ฤดูกาล............แห่งชาวนา

พหุวัฒ

ฤดูกาล.................. แห่งชาวนา
           เมฆฝนยามนี้เริ่มตั้งเค้าปกคลุมทั่วท้องทุ่งนา  สลับกับเสียงฟ้าคำรามเป็นระยะๆ  เงาเมฆดำทะมึนที่ทอดตัวต่ำลงละเลี่ยยอดเขาซึ่งไม่สูงนักที่ตั้งตระหง่านอบู่สุดขอบปลายนา  สายลมกรรโชกพัดอื้ออึง  เพียงหลับตาเม็ดฝนเล็กๆที่ผ่านการรวมตัวเป็นสาบฝนก็ตกไล่หลังพรั่งพรูเป็นสายน้ำอันชุมช่ำโปรยปรายลงสู่พื้นนา  ส่งกลิ่นอายดินหอมตลบอบอวล  บ่งบอกให้รู้ว่าฤดูกาลแห่งการรอคอยของชาวนาได้เวียนมาบรรจบอีกครา................
        ภารกิจแห่งฤดูกาลรออยู่เบื้องหน้า  หลังสายฝนพร่างพรมสู่พื้นดิน หญ้าที่เพิ่งพ้นมาดูโลกกอเขียวขจียิ้มระริกรับความเบิกบานรอการพลิกฟื้นกลับสู่ความเป็นจริง  ชาวนาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวแห่งกาลเวลา  ได้ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าที่เหี่ยวย่น  ทว่าแววตาคู่นั้นกลับมุ่งมั่นกับสิ่งที่กำลังมาเยือน  มือที่หยาบกร้านยกมือขึ้นป้องหน้าจากสายฝน  มือข้างหนึ่งกำปลายเชือกที่ผ่านการใช้งานมาอยากโชกโชนอยางเหนียวแน่นเดินนำหน้าคู่เกลอสี่ขาที่เดินตามมาอย่างรู้หน้าที่  สองชีวิตที่ดำเนินในวิถีแห่งท้องนาช่วยกันพลิกฟื้นหน้าดินที่มีต้นหญ้าสีเขียวละเจิ่งนองไปด้วยแอ่งน้ำและโคลนตม  ก่อนที่จะลงต้นกล้าปักดำ  ยามนี้ในท้องทุ่งเหมือนกับมีงานมหรสพ ซึ่งเต็มไปด้วยเพื่อนบ้านเพื่อนเกลอและญาติมิตรสหาย ซึ่งต่างพร้อมเพรียงกันมาช่วยปักดำ  อันเป็นผลของการ  ออกปากกินวาน  อันเป็นวิถีแห่งชาวนาชนบทของภาคใต้ที่เอื้อเฟื้อน้ำจิตน้ำใจต่อกันไม่หวังผลประโยชน์ที่จะได้รับและทุกคนที่มาช่วยกันก็ทำกันตามกำลังของตนเองอย่างเต็มที่เพื่อให้งานได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
            แสงแรกแห่งวัน  สาดแสงทาบทั่วท้องนา  ปลายข้าวโอนเอนพลิ้วไหวลู่ตามลมละหม้ายคล้ายพรมผืนใหญ่  ปูลาดเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา  หุ่นไล่กา  ปักเด่นเป็นสง่ากลางทุ่งเป็นเสมือนผู้รักษาการที่คอยปกป้องทุกสรรพสิ่งแห่งท้องทุ่ง  แมลงปอตัวน้อยที่บินมาจากแอ่งน้ำใกล้ทุ่งนากระพือปีกล่อนลมโฉบมาเกาตรงปลายข้าวคล้ายกับว่ามาแสดงความยินดีแห่งฤดูการ  นกกระจิบฝูงใหญ่รวมตัวกันแลดูคล้ายเครื่องบินขนาดใหญ่สีดำมะเมื่อม กำลังร่อนลงมาโฉบกลางทุ่งนาแต่ก็เปลี่ยนทิศทางโดยกะทันหัน คงเป็นผลพ่วงมาจาก หุ่นไล่กา ยามรักษาการซึ่งไร้ชีวิตแต่พิชิตเจ้านกกระจิบฝูงใหญ่
             ต้นข้าวอวบอ้วนป่องกลางอยู่ไม่นานก็ได้เวลาที่ต้องทำขวัญข้าวแสดงความกตัญญูต่อพระแม่โพสพอันซึ่งนำพาความอุดมสมบูรณ์แก่พื้นนา....... 
              ท้องทุ่งยามนี้กลายสภาพเป็นสีทอง  กลบสีเขียวเมื่อเดือนก่อนหมดสิ้น  น้ำหนักของรวงข้าวที่แต่งตึงด้วยเม็ดเหลืองทองอวบงามเริ่มทิ้งน้ำหนักเอนลู่ทาบกับข้าวต้นอื่น ๆ เป็นตัวเร่งเวลาให้ แกะ  ในมือบรรจงตัดรวงข้าวที่ละรวง  รวงข้าวเต็มมือรอการมัดเป็นเลียงสู่ยุ้งฉางรอการแลกเปลี่ยน......   อากาศที่ร้อนแรงแห่งท้องทุ่งกับสิ่งที่เหลือทิ้งไว้เพียงซังข้าว  เพื่อนเกลอต่างจูงมือกันหลบแดดใต้ต้นโตนดอันสูงใหญ่ซึ่งขึ้นเรียงรายอยู่ทั่วไปริมคันนา  ซึ่งยืนหยัดให้ร่มเงาและผลิตผลแก่ชาวนาในทุกฤดูกาล  ขนมจีนแกงไตปลา พร้อมด้วย สาคูเปียก  ถูกส่งผ่านมือต่อมือเพื่อตอบแทนหยาดเหงื่อแรงกายพร้อมด้วยถามไถ่ถึงการเติมเต็มด้วยความจริงใจจากเจ้าของผืนนา
              ภาพวาดแห่งชีวิตของท้องทุ่งนาผ่านไปอีกวาระหนึ่ง  ผืนนา  คือ  สิ่งที่บ่งชี้ความเป็นอัตลักษณ์ของสังคมไทยว่า  เป็นสังคมเกษตรกรรมมานาน ผลพ่วงที่เกิดจากภูมิปัญญาสภาพพื้นที่และหยาดเหงื่อแรงกาย  กลายเป็นความผูกพันในวิถีชีวิตแบบไทย ๆ ซึ่งสะท้อนเรื่องราวอันหลากหลายในหมู่ชนคนเกษตรกรในสังคมชนบท  ซึ่งยึดถือปฏิบัติกันมานานชั่วกัปน์ชั่วกัลน์...................หวังว่าภาพที่เกิดขึ้นคงจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปในยุคที่สังคมกำลังเปลี่ยนแปลงไปโดยไร้จุดหมาย
  1.  ออกปากกินวาน  ในภาษาถิ่นใต้  หมายถึง การบอกกล่าวกันมาช่วยกันทำงานเมื่อเสร็จจากงานที่ทำแล้วเจ้าของงานจะเลี้ยงอาหารแกเพื่อนบ้านที่มาช่วยกันทำงาน
  2.  แกะ  ในภาษาถิ่นใต้ หมายถึง  อุปกรณ์ทีเป็นใบมีดแทรกอยู่บนไม้สี่เหลี่ยมคามหมูใช้เก็บข้าวได้ครั้งละรวง				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน