28 ตุลาคม 2546 22:59 น.

น้ำตา

ลูกเป็ดขี้เหร่

น้ำตา.............     
ฉันรู้ว่าเธอกำลังมีน้ำตา   น้อยใจรึเปล่า  ที่ฉันไม่ห้ามเธอกลับมองเธอร้องไห้อยู่เงียบๆ   
ร้องเถอะนะ... ถ้าอยากร้อง
ฉันรู้.........  ฉันไม่มีสิทธิ์บังคับเธอให้เลิกร้องไห้ได้
ไม่มีใครสามารถบังคับเหตุการณ์อันเกิดจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้
ฉันเอง   ยังไม่อาจห้ามน้ำตาตัวเอง
ฉันเคยร้องไห้   ทุกคนก็เคยร้องไห้
       ขอฉันทำหน้าที่ปลอบเธออยู่ห่างๆเถอะนะ
น้ำตาของเธอ   ปล่อยมันไหลออกมา   ปล่อยให้หัวใจได้ระบายเสียบ้าง
ฉันไม่มีสิทธิ์ห้ามน้ำตาของใคร  
..................    ในน้ำตา ไม่มีหัวใจ
                       แต่ในหัวใจ  มีน้ำตา    ..................				
9 เมษายน 2546 14:25 น.

^^ก็เพราะ...รัก^^

ลูกเป็ดขี้เหร่

ฉันกระวนกระวายใจและหงุดหงิดเหลือเกิน กว่า 2 ชั่วโมงแล้วที่แฟนของฉันผิดนัด  แต่ฉันก็จะยังรอ (ก็คนมันรักนิ่)
        ใกล้ค่ำแล้ว ฉันอดทนรอต่อไปไม่ไหว ฉันกำลังจะกลับ แต่แล้วเขาก็วิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ หยุดยิ้มตรงหน้าฉัน  
               "ขอโทษนะที่ผมมาช้า   ไม่โกรธนะ?"
         ใช่! ฉันไม่โกรธเขาเลยสักนิด ฉันดีใจด้วยซ้ำที่เขายังอุตส่าห์มา แต่ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้เขาได้รู้ว่าเขาควรจะแคร์ฉันบ้าง และสิ่งที่ฉันจะทำก็คือ  งอน  ลูกไม้ตื้นๆของผู้หญิงเพื่อให้เขา ง้อ
               "โกรธแล้ว  ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ"
              "มีเหตุผลหน่อยสิ  ติดธุระจริงๆ นี่ก็รีบมาแล้วนะ"
                  "อยากเลิกก็บอกกันดี-ดี ก็ได้นะ"
          ฉันทิ้งท้ายด้วยประโยคเจ็บๆ แล้วเดินเลี่ยงไปเพื่อให้เขาเดินตามมาง้อ แต่ก็เปล่าเลย  เขากลับเดินไปอีกทาง แล้วจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ  นี่เขารักฉันรึเปล่านะ???
                          #############################
                           วันนี้ฉันไปหาเขาที่บ้าน เห็นเขายืนคุยกับผู้หญิงคนอื่น 
                        "รักเขาก็เลิกกับฉันสิ"
        ฉันอยากจะให้เขาแก้ตัวอะไรก็ได้  ปฏิเสธมาเถอะว่า เขาไม่ได้นอกใจฉัน แต่ก็ไม่ เขาไม่แก้ตัวอะไรเลย
                         "อยากให้เลิกจริงๆเหรอ"
         เขายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คำว่า "รัก" สักคำ มันยากมากนักรึไง หากจะพูดออกมา
                            ############################
                 ฉันตั้งใจทำ coffee cake ให้เขาวันวาเลนไทน์ ฉันรู้ดีว่าเขาชอบทาน ฉันมอบให้เขา เขายิ้มแล้ววางมันไว้ข้างตัว ดูเหมือนเขาไม่รู้สึกอะไรเลย
                          "ไม่ชอบเหรอ?"
                     "ชอบสิ  แต่เดี๋ยวค่อยทานก็ได้"
          ฉันได้แต่เงียบ ในใจอยากให้เขาทานมันให้หมด แล้วชมฉันซักคำก็พอใจแล้ว  แต่ก็เปล่า ซ้ำร้ายกว่านั้น
                       "ไงเพื่อน  coffee cake เหรอ  น่ากินว่ะ"
                            "เอาดิ่ กินได้ เราอนุญาต"
           coffee cake ที่ฉันตั้งใจทำให้เขาสุดฝีมือ เขากลับไม่ได้กินมันซักชิ้น ฉันน้อยใจมาก
                        "เอาน่า...  เพื่อนมันอยากกิน สงสารมัน  อย่าโกรธนะ"
             ฉันหน้าบูด ไม่พูดอะไร  ก็แล้วจะให้พูดอะไรล่ะ ก็ไม่เหลืออะไรแล้วนิ่
                               ###########################
             ช่วงนี้เขาต้องเตรียมตัวสอบ เขาเงียบไป ไม่ติดต่อมา ฉันรู้ดี แต่ก็ยังต้องการให้เขาสนใจฉันบ้าง
                         "หมดรักกันแล้วใช่มะ??"
                        "มีเหตุผลหน่อยสิ  ไม่น่ารักเลย"
                           "ไม่น่ารัก ก็ไม่ต้องรัก!"
              ฉันเองก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเอาแต่ใจตัวเอง ขี้งอน งี่เง่า ขึ้นมาก ก็เพราะความรัก ความรักทำให้คนเราเป็นได้ทุกอย่าง
                               ############################
                  ฉันเกิดนึกสนุกกับตัวเอง ฉันแกล้งเขา ไม่ติดต่อเขา ไม่รับโทรศัพท์เขา และหลบหน้าเขา  ฉันอยากจะให้เขาถามฉัน ตามเซ้าซี้ฉัน ว่าฉันเป็นอะไร  แต่ก็เปล่า  เขาไม่ได้ทำอย่างนั้นซักนิด
                          "รักนะ"
                  เขาส่ง sms มาหาฉันแค่คำนี้คำเดียว และครั้งเดียวเท่านั้น ฉันไม่รู้ว่าฉัน หรือว่า เขา เป็นอะไร  ฉันเริ่มหงุดหงิดกับตัวเอง  นี่เขารักฉันรึเปล่า เขาแค่ให้กำลังใจฉัน หรือเขา..........      ฉันสับสนไปหมด
                      
             "ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจังนะ เหมือนหนังสือเลย อย่างเล่มเนี่ย ผมอ่านเท่าไหร่  ก็ไม่เข้าใจ"
        เขาเงยหน้ามายิ้มให้กับฉัน ฉันอยากบอกเขาซะจริง ว่าผู้หญิงกับหนังสือ ไม่เหมือนกันเลยซักนิด ผู้หญิงมีหัวใจ  ต่างจากหนังสือที่เขาอยากจะอ่านหรือวางทิ้งไว้เมื่อไหร่ก็ได้ เขาคงไม่รู้หรอก ที่ฉันกลายเป็นคนเข้าใจยากในความคิดของเขา คอยเซ้าซี้ กวนใจเขา เพราะอะไร  เขาจะเข้าใจไหม ว่าที่ฉันทำไปก็เพราะ ความรัก  ความรักที่ฉันไม่เคยทุ่มเทให้ใครนอกจากเขา  ถึงเขาจะไม่เข้าใจ  ไม่เป็นไรนะ  ขอแค่ให้เขายังรักฉัน และรับได้กับที่ฉันเป็น ก็พอ				
16 มีนาคม 2546 17:24 น.

ปราสาททราย

ลูกเป็ดขี้เหร่

สายลมโปรยไอหนาวมาสู่ผิวกาย  พัดผ่านร่างที่แสนบอบบางของเด็กน้อยที่ยังคงวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานที่ชายหาด ใบหน้าของเธอเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์ยิ่งนัก นี่ก็เย็นมากแล้ว แต่หนูน้อยยังคงไม่ยอมหันหลังกลับเข้าบ้านเสียที
                   แม่ให้เวลาอีกแค่ 1 ชั่วโมงนะลูก  อย่าไปไหนไกลนะ  ทรายแก้ว!
	ทรายแก้วหันมายิ้มอย่างน่าเอ็นดูต่อเจ้าของเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย หนูน้อยวิ่งออกสู่พื้นที่เต็มไปด้วยน้ำทะเล แม้จะลึกเพียงแค่ข้อเท้าของเธอเท่านั้น เธอเหยียบย่ำมันเล่น และพอใจกับน้ำทะเลซึ่งกระเซ็นขั้นตามแรงของเธอ
                                เล่นด้วยคนได้ไหม?
      	ทรายแก้วพยักหน้ารับ เด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับเธอยิ้ม แล้วชวนทรายแก้วพูดคุยด้วย
                          เธอเป็นลูกของคนบ้านนั้นเหรอ?
                           อืม.. ฉันชื่อ ทรายแก้ว เธอล่ะ
                           เรา ชื่อ วิน  ภาษาอังกฤษที่แปลว่าลมน่ะ  
	วิน หันมายิ้มให้ทรายแก้ว แล้วคว้ามือของเธอไปนั่งกองกับพื้นทรายที่ขาวและนุ่ม ซึ่งดูเหมาะสมต่อผิวที่บอบบางของเธอยิ่งนัก
                           ทรายแก้ว..  มาก่อปราสาททรายกันเถอะ
	วินใช้สองมือตักทรายมาก่อเป็นรูปเป็นร่าง ทำให้ทรายแก้วอดที่จะเล่นด้วยไม่ได้ เธอลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะประคองมือที่อ่อนนุ่มตักทรายขึ้นมาก่อบ้าง
                           ก่อปราสาททรายทำไมเหรอวิน  ทำไมไม่ก่ออย่างอื่นล่ะ
             ปราสาททรายแหละดีแล้ว ถ้าก่อเสร็จนะ  เราจะให้ทรายแก้วเป็นเจ้าหญิง แล้วเราก็จะเป็นองครักษ์อยู่นอกกำแพง คอยป้องกันไม่ให้ศัตรูมาลอบทำร้ายเจ้าหญิงของเราตลอดไป
	วินลุกขึ้นยืน ตะโกนอย่างภาคภูมิใจ ทรายแก้วเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ  
            วิน   แล้วทำไม องครักษ์ต้องอยู่นอกกำแพงด้วยล่ะ อยู่กับเจ้าหญิงในกำแพงไม่ได้เหรอ
	   ได้ไงล่ะ   องครักษ์ไม่กล้าอาจเอื้อมหรอก ที่สำคัญนะ อยู่นอกกำแพง เราจะได้เห็นศัตรูง่ายและก็เร็วขึ้น  เราจะได้จัดการกับมัน ก่อนที่มันจะทำอะไรเธอไง
	ปราสาททรายที่ทั้งสองคนร่วมแรงร่วมใจกันสร้าง เริ่มประคองเป็นรูปเป็นร่าง เสียงคลื่นซัดสาดอยู่เป็นระยะ ตะวันค่อยๆเคลื่อนลงต่ำจนเกือบจะพ้นโขดหิน
                            เสร็จแล้ว  สวยมั้ยเจ้าหญิง   
        	วินยกแขนขึ้นปาดเหงื่อและเม็ดทรายที่เปื้อนหน้า  ทรายแก้วยิ้มอย่างมีความสุข
                        ไปหาเปลือกหอยมาประดับดีกว่า มีเจ้าหญิงสวยๆ ก็ต้องมีปราสาทที่สวยด้วย 
	วินวิ่งนำทรายแก้วไปข้างหน้า ทรายแก้วค่อยๆพยุงด้วยเองลุกขึ้นแล้ววิ่งตามไป บนโขดหิน วินเก็บเปลือกหอยได้มากมาย ทรายแก้วค่อยๆปีนป่ายเพื่อไปยืนข้างๆวิน แต่แล้วก็เสียหลักทำทีท่าว่าจะล้ม วินคว้ามือทรายแก้วไว้ ประคองขึ้นอย่างนิ่มนวล
                 ระวังหน่อยสิ เจ้าหญิง
                ไม่เห็นต้องระวังเลย ถ้าเราล้ม เจ้าก็ต้องช่วยเราให้ได้ทุกครั้ง เจ้าสัญญาได้หรือไม่
	ทรายแก้วเล่นบทเจ้าหญิงได้คล่องแคล่ว วินยิ้มรับ
                 ข้าขอสัญญาว่า ข้าจะคอยคุ้มครองและจงรักภักดีต่อเจ้าหญิงของข้าตลอดไป!!
	ทรายแก้วหัวเราะชอบใจ  เด็กน้อยทั้งสองวิ่งเล่นจนลืมเวลา ขณะนี้ทรายแก้วได้ลืมไปแล้วว่า เธอได้รับปากกับแม่ของเธอไว้ว่าอย่างไร บทเจ้าหญิงที่วินหยิบยื่นให้ ทำให้ทรายแก้วรู้สึกมีความสุขและพอใจมาก คงไม่มีใครคาดคิดหรอกว่ามิตรภาพที่ก่อตัวขึ้นในเวลากว่าชั่วโมงนี้ทำให้ทั้งสองยากที่จะลืมได้
                  ทรายแก้ว  มาเล่นอยู่นี่เอง แม่ตามหาตั้งนาน 
	ผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางเหนื่อยหอบ สีหน้าค่อยคลายกังวลขึ้น
                  คุณแม่คะ  ทรายแก้วขอโทษค่ะ  นี่เพื่อนใหม่ของทรายแก้วค่ะ ชื่อวิน
	เด็กหนุ่มตัวน้อยๆพยักหน้ารับ พร้อมยกมือไหว้อย่างสุภาพ แม่ของทรายแก้วยิ้มให้เขาอย่างเอ็นดู แล้วหันมาหาลูกสาวที่แสนทะนุถนอม
                  กลับเข้าบ้านเถอะทรายแก้ว มืดค่ำแล้วนะ เดี๋ยวคุณพ่อจะเอ็ดเอา รีบเข้านอนจะได้ตื่นแต่เช้าเตรียมตัวกลับบ้านกัน
                  กลับพรุ่งนี้แล้วหรือฮะ คุณน้า?
     	วินสีหน้าผิดหวัง เธอเพิ่งจะได้รู้จักทรายแก้ววันนี้แท้ๆ ทรายแก้วเองก็มีสีหน้าไม่อยากกลับเท่าไรนัก เด็กน้อยวิ่งไปที่ปราสาททรายแล้วหยิบเปลือกหอยที่ประดับอยู่มาให้วิน
                   เก็บไว้นะองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ เราให้เจ้าเป็นรางวัล
	ทรายแก้วยิ้มให้ ทั้งที่สีหน้ายังกังวลใจยิ่งนัก
                   พรุ่งนี้ก่อนกลับ  ข้าจะมารอเจ้าหญิงอยู่ที่นี่ ที่ปราสาททรายของเรา เรามาอำลามันเป็นครั้งสุดท้ายด้วยกันนะ  สัญญากับข้านะเจ้าหญิง
	วินกล่าวก่อนที่แม่ของทรายแก้วจะจูงมือทรายแก้วหายไปในความเงียบ
                              
	ตะวันทอแสงอ่อนๆ วินนั่งซึมอยู่ข้างกองทรายที่ไม่เป็นรูปเป็นร่าง สีหน้าของเขาดูหดหู่ยิ่งนัก เขามารอทรายแก้วตั้งแต่ดวงจันทร์ยังไม่ลับฟ้าและป่านนี้ เจ้าหญิงของเขาก็ยังไม่มา และเขากำลังจะกลับ
                   เจ้าไม่อยากรอเราแล้วรึไง หรือเราไม่สำคัญกับเจ้าแลัว
	วินหันกลับด้วยรอยยิ้ม เจ้าหญิงของเขายังไม่ทิ้งเขาไป เขาวิ่งมาหาเธอด้วยความดีใจ
                  ทำไมปราสาททรายถึงเป็นเช่นนี้ล่ะ  
        ทรายแก้วทรุดตัวลงกับพื้นทราย น้ำตาคลออย่างไร้สาเหตุ วินเองก็ไม่นึกว่าทรายแก้วจะเสียใจเพราะเรื่องนี้  
                  มันเป็นธรรมดาน่ะเจ้าหญิง อย่าเสียน้ำตาให้กับมันเลย
                  ทำไมมันถึงพังแบบนี้ล่ะ ใครเป็นคนทำ
        ทรายแก้วโกยเม็ดทรายขึ้นด้วยสองมือ หยดน้ำตาของเธอร่วงลงบนเม็ดทราย 
                  เจ้าหญิง เราอยากจะบอกท่านว่า เราทั้งสองคนก็เหมือนปราสาททรายที่เราร่วมกันสร้างขึ้นนั่นแหละ ท่านอย่าร้องไห้ไปเลย
	วิน เดินมานั่งข้างๆทรายแก้ว ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
                  เจ้าหญิงจะเสียใจทำไม ในเมื่อเม็ดทรายพวกนี้ แต่แรกแล้ว มันก็มาจากทะเล แม้ว่าเราสองคนจะสร้างมันให้กลายเป็นปราสาทที่ดูแข็งแรงเพียงใด ไม่นาน มันก็จะต้องกลับคืนสู่ผืนทะเลที่เดิมของมัน เราว่าเจ้าหญิงควรจะทำใจรับมันให้ได้จะดีกว่า อีกไม่กี่นาทีนี้ เราก็ต้องจากกันแล้ว
	ทรายแก้วยังคงทำสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็พอรับรู้ได้ถึงเจตนาที่วินกำลังจะสื่อถึง สาวน้อยเช็ดน้ำตาด้วยสองมือของเธอ แล้วยิ้มขึ้นอีกครั้ง
                  ไม่เป็นไรนิ่  มันพัง เราก็สร้างมันขึ้นมาใหม่ได้
	ทรายแก้วรีบก่อกองทรายขึ้น วินเองก็ช่วยเธอสุดแรง ปราสาททรายถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง พร้อมกับเสียงเดิมที่มาพรากเธอไปจากเขา
                   ได้เวลาแล้วลูก คุณพ่อรออยู่นะ
        ทรายแก้วมองวินแล้วยิ้มอย่างอาลัย ก่อนที่แม่จะจูงเธอจากไป  วินเองวิ่งตามไปที่รถ พร้อมกับตะโกนในวินาทีสุดท้าย
                จำคำของเราไว้นะเจ้าหญิง เราจะคอยคุ้มครองและจงรักภักดีต่อเจ้าหญิงตลอดไป
	รถแล่นออกไปช้าๆ แล้วหายลับไปสุดขอบของถนน วินมองตามราวกับหัวใจของเขาอยู่บนรถนั้น
                       .
	18 ปีแล้วที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ทรายแก้วเรียกสติกลับมาได้หลังจากที่คิดถึงองครักษ์ของเขา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทรายแก้วหวนกลับไปคิด หลังจากวันนั้น ทรายแก้วไม่เคยลืมเลย ว่ามีคนหนึ่งคนที่ยิบยื่นมิตรภาพที่แสนบริสุทธิ์ให้กับเธอ และบัดนี้ เธอได้เติบโตขึ้น กระจกที่อยู่เบื้องหน้าของเธอทำให้เธอกลับเศร้าลง เธอสวมชุดสีขาว ราวกับเจ้าหญิงในหนังสือนิทาน เธอได้แต่นึกถึงองครักษ์ของเธอวันนั้น เขาจะรู้บ้างไหม ว่าวินาทีนี้ เจ้าหญิงของเขางดงามขนาดไหน
                             แต่งตัวเสร็จรึยังจ๊ะ ทรายแก้ว
                แม่ของเธอเปิดประตูเข้ามา และแสดงอาการตกตะลึงในความงามของเธอ
                             ลูกสวยมากนะรู้ไหม ทรายแก้ว ยิ่งถ้าลูกยิ้มอีกซักนิดนะ ลูกจะสวยมากเลยล่ะ
                            คุณแม่ค่ะ  หากแม่ได้แต่งงานกับคนที่คุณแม่ไม่ได้รักและไม่เคยเห็นหน้า คุณแม่ยังจะยิ้มออกหรือคะ
	ทรายแก้วเบือนหน้าหนีออกจากกระจกที่กำลังสะท้อนภาพที่เธอร้องไห้ให้แม่ของเธอเห็น เธอมองออกไปที่หน้าต่าง
                                   คุณพ่อท่านรักลูกมากนะ ท่านอยากให้ลูกสบาย
                             แม่คะ ทรายแก้วอยากเจอเขาอีกครั้งค่ะ
	               แม่รู้ว่าที่ลูกกลับมาที่นี่อีกครั้งก็เพื่อจะมาพบเขา แต่มันเป็นแค่ความฝันนะลูก ความจริงคือลูกต้องแต่งงานนะจ๊ะ
     	ทรายแก้วทรุดตัวลงพิงกับกำแพง ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา แม่ของเธอก้มหน้าอย่างเจ็บปวด
                             ที่นี่วันนั้น หนูมีความสุขที่สุดค่ะ
	ท่ามกลางความเงียบ  ทรายแก้วครุ่นคิดแต่ความทรงจำเดิมๆ 
	               แม่คะ?  ถ้าหนูเจอเขาอีกครั้ง เขาจะจำหนูได้ไหมคะ
	ประตูปิดลงช้าๆ  ทรายแก้วเดินลงบันไดพร้อมกับแม่ของเธอซึ่งเดินอยู่ข้างๆ ภาพที่เธอปรากฏต่อแขกทุกคนที่มาร่วมงาน บางคนก็ทักว่าเธอสวยราวกับนางฟ้า บางคนก็ทักว่าเธอสวยราวกับเจ้าหญิง  เธอได้แต่ยิ้ม ทั้งที่ใจเธอแทบจะขาด
	พิธีกรประกาศให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเริ่มพิธี ทรายแก้วปวดร้าวเป็นที่สุด  เธอค่อยๆก้าวขึ้นเวทีอย่างช้าๆ ใบหน้าของเธอยังคงก้มอยู่ตลอดเวลา
                         เราจะคุ้มครองและจงรักภักดีต่อเจ้าหญิงของเราตลอดไป
	เสียงนั้นทำให้ทุกคนหยุดชะงัก ทรายแก้วยังจำได้ดี เธอหันไปตามเสียง  บัดนี้วินได้ยืนอยู่เบื้องหน้าของเธอ  เขายิ้มให้ทรายแก้วแล้วหยิบเปลือกหอยอันเก่าที่ทรายแก้วให้เขาไว้วันนั้นยื่นให้ทรายแก้ว พร้อมกับทวนคำพูดเดิม
                        เราจะคุ้มครองและจงรักภักดีต่อเจ้าหญิงของเราตลอดไป
	ทรายแก้วโผเข้าไปหาวินด้วยความดีใจ เธอร้องไห้ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไป เธอยิ้มอย่างมีความสุข       
                       เจ้ายังไม่ลืมเราจริงๆ      ทรายแก้วยิ้ม
                      เจ้าหญิง..  เราดีใจที่ท่านยังไม่ทิ้งเราไว้ในความทรงจำ  เราขอสัญญาว่าเราจะไม่ห่างจากเจ้าหญิงอีก
	จริงอยู่ที่ปราสาททรายได้พังลง และไหลคืนสู่ท้องทะเล แต่บัดนี้ คนทั้งสองได้ก่อปราสาทขึ้นใหม่แล้วในหัวใจของเขาและเธอ ปราสาทที่เต็มไปด้วยความรัก และไม่มีวันทลายลง ด้วยความเชื่อมั่นและความซื่อสัตย์ คงอีกไม่นาน ที่พวกเขาจะสามารถพิสูจน์รักแท้ต่อทุกคน.				
15 ตุลาคม 2545 16:20 น.

เพียงลมพัดผ่าน

ลูกเป็ดขี้เหร่

เราเข้ากันไม่ได้หรอกนะ  กลับไปซะ  ฉันรู้ว่าคุณไม่มีความจริงใจ และฉันเองก็ไม่ได้พิศวาสอะไรคุณด้วย ขอล่ะนะคะ  คุณกลับไปดีกว่า  ฉันพยายามพูดจาสุภาพกับคุณแล้ว  คุณควรจะไปหาผู้หญิงที่เขามั่นใจในตัวคุณมาเป็นแฟนจะดีกว่านะคะ
             ลมเอื่อยๆพัดผ่านไปมา ผ้าม่านในห้องเล็กๆกระทัดรัดบลิวว่อนตามสายลม เปลือกตาทั้งสองข้างของหญิงสาวเริ่มปิดสนิท ด้วยความผ่อนคลายท่ามกลางความมืดมิดที่กำลังคืบคลานเข้ามา
            เช้าวันใหม่ สาวเจ้าก็ออกไปทำงานตามปกติ ด้วยใบหน้าเหม่อลอย ไร้ความรู้สึก 
ทิชา... มาแต่เช้าเชียวนะ เพื่อนร่วมงานของเธอทัก อืม...ไม่อยากอยู่บ้านน่ะ เธอตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ      เอ.... เมื่อวานได้ข่าวว่ามีหนุ่มนักธุรกิจมาขอความรักถึงหน้าบ้านเลยไม่ใช่เหรอ  ไงจ๊ะ จะแจกการ์ดเมื่อไหร่   ไม่หรอก ..ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว  ทิชาสีหน้าแย่ขึ้นทันที    
                                                       .................................................................................
         ฉันไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเรื่องนี้ซักเท่าไหร่  ฉันไม่เคยมีคนรักเลยมาทั้งชีวิต จริงอยู่ที่มีคนเข้าๆออกๆในชีวิตของฉันมากมาย  แต่พวกเขาก็ไม่เคยทำให้ฉันมั่นใจได้เลยซักครั้งว่าเขาเหล่านั้นรักฉันจริง และฉันก็ตั้งใจเอาไว้ว่าหากชาตินี้ ฉันหาคนที่ฉันเชื่อมั่นในรักไม่ได้  ฉันก็จะขออยู่เป็นโสดไปทั้งชาติ
         ผ่านไปราวๆ 5 ปีเห็นจะได้  อายุของฉันย่างเข้า 30 แล้ว แต่ก็ยังหาใครที่ฉันรักไม่ได้ซักที ชาตินี้ฉันคงต้องอยู่เป็นโสดไปทั้งชาตินั่นแหละ  เทวดาฟ้าดินคงอยากให้ฉันเป็นอย่างนั้น
                        เฮ้ย....ไปดูหน้าบริษัทเร็ว....!!! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว  ว๊าย!!! รถชน.... จะมีใครตายมั้ยนะ  อย่าบังฉันสิ ฉันขอดูหน่อย   
     เสียงเอะอะโวยวายอยู่หน้าบริษัท  พนักงานทุกคนไม่เป็นอันทำงาน  เกิดอุบัติเหตุรถชนคนอาการสาหัส  รถพยาบาลได้นำตัวผู้บาดเจ็บไปแล้ว ผ่านไปราวๆ 3 ชั่วโมง เหตุการณ์ก็กลับสู่ปกติ
              โอ้ย...นี่ฉันอยู่ที่ไหน  คุณๆ คุณฟื้นแล้ว ดีจัง  คุณหมอครับ คนไข้ฟื้นแล้วครับ  
      ฉันเพิ่งรู้สึกตัว  ฉันกำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียงสีขาว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน    สักพัก ฉันก็เห็นผู้ชายคนนึงเดินเข้ามา  ใช่แน่..เขาคือหมอ  นี่ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลเหรอเนี่ย  แล้ว.........แล้วฉันเป็นอะไร
      ใจเย็นครับคุณทิชา  คุณประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อ 2 วันก่อน  และคนนี้คือคนที่ชนคุณครับ  หมอกวาดมือไปยังผู้ชายอีกคน คะ..ครับ  ผมต้องขอโทษด้วย คือ ผมไม่ได้ตั้งใจ   ไม่เป็นไรค่ะ  ฉันยังไม่ตายซักหน่อย
ฉันยิ้มให้ชายคนนั้น เพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจ  
         เวลาผ่านไปซักพัก   อาการของฉันก็ดีขึ้น  เขาคนนั้นได้มาเยี่ยมฉันทุกวัน  
ฉันหายดีแล้วค่ะ  วันหลังคุณไม่ต้องมาก็ได้นะคะ  ลำบากเปล่าๆ  ไม่เป็นไรครับ  ผมเต็มใจจริงๆ    เขายังคงรั้นที่จะมาเฝ้าไข้ฉัน  คอยดูแลฉันสารพัด   ฉันเริ่มรู้สึกดีกับเขา  และฉันก็เชื่อว่า นี่คือความรัก  แต่...ฉันกลัวใจตัวเองเหลือเกิน
         ผมมาเยี่ยมคุณทุกวัน  แต่ก็ไม่เคยเห็นญาติพี่น้องของคุณเลย  เอ่อ..คุณไม่..เอ่อ ค่ะ  ฉันไม่มีญาติ   ฉันอยู่ตัวคนเดียวค่ะ เป็นเด็กกำพร้า ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาของพ่อกับแม่ที่แท้จริง เป็นยังไง  ผมขอแสดงความเสียใจนะครับ  ไม่เป็นไรค่ะ  ฉันไม่ซีเรียสอยู่แล้ว...^ - ^  เอ่อ  ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลยค่ะ  อ๋อ...แหะๆๆ ครับ ผมก็ลืมไป  ผมชื่อพิพัฒน์ครับ  ...........................
          วันนี้ฉันหายเป็นปกติแล้ว  หมออนุญาตให้ฉันกลับบ้านได้  เขาก็มารับฉันไปส่งบ้านและขอเป็นเพื่อนกับฉัน  ฉันก็ยินดีนะ  ดีใจมากด้วย  อย่างน้อย ฉันก็จะได้ไม่เหงา
  เขาเฝ้าเอาอกเอาใจฉันสารพัด  พูดคุย ให้คำปรึกษา  เราแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในทุกเรื่อง จนเกิดเป็นความผูกพัน  เขาบอกรักฉัน  ฉันไม่เคยแน่ใจกับใครเท่าเขาเลย  แต่ฉันก็ไม่อยากจะปักใจว่าเขารักฉันจริง
   คุณทิชาครับ  ผมว่ามันน่าจะถึงเวลาซะที  คือ ผมอยากจะบอกคุณว่า..   ไม่ต้องบอกหรอกค่ะ  ฉันไม่อยากฟัง      ทำไมล่ะ   เพราะมันไม่ใช่ความจริงไงคะ  มันคือความจริงครับ ผมรักคุณ  ผมรักคุณมาก  และผมก็เชื่อว่าคุณก็คิดเหมือนกับผม มันจะมีทางเป็นไปได้ไหมครับ  ถ้าเราจะคบกัน  คือ.........ฉัน......   ฉันปล่อยให้ความเงียบเข้าคลอบงำ  น้ำตาฉันเริ่มรินไหล  ตามมาด้วยเสียงสะอื้น คุณร้องไห้?   ฉัน..ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นอะไรไป  ฉันสับสน  ฉันกลัว  ฉัน.....เอ่อ..  น้ำตาของฉันไหลอย่างไม่มีท่าทีว่าจะเหือดแห้ง  เขาก้าวมาหาฉัน  เช็ดน้ำตาฉัน แล้วยิ้มให้อย่างจริงใจ  คุณรักผม...คุณก็น่าที่จะมีความสุขนี่ครับ ฉันกลัว..กลัวความผิดหวัง กลัวการพลัดพราก  ฉันไม่อยากสูญเสีย ฉันไม่อยากเจ็บปวด .................  คุณทิชาครับ  น้ำเสียงของเขาเบาลง ผมให้สัญญา ผมจะไม่มีวันทำให้คุณต้องเจ็บปวด  คุณสบายใจได้  เขาโอบกอดฉันไว้ในอ้อมแขน  วินาทีนี้ฉันไม่ต้องการรับรู้อะไรอีกแล้ว  หากทำได้  ฉันอยากให้เวลาหยุดลงแค่นี้ด้วยซ้ำไป
               ความสัมพันธ์ระหว่างเราไปได้ด้วยดี  ฉันยิ้มได้ทุกครั้งเมื่อคิดถึงเขา  ถ้ามีเขาอยู่ฉันคงไม่กลัวอะไรอีกแล้ว   ทางบริษัทเห็นว่าฉันหายเป็นปกติดีแล้ว  จึงจัดงานเลี้ยงรับขวัญให้กับฉันที่ชะอำ  ฉันพาเขาไปด้วย เมื่อไปถึงที่พัก  ทุกคนก็ได้พบกับความสนุกสนาน  
      ว้าว!  หาดทราย สายน้ำ เสียงคลื่น แสงแดด  วิเศษที่สุดเลย  เสียงของพนักงานคนหนึ่งดังขึ้น  ฉันจูงมือเขาไปยังที่พัก  ฉันไม่เคยสุขใจอะไรเท่านี้เลย
                  เอาล่ะ..ทุกคน  ค่ำนี้เราจะไปทานอาหารทะเลข้างนอกกัน ขอให้ไปกันทุกคนนะ  เสียงของผู้จัดการดังลั่นไปทั่วทุกสารทิศ     
             พิพัฒน์  คุณจะไปด้วยมั้ย  ไม่ล่ะ  ทิชาไปเถอะ ผมเฝ้าที่พักให้  แต่คุณไม่สบายนะ  ฉันไม่อยากทิ้งคุณ  ผมดูแลตัวเองได้ครับ  คุณวางใจเถอะ  เขาจัดงานนี้เพื่อคุณนะ  คุณจะไม่ไปได้ไง............
        ถ้างั้นคุณทานยาซะนะคะ  แล้วเดี๋ยวฉันจะรีบกลับ  จะซื้อของโปรดที่คุณชอบมาฝากด้วย  ฉันห่มผ้าให้เขาอย่างนิ่มนวล  เขายิ้มให้  ทำเอาฉันใจหายยังไงไม่รู้
             อ้าว..ชนๆ  ดื่มกันให้เต็มที่  เฮ้..ทิชา  ดูท่าทางไม่สนุกเลยนะ  ยิ้มหน่อยเด้  พวกพนักงานพยายามสร้างความสนุกสนาน  แต่ฉันก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้  นั่น...ควันไฟนิ่  ไฟไหม้ที่ไหนน่ะ  พนักงานสาวตะโกนออกมา  ไหน...  นั่นมัน  ที่พักนิ่  พิพัฒน์  เฮ้..ไปช่วยพิพัฒน์เร็ว   ฉันร้องโวยวายไม่เป็นภาษา  วิ่งนำทุกคนไปยังที่พัก พนักงานดับเพลิงกับไทยมุงเต็มไปหมด    น้ำตาฉันเอ่อล้นออกมาอย่างไม่รู้ตัว  ไม่นะ  เขาต้องไม่ทิ้งฉันไป  ใครก็ได้  ช่วยที  แฟนฉันอยู่ในนั้น  อย่าให้เขาตายนะ  ช่วยเขาที  ใครก็ได้ ฉันร้องไห้ออกมาเหมือนคนบ้า พนักงานคนอื่นๆคอยดึงฉันไม่ให้เข้าไปข้างใน  ฉันกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง  เขาต้องไม่เป็นอะไร   เขาไม่มีวันทิ้งฉันให้อยู่คนเดียว  ภาพต่างๆเริ่มจางลง  ดวงตาฉันปิดสนิทลงด้วยความอ่อนล้า....................
       เฮ้..ทิชาฟื้นแล้ว   พิ.......พัฒน์..  พิพัฒน์ล่ะคะ   ฉันน้ำตาคลออีกครั้ง  สีหน้ารอความหวัง  ขะ..เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ  ฉันยังคงถามต่อ  ทิชา...ทำใจเหอะนะ  เขาไปสบายแล้วล่ะ
           ไม่....ไม่จริง  เขาสัญญากับฉันไว้แล้ว ว่าจะไม่ทิ้งฉันไป  มันคือความฝันใช่ไหม  ทำไม  ทำไมชีวิตฉันถึงเจอแต่เรื่องพลัดพราก  ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว  แม้แต่คนรักของฉัน  เขาก็ยังจากไป  แล้วฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร
                                         .............................................................................................
                   หลังจากงานศพของเขา  ฉันก็กลายเป็นผู้หญิงเงียบ  เหม่อลอย  เหมือนก้อนเมฆที่ลอยเคว้งคว้างบนท้องฟ้า   ความรัก...ความรักคืออะไรกันแน่  ไม่จริงอีกแล้ว  ความรักไม่ใช่สิ่งสวยงาม  ความรักไม่เป็นสีชมพู                                                                                                           สำหรับฉัน...  สำหรับชีวิตที่เลวร้าย   ความรักมันไม่จำเป็นอีกต่อไป   มันเป็นเพียงแค่สายลมที่พัดผ่านมา  แล้วก็ผ่านไปเท่านั้น  ไม่มีใครหรอกที่จะดึงสายลมนั้นให้คงที่ได้   เจ็บเหลือเกินกับชีวิตนี้   ไม่เอาอีกแล้ว .......  ความรัก   ฉันคงไม่อาจต้านทานอนุภาพของมันได้อีกต่อไป  พอกันทีกับสายลมที่พัดมาทักทายฉันเพียงเท่านั้น  พอกันที.......กับการพลัดพราก  พอกันทีที่จะต้องสูญเสีย...............................
                                                                                                                                ลูกเป็ดขี้เหร่				
15 ตุลาคม 2545 16:19 น.

What am I?…..

ลูกเป็ดขี้เหร่

What am I?
                                                        Who am I?
                                                       Where am I?
                                                Can who answer me?
                                                             No?
                                                 งั้นควรจะทำอย่างไรดีล่ะ?
                                                          อันที่จริง
                                             ก็ไม่เห็นว่าควรจะไปถามใครทั้งนั้น
                                         เราอยู่ตรงนี้
                                                                   อยู่ที่นี่
                                        แล้วตอบตัวเอง
                                                                           เข้าใจตัวเอง
                                                      รู้หนทางของตัวเอง
                                      ควรจะไปทางไหน  ควรจะอยู่ที่ใด  กับใคร?
          ขณะนี้ เราก็อาจจะเป็นเช่นนั้น
                                                            รักษาความฝันที่งดงามไว้ให้ยั่งยืน
                                วาดจุดหมายปลายทางของตัวเอง
                        นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด.........
                                                            สำหรับเรา                             
                                        กอดตัวเอง  ยิ้มให้ตัวเอง  รักตัวเอง
                       รักตัวเองให้มากๆเข้าไว้........
                                   เพราะไม่มีใครอีกแล้วที่เข้าใจเราได้ดี
                                             นอกจากตัวเราเอง...
                                                                                                                                                                                                           ลูกเป็ดขี้หร่				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลูกเป็ดขี้เหร่
Lovings  ลูกเป็ดขี้เหร่ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลูกเป็ดขี้เหร่
Lovings  ลูกเป็ดขี้เหร่ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลูกเป็ดขี้เหร่
Lovings  ลูกเป็ดขี้เหร่ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลูกเป็ดขี้เหร่