27 กรกฎาคม 2552 20:54 น.

บทกลอนของ"หญิงยอดกวี"

ลุงเอง

ขอเพียงแค่นี้

แม้หัวใจไร้สิทธิ์จะคิดหวัง
แต่ก็ยังมีสิทธิ์จะคิดถึง
แม้เป็นสองของใครไม่คำนึง
ขอเป็นหนึ่งอยู่ในหัวใจเธอ

ไม่เคยคิดไขว่คว้าเพื่อหาสิทธิ์
ฉันเตือนจิตเตรียมใจไว้เสมอ
เราไม่มีวาสนาอย่าพร่ำเพ้อ
รักไม่เก้อเธอยังเกื้อบุญเหลือล้น

ขอให้คิดถึงฉันวันละหนึ่ง
ฉันคิดถึงเธอวันละพันหน
และมีจิตคิดถึงเพียงหนึ่งคน
ไร้กมลที่จะเหลือเผื่อผู้ใด

แม้นมาหาเธอได้จะไม่ยั้ง
นี่ต้องรั้งแม้จะรู้เธออยู่ไหน
ไม่อยากเห็นเธออยู่คู่กับใคร
คงขาดใจถ้าเธออยู่กับผู้นั้น

เมื่อคิดถึงฉันจนทนไม่ไหว
ก็จงไปยังที่ซึ่งมีฉัน
มิได้ชิดชื่นใจไม่สำคัญ
สบตากันสักครั้งก็ยังดี

นภาลัย (ฤกษ์ชนะ) สุวรรณธาดา				
27 กรกฎาคม 2552 16:19 น.

สุดอนาถ

ลุงเอง

พระองค์ดำนำไทยได้ให้อิสระ
แม้ต้องจะเสียพี่นางเกินขานไข
เพื่อแผ่นดินพระองค์ดำต้องปลงใจ
เพื่อให้ไทยได้กอบกู้พื้นแผ่นดิน
  
   พระยาตากยอมถูกว่าเป็นกบฎ
พร้อมพวกครบคนห้าร้อยใจถวิล
เพื่อกอบกู้อิสระสร้างแผ่นดิน
เพี่ยงห้าปีได้แผ่นดินธนบุรี
  
   ปีสองพันสามร้อยยี่สิบห้านั้น
สยามยามกลับมาอยู่กู้ศักดิ์ศรี
กรุงเทพมหานครครองบุรี
มาบัดนี้ได้มีนามว่าไทยแลนด์

   มาบัดนี้สองพันห้าร้อยห้าสิบสอง
ไทยกลับมาน้ำตานองให้เศร้าแสน
ไทยเข่นฆ่าน่าอนาถทั่วถิ่นแดน
ให้เคืองแค้นแทนบรรพบุรุษไทย				
27 กรกฎาคม 2552 09:33 น.

ใครจะรู้........?

ลุงเอง

โอ้เมืองไทยในอดีตนี้ยิ่งใหญ่
มาถูกตัดเฉือนไปสิบสี่หน
เหตุฝรั่งนักล่าอนานิคม
ไทยต้องทนหวานอมขมกลืน

   มาบัดนี้ไม่มีศัตรูนอก
แต่ช้ำชอกเพราะไทยด้วยกันหรือ
ความรักชาติศาสน์กษตริย์ถูกลืม
ว่านี้ผื่นแผ่นดิรถิ่นไทยงาม

   แบ่งเป็นกลุ่มเป็นก๊กผลประโยชน์
ชาวไทยโศกให้เขาเฝ้าเย้ยหยาม
ดุจคนป่าหยาบช้าอัธพาล
คำนิยามรักสงบจบกันที

   โอ้เมืองไทยในอดีตนี้ยิ่งใหญ่
อาจต้องถูกตัดไปไม่เหลือที่
หากไทยยังตั้งหน้าเข่นราวี
คงไม่มีที่ให้ซุกหัวนอน				
25 กรกฎาคม 2552 19:14 น.

สวัสดีค่ำวันเสาร์

ลุงเอง

ค่ำวันเสาร์ตัวเรานั่งพิงฝา
ทอดสายตามองฟ้ายามพลบค่ำ
เมฆสีหม่นลอยลมพรมฟ้าฉ่ำ
อีกไม่นานพรั่งพรูสายพิรุณ

   ไม่เห็นดาวสกาวพราวฝากฟ้า
ท้องนภายามนี้ดุจภาพคุ้น
คราที่ฝนจากฟ้าคล้ายการุณ
น้ำสีขุ่นคู่ครองสายนที

   ดุจสังคมคนไทยแบ่งแยกกลุ่ม
ขาดเกื้อหนุนขุ่นมัวไร้ศักดิ์ศรี
ดุจปีศาจซาตานอเวจี
ที่ต่างหนีมาเกิดเกิดจาบัลย์

   แม้แต่คนเคยรักสมัครสมาน
แต่ใจพาลสันดานพาโศกศัลย์
เหตุบุญเก่าอัปลักษ์ขาดศีลธรรม
ต้องระกำช้ำใจให้ราคิน 

   ขาดสำนึกในชาติศาสน์กษัตริย์
ต้องวิบัตย่อยยับยากถวิล
สักวันหนึ่งไม่ช้าสิ้นแผ่นดิน
น้ำตารินรู้ตัวช้าเกินกาล

   ค่ำวันเสาร์เรานั่งหลังพิงฝา
ภาวนาท่ามกลางใจห่วงหา
คนในชาติกลับมาด้วยศรัทธา
สามัคคีเถิดหนาไทยด้วยกัน				
23 กรกฎาคม 2552 10:37 น.

ลุงผิดใหม ?

ลุงเอง

นั่งฟังเสียงสายฝนหล่นจากฟ้า
จิตหวนมาพาให้ใจสั่นไหว
เราทำโทษเด็กเทคนิคเกินไป
หรือสมควรที่ได้กับหตุการณ์

   เด็กเริ่มโตแต่ตัวใจกระด้าง
ทุกคำกล่าวเป็นพาลวาจาขาน
ชอบแหกกฎทำตัวอัธพาล
ดัดสันดานลงโทษใช่โกธา

   เด็กบอกว่าเคยผ่านมาทุกค่าย
สบายสบายหาได้พาใจหาย
ค่ายทหารผ่านมาก็มากมาย
ยี่สิบรายจากเด็กร้อยเจ็ดคน

   ลุงจัดให้ตามที่มีจิตรับ
ฝนฟ้ากับเป็นใจพรั้งสายหล่น
สายฟ้าแลปแปลบปลาบทั่วสกล
สั่งทุกคนลองของตามต้องการ

   ยี่สิบรายคลานตามกฃางสายฝน
ลุงอีกคนไม่หลบซบหนีหาย
เอ็งเป็นหวัดข้าก็หนักใช่สบาย
อยู่ท่ามกลางเม็ดฝนทนเอาเอง

   สั่งให้กลิ้งอย่านิ่งหลายตลบ
สั่งจนร้อยรอบร้องเอ๋งเอ๋ง
แล้วให้คลานขอโทษเสียงตะเบง
ตามกฎเกณฑ์ร้อยรอบใช่สะใจ

   มีสามรายนอนนิ่งคล้ายสลบ
ลุงเมินสบสายตาใจหวั่นไหว
ที่เหลืออยู่คลานต่อย่าช้าใย
ทั้งที่ใจลุงนั้นให้สั่นคลอน

   เด็กที่เหลือวิ่งมากราบเท้าขอ
ให้ลุงพอในโทษเพื่อสั่งสอน
เด้ดที่มาคลานด้วยอย่างพรั่งพร้อม
ลุงสะท้อนทหัยไม่อ่อนยอม

   เวลาผ่านนานเนินเกินวิสัย
ฝนหลั่งใหลฟ้าลั่นสนั่นขร
บางคนหมอบร้องลั่นดังสะท้อน
บ้างคนนอนหมดแรงแกล้งเมินตา

   ทั้งคุรครูอาจารย์ไม่อาจนิ่ง
ทุกคนวิ่งมาร่วมช่วยเสริมค่า
ความเป็นห่วงความรักในศิษย์ยา
ดุจบิดามารดาในอุทร

   ในทุกคนกลับมาศาลาใหญ่
เสื้อที่ใส่เปียกชุ่มหทัยถอน
มองภาพเด็กด้วยใจห่วงอาทร
แต่จำยอมปั่นหน้าดั่งยักษ์มาร

   ทั้งยี่สิบปลุกมาให้สำนึก
ให้รู้สึกกราบเท้าอาจารย์กล่าว
ในห่วงใยต่อศิษย์จิตปวดร้าว
ต่อด้วยกราบเพื่อนอย่าเชือนแช

   ให้สำนึกความผิดที่คิดก่อ
เพื่อมาก่อดีไม่มีแผล
ให้สำสึกบุญคุณครูดุจแม่
อีกเพื่อนแท้น้อมรับกับลงฑัณ

   หลังปิดค่ายได้เด็กมีสติ
ทำทุกอย่างมีความคิดสร้างสรร
ให้รู้จักผิดชอบใช่โกรธกัน
ลุงแทนนั้นเจ็บลึกแต่สุขใจ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงเอง
Lovings  ลุงเอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงเอง
Lovings  ลุงเอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงเอง
Lovings  ลุงเอง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลุงเอง