12 ตุลาคม 2545 15:00 น.

“บอกว่ารักเธอ...จะผิดไหม”

ลูกเป็ดขี้เหร่

ผมเป็นสถาปนิกหน้าใหม่ เพิ่งได้งานทำวันนี้เป็นวันแรก ผมตื่นเต้นมาก  คนรอบข้างชอบหาว่าผมเชยบ้าง เฉิ่มบ้าง ชอบทำให้ผมขาดความมั่นใจ แต่นั่นมันคือความจริง ผมเลยไม่สามารถคัดค้านใครได้   แล้ววันผมจะต้องออกไปทำงาน    
 โครม!!!!      อุ้ย! ขอโทษครับ คือเอ่อ....     บังเอิญว่าผมเดินซุ่มซ่ามไปชนกับคนอื่นเข้าอีกแล้ว  ผมนี่มันแย่จริงๆ      ไม่เป็นไรค่ะ เอ่อ..เฮ้ย นายวิชญ์ วิชญ์ใช่มั้ย  ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา สวยเสียด้วย แต่เขารู้จักชื่อผม เป็นไปไม่ได้   
        ครับ..ผมวิชญ์ เอ่อ..คุณรู้จักผะ..ผม เอ่อ..  ผมยังคงพูดจาตะกุกตะกัก 
     เราชื่อเพลงไง จำเราไม่ได้เหรอ ไม่ได้เจอกันแค่ ปีเดียวเองนะ   เจ้าหล่อนพยายามถึงที่สุดที่จะให้ผมจำเธอได้  ผมค่อยๆขยับแว่นแล้วเพ่งไปที่เธอ  ใช่แล้ว  ผมจำเธอได้แล้ว
  เพลง..ไม่ได้เจอกันตั้งนาน  สวยขึ้นนะ ผมดีใจมากที่เจอเธอ ดีใจที่สุดเลยก็ว่าได้
 ปากหวานจังนะวิชญ์  อืม..ว่าแต่นายเหอะ  ยังเฉิ่มเหมือนเดิมเลยนะ  เธอยิ้มหวานให้กับผม ผมก็ยิ้มตอบ  มันเหมือนสวรรค์เลยนะที่ผมได้มาเจอเธอ เพราะเธอคือคนแรกและคนเดียวที่ผมรัก
   นี่นายกำลังจะไปไหนน่ะ   เธอถาม      ไปทานข้าวเช้าน่ะ จะไปด้วยกันมั้ย ผมก็ชวนๆไปงั้นๆแหละ  ไม่คิดว่าเธอจะไปด้วยหรอก   
    อืม..ไปสิ  ใกล้ที่ทำงานของเราพอดี  เธอพูดพร้อมกับคว้ามือผมไปยังร้านกาแฟเล็กๆ  เธอจัดแจงสั่งโน่นสั่งนี่อย่างคล่องแคล่ว  ผมก็ยังคงได้แต่มองเธอ  เพลงเป็นคนสวย น่ารัก เรารู้จักกันสมัยที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน แต่หลังจากเรียนจบ ผมก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย จนวันนี้  วิชญ์..นายวิชญ์  เป็นไรไป  เหม่อเชียว ปะ..เปล่า  คือ..เออใช่ เพลงมาที่นี่บ่อยเหรอ
อืม..มันใกล้ที่ทำงานเราน่ะ   จริงเหรอ...แล้วเพลงทำงานที่ไหน   นั่นไง...ตึกสีฟ้านั่นน่ะ   เธอชี้นิ้วอันเรียวยาวออกไปตรงตึกสีฟ้าขนาดใหญ่  นั่นมันบริษัทเจริญวัฒนานี่  อืม...ใช่ ทำไมเหรอ  คือ..เราเพิ่งมาทำงานที่นี่เป็นวันแรก  ดีจังที่ได้ทำงานที่เดียวกับเพลง  เฮ้ย...งั้นก็ดีดิ่ วิเศษมากเลยนะวิชญ์  เธอยิ้มหวานให้กับผมอีกครั้ง ผมอยากจะบอกเธอเหลือเกินว่าให้เลิกยิ้มให้ผมแบบนี้  เพราะมันทำให้ผมรักเธอมากขึ้น
                                      ..................................................
    ภายในที่ทำงาน เพลงเดินจูงมือผมไปยังแผนกต่างๆ ทักทายคนอื่นๆอย่างยิ้มแย้ม  เธอไม่อาย แต่ผมอาย ทั้งอายทั้งเขิน  ทุกคนในบริษัทมองผมเหมือนตัวประหลาด  บางคนก็หัวเราะ บางคนก็ซุบซิบนินทา  ผมล่ะวางตัวไม่ถูกเลย  และแล้วเธอก็พาผมมาหยุดที่หน้าห้อง กรรมการบริษัท  ผมก็ไม่เข้าใจว่าเธอพาผมมาทำไมที่นี่   นพค่ะ  ชั้นพาพนักงานใหม่มาแนะนำค่ะ    เธอพรวดพราดเข้าห้องนั้นไปพร้อมกับผม ภายในห้องมีผู้ชายคนนึง อายุแก่กว่าผมประมาณ 2-3 ปีได้ เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับเพลง  ไงจ๊ะ..ตัวยุ่ง พาใครมาอีกล่ะ  เขาทักเธออย่างคุ้นเคย  พนักงานใหม่ค่ะ พี่นพต้องดูแลเขาดีๆนะคะ  เขาเป็นเพื่อนของเพลงสมัยเรียน  เธอทักตอบอย่างสนิทสนม   สะ..สวัสดีครับ  ผมค่อยๆพูด  เขามองมาทางผมแล้วยิ้มให้ จากนั้นเขาก็พาผมออกไปที่โต๊ะทำงาน  แล้วเขากับเพลงก็เดินจากไป  ทิ้งผมไว้คนเดียว    
     ผ่านไปราวๆอาทิตย์เห็นจะได้  ผมเริ่มสังเกตเห็นถึงความสนิทสนมเป็นพิเศษของเพลงและคุณนพ  เป็นธรรมดาที่ผมต้องถาม เพราะผมก็มีความรู้สึกที่ดีๆกับเพลงเหมือนกัน
    เพลง...เธอเป็น......เอ่อ...กับคุณนพเหรอ   ผมถามไปอย่างตะกุกตะกัก  แต่เธอกลับยิ้มแล้วมองกลับมาที่ผมอย่างมีความสุข  จ้ะ!....เราเป็นแฟนกัน  เธอตอบอย่างมั่นใจ ดูเธอมีความสุขมากเมื่อพูดถึงเขา แล้วเขาเองก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้เพลงมีความสุข  คนในบริษัทก็ต่างลงความเห็นกันว่าคู่นี้เป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก  แล้วผมล่ะ.....ผมคงจะต้องแอบรักเธอข้างเดียวต่อไปใช่ไหม  โถ่เทวดา ฟ้าดิน  ช่างไม่เห็นใจกันเลย
                                          ................................................
           คืนนี้เมฆบดบังดาวจนทั่วฟ้า  ผมมองไม่เห็นดวงดาวเลย  คืนนี้ช่างเป็นคืนที่มืดมิดเสียจริง มืดมิดเหมือนใจของผม ผมค่อยๆเอนตัวลงกับพื้น มองฟ้าที่ไม่มีอะไรน่ามอง  แล้วก็ยิ้มให้กับตัวเอง  ไอ้เรามันคนซื่อๆเซ่อๆ  ไม่กล้าที่จะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันซักอย่าง  แอบรักนางฟ้ามานานแสนนาน  แต่ก็ต้องปล่อยให้หลุดมือไป  ใช่สิ..นางฟ้าก็ต้องคู่กับเทวดาถึงจะเหมาะสม  เรามันก็แค่คนเดินดินธรรมดา ที่ได้แต่เฝ้ามองนางฟ้าบนท้องฟ้าที่ไกลแสนไกล.............
         ผมเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่เมื่อตื่นขึ้นก็ ตีสี่ เสียแล้ว  ผมลุกขึ้นมาอาบน้ำล้างหน้า เช้าแล้ว  ท้องฟ้าเริ่มสว่าง   ผมเงยหน้าขึ้นมองฟ้าอีกครั้งหนึ่ง  แล้วยิ้มให้กับตัวเอง
     ช่างเถอะ..เราเอื้อมไม่ถึงนางฟ้าก็ไม่เป็นไร   จะเฝ้ามองเธออย่างนี้ตลอดไปก็ได้ ขอให้เธอสุขใจก็พอ ก็คนมันรักนิ่
                ถึงเพลง ผู้หญิงแสนดีคนนั้นจะไปมีใคร จะไปรักใคร  แต่ผมก็จะยังรักเธอตลอดไป และจะไม่มีวันเปลี่ยนใจจากเธอแน่นอน.........ผมพร้อมที่จะยืนยิ้มข้างๆเธอเมื่อเธอมีความสุข  และเมื่อไรที่เธอเสียน้ำตา  ผมจะเป็นคนซับน้ำตาให้เธอด้วยตัวของผมเอง
                                        ...............................................................
                                                                                                             ลูกเป็ดขี้เหร่............				
12 ตุลาคม 2545 14:58 น.

“เมื่อถึงคราวต้องตัดสินใจ”

ลูกเป็ดขี้เหร่

มด! !! !!! เฮ้ย จำเราได้ป่ะ  เอกไง  เพื่อนสมัยเรียนประถมน่ะ   ผู้ชายอายุพอๆกับฉันวิ่งเข้ามาทัก ทำเอาฉันตกใจ 
 เอก?  อ๋อ...เป็นไงบ้าง สบายดีป่ะ   เขาคือเพื่อนของฉันเอง  เพื่อนที่รักมาก แต่ก็ไม่ได้เจอกันซะนาน
คิดถึงนะเนี่ย อืม แล้วนี่จะไปไหนน่ะ    เราเริ่มสนทนากันตามประสาเพื่อนรัก
จะไปดูหนังกับเพื่อน  อืม..จะไปด้วยกันมะ 
เฮ้ย  ก็ดีดิ่  กำลังเหงาพอดี แต่เพื่อนมดจะไม่ว่าเราเหรอ
ไม่หรอก  เพื่อนเรานิสัยดีนะ
                                          ...............................................................
        ที่โรงภาพยนตร์  ฉันไม่รู้เหมือนกันนะว่าคิดถูกรึเปล่าที่พา เอก เข้ามาในกลุ่ม  แต่เอกเป็นเพื่อนรักของฉันนิ่  เขาคงไม่ทำให้ฉันลำบากใจหรอก เพราะจากที่คบๆกันมา นิสัยเขาก็ค่อนข้างที่จะดี  คงจะเข้ากับเพื่อนๆของฉันในตอนนี้ได้
พาใครมาน่ะมด  แอมถาม(ถามแทนเพื่อนๆทุกคน) 
เพื่อนน่ะ เผอิญเจอกัน ก็เลยชวนมาด้วย คงไม่ว่ากันนะ เขา  ชื่อเอก ฉันแนะนำตามมารยาท แล้วหันไปทางเอก
อืม..เอก นี่ แอม นก พลอย อิ๊บ แล้วก็ สุ    ยินดีที่ได้รู้จักนะ      เอกทักกลับตามมารยาทเช่นกัน
                                       ...............................................................
    หลังจากแยกย้ายกันกลับบ้าน เย็นวันนั้นเอกโทรศัพท์มาหาฉันบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะปรึกษาฉัน  ไอเราก็นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็.........
   มด.. คือเรา...เอ่อ..คือ      เอกอ้ำอึ้งทำเอาฉันรำคาญ
   อะไรเล่า..มีอะไรก็บอกว่าดิ่ เอ่อๆอ่าๆอยู่ได้
  คือ..แอมเขามีแฟนรึยังอ่ะ  เสียงเอกดูเขินๆ
  ยังหรอก..ถามทำไม  จะจีบเหรอ
แล้วอนุญาตมั้ยล่ะ      แล้วแต่นายสิ  ถ้ามีปัญญานะ
           ฉันไม่ขัดข้องอะไรถ้าวันข้างหน้า เอกกับแอมจะเป็นแฟนกัน เพราะทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนรักฉัน ฉันก็พลอยยินดี ถ้าพวกเขามีความสุข
          แล้วมันก็เป็นจริง เวลาผ่านไปไม่นานนัก ทั้งคู่ก็ประกาศว่าชอบกัน เอกไปรับไปส่งแอมที่โรงเรียนทุกวัน ทำเอาเพื่อนๆต่างอิจฉา แอมเองก็คงจะมีความสุขมาก แต่พอไม่นานเท่าไหร่ กลุ่มของพวกฉันก็เกิดปัญหา  เพื่อนรักต้องมาทะเลาะกันเอง แอมเกิดรักเอกเข้าจริงๆ รักมาก มากซะจนไม่ฟังใครทั้งนั้น ความสนิทสนมระหว่างฉันกับเอกทำให้แอมเข้าใจผิด หาว่าฉันชอบอยู่กับเอกแล้วไปหลอกแอม  ฉันพยายามอธิบายทุกวิถีทาง ว่าฉันบริสุทธิ์ใจ และคบกับเอกแค่เพื่อน เพื่อนจริงๆ
มด เมื่อวานเอกโทรไปหารึเปล่า    แอมถามฉัน
อืม ก็โทร ทำไมล่ะ      ฉันตอบความจริงไป ก็มันเป็นเรื่องปกติระหว่างฉันกับเอกอยู่แล้ว
คุยอะไรกันบ้างอ่ะ
ก็..เรื่อยเปื่อยน่ะ ถามไถ่กันตามประสาเพื่อนฝูง แอมมีอะไรเหรอ
เปล่า..ก็แค่อยากรู้        แอมไม่ได้ตอบอะไรฉันมาก ฉันจึงไม่รู้ว่าแอมคิดยังไงอยู่ในตอนนั้น
                                         ................................................
              เพื่อนคนอื่นๆก็เคยเข้ามาถามฉันเหมือนกันว่าทำไมถึงยกแอมให้เอก ฉันไม่หึงบ้างเหรอ แต่ฉันก็อธิบายไปทุกครั้งว่า ฉันไม่ได้เป็นแฟนเอก  เราเป็นแค่เพื่อนกัน ซึ่งทุกคนก็เข้าใจ ยกเว้นก็แต่แอมคนเดียว 
     แอม เดี๋ยวนี้แอมเป็นอะไรไป..ชอบถามเรื่องเอกจากมดอยู่เรื่อยๆ  นก เพื่อนรักของฉันคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย ซึ่งไม่ใช่แค่นกคนเดียวที่สงสัย  เพื่อนๆทุกคน รวมถึงฉันก็ด้วย
    เออๆ.บอกก็ได้..เราก็แค่ถามไปงั้นๆแหละ อยากรู้ว่า มดมันจะ ตอแหล อะไรเราอีก  ประโยคนั้นทำเอาทุกคนตะลึง  แต่ฉันไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์หรอกนะ ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแอมจะพูดแบบนั้นจริงๆรึเปล่า
               เวลาผ่านไป พวกเราออกไปเที่ยวกันมากขึ้น และทุกๆครั้ง เอกจะต้องไปด้วย ไปเที่ยวด้วยกันทีไร เอกก็จะทำตัวสนิทสนมกับฉันเหมือนปกติ แต่แอมก็ยังคงไม่เข้าใจ และทุกครั้งที่แอมต่อว่าฉันให้เอกฟัง  เอกก็มักจะปฏิเสธแทนฉันเสมอ (ก็เราเป็นเพื่อนรักกันนิ่)  แต่ไม่นานนัก ดูเหมือนฉันกับเอกจะห่างหายกันมากขึ้น  ไม่โทรคุยกัน ไม่เจอหน้ากัน ส่วนใหญ่เวลาที่เอกมารับแอมที่โรงเรียน ฉันก็มักจะกลับไปก่อนแล้วทุกครั้ง นี่ก็เพื่อความสบายใจของแอม เพื่อเพื่อนรักทั้งสองคน  เรื่องแค่นี้ฉันทำให้ได้ ถ้าแอมไม่อยากให้ฉันสนิทกับเอก  ฉันก็จะไม่ทำ  ตัวเอกเองก็รู้สึกจะเชื่อฟังแอมมากขึ้น ทำทุกอย่างเพื่อให้แอมรัก  แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ฉันและเพื่อนคนอื่นๆคิดว่าเอกทำผิด  ผิดจนไม่น่าให้อภัย
     ตี๊ด ตี๊ด ๆๆ ๆๆๆ ๆๆๆๆ   
ฮัลโหล มดค่ะ ใครน่ะ     
ฮัลโหล  เรา แทน นะ เป็นเพื่อนกับเอก มีข่าวจะบอก
เราว่านายคุยกับแอมดีกว่านะ  แป๊บนึงนะ!!
    ฉันเรียกให้แอมมาคุยโทรศัพท์  ระหว่างที่แอมคุย ท่าทีของแอมดูแปลกๆ ลุกลี้ลุกลน ทำท่าจะร้องไห้  ฉันจึงแย่งมาคุย
เกิดอะไรขึ้น   ฉันถามออกไป  
คือ เอกถูกรถชนน่าโรงเรียนน่ะ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล
อะไรนะ เมื่อไหร่  พูดจริงเหรอ ไม่ได้โกหกกันหรอกนะ   ฉันเป็นคนที่รอบคอบที่สุดในกลุ่ม เป็นธรรมดาที่ฉันจะต้องถามให้ละเอียด  พวกนั้นอาจจะเล่นสนุกอะไรก็ได้
เราจะโกหกทำไมล่ะ  โกหกแล้วเราจะได้อะไร  เขายอกย้อนฉันกลับมา 
แล้วถูกรถชนเมื่อไหร่   
ตอนเที่ยง      บ้าจริง เขาคงคิดว่าฉันโง่ กฏของโรงเรียนก็มีว่าห้ามออกไปนอกโรงเรียนในเวลาเรียน ตอนเที่ยงงั้นเหรอ เอกจะถูกรถชนหน้าโรงเรียนได้ไง
นายแน่ใจเหรอ..แล้วเอกมันออกไปทำอะไรตอนเที่ยงล่ะ หน้าโรงเรียนน่ะ ฉันถามเพื่อความแน่ใจอีกซักครั้ง
เออ...อย่าถามมากเลย เพื่อนจะเป็นจะตายทั้งคนนะ มัวแต่มาจับผิดกันอยู่ได้  เขาทำให้ฉันโมโห เอกน่าจะรู้นิ่  ว่าฉันเกลียดคนโกหกที่สุด 
เราให้โอกาสนายอีกครั้งเดียวนะ  บอกความจริงเรามา ว่านายโกหกเราใช่มะ  ฉันพยายามควบคุมอารมณ์
เราพูดความจริง   เขายังคงยืนยัน ฉันก็หมดหนทางที่จะเค้นความจริงออกจากปากของเขา ฉันเลยตัดปัญหา
โอเค...เราจะเลิกถามนาย แต่ช่วยฝากบอกเอกด้วยนะว่า เอกน่ะน่าจะรู้นิสัยเราดี เราให้โอกาสแล้ว ถ้าเราจับได้ว่าพวกนายรวมหัวกันหลอกเราเมื่อไหร่  เราจะเลิกคบกับเอก  เพราะเราทนคบกับคนขี้โกหกต่อไปไม่ไหว    ฉันไม่ฟังเขาพูดอะไรทั้งนั้น วางหูโทรศัพท์ในทันที  
       เมื่อถึงชั่วโมงเรียน แอมนั่งร้องไห้ไม่เป็นอันเรียน เพื่อนๆต้องพากันปลอบ  แอมต่อว่าฉัน หาว่าฉันไม่รักเพื่อน  ใจจริงแล้วฉันเป็นห่วงเอกมาก ถ้าเอกเป็นอะไรไปจริงๆ น้ำตาฉันต้องทะลักออกมาแน่ๆ  แต่ฉันยังติดใจอยู่ที่ว่า มันมีอะไรแปลกๆ 
        หลังเลิกเรียน พวกเราลงความเห็นกันว่าจะบุกไปที่โรงพยาบาล ถ้าไม่มีชื่อของเอก ก็เป็นอันว่าเอกโกหก  แต่ฉันก็คัดค้าน
เราว่า ไปห้างฯกันดีกว่านะ แอบไปอย่าให้ใครเห็น  เราว่าเอกอยู่ที่นั่นชัวร์
จะบ้าเหรอมด แล้วถ้าไม่เจอเอกล่ะ แอมขึ้นเสียงใส่ฉัน
ถ้าไม่เจอ เราค่อยไปโรงพยาบาลกันก็ได้ เดี๋ยวเราเลี้ยงค่ารถเอง   ถึงยังไงฉันก็มั่นใจว่าเอกต้องอยู่ที่นั่นแน่
                                            ......................................................
            เมื่อไปถึงห้าง  ฉันค่อยๆแอบขึ้นไปที่ชั้น 5 แหล่งประจำของเอก  แล้วฉันก็เจอจริงๆ  เอกยืนเล่นเกมตู้อยู่กับเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน  เวลานั้นฉันโกรธและผิดหวังมาก มีหลายอารมณ์สุมเข้ามาในสมองฉัน  ฉันไม่รอช้า วิ่งเข้าไปชกหน้าเอกประมาณ 4-5 ครั้งด้วยแรงโมโห  
ไหนล่ะ ที่ว่ารถชนน่ะ  ตายรึยังล่ะ   ฉันโพล่งออกไป ยืนจ้องหน้าคนขี้โกหกด้วยความผิดหวัง
มด คือ ..  เราขอโทษ    เอกตกใจเมื่อเจอฉันและเพื่อนๆ ตีสีหน้าสำนึกผิด
อย่าทำเอกเลยนะ มด  เราว่าเอกมีเหตุผล  แอมยังคงปกป้องเอก  นี่มันจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว
มด  คือ..เราก็แค่อยากจะรู้นิ่ ว่าแอมรักเราแค่ไหน เป็นห่วงเราแค่ไหน
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ  นายกล้าหลอกเราทั้งที่แต่ก่อนนายไม่เคยโกหก  นายทำให้เราเสียใจมาก  เราไม่นึกเลยว่านายจะเป็นคนแบบนี้  เราหลงคิดว่านายเป็นเพื่อนรัก  แต่นาย..นายมันไม่เคยคิดเลยใช่มะ นายไม่เคยเห็นเราเป็นเพื่อน นายเห็นเราเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่อยากจะปั่นหัวหรือแกล้งยังไงก็ได้  เราผิดหวังในตัวนายมาก เราเสียใจนะที่นายเป็นแบบนี้    ฉันพูดออกไป พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา  ฉันจะต้องไม่ร้องไห้ให้กับคนที่ไม่เคยเป็นค่าของฉัน  
มด... เราขอโทษนะ  เราเสียใจ      
เสียใจเหรอ  เสียใจแล้วทำไมถึงทำล่ะ    ฉันถามออกไป  เอกยังคงไม่ตอบ นิ่งเงียบ ฉันเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ก่อนที่จะตัดสินใจ
        ต่อไปนี้..เลิกคบกัน  จำไว้นะ  เอกเพื่อนรักของเราถูกรถชนตายไปแล้วจริงๆ นายจะไม่ใช่เพื่อนของเราอีกต่อไป เพราะนายเองก็ไม่เคยเห็นเราเป็นเพื่อนอยู่แล้ว เราจะจดจำความดีความน่ารักของเอก เพื่อนรักของเราไปจนวันตาย  เราเสียดายนะ  เขาไม่น่าจากเราไปเร็วขนาดนี้เลย แม้ว่าเขาจะจากเราไปเร็วอย่างน่าใจหาย  แต่เราก็อยากให้ดวงวิญญาณของเขารับรู้เอาไว้ ว่าความรู้สึกที่ดีๆ ที่เรามีให้เขา มันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง    ฉันหันหลังกลับเดินออกไปพร้อมกับคนอื่นๆ   ฉันทรมานมากกับการกลั้นน้ำตา  อยากจะร้องไห้ออกไปซะตรงนั้น  แต่ช่างเถอะ  ไม่ว่าฉันจะทำถูกหรือทำผิด แต่ฉันก็ตัดสินใจไปแล้ว  
        เพราะนายเป็นเพื่อนรักเรา  เรารักนายมาก  เราจึงแค้นมาก... นายบังคับให้เราต้องตัดสินใจนะ ต่อไปนี้ ทุกอย่างมันจะได้จบลงซะที  ขอโทษด้วยนะ  เพื่อนรัก!! 
                                       .....................................................................
                                                                                                            ลูกเป็ดขี้เหร่.....				
1 ตุลาคม 2545 16:37 น.

เพิ่งเข้าใจความหมาย

ลูกเป็ดขี้เหร่

เพิ่งเข้าใจความหมาย
อ่านอะไรอยู่น่ะ เติ้ล   เติ้ลเป็นเพื่อนรักของฉันคนนึง  ใช่! เติ้ลคิดกับฉันแค่เพื่อนรัก  แต่สำหรับฉัน มันไม่ใช่!  
อ่านบทความอยู่น่ะ  ยืมเมย์มา
เฮ้ย ...บ้าน่า นายเนี่ยนะอ่านบทความ  ขี้เกียจจะตาย
มันก็ต้องมีบ้างสิ  แต่เมย์เค้าแต่งใช่ได้เลยนะ  ดูเหมือนเติ้ลจะเทิดทูนเมย์น่าดู  ที่กับฉันไม่เห็นเติ้ลจะเทิดทูนแบบนี้เลย
แต่งเกี่ยวกับอะไรล่ะ   ฉันก็หาเรื่องคุยไปงั้นๆแหละ  ใจจริงแล้วไม่ได้สนใจบทความนี่สักเท่าไหร่
แม่น้ำกับทะเล...  เปรียบเทียบคนรักกันเหมือนแม่น้ำกับทะเลล่ะ  เติ้ลตอบแบบยิ้มๆ
แล้วทำไมต้องยิ้มด้วยล่ะ  ถ้าจะไม่สนุกซะและ  ไปดีกว่า  อืม..เดี๋ยวคืนนี้เราโทรไปหานะ  ฉันหันหลังเดินออกไปจากห้อง
                     ...........................................................
ฮัลโหล  เติ้ล  เราเองนะ  
นิเหรอ  อืม..   คือเราติดสายอยู่น่ะ  เดี๋ยวเราโทรไปหาใหม่ได้ป่ะ
คุยกะใครอยู่อ่ะ    สีหน้าฉันเริ่มแย่ขึ้นนิดๆ
เมย์น่ะ  กำลังคุยกันสนุกเลย ยังไม่อยากวางสาย
อืม..แล้วอย่าลืมโทรมานะ  จะรอ        ฉันวางสายไปด้วยท่าทีหมดหวัง  ท่าทางเติ้ลคงจะชอบเมย์เอามากๆ  ท่าทั้งสองคนนั้นเป็นแฟนกัน   ไม่นะ! ฉันไม่อยากจะคิดถึงตัวเองเลย
                  ..............................................................
เช้าวันใหม่  เติ้ลเดินเข้ามาในโรงเรียนพร้อมกับเมย์   มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ  
ว่าไงจ๊ะ   คู่รักคู่ใหม่  ฉันลองแซวไปงั้นๆ  เพื่อจะมีใครปฏิเสธให้ฉันโล่งใจบ้าง
นิ... รู้ได้ไงว่าเราเป็นแฟนเมย์อ่ะ   เรายังไม่ได้บอกเลยนะ  แย่จัง..จะทำให้ประหลาดใจซักหน่อย  เติ้ลหยอกล้อกับเมย์อย่างน่าอิจฉา  คู่นั้นเป็นแฟนกันจริงๆ  แล้วฉันล่ะ  ต่อไปนี้ฉันจะอยู่ตรงไหน  ส่วนเกินอย่างฉัน  มันคงไม่มีใครเห็นค่าอีกต่อไปแล้วล่ะ
         ฉันเศร้าได้ไม่นาน  ผ่านไปราวๆ 3 อาทิตย์  เติ้ลก็มีอาการซึมไป  เหมือนไม่ใช่เติ้ลคนเดิม
เติ้ล...  นายเป็นไรไปน่ะ   ฉันถามด้วยความเป็นห่วง
...........................  เติ้ลเงียบไป
มีอะไรก็บอกเราได้นะ   ฉันยังคงเซ้าซี้
นิ....  เราเป็นเพื่อนรักกันใช่มะ    เติ้ลมองฉันด้วยสีหน้าแปลกๆ
ใช่!!  เราเป็นเพื่อนรักกัน   เพื่อนรักเค้าต้องบอกกันทุกเรื่องนะ
เรา...ทะเลาะกับเมย์   เติ้ลยังคงมองฉันด้วยสีหน้าแปลกๆอย่างเดิม
แค่ทะเลาะกัน โธ่  เดี๋ยวก็ดีกันเองแหละน่า  คิดมากน่ะเติ้ล
เรา....มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะ..คือเราเลิกกับเมย์แล้ว
เลิกแล้ว     ฉันใจหายวาบ  เมย์น่าจะรู้นะ ว่าเติ้ลรักและเทิดทูนเมย์มากแค่ไหน  ให้ตายสิ  ถ้าฉันเป็นเมย์ฉันจะไม่มีวันทำแบบนี้
  ถ้าเมย์เข้าใจเราเหมือนนิ  ก็ดีสินะ
 แล้วเติ้ลจะเอาไงต่อล่ะ
..................................
ทำไมเงียบไปล่ะเติ้ล
นิ  เราถามอะไรหน่อยสิ
อือ...????
ถ้าเราเป็นแม่น้ำ   นิอยากเป็นอะไร
อืม..ไม่รู้สิ  ก็คงเป็นคนนี่แหละ  คนที่เฝ้ามองแม่น้ำตลอดเวลา
แต่....แต่เราอยากให้นิเป็นทะเลนะ
จะหาว่าเราเค็มเหมือนทะเลใช่มะ
ปะ เปล่า  เราอยากให้นิเป็นทะเล  นิลองคิดดูนะ  แม่น้ำน่ะ  ไม่ว่าจะไหลผ่านอะไรต่อมิอะไร  สุดท้ายแล้ว  ปลายทางของแม่น้ำ ก็ต้องไหลมาลงเอยที่ทะเลอ่ะ
เติ้ล...รู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา     ฉันหน้าแดงขึ้นมาทันที
นิ..เราคบกันได้ไหม?
          คำถามคำนั้นทำให้ฉันตัวเบาจนแทบจะลอยไปตามสายลม  คำที่ฉันเฝ้ารอมานานแสนนาน มันมาหาฉันแล้ว  เวลาผ่านไปราวๆ 2 เดือน  จากที่เติ้ลเคยโทรมาหาก็เงียบไป  เจอหน้ากัน ก็ไม่พูดไม่คุย  ฉันรู้สึกไม่ดีเลย ที่เติ้ลเป็นแบบนี้  
    เติ้ล  นายเป็นอะไรไปอีก
..........................  เติ้ลเงียบ  หลบหน้าหลบตาฉัน
เติ้ล    เราอยากให้เติ้ลอธิบายนะ
นิ.......คือ.......เราขอโทษ
...........................  ฉันอึ้ง  พูดอะไรไม่ออก
คือเมย์เค้า..เมย์มาขอโทษเรา  เราเพิ่งรู้ว่าเรายังลืมเมย์ไม่ได้  เรายังรักเมย์อยู่  ตอนนี้เรากับเมย์เข้าใจกันดีแล้ว  เราไม่อยากเสียเพื่อนดีดีอย่างนิไป  นะ นิ นะ  เรามาเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิมนะ
 เติ้ล.............ตลอดเวลา..เราไม่เคยขัดใจนายเลย  แต่วันนี้...เราขอซักครั้งเถอะนะ  .เราคงทำใจให้กลับไปคิดกับนายแค่เพื่อนรักไม่ได้อีกแล้ว  เราทำไม่ได้หรอกนะเติ้ล      ฉันร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย  ค่อยๆทรุดตัวลงช้าๆ
                                 .........................................................
ที่มุมๆหนึ่ง  ฉันนั่งก้มหน้าอยู่เดียวดาย  วินาทีนี้ฉันเพิ่งเข้าใจชัดเจนแล้วกับความหมายของทะเล  เมย์ต่างหากที่เป็นทะเล  ไม่ใช่ฉัน  แม่น้ำอย่างเติ้ลยังคงพร้อมเสมอที่จะคืนสู่ทะเล   สำหรับฉัน  ฉันมันก็แค่บ่อน้ำเล็กๆ ที่แห้งแล้ง  แต่บ่อน้ำอย่างฉันก็ดีใจนะ  ที่ยังมีช่วงเวลาสั้นๆ ที่แม่น้ำไหลผ่านมา  ทำให้บ่อน้ำชุ่มชื้น  แต่เมื่อแม่น้ำไหลคืนสู่ทะเลเมื่อใด  บ่อน้ำอย่างฉันก็คงจะกลับมาแห้งแล้งตามเดิม   .............................
                               ................................................
    ขอบคุณที่ทนอ่านค่ะ				
25 กันยายน 2545 18:01 น.

นิทาน

ลูกเป็ดขี้เหร่

นิทานเรื่องนี้ไม่มีชื่อเรื่อง เรื่องก็มีอยู่ว่า
          กาลครั้งหนึ่ง  มีหญิงชายคู่นึง ได้ตกลงคบกัน พอไม่นานฝ่ายชายก็นึกอยากลองใจฝ่ายหญิง จึงทำเป็นไม่พูดไม่จา ไม่แม้แต่ที่จะมองหน้าฝ่ายหญิง หญิงนางนั้นเสียใจและไม่เข้าใจว่าทำไมฝ่ายชายถึงเปลี่ยนไป เลยได้แต่คิดทำใจว่าเขาคงไม่รักเธอแล้ว ในเวลาต่อมา ฝ่ายหญิงได้ตัดใจอย่างเด็ดขาด แต่แล้ว....ไม่นานนัก ฝ่ายชายก็ได้หวนกลับมา เพื่อขออธิบายเหตุผล แต่ทว่า มันสายไปเสียแล้ว ทั้งคู่ยากที่จะกลับมาเป็นอย่างเดิมได้ และนี่คงจะเป็นบทเรียนและข้อคิดของนิทานเรื่องนี้.....
        *ทั้งยังเป็นความทรงจำที่ไม่น่าจดจำของพวกเขาไปตลอดกาล*				
23 กันยายน 2545 17:37 น.

น้ำตาหยดเดียว หนาวทั้งใจ

ลูกเป็ดขี้เหร่

เธอทำให้ฉันก้าวข้ามการกลัว ความรัก ด้วยหัวใจของเธอ 
เธอทำให้ดวงตาของฉันเห็นทุกสิ่งในโลกสวยงามด้วยหัวใจของเธอ 
เธอทำให้ฉันลุกขึ้นยืนได้แม้จะทุกข์กับปัญหาสารพัดด้วยหัวใจของเธอ 
ฉันหนาว ... อุ่นไอจากตัวเธอทำให้ฉันอบอุ่น ... 
วันนี้ฉันร้องไห้ ... ภายใต้อากาศที่หนาวเหน็บ 
ร่างกายฉันห่อหุ้มไปด้วยเสื้อผ้าที่สามารถทำให้อบอุ่นได้อย่างมีความสุข ...
แต่เชื่อมั้ย น้ำตาเพียงหยดเดียวมันสามารถทำให้ฉันเหน็บหนาวไปถึงหัวใจ 
เพราะหัวใจดวงเดิมของเธอ ... ที่ไม่เหมือนเดิม				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลูกเป็ดขี้เหร่
Lovings  ลูกเป็ดขี้เหร่ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลูกเป็ดขี้เหร่
Lovings  ลูกเป็ดขี้เหร่ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลูกเป็ดขี้เหร่
Lovings  ลูกเป็ดขี้เหร่ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลูกเป็ดขี้เหร่