เรื่องสั้นชุด บ้านทุ่งของผม ตอนที่ 2

พหุวัฒ

มโหรสพแห่งบึงหนองเหรียง
พี่เท่งมาจากบางกอกตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วไม่บอกกันมั่ง  เสียงตะโกนจากเขียวซึ่งบัดนี้กลับกลายเป็นชายหนุ่มร่างกายกำยำแต่ก็ยังแฝงด้วนรูปคงใบหน้าเหมือนเดิม จนได้ฉายาเมื่อตอนวัยเด็กว่า แพะตาหลุน  ซึ่งเป็นความหมายที่เพื่อนๆ ตั้งให้เขียว เพราะลักษณะของใบหน้าเขาเหมือนกับแพะตาโปน  พี่กลับมาถึงเมื่อเช้าแล้วพันพรื่อมั่งบ่าวเขียวบายดีไหม  เสียงเท่งตอบกลับด้วยสำเนียงภาษาปักษ์ใต้สงขลา 
                  ยามบ่ายตะวันคล้อยหลังเหมือนกับบอกว่าวันเวลาได้เปลี่ยนไปอีกแล้วแต่ชีวิตของคนที่นี่ก็กำลังจะเปลี่ยนไปเช่นกัน นกเขาฝูงใหญ่บินวนอยู่เหนือต้นตาลที่ยืนต้นตาย หลังจากที่ นากุ้งเข้ามาแทนที่นาข้าว มันเริ่มเข้ามาตั้งแต่การปฏิวัติทางเศรษฐกิจเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของชาวผู้เป็นนายทุนเท่านั้น ชาวนายากจนไม่มีโอกาสแม้จะคิด และแล้วเรื่องราวแห่งการลงทุนเพื่อการอยู่ดีมีสุขก็หยุดชะงัก เมื่อโรคระบาดของกุ้ง และราคากุ้งตกต่ำเริ่มเข้ามาแทนที่ หลายรายติดหนี้ก้อนโต หลายรายเอาชีวิตมาทิ้งเพราะคำว่า อยากรวย และคนทั่วไปที่พวกเขาว่า นายหัว ซึ่งเป็นคำที่ยิ่งใหญ่และเป็นศักดิ์ศรีของ ชาวบ้านที่ทำอาชีพนากุ้ง นาที่เคยสะพรั่งไปด้วยรวงทองที่เมื่อต้องแสงตะวันระยิบระยับเต็มท้องนา แต่บัดนี้กลับกลายเป็นแอ่งกะทะขนาดใหญ่ไร้ซึ่งอดีตแห่งความอุดมสมบูรณ์ มีแต่ความแห้งแล้งเข้ามาปกคลุมแทนที่และไม่สามารถที่จะใช้ประโยชน์ได้อีกต่อไป
      สายลมกระทบกับใบหน้ากลิ่นโคลนริมบึงโชยเข้ามาในจมูก ผมสูดกลิ่นเข้าไปอย่างเต็มปอด เพราะว่ากลิ่นอย่างนี้ผมไม่เคยได้สัมผัสมากว่า20 ปี ผมเอนตัวลงพิงกับต้นไทรใหญ่ที่มีอายุผ่านร้อนผ่านหนาวไม่ต่ำกว่าร้อยปี เห็ดโคนขึ้นเต็มสะพรั่งที่จอมปลวกหลังต้นไทร อีไม่นานพวกเจ้าก็ต้องตกเป็นอาหารของมนุษย์ เพราะมนุษย์นั้นไม่ว่าสมัยไหนก็ตามย่อมพึ่งพากับธรรมชาติ แต่เดี๊ยวนี้หาเป็นเช่นนั้นไม่กลับกลายเป็นว่ามนุษย์กลับเอาเปรียบธรรมชาติเพื่อความอยู่รอดของวิถีตัวเอง ในแต่ละปีเราจะเห็นข่าว การสร้างเขื่อน การปิดเขื่อน การสร้างโรงไฟฟ้า การวางท่อก๊าซ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ทำลายธรรมชาติที่สร้างด้วยตัวของมันเอง เริ่มหมดไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว แล้วสักวันหนึ่งเราก็จะไม่เหลือความคงที่ของธรรมชาติที่ช่วยเกื้อกูลในวถีชีวิตของมนุษย์ชาติอีกต่อไป
               ตูม ตูม ตูม เสียงกระแทกน้ำของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ อันประกอบไปด้วย เขียว เอียด จุ้ง ซึ่งเป็นเหล่าเพิ่อนพ้องที่ผมรวมหัวกันอยู่ในขณะนี้
                ไอ้หย่า พวกสูมาแลต้า ปลาช่อนเท่าข้อมือมีหลายตัวเราเอาแหมาวางดีหวา เสียงจุ้งบุรุษย์ร่างเล็กที่สุดในกลุ่มหมู่ผองเพื่อนตะโกนมาจากบึงเหรียง บึงเหรียงนี้ครั้งหนึ่งเคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชนานาพันธ์ เป็นที่อยู่ของนกนานาชนิด แต่บัดนี้เหมือนต้องแสงไร้เงา ทุกอย่างนิ่งสนิทไร้การตอบรับ การรุกรานของมนุษย์เป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของบึงแห่ง
                   ฟ๊าว เสียงของแหแหวกม่านอากาศถลาลงในบึงสายน้ำนิ่งแตกกระจายแผ่กว้างมาถึงฝั่งด้วยน้ำมือของพรานปลามือฉมังนามว่าจุ้ง สักครู่หนึ่งไอ้ช่อนขนาดข้อมือเด็กเป็นผลงานชิ้นแรกในวินาทีนี้ เอาข้องมาเร็ว เสียงจุ้งบอกให้ผมเอาข้องที่ตั้งอยู่บนริมบึง มาจับปลาใส่ ผมถลาลงบึงด้วยความสนุก หัวใจผมพองโตกลับเป็นเด็กอีกครั้ง หวนนึกถึงเรื่องในสมัยเก่า ที่วิถีแห่งคนบ้านนอกปฏิบัติกิจกันเป็นประจำในฤดูฝน
                 กลิ่นหอมของเครื่องแกงส้มที่ผสมด้วยสมุนไพรพื้นถิ่นด้วยสูตรตำหรับของชาวใต้ส่งกลิ่นหอมหวลยั่วน้ำลายด้วกุ๊กอดีตพ่อครัวสวนอาหารซึ่งบัดนี้ล้มสลายไปกับนากุ้งเสียแล้วนามว่า เอียด กุ๊กฟ้าประทาน  เสื่อผืนเก่าซึ่งบัดนี้ยังรับใช้เจ้านายของมัน อย่างไม่เสื่อมคลาย
               แกงส้มปลาช่อนดอกแคถ้วยแล้วถ้วยเล่าถูกยกมาวางกลางวงล้อมหมู่เพื่อนฝูง มันช่างอร่อยลิ้นเสียจริง ๆ ปลาที่เป็นบ่อเกิดจากธรรมชาติ ไม่ใช่ปลาที่ถูกบ่มเพาะมาด้วยน้ำมือมนุษย์ ดอกแคหวานกลมกล่อมปราศจากสารพิษเพราะเกิดมาจากธรรมชาติ ช่างเป็นการต้อนรับที่แสนอิ่มท้อมหลังจากที่หลีกลี้หนีหายจากภูมิถิ่นอันเป็นที่เกิดและจะเป็นที่ตายกาลเวลาข้างหน้า				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน