน้อยกระซิบกับแสงแห่งใจบอกลาเรื่องแห่งความหวัง
            มืออันหยาบกร้านซึ่งมีกลื่นคาวปลาบรรจงหยิบแบ็งที่ผ่านการแลกเปลี่ยนมากับปลาที่จับได้เมื่อคืน วางไว้ที่หมอนอันเป็นที่รักของซอรีเยาะห์ ลูกคืออัญญมณีแห่งชีวิตป๊ะ จงสู้ต่อไปตราบใดที่ป๊ะยังไม่ถูกเรียกให้ขึ้นไปรับใช้พระเจ้า
            เลสาบซึ่งบัดนี้ไร้แม้คลื่นลมกำลังรอบังเลาะห์ให้กลับไปเยี่ยมอีกครั้งหนึ่ง				
1 สิงหาคม 2548 11:17 น.

ฤดูกาล............แห่งชาวนา

พหุวัฒ

ฤดูกาล.................. แห่งชาวนา

           เมฆฝนยามนี้เริ่มตั้งเค้าปกคลุมทั่วท้องทุ่งนา  สลับกับเสียงฟ้าคำรามเป็นระยะๆ  เงาเมฆดำทะมึนที่ทอดตัวต่ำลงละเลี่ยยอดเขาซึ่งไม่สูงนักที่ตั้งตระหง่านอบู่สุดขอบปลายนา  สายลมกรรโชกพัดอื้ออึง  เพียงหลับตาเม็ดฝนเล็กๆที่ผ่านการรวมตัวเป็นสาบฝนก็ตกไล่หลังพรั่งพรูเป็นสายน้ำอันชุมช่ำโปรยปรายลงสู่พื้นนา  ส่งกลิ่นอายดินหอมตลบอบอวล  บ่งบอกให้รู้ว่าฤดูกาลแห่งการรอคอยของชาวนาได้เวียนมาบรรจบอีกครา................
        ภารกิจแห่งฤดูกาลรออยู่เบื้องหน้า  หลังสายฝนพร่างพรมสู่พื้นดิน หญ้าที่เพิ่งพ้นมาดูโลกกอเขียวขจียิ้มระริกรับความเบิกบานรอการพลิกฟื้นกลับสู่ความเป็นจริง  ชาวนาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวแห่งกาลเวลา  ได้ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าที่เหี่ยวย่น  ทว่าแววตาคู่นั้นกลับมุ่งมั่นกับสิ่งที่กำลังมาเยือน  มือที่หยาบกร้านยกมือขึ้นป้องหน้าจากสายฝน  มือข้างหนึ่งกำปลายเชือกที่ผ่านการใช้งานมาอยากโชกโชนอยางเหนียวแน่นเดินนำหน้าคู่เกลอสี่ขาที่เดินตามมาอย่างรู้หน้าที่  สองชีวิตที่ดำเนินในวิถีแห่งท้องนาช่วยกันพลิกฟื้นหน้าดินที่มีต้นหญ้าสีเขียวละเจิ่งนองไปด้วยแอ่งน้ำและโคลนตม  ก่อนที่จะลงต้นกล้าปักดำ  ยามนี้ในท้องทุ่งเหมือนกับมีงานมหรสพ ซึ่งเต็มไปด้วยเพื่อนบ้านเพื่อนเกลอและญาติมิตรสหาย ซึ่งต่างพร้อมเพรียงกันมาช่วยปักดำ  อันเป็นผลของการ  ออกปากกินวาน  อันเป็นวิถีแห่งชาวนาชนบทของภาคใต้ที่เอื้อเฟื้อน้ำจิตน้ำใจต่อกันไม่หวังผลประโยชน์ที่จะได้รับและทุกคนที่มาช่วยกันก็ทำกันตามกำลังของตนเองอย่างเต็มที่เพื่อให้งานได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
            แสงแรกแห่งวัน  สาดแสงทาบทั่วท้องนา  ปลายข้าวโอนเอนพลิ้วไหวลู่ตามลมละหม้ายคล้ายพรมผืนใหญ่  ปูลาดเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา  หุ่นไล่กา  ปักเด่นเป็นสง่ากลางทุ่งเป็นเสมือนผู้รักษาการที่คอยปกป้องทุกสรรพสิ่งแห่งท้องทุ่ง  แมลงปอตัวน้อยที่บินมาจากแอ่งน้ำใกล้ทุ่งนากระพือปีกล่อนลมโฉบมาเกาตรงปลายข้าวคล้ายกับว่ามาแสดงความยินดีแห่งฤดูการ  นกกระจิบฝูงใหญ่รวมตัวกันแลดูคล้ายเครื่องบินขนาดใหญ่สีดำมะเมื่อม กำลังร่อนลงมาโฉบกลางทุ่งนาแต่ก็เปลี่ยนทิศทางโดยกะทันหัน คงเป็นผลพ่วงมาจาก หุ่นไล่กา ยามรักษาการซึ่งไร้ชีวิตแต่พิชิตเจ้านกกระจิบฝูงใหญ่
             ต้นข้าวอวบอ้วนป่องกลางอยู่ไม่นานก็ได้เวลาที่ต้องทำขวัญข้าวแสดงความกตัญญูต่อพระแม่โพสพอันซึ่งนำพาความอุดมสมบูรณ์แก่พื้นนา....... 
              ท้องทุ่งยามนี้กลายสภาพเป็นสีทอง  กลบสีเขียวเมื่อเดือนก่อนหมดสิ้น  น้ำหนักของรวงข้าวที่แต่งตึงด้วยเม็ดเหลืองทองอวบงามเริ่มทิ้งน้ำหนักเอนลู่ทาบกับข้าวต้นอื่น ๆ เป็นตัวเร่งเวลาให้ แกะ  ในมือบรรจงตัดรวงข้าวที่ละรวง  รวงข้าวเต็มมือรอการมัดเป็นเลียงสู่ยุ้งฉางรอการแลกเปลี่ยน......   อากาศที่ร้อนแรงแห่งท้องทุ่งกับสิ่งที่เหลือทิ้งไว้เพียงซังข้าว  เพื่อนเกลอต่างจูงมือกันหลบแดดใต้ต้นโตนดอันสูงใหญ่ซึ่งขึ้นเรียงรายอยู่ทั่วไปริมคันนา  ซึ่งยืนหยัดให้ร่มเงาและผลิตผลแก่ชาวนาในทุกฤดูกาล  ขนมจีนแกงไตปลา พร้อมด้วย สาคูเปียก  ถูกส่งผ่านมือต่อมือเพื่อตอบแทนหยาดเหงื่อแรงกายพร้อมด้วยถามไถ่ถึงการเติมเต็มด้วยความจริงใจจากเจ้าของผืนนา
              ภาพวาดแห่งชีวิตของท้องทุ่งนาผ่านไปอีกวาระหนึ่ง  ผืนนา  คือ  สิ่งที่บ่งชี้ความเป็นอัตลักษณ์ของสังคมไทยว่า  เป็นสังคมเกษตรกรรมมานาน ผลพ่วงที่เกิดจากภูมิปัญญาสภาพพื้นที่และหยาดเหงื่อแรงกาย  กลายเป็นความผูกพันในวิถีชีวิตแบบไทย ๆ ซึ่งสะท้อนเรื่องราวอันหลากหลายในหมู่ชนคนเกษตรกรในสังคมชนบท  ซึ่งยึดถือปฏิบัติกันมานานชั่วกัปน์ชั่วกัลน์...................หวังว่าภาพที่เกิดขึ้นคงจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปในยุคที่สังคมกำลังเปลี่ยนแปลงไปโดยไร้จุดหมาย


  1.  ออกปากกินวาน  ในภาษาถิ่นใต้  หมายถึง การบอกกล่าวกันมาช่วยกันทำงานเมื่อเสร็จจากงานที่ทำแล้วเจ้าของงานจะเลี้ยงอาหารแกเพื่อนบ้านที่มาช่วยกันทำงาน
  2.  แกะ  ในภาษาถิ่นใต้ หมายถึง  อุปกรณ์ทีเป็นใบมีดแทรกอยู่บนไม้สี่เหลี่ยมคามหมูใช้เก็บข้าวได้ครั้งละรวง				
28 กรกฎาคม 2548 11:53 น.

นกนางแอ่น

พหุวัฒ

นางแอ่น
     ปฐมบทแห่งปากพนัง
     ยามเช้าในตลาดตัวเมืองปากพนังผู้คนจากทุกสารทิศพลุกพล่านในตลาดเต็มไปหมด เสียงต่อรองราคาปลาจากนายทุนกับชาวประมงพื้นบ้านเป็นไปอย่างได้รสชาติ เสียงเรือข้ามฟากจากปากพนังฝั่งตะวันออกดังแววมากลางสายน้ำปากพนังเพื่อมุงมายังปากพนังฝั่งตะวันออก ผู้คนกุรีกุจอเพื่อลงจากเรือ เด็กน้อยแบกเป้ใบใหญ่รีบเดินไป โรงเรียนเพราะจะใกล้เวลา 8.00 แล้ว คุณยายที่ผ่านร้อนผ่านหนาวจากการเวลาถือถุงข้าวสารเพื่อจะเอามาขายในตลาดชายหนุ่มผิวดำแดงกำลังแบกส้มโอพันธุ์ดีที่ขึ้นชื่อของอำเภอเดินดุ่ม ๆ หาที่ทางเพื่อวางขาย ฝั่งตรงกันข้ามของชายหนุ่ม คุณยายอายุประมาณสัก 70 กำลังตวง จิ้งจัง  ใส่ถุงพลาสติกให้กับลูกค้า บนผืนผ้าปลาสติกลายดอกที่ตั้งอยู่ข้างหน้าคุณยายนั้น ประกอบไปด้วย ปลาตะลุมพุก ไข่ปลากระบอกเค็ม ปลาตรวจ เค็ม ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อ จากแหลมตะลุมพุก  ของกินในเล ก็หายาก ยิ่งปูยิ่งปลาแทบไม่มีต้องไปหาปูหาปลาจากเลนอก ไม่นั้นคงอด  การดำเนินในตลาดปากพนังก็ยังคงดำเนินต่อไปดดยที่เวลาแทบไม่มีความหมาย เนื่องจากปากพนังเป็นเมืองเศรษฐกิจ ทั้งข้าว อาหารทะเล นากุ้ง หรือ รังนกนางแอ่น ล้วนทำให้คนถิ่นนี้รำรวยและยากจนกันมานักต่อนักแล้ว
เมืองคอนจะไร้ยาก
บางจากจะได้ทุกข์
ปากพนังจะสนุก
 แหลมตะลุมพุกจะเป็นวัง
ปากพนังจะไม่สนุกกันใยเล่าเมื่อเงินจำนวนมหาศาลที่มาจากธรรมชาติมาโปรดชาวปากพนัง คือ นกนางแอน คือว่า ถ้านกนางแอนเข้าบ้านใครชาวบ้านคนนั้นสามารถที่จะไปกู้เงินกับธนาคารได้เลย เสียงบอกเล่าจาก ลุงยวย สิงค์เฒ่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ท่ารถหน้าตลาด  ตั้งแต่นกแอน เริ่มที่จะเข้ามาทำรังในบ้านคนนะทำให้เจ้าของบ้านที่นกแอนอยู่รวยไม่รู้เรื่อง ขณะว่าเอาบ้านเก่าที่นกแอนไปทำรังไปกู้เงินธนาคารธนาคารแทบที่จะรีบเอาเงินใส่พานมาให้ เห็นเขาว่ารังนกแอนที่นี่คุณภาพดีรสชาติดี แต่ผมไม่หอน กินเพราะมันแพงถ้าของปลอมขวดละ 10 บาทที่วางขายตามตู้แช่ก็พอจะได้ลิ้มรองได้  ลุงย้วยพูดแล้วยิ้มที่มุมปาก พลันสตาทย์รถเครื่องคันเก่ามุ่งหน้าไปยังตามคำบัชาของลูกค้าที่กำหนดไว้ในแต่ละเส้นทาง
           ตอนยามบ่านคล้อยผู้คนเมืองนี้ไม่ค่อยพลุกพล่านมากนะตามถนนหนทางมีแต่ตึกสูงใหญ่แต่ไม่มีหน้าต่างมีแต่รูเล็กเรียงรายเต็มไปหมดนับได้คราประมาณ20 ตึกโดยไร้วีแววคนอาศัยอยู่ มีแต่เสียงเพรียกหาที่ดังออกมาจากตัวตึกเป็นเสียง นกนางแอ่น ซึ่งเป็นกลวิธีของเจ้าของตึกที่ใช้เสียงเรียกเพื่อให้นกนางแอ่นเข้ามาทำรัง  คนบ้านเรานี่แปลกสร้างตึกให้นกอยู่ เห็นว่าบางเจ้าสร้างตึกไปหลายล้านแต่นกไม่อยู่เจ็งกันไปเยอะจนเจ้าของตึกแทนที่จะได้นอนในตึกกลับไปนอนหน่ำ  เสียงแววจาก คุณยาย เซี้ยนซึ่งบัดนี้ล่วงเลยไปตามอายุไขที่ผ่านความเปลี่ยนไปของเมืองปากพนังแห่งนี้ 
 แต่แรกเมืองนัง สงบเงียบถึงคนพลุกพล่านแต่ก็ไม่มากชาวบ้านชาวช่องอยู่กันสุขสบายรถราก็ไม่มากเหมือนหว่างนี้ แต่พอชาวบ้านชาวเมืองเขารู้ว่านกแอนชอบเข้ามาทำรังในบ้านคนทำให้คนมีเงินจากเมืองคอนหรือที่อื่นก็แห่มาซื้อดินสร้างตึกให้นกอยู่แต่ก็ไม่เห็นแววว่านกจะมาอยู่ คงเป็นบุญของแต่ละคนนะที่นกจะเข้ามาอยู่สร้างความรำรวย แต่คนจนก็จนทุกวัน มันปนเหมือนกันหมด นี่ถ้าไม่มีนกแอน แล้วเมืองนังจะเป็นพันพรือ  คุณยายเซี้ยนเบือนหน้าไปที่คลองปากนังมองตะวันที่กำลังจะพ้นขอบฟ้า

                
  หนำ หมายถึง  สิ่งปลูกสร้างชั่วคราวไว้อยู่อาศัย
  เมืองนัง  หมายถึง เมืองปากพนัง
  พันพรือ  หมายถึง มันเป็นอย่างไง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพหุวัฒ
Lovings  พหุวัฒ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพหุวัฒ
Lovings  พหุวัฒ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพหุวัฒ
Lovings  พหุวัฒ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพหุวัฒ