22 มีนาคม 2546 00:22 น.
				
												
				
								ภีม
		
					
				
ใครอย่าคิดยื้อยุดรุดเข้าห้าม		
ข้าจะทำไปตามความปรารถนา
ใครจะทุกข์ขื่นขมตรมอุรา		
ใครจะว่าอย่างไรช่างหัวมัน
เพราะข้าคือผู้ยิ่งใหญ่กว่าใครเขา		
มีอำนาจไม่เบาเขย่าขวัญ
เศรษฐกิจคอยหนุนทุนอนันต์		
ใช้กดดันใครก็ได้ในโลกา
มีอาวุธครบครันทันสมัย			
อานุภาพยิ่งใหญ่ในหัตถา
ครองสมุทรแผ่นดินถึงถิ่นฟ้า		
ยากที่ใครจะหาญกล้ามาต่อกร
อำนาจใครไหนเล่าเท่าเทียมข้า		
มีแต่ผู้เข้าหาสโมสร
เศรษฐกิจอาวุธยุทโธปกรณ์		
พร้อมสั่งสอนปัจจามิตรทุกทิศทาง
สันติภาพอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่		
เรียกร้องกันทำไมให้กลบฝัง
ประชาธิปไตยไม่ขอฟัง			
อย่ามารั้งเพราะข้าบ้าสงคราม ฯ				
			 
			
				21 มกราคม 2546 18:45 น.
				
												
				
								ภีม
		
					
				
หากเป็นผู้ใฝ่รู้สู้สิ่งยาก
ความลำบากไม่หนีปรี่เข้าหา
อุปสรรคบากบั่นใช้ปัญญา
แก้ปัญหาเปลื้องปลดหมดสิ้นไป
เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสฉลาดคิด
สร้างชีวิตด้วยวิธีที่สดใส
ปฏิบัติถูกทางอย่างมั่นใจ
เพื่อห่างไกลปัญหาพาโศกตรม
ค่อยค่อยคิดค่อยค่อยทำน้อมนำไป
อย่าหวั่นไหวต่อปัญหาพาขื่นขม
ทุกสิ่งที่เป็นไปในสังคม
จงเลือกชมครวญใคร่ใช้ปัญญา
สังคมโลกวายวุ่นขุ่นเคืองขัด
แสนสาหัสหลายหลากมากปัญหา
หากรู้จักฝึกตนค้นวิชา
สร้างปัญญาให้รู้อยู่เท่าทัน
หากเป็นผู้ใฝ่รู้สู้สิ่งยาก
ทนลำบากสักนิดคิดสร้างสรรค์
ฝึกตนเองจนเป็นเห็นเท่าทัน
ไม่มีวันอับจนหมดหนทางฯ
				
			 
			
				19 ตุลาคม 2545 17:59 น.
				
												
				
								ภีม
		
					
				
ยามเหนื่อยล้าเปล่าว่างร้างความคิด                 
งานข้องติดการเคลื่อนมิเลื่อนไหล
ซึมซบนิ่งสิ่งบั่นความมั่นใจ
ถูกดับไฟสรรค์สร้างทางกวี
คราขยับกลับล้าไม่กล้าก่อ
เพราะทดท้อกดดันผันวิถี
หนึ่งสมองสองมือชื่อเคยมี
มาวันนี้ไฟหดแทบหมดใจ
แม้วันคืนเนิ่นนานผ่านมาแล้ว
ก็มิแคล้วลงซบสลบไสล
กระตุ้นเตือนตัวเองเร่งเร็วไว
ก่อนจะสายเกินไปไม่ทันกาล
เพียงสลัดสิ่งรกปกสมอง
สู่ครรลองเดินก้าวอย่างห้าวหาญ
อีกครั้งนะผู้มีใจไม่พิการ
จะเป็นหนึ่งซึ่งสานกานท์กลอนไทย.				
			 
			
				22 กันยายน 2545 09:15 น.
				
												
				
								ภีม
		
					
				
ทุกชีวิตทั่วไปในสังคม		
ต้านปัญหาดั่งแรงลมที่ข่มเหง
สัจธรรมชีวีที่บรรเลง		
เป็นทั้งเพลงขมขื่นและรื่นใจ
มินานเกินร้อยปีชีวิตยัง			
ซึ่งกักขังอยู่ในโลกโศกสมัย
ต่างรู้ดีหากชีพดับลับล่วงไป		
มิมีใครอาจฟื้นคืนกลับมา
				
ได้เกิดมาในโลกโศกกำสรด			
ไม่นานหมดลมปราณต้านปัญหา
ชีวิตที่เหลือนั้นหันกลับมา			
เพื่อรีบสร้างคุณค่าตราความดี
					
แต่ว่าคนแตกต่างทางความคิด		
เพราะชีวิตมาจากหลากวิถี
บ้างอาจเห็นกุศลผลความดี		
บ้างอาจเมินหน้าหนีลี้จากไกล
			
อนุสาวรีย์ทั้งดีชั่ว			
อยู่ที่ตัวเราสร้างเลือกอย่างไหน
ประกาศผลชั่วดีที่ทำไป			
เลือกฝากไว้ก่อนอาสัญนิรันดร
หากใครทำก็ได้ใจย่อมรู้
ไตร่ตรองดูสักนิดใช่คิดสอน
ทุกคนมีปัญญาอย่านิ่งนอน
เริ่มเสียก่อนชีพสลายสายเกินไปฯ				
			 
			
				27 กรกฎาคม 2545 22:55 น.
				
												
				
								ภีม
		
					
				
คือกิเลสและกรรมนำวิบาก
ที่แสนยากจะหลุดหยุดสงสัย
เป็นวงจรไตรวัฏฏ์สัตว์ทั่วไป
เที่ยวหลงใหลเกิดก่อต่อวิญญาณ์
ไม่มีจุดเริ่มต้นให้ค้นพบ
ไม่รู้จบเหตุใดไม่กังขา
วิ่งไปตามแนวทางแห่งมรรคา
ปล่อยเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผันไป
สิ่งที่เริ่มคือจบพบครั้งแรก
แต่ก็แปลกไม่พบจบตรงไหน
สิ่งที่เท็จคือจริงเกินสิ่งใด
สิ่งที่จริงเหตุใดกลับไม่จริง
เพราะใจแคบมืดมนจนไม่เห็น
ปัญญาเร้นอ่อนเยาว์เขลาอย่างยิ่ง
จึงไร้ฐานชีวิตคิดพึ่งพิง
หันเข้าไปแอบอิงอวิชชา
เที่ยววนเวียนต่อไปไม่รู้จบ
ไม่มีวันสยบจบปัญหา
เพราะชีวิตมืดบอดยอดนัยน์ตา
คือปัญญามองเห็น  เช่นนั้นเอง
แต่ละตนจึงต่างเข้าทางวน
ปุถุชชนย่อมถูกทุกข์ข่มเหง
เพราะดวงจิตมืดมัวไม่กลัวเกรง
ไม่รีบเร่งให้ลุผลพ้นวงจรฯ