13 เมษายน 2546 17:30 น.

ดอกไม้บาน สัญญาคลาย

ม้าก้านกล้วย

เมื่อดอกคูณร่วงลอยกับลมร้อน
เมื่อเกสรกลาดกล่นบนดินผง
เมื่อสัญญายกร้างพลางพะวง
เมื่อมั่นคงฝ่ายเดียวไร้เรี่ยวแรง
เป็นแค่หนึ่งในสัมพันธ์อันว่างเปล่า
แค่ฝันเอาว่าดวงใจมิหน่ายแหนง
ก็รู้จักเริ่มรักกันวันฝนแรง
กุหลาบแดงช่อสวยด้วยความหมาย
ยามทานตะวันบานขานรักชื่น
มาเริงรื่นฝนเล่นเป็นสายสาย
มาเบิกบานกับสายฝนที่หล่นพราย
มิรู้วายเสน่ห์วาดสวาทหวัง
ก็เมื่อฝนขาดสายกลายเป็นหนาว
พะยอมพราวดอกพรูอยู่เบื้องหลัง
เธอจากลาไปไกลไร้พลัง
แต่เธอยังให้สัญญาจะหวนคืน
สะเดาบานประดู่บานนั้นไร้ค่า
เธอไม่มาร่วมชมภิรมย์ชื่น
ทิ้งกันเกราทิ้งดอกเศร้าเหงาทั้งยืน
เสี้ยวสะอื้นสลัดช่อรอไม่ไหว
วันที่ดอกจานบานแล้วโรย
วันที่โหยหานวลแค่ครวญใคร่
เธอกลับมาเลิกราสัญญาใจ
แล้วจากไปไม่สนใจดอกไม้บาน

(ม้าก้านกล้วย)				
10 เมษายน 2546 21:31 น.

เอื้องผึ้ง - จันผา

ม้าก้านกล้วย

เอื้องผึ้งบนหนึ่งผาหน้าน้ำตก
บุษราคัมแซมหยกปกแผ่นหิน
บนเงื้อมโง้งบนโค้งคุ้งรุ้งเลื่อมริน
ประดับดินประดับใจใครบางคน
เสน่หาเจ้ากระจายในสายลม
ซ่านกำซาบสาปผสมกับลมฝน
ลำแสงลอดเมฆมาเสกมนต์
ให้เจ้าเด่นเช่นมาดลจนใจรัก
ตำนานว่าคู่ชีวามาพรอดพร่ำ
ชวนชี้นำนางชมนกอย่างปกปัก
ผาพฤกษาแหวกกว้างพลางทายทัก
และแนะให้ได้รู้จักมาลางาม
นวลนางผู้หลงไหลใคร่เชยชม
จึงลงก้มเด็ดโดยแม้โหยห้าม
เอื้อมมือลงสุดล้าคราผลีผลาม
นางถลำลื่นร่วงจากห้วงหิน
กระแทกร่างลงตรงมาลานั้น
วิญญาณอันห่วงใยก่อนใจสิ้น
ก็แลกร่างกับเอื้องผึ้งชึ่งร่วงริน
น้ำตาริ้นอาลัยให้นวลนาง
หนุ่มผู้พานางมาหาความตาย
ใจสลายคว้าไขว่ได้เพียงร่าง
สาบานรักมั่นไว้ไม่จืดจาง
พลัดทอดร่างหล่นผามาตามกัน
เอื้องผึ้งบนหนึ่งสุสานเหงา
จันผาเฝ้าเคลียคลอไม่ขอหวั่น
มิได้สมครั้งยังเป็นเช่นชู้นั้น
จันผามั่น เคียง เอื้องผึ้ง ก็ พึงใจ

(ม้าก้านกล้วย)				
10 เมษายน 2546 17:35 น.

โศกนาฎกรรม กล้วยไม้

ม้าก้านกล้วย

อดรนทนเลี่ยงลี้            หลบมุม
กางคลี่มณีคลุม            ผืนผา
ประดับดอยเด่นดุ่ม       ดั่งดาว
กล้วยไม้ขาวสูงค่า        ซ่อนไว้ ให้ ค้น

นะรักนะช่วงยื้อ            เพียงครอง
รักและหวังปองให้      ใกล้เจ้า
กระชากกล้วยกองไม้  หมายเก็บ
กระหน่ำเอามีดเหน็บ  ถากไว้ ในกระถาง 

โศกนาฎกรรม 	   กล้วยไม้
เจ้าผู้ให้เยี่ยงหมาย	  บทสร้าง
สวยนั้นไซร้ใยวาง    กลางป่า กลางดง
จึงโดนไล่โดนล้าง    ย้ายแยก แตกกอ

กล้วยไม้ป่า กลางคา คบสูงลิ่ว
กลีบเจ้าปลิว หอมเจ้ายวน ทวนลมหอม
ภุมริน มากมาย มาไต่ตอม
แล้วห้อมล้อมลือชาว่าเจ้างาม
แล้วลุกลามปากต่อปากจากแนวไพร
แล้วยั่วใจใครต่อใครก็ไต่ถาม
แล้วค้นหาตาต่อตามาติดตาม
แล้วความงามดอกต่อดอกก็ชอกช้ำ
เขาเข้ามาหมายตาว่าน่าชม
มีดคมคมข่มคมแล้วล้มคว่ำ
กระชากแยกแตกกระจัดกระจายกำ
ก็เก็บงำเก็บไปเก็บไว้ดอม

กล้วยไม้ป่า บานกลางกระถางอิฐ
ดอกทั้งบิดเบี้ยวทั้งใบไร้กลิ่นหอม
ไม่มีแม้ภุมรามาไต่ตอม
เขาฉาบย้อมด้วยหยูกยานานาชนิด
น้ำกระด้างทางเส้นท่อต่อมาให้
ปุ๋ยเม็ดใหญ่หว่านประเคนเกณฑ์ผิดผิด
แสงสว่างก็พรางไว้ให้มิดชิด
จะผลิตดอกมากมากอยากแพร่พันธ์
ก็เมื่อกล้วยไม้หมายขยายเผ่า
บนแปลงแห่งโศกเศร้า เหล่านั้น
จะมีลูกหลานไปทำไมกัน
แค่อยู่ไปวันวัน แค่นั้นเอง
(ม้าก้านกล้วย)				
9 เมษายน 2546 22:37 น.

ดอกหญ้า กับ ไม้ยาง

ม้าก้านกล้วย

เป็นความจริงที่ว่า
คนเรามักจะมองข้ามสิ่งเล็กเล็กหลายหลายอย่างในชีวิต...
ด้วยไม่เห็นถึงความสลักสำคัญ
จึงละเลยไป......
ตราบกระทั่งเมื่อสูญเสีย
จึงได้ตระหนักถึงคุณค่า
เฉกเดียวกับต้นหญ้าดอกหญ้าข้างทาง
ที่มักถูกเหยียบย่ำ....
ก้าวเท้าข้ามไปครั้งแล้วครั้งเล่า
หากเมื่อมีเวลาได้หยุดคิด
และนั่งลงเพ่งพินิจ
จึงได้หวนรำลึกว่า
แท้ที่จริงนั้น....
ไม่ว่าต้นไม้ดอกไม้ใด
สรรพสิ่งใดใดในโลก
ต่างก็ถือกำเนิดมาจากดินทั้งสิ้น

สเลเต

2
ท่านยางใหญ่ใบหนามหาพฤกษ์
เหตุใดนึก ครวญคิดอย่างผิดหลัก
หญ้าเช่นเรามีระลึกรู้สึกรัก
แต่รู้จักปกป้องพ้องพวกตน
ท่านสูงใหญ่ก็ใช่ว่า จะกล้าแกร่ง
พายุอาจผาดแผลง เรี่ยวแรงล้น
แม้นวันที่ยางใหญ่หลวงต้องร่วงหล่น
คิดฉงนหญ้าหรือไม้ . . . ใครจีรัง
ลมพายุโหมกระชากมากเพียงไร
หญ้ากอใหญ่ไม่หวั่นลมอันคลั่ง
หญ้าก็โอนอ่อนตามหลามพลัง
หญ้าก็ยัง ยืนหยัด กวัดยอดไกว
ท่านแข็งโง่โข่เขื่องเรื่องของท่าน
แต่อย่าหยันอย่างกักขฬะ จะได้ไหม
เราใจหนึ่ง เช่นท่านซึ่ง ก็หนึ่งใจ
จะอย่างไรก็หนึ่งในไพรพนา
ท่านว่าท่านยืนใหญ่ให้ร่มเงา
แต่ว่าเราแผ่ใบให้ทึบหนา
รากท่าน อม อุ้มน้ำ ตามราคา
แต่รากหญ้าก็เหนี่ยวรั้งพลังน้ำ
ธรรมชาติสร้างสรรพสิ่งสรรค์
ให้ร่วมกันกูลเกื้อเพื่อช่วยค้ำ
ประสานจุน เจือด้วย ช่วยกระทำ
และน้อมนำ ธรรมชาติ มิขาดแคลน
ไม่ว่าท่าน ไม้ยางใหญ่ ไม่ว่าเรา
ถ้าหากเข้า ใจกฏ บทแบบแผน
เข้าใจสอด เสริมสร้าง พลางทดแทน
อย่าแบ่งแดน สูงศักดิ์ใด ใช่ยั่งยืน

(ม้าก้านกล้วย)				
9 เมษายน 2546 22:33 น.

ไม้ยาง กับ ดอกหญ้า

ม้าก้านกล้วย

เป็นความจริงที่ว่า
คนเรามักจะมองข้ามสิ่งเล็กเล็กหลายหลายอย่างในชีวิต...
ด้วยไม่เห็นถึงความสลักสำคัญ
จึงละเลยไป......
ตราบกระทั่งเมื่อสูญเสีย
จึงได้ตระหนักถึงคุณค่า
เฉกเดียวกับต้นหญ้าดอกหญ้าข้างทาง
ที่มักถูกเหยียบย่ำ....
ก้าวเท้าข้ามไปครั้งแล้วครั้งเล่า
หากเมื่อมีเวลาได้หยุดคิด
และนั่งลงเพ่งพินิจ
จึงได้หวนรำลึกว่า
แท้ที่จริงนั้น....
ไม่ว่าต้นไม้ดอกไม้ใด
สรรพสิ่งใดใดในโลก
ต่างก็ถือกำเนิดมาจากดินทั้งสิ้น
		สเลเต


1
เฮ้ย เจ้าทรามโทรมกระจอกเจ้าดอกหญ้า
อย่าได้มาเสนอหน้าบนฟ้าสูง
ริอาจลอยลมรวนชวนชักจูง
ยอดยางยูงเสียดนภาข้าสูงล้ำ
ไม่อยากร่วมเสวนา หญ้าเจ้าด้อย
กอน้อยน้อยแทรกดินถิ่นชั้นต่ำ
ไม้กระยาอย่างข้าค่าทองคำ
เหนือดินดำมากมายสายราชันย์
จะไปไหนก็ไปอย่าได้เฉียด
หลู่รังเกียจเยาะเย้าเฝ้าหยามหยัน
แค่เศษของละอองหญ้าแค่สามัญ
กลับกีดกันแบ่งเลือกเทือกเหล่ากอ
เหล่าข้าเป็นไม้ใหญ่ผู้ให้คุณ
รากข้าย้ำค้ำจุนหนุนการก่อ
รับน้ำหลากกักไว้ยามไม่พอ
ลำเลียงต่อชีวิตไพรให้ร่มเย็น
ข้าบดบังแสงสุรีย์ที่ร้อนแรง
ข้าผ่อนแผลงลดทอนความร้อนเข็ญ
สร้างกระแสบรรยากาศที่อาจเป็น
กระแสลมร่มเย็นเป็นไอดี
แกก็แค่หญ้ารกปรกดินด้อย
ผยองปล่อยละอองไกวไปทุกที่
แพร่ลามปามเปรอะประดาวนาลี
อย่างไม่มีคุณใดใดไร้ค่านัก

(ม้าก้านกล้วย)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงม้าก้านกล้วย