3 พฤษภาคม 2551 19:58 น.

ฟ้าหลังฝน

ภันเต

มองท้องฟ้าหมู่เมฆาเคลื่อนออกทัพ      
เงียบสดับจับใจให้ผวา
คำรามร้องก้องไกลไปทั่วหล้า            
ฟัดลงมาพสุธาสะเทือนไกว

สรรพสัตว์เงียบเชียบพนาพฤกษ์                
มองฟ้าลึกนึกกลัวให้หวั่นไหว
น้ำหยดแรกชะโลมร่างเย็นซ่านกาย      
หยดหนึ่งคลายความร้อนผ่อนพื้นดิน

กระหน่ำเทกระหน่ำพรมชะโลมโลก            
ชะล้างโศกผ่อนเศร้าให้หมดสิ้น
คืนความชุ่มฉ่ำเย็นให้พื้นดิน                     
คืนอุดมให้ถิ่นเขียวขจี

หยาดฝนหยดลงพื้นหยดสุดท้าย                  
มองออกไปเนืองนองทั่วทุกที่
เสียงกบเขียดอึ่งอ่างออกพาที                       
ร้องดนตรีบรรเลงเพลงทุ่งนา

วิถีไทยออกงานหว่านไถ่ทำ                            
ตัวดำดำกลางแสงตะวันจ้า
ไม่พอกตัวทาแต่งครีมนานา                          
อยู่กับฟ้าดินฝนทนทำกิน

ธรรมชาติผัดเปลี่ยนฤดูกาล                          
เพื่อเห็นมันไม่มีแม้หมดสิ้น
งอกเงยได้ยากไร้อาจมีกิน                            
อย่าได้หมิ่นชีวิตที่เกิดมา				
3 พฤษภาคม 2551 16:38 น.

ภาพเก่าที่บ้านเกิด

ภันเต

ผลัดสถานถิ่นเกิดสู่เมืองใหญ่         
อยู่ห่างไกลสายตาห่วงคิดถึง
ภาพสะท้อนของการที่ดื้อดึง            
จนมาถึงตอนนี้จึงเข้าใจ

ความห่วงใยที่เคยได้ยินเสียง        
ได้หล่อเลี้ยงก่อร่างจนเติบใหญ่
ยามนี้ไร้สำเนียงพักพิงใจ               
เสียงอยู่ไกลลับตาเกินได้ฟัง

โภชนาอาทรอิ่นไออุ่น                      
กลิ่นหอมกรุ่นละมุยละไมมาแต่หลัง
รสอร่อยเลี้ยงกายเต็มพลัง               
จนกระทั่งบัดนี้ยังอาวรณ์

ผิวกายโอบก่อเกื้อเอื้ออุ่นรัก             
เฝ้าปกปักรักษาไม่ถ่ายถอน
ภาพเก่าเก่าเล่าย้ำน้ำตาทอน           
อาลัยอาวรณ์ย้อนคิดสะกิจใจ

ภาพจางจางจืดเจือด้วยน้ำตา          
แสวงหาว่างเปล่าสิ่งที่ได้
กลับมาเยือนเตือนต่อระห้อยใจ   
ความอาลัยสูญเสียไม่กลับคืน

หมดโอกาศกลิ่นอุ่นให้หนุนกอด     
 มันมืดบอดขอดใจให้สะอื้น
ภาพเคยเป็นหวังวันนี้จะได้คืน       
กลับคืนชื่นชุ่มใจอย่างเคยเป็น

คนที่รักของเราเขาเสียแล้ว  
ใจมันแป๋วมารดาไม่มีเห็น
บ้านเคยอุ่นด้วยไอรักเช้าเย็น  
กลับเยือกเย็นผะวาหว้าเหว่ใจ

เสียบธูปจุดไฟทักทายรูป           
มือปัดลูบปุ่นไรผงหยากไย
มาถึงแล้วแม่ครับนี่คือใคร        
จำได้ไหมลูกแม่กลับมาเยือน

อยากจับมือกอดแขนคล้องคอแม่   
ดีใจแน่จะหาใดไหนใครเหมือน
อุ่นที่ลูกไม่ทิ้งไม่ร้างเลือน             
แต่มันเตือนน้ำตาให้ไหลริน

หิวอาหารรสยอดฝีมือดี                 
กลับทุกทีได้อิ่มอร่อยลิ้น
แต่วันนี้ไม่มีให้ได้กิน                  
เมือสูญสิ้นใจสลายอาลัยจำ      				
30 เมษายน 2551 11:35 น.

-ฉันมันโง่นี่-

ภันเต

คนอย่างฉันดีแต่รักไม่ลืมตา      
ใครจะว่ากล่าวหาเธอไม่สน
คิดว่ารักจึงเชื่อไม่กังวล              
คนหลายคนว่าเตือนไม่ใส่ใจ

เจอกับตารู้แจ้งจึงรู้สึก                
รู้สำนึกถึงคำเขาว่าไว้
ไม่คิดว่าจะจริงเรื่องเหลวไหล    
รู้แล้วใจสลายเธอหลอกลวง

เห็นฉันโง่งมงายมากใช่ไหม       
มาทำร้ายให้ฉันน้ำตาร่วง
เห็นความเจ็บสะใจไหมคนหลอกหลวง   
หลอกให้ห่วงหวงเธอมาเนินนาน

ต่อแต่นี้ต่อไปขอหยุดรัก               
เจ็บมากมากยากใจจะประสาน
กลัวความโง่ใครเขาเอาประจาร     
ไม่อาจหาญริรักขอห่างไกล				
27 เมษายน 2551 10:07 น.

สงสาร สงกรานต์

ภันเต

ตรุสสงกรานต์ประเพณีปีใหม่ไทย        
ความภูมิใจในเอกลักษณ์ชาติ
ก่อนนี้เคยบริสุทธิ์ผ่องสะอาด                
คนต่างชาติชื่นชมวิถีไทย

เนื้อแท้แล้วงดงามกริยา                      
รดน้ำปะหน้าพองามให้สดใส
เพียงคลายร้อนสาดน้ำพอชื่นใจ           
ไม่มากมายหายร้อนเท่านี้พอ

มาเดี๋ยวนี้มีแค่ความเสื่อมโทรม          
คงล่มจมประเพณีเคยมีหน้อ
สาดน้ำกันโค่มโค่มไม่มีพอ                    
ไม่ต้องขอรอรับได้ทันที

ถือโอกาสลามปรามลวนลามสาว       
 สาวผู้เจ้าก็แต่งกายเย้ายวนยี่
ฤทธิ์สุราพาพวกต่อยชอกตี                
ถูกย่ำยีเสียแล้ววัฒนธรรม

สงสารงานสงกรานต์คนก่อนสร้าง    
ถูกรบร้างห่างเหินเคยเลิศล้ำ
คนต่างเมืองเห็นเสื่อมการกระทำ    
เขาตอกย้ำทำข่าวเล่าต่างเมือง

ช่วยได้ไหมคนไทยให้คืนกลับ       
ลบรอบยับประเพณีหยุดต่อเนื่อง
เหลือภาพงามประเพณีที่รุ่งเรือง      
ให้ลือเรื่องวัฒนธรรมไทยดีงาม				
26 เมษายน 2551 20:09 น.

มนต์พิษณุโลก

ภันเต

พิษณุโลกเมืองถิ่นกลิ่นสงบ.............มาได้พบสิ่งงามตามที่ฝัน
ทุ่งทะเลแก้วงามอัศจรรย์...............ยามตะวันลับฟ้าขอบแสงทอง
ท้องนางามข้าวเขียวขจีสวย.............ระริ้วระรวยด้วยลมคลื่นเป็นล่อง
เหมือนสายน้ำลำน่านได้เที่ยวท่อง...ไม่เคยพร่องท่องลับริบไกลตา

พระพุทธชินราชประติมากร..............ใจบวรพุทธศาสนา
ร่มโพธิ์เย็นได้ผ่อนร้อนคลายอุรา......พักศาลาหน้าท่ามองเรือนแพ
อดีตทวนหวนคิดระลึกถึง .................สมัยซึ่งสยามต้องพ่ายแพ้
เสียประเทศแผ่นดินจนย้ำแย่..........ไม่เว้นแม้เอกรัฐราชธานี

พระองค์ดำนเรศวรผู้กอบกู้...............ให้คืนสู่ความเป็นไทยสมศักดิ์ศรี
พระองค์เกิดแดนดิน ณ ถิ่นนี้.......... .ยังคงมีพระราชวังจันทน์ที่งดงาม
มองปัจจุบันยังมีอนาคต.....................ยังไม่หมดที่กล่าวแค่เกริ่นความ
พิษณุโลกยังมีอะไรให้ติดตาม.............ความงดงามตามเวลาอีกมากมาย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภันเต
Lovings  ภันเต เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภันเต
Lovings  ภันเต เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภันเต
Lovings  ภันเต เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงภันเต