28 มกราคม 2545 19:26 น.

นกเขาไฟ

ม้าก้านกล้วย

พเนจรร่อนไปเหนือไพรพฤกษ์
เกินจะนึกว่าเจ้าเหงาเพียงไหน
บินเดี่ยวผ่านละหานกันดารไกล
นกเขาไฟปราดเปรียวบนเรียวฟ้า
โฉบยอดเขาเขินเพนินลาด
บินผาดโผนผ่านตำนานป่า
เลาะลดลัดเลี่ยงเพียงเอกา
ยากจะหามิตรมาร่วมเส้นทาง
ภูสูงเจ้าเหิรลมภูเขา
ร้อนเร่าเพียงไหนใช่ราร้าง
เหมือนจะเริงลมหรูอยู่ห่างห่าง
เหมือนอ้างว้างปลดปล่อยลอยล่องไป
กาเหว่าเขาชวาล้วนหาคู่
ยูงอยู่รวมรังยังอาศัย
กางเขนกาขาบพิลาปพิไร
แล้วใย เจ้าเขาไฟ ใยลำพัง
ใคร่รู้เจ้าเหงาฤาเจ้าสงบ
ฤาเจ้าพบเรื่องร้าวร้างแต่ปางหลัง
หยุดสักนิดผ่อนชีวีตรงนี้สักครั้ง
พอพลังคลายคืนค่อยไคลคลา
พเนจรร่อนไปเขาไฟโทน
ผาดโผนไพรตามใจเจ้าเถิดหนา
มีเรื่องราวมากมายที่ปลายฟ้า
ไปค้นหาเถิดนะเจ้า นกเขาไฟ
   (ม้านก้านกล้วย)				
27 มกราคม 2545 23:02 น.

รัก เฝ้าไร่

ม้าก้านกล้วย

ไร่ลึกกลางดงดอนป่าสูง
ชักจูงนวลน้องละล่องไล่
เรืองรองทาบทองท้องฟ้าใหญ่
ไรไรเห็นเป็นเช่นแดนทอง
กางเขนบินล่าหาแมลง
ต้องแฝงยามเหยี่ยวนกเขาร้อง
หนูนาก็รี่เข้ารังรอง
จดจ้องรอดูอยู่อย่างนั้น
ชายเขาชายป่าเวลาเย็น
ช่างเป็นเหมือนแดนแสนสวรรค์
แก่งธารโตรกผาชล่าชัน
ชวนเจ้าเท่านั้นไปล่องลอย
ผ้าถุงตีโป่งเหนือน้ำใส
ลอยไปไล่เจ้าเฝ้าเกี่ยวก้อย
กุมมือลอบจูบเจ้าแต่น้อย
มิให้เป็นรอยต้องหมองมัว
ก่อกองไฟฟอนตอนหัวค่ำ
ไล่เงาดำพืดมืดสลัว
โอบนางปกป้องน้องอย่ากลัว
หมอกมัวแม้ม่านจะผ่านเลย
เปล่าขลุ่ยกล่อมไพรให้เจ้าฟัง
เอนหลังตักพี่เพียงเขนย
สยายผมเจ้าเล่นเหมือนเช่นเคย
มิเอ่ยคำใดใจก็รู้
เราสองรักหนึ่งจากใจสอง
มีน้องมีพี่มีเพียงคู่
โลกจะเลวจะร้ายไม่รับรู้
แค่ได้อยู่ด้วยกันทุกวันก็พอ
  (ม้าก้านกล้วย)				
26 มกราคม 2545 21:21 น.

แล้งแล้ว

ม้าก้านกล้วย

แล้งแล้วสิหนาเวลานี้
ฝนที่เคยสาดก็ขาดหาย
ใบไม้ทึบหนาแน่นก็แคลนคลาย
ปลิวไหวไปตามลมที่รุนแรง
ดินชุ่มชุกหญ้าเมื่อหน้าฝน
ป่นเป็นผงบ้างแยกแตกระแหง
ปลาน้อยในบ่อกว้างดั่งโชคแกล้ง
กลับรวมแอ่งแห้งขอดขาดชีวา
ยามเด็กเคยพากันไปช่วย
ถุงบ้างถังด้วยช่วยกันคว้า
ตักกุ้งช้อนหอยหาปูปลา
เอามาปล่อยไปในลำน้ำ
นกยางนกกรอดคงจะเกลียด
ไปบังเบียดแหล่งล่าอาหารค่ำ
มาจับจิกกินกระดี่ทีละคำ
เป็นประจำวัฏจักรวัฏจร
เกษตรคงหยุดพักตระหนักเหนื่อย
เคยทำกินอยู่เรื่อยฤดูก่อน
วัวควายอ้วนพีมีคอกนอน
บ้างก็มีลูกอ่อนก่อนฝนมา
เดือนอ้ายข้าวหอมเต็มยุ้งฉาง
ข้าวโพดข้างฟ่างกำลังกล้า
ค้างบวบอวบหนักผักคะน้า
ถั่วฝักยาวปลายนาช่างน่ากิน
แล้งก็แล้งแต่ฝนไกลใช่ใจแล้ง
ดอกจานแดงส้มสวยช่วยเสริมศิลป์
มั่งมีแม้นิดหน่อยค่อยปันกิน
ใช่จะสิ้นสายสัมพันธ์กันเพราะจน
ต่างทำต่างอยู่รู้หน้าที่
บ้านนั้นเรือนนี้มิขัดสน
มีเหลือเผื่อปันกันทุกคน
ล้วนตั้งตนในสันโดดไม่โรจน์ลอย
   -(ม้าก้านกล้วย)-				
25 มกราคม 2545 22:04 น.

สาวผักไห่

ม้าก้านกล้วย

ไม่นึกว่าเมื่อมาถึงผักไห่
จะทำหัวใจหล่นไว้ที่นี่
อุตส่าห์กลั้นมั่นใจตั้งหลายปี
พบคนดีครั้งเดียวเหลียวตาแล
สาวผักไห่สมคำล่ำลือมา
ว่าโสภาจนหลายชายชะแง้
งามประพิมนิ่มนวลชวนชายแล
งามแม้ยามเฉยนิ่งยิ่งกว่างาม
สุดจะหาถ้อยทำมาพร่ำชม
ผาดก็คมยิ่งพิศยิ่งเพริดพร่าง
นวลเจ้านวลกว่าจันทร์อันกระจ่าง
ทุกท่วงทีท่าทางช่างบรรจง
เป็นลูกหลานผู้พิทักษนักรบไท
ชวนใจพี่ชายให้ไหลหลง
จะฝากตัวฝากหัวใจให้อนงค์
จะตกลงปลงใจให้เพียงเธอ
จะร่วมสร้างสถานวิมานดิน
จะอยู่กินสร้างทำสม่ำเสมอ
จะเหนื่อยยากสักเท่าไรจะไม่เพ้อ
เพื่อเธอยอมพลีไว้ทั้งใจกาย
ไม่นึกว่าเมื่อมาถึงผักไห่
จะหยุดใจหยุดโลกโศกทั้งหลาย
สัญญาจะรักมั่นมิเสื่อมคลาย
ยอมตายอยู่ผักไห่ไม่ผันแปร
   (ม้าก้านกล้วย)				
25 มกราคม 2545 18:43 น.

พระนางเชิง พนัญเชิง 2

ม้าก้านกล้วย

นางเอย เจ้านางสร้างดอกหมาก
เหมือนถูกกระชากดวงใจกลับ
บากหน้ามาเยือนแต่เลือนลับ
ครั้นจะกลับขบวนคืนก็ขืนใจ
จึงกำหนดจิตหยุดคิดครวญ
แม้นเหล่าล้วนที่มามิทรงใฝ่
มิเพียงพอพระราชหฤทัย
จะขอกลั้นใจตายในลำน้ำ
ว่าพลางนางยอมพระทัยขาด
โอ้อนาถชาตามาตรมต่ำ
พระนางสิ้นไปไม่ขาดคำ
เกิดมืดดำอาถรรพ์ทาบทราบถึงวัง
บัดเมื่อภูวดลได้สดับ
เรื่องกลับกลายจนสายพระเนตรหลั่ง
รุดเสด็จออกมาจากหน้าวัง
ก็เกินรั้งการณ์ใหญ่ได้เสียแล้ว
จึงทรงโทมนัสทเวศร์สลด
ทรงประณตเพียงร่างพระนางแก้ว
พระพี่ยาวางใจเกินไปแล้ว
จึงเสียแก้วตาพี่ไปไกลเกินครอง
จึงสั่งการให้ไททั้งหล้า
จึงสักการะกิตติยากึกก้อง
จึงสร้างวัดจัดอาลัยในข้างคลอง
จึงเรียกตามพระนางน้องพระนางเชิง
            (ม้าก้านกล้วย)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงม้าก้านกล้วย